Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2210 ได้ลูกท้อ คืนลูกพลัม
ลู่เอ๋อนั้นรีบเข้าไปกอดร่างเย่หยวนไว้พร้อมน้ำตานอง “มันไม่ได้ลำบากลู่เอ๋อเลย มันลำบากนายน้อยต่างหาก!”
มีหรือที่นางนั้นจะไม่เข้าใจ? ที่เย่หยวนกลายมามีสภาพเช่นนี้มันย่อมจะเพราะว่าศึกที่เขาต่อสู้อย่างดุเดือดภายในถ้ำนิลเพลิงนั้นเป็นแน่
เพราะไม่ว่าจะอย่างไรนายน้อยของนางก็มีกำลังแค่คนเดียว!
สิ่งที่เขาต้องแบกรับไว้ในเวลานั้น มีหรือที่นางจะไม่เข้าใจ?
เย่หยวนได้แต่ต้องถอนหายใจยาว “น่าเศร้าที่ข้าไม่อาจพาลี่เอ๋อกลับมาได้”
เวลานี้เย่หยวนได้ก้าวขึ้นมาถึงอาณาจักรบรรพกาลขั้นกลางทำให้จิตศักดิ์สิทธิ์ของเขานั้นฟื้นคืนและเรียกได้ว่าเก่งกาจกว่าก่อนเสียด้วยซ้ำ
เรื่องราวใดที่เกิดขึ้นในถ้ำนิลเพลิงวันนั้น เขายังคงจำมันได้ดีไม่ลืมเลือน
เขาและหยวนเจี่ยวต่อสู้กันอย่างดุเดือดจนทำให้เกิดหลุมดำดูดกลืนมิติเวลาทั้งหลายไปสิ้น
ทางหยวนเจี่ยวนั้นบาดเจ็บสาหัส แต่ตัวเขาเองก็บาดเจ็บจนแทบเอาชีวิตไม่รอด
เย่หยวนนั้นสัมผัสได้ชัดเจนว่าพลังของศิลาเทวะผสานวิญญาณนั้นจางหายไปจากร่างกายแล้ว
ดูเหมือนว่าเจ้ามังกรทองที่ออกมาช่วยเขาในวินาทีเป็นตายนั้นจะเป็นพลังของเจ้าสิ่งนี้
เพียงแค่ว่า… ตัวลี่เอ๋อคงไม่อาจกลับมาได้อีกแล้ว!
เย่หยวนนั้นได้แต่ต้องร้องร่ำอยู่ในใจ เขาไม่ทราบได้ว่ามิตินรกที่ว่านั้นมันเป็นโลกเช่นใด แต่สิ่งที่เขารู้ก็คือการจะไปพาตัวลี่เอ๋อกลับมามันคงยากเสียยิ่งกว่าการก้าวขึ้นสวรรค์
ไหนจะเรื่องของเหล่ามารนรกสุดแกร่งและเผ่าเทวาที่ควบคุมพวกมันอยู่อีกชั้นหนึ่ง
พลังของเย่หยวนเพียงลำพังนั้นย่อมไม่เพียงพอ
“นายน้อย พี่ลี่เอ๋อต้องปลอดภัยดีแน่!” ลู่เอ๋อพยายามห้ามน้ำตาของตัวเองและกล่าวปลอบ
เย่หยวนเองก็ยกเสื้อขึ้นมาช่วยเช็ดใบหน้านั้นของนางและกล่าวออกมา “อืม มันต้องปลอดภัยแน่! ต่อให้ข้าจะต้องพลิกผืนฟ้านี้ลงข้าก็จะนำตัวนางกลับมาให้ได้! นางเองก็คงกำลังรอข้าอยู่เช่นกัน!”
นี่คือคำสาบานที่เขากล่าวต่อลี่เอ๋อ!
ภายในค่ายกลนั้นทางหลินฉางชิงได้แต่ต้องร้องตะโกนขึ้น “นี่! คุยกันเสร็จแล้วหรือยัง? หากเสร็จแล้วก็มาปล่อยข้าออกไปเสียที!”
คนทั้งสองนั้นยืนคุยกันอยู่อย่างไม่สนใจใครจนลืมไปว่าหลินฉางชิงมีตัวตน
แต่ทางด้านค่ายกลนั้นมันกลับหนักแน่นจนไม่อาจจะทำลายขยับเคลื่อนได้แม้แต่น้อย
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเย่หยวนก็นึกขึ้นมาได้และยื่นมือออกมาปัดพลังของค่ายกลทิ้งปล่อยให้หลินฉางชิงเป็นอิสระ
หลินฉางชิงนั้นเดินเข้ามาหาเย่หยวนด้วยใบหน้าหนักใจก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “เจ้าบ้านี่ เป็นตัวประหลาดจริงๆ สภาพเช่นนี้แล้วก็ยังจะเก่งกาจได้ปานนั้นอีก!”
หลินฉางชิงนั้นย่อมตื่นตะลึงอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะสภาพของเย่หยวนในเวลานี้ก็ยังเอาชนะเขาที่ใช้พลังสุดตัวออกมาได้
เรื่องราวเช่นนี้มันย่อมจะเหนือล้ำเกินกว่าจะทำใจเชื่อได้ลง!
เย่หยวนยิ้มตอบกลับมา “หลินฉางชิง ครั้งนี้ข้าต้องขอบคุณเจ้าจริงๆ! หากไม่มีเจ้าแล้วข้าคงต้องใช้เวลาอีกไม่รู้เท่าไหร่กว่าที่จะฟื้นความทรงจำกลับมาได้!”
เพราะครั้งนี้มันเป็นฝีมือของหลินฉางชิงสิ้นจริงๆ ไม่เช่นนั้นแล้วกว่าที่เขาจะเอาความรู้ที่ได้มาผสานเข้ากับความรู้ที่มีมันคงกินเวลาไปอีกไม่รู้นานแสนนานสักเท่าใด
หลินฉางชิงหรี่ตาลง “ไม่ต้อง! ข้าไม่ได้ทำเพื่อเจ้าเสียหน่อย! แต่จะว่าไปแล้วเจ้าไปเจออะไรในถ้ำนิลเพลิงมากันแน่? เหตุใดเจ้าจึงได้กลายมามีสภาพเช่นนี้? ที่สำคัญกว่านั้นคือศิษย์น้องเมิ่งลี่เล่า?”
แม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าเยวี่ยเมิ่งลี่คงไม่ได้กลับออกมาแต่หลินฉางชิงก็ยังอดไม่ได้ที่จะถามเย่หยวนเพื่อความมั่นใจ
เย่หยวนจึงได้แต่ต้องถอนหายใจยาวและเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในถ้ำนิลเพลิงออกมา
แน่นอนว่าเขาย่อมจะข้ามเรื่องที่เล่าไม่ได้ออกมา อย่างเช่นการดึงตัวหยวนเจี่ยวเข้าไปต่อสู้ในพิภพโกลาหล
เรื่องราวเช่นนั้นมันใหญ่จนเกินกว่าที่จะปล่อยให้คนอื่นๆ รู้ถึงมันได้
เทพสวรรค์สามดาวคนหนึ่งกลับต่อสู้กับจักรพรรดิเทพสวรรค์แปดดาวได้ในโลกใบน้อยของตนและยังทำลายพลังบ่มเพาะของอีกฝ่ายลงไปได้ถึงอาณาจักรหนึ่ง
หากเรื่องนี้กระจายออกไปมันคงได้เกิดเรื่องราวไม่คาดฝันขึ้นมากมาย
แต่ถึงจะเว้นเรื่องนั้นไว้ เรื่องของถ้ำนิลเพลิงนี้มันก็ทำให้ทั้งพิภพต้องลุกเป็นไฟแล้ว
เย่หยวนปะทะเข้ากับเผ่าเทวาและทัพมารนรกด้วยตัวเอง ทำลายกองทัพมารนรกอีกฝ่ายจนมีแต่เหล่าเทพสวรรค์ขั้นปลายขึ้นไปเท่านั้นที่รอดชีวิต
นี่คือสิ่งที่เรียกได้ว่าสัตว์ประหลาดอย่างเต็มปาก!
หลินฉางชิงเองก็เข้าไปในถ้ำนิลเพลิงมา เขาย่อมจะเข้าใจดีว่าเหล่ามารนรกทั้งหลายนั้นมันเก่งกาจกันปานใด
ต่อให้จะเป็นการผสานพลังของสามแนวคิดมันก็คงทำได้แต่ต้านทานพลังของมารนรกระดับเดียวกับตนเอง
แต่เย่หยวนกลับล้างบางสังหารมารนรกไปนับไม่ถ้วนและหลายๆ ตัวในนั้นมันก็มีพลังบ่มเพาะสูงกว่าตัวเขาไปมากเสียด้วยซ้ำ
นอกจากนี้เขายังรอดจากมือจักรพรรดิเทพสวรรค์ขั้นปลายออกมาได้
ต่อให้ใช้ส้นเท้าคิดก็ยังรู้ได้ว่ามันเป็นเรื่องราวที่สุดล้ำฟ้าดินปานใด
หากเป็นคนอื่นแล้วต่อให้จะมีชีวิตนับหมื่นก็คงได้ตายอยู่ภายในไม่อาจหลบรอดออกมาได้
ปัง!
หลินฉางชิงยกหมัดขึ้นมาต่อยอกของเย่หยวนพร้อมกล่าวอย่างดุดัน “เจ้าบ้า ครั้งนี้ข้าจะให้อภัยเจ้า! แต่เมื่อเจ้าฟื้นฟูพลังกลับมาได้จนไปรับตัวศิษย์น้องเมิ่งลี่กลับมาให้ได้! ไม่เช่นนั้นแล้วข้าจะไม่อภัยให้เจ้าแน่!”
เย่หยวนได้แต่ต้องหัวเราะขึ้นอย่างไม่คิดสนใจ “เรื่องราวนั้นมันไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาบอกหรอก”
หลินฉางชิงที่ได้ยินก็เดือดดาลขึ้นมาอีกครั้งแต่เมื่อนึกย้อนไปถึงค่ายกลของเย่หยวน เขาก็ได้แต่ต้องกัดฟันหันหน้าหนีไป
แต่แท้จริงแล้วเย่หยวนก็รู้สึกถึงความหมายที่หลินฉางชิงจะสื่อดีจนทำให้เขาต้องอมยิ้มขึ้น
เพราะไม่ว่าจะอย่างไร ความห่วงใยที่หลินฉางชิงมีต่อลี่เอ๋อมันก็เป็นของจริงแท้แน่นอน
ไม่เช่นนั้นแล้วเขาก็คงไม่เสียเวลาออกเดินทางกับลู่เอ๋อเพื่อมาตามหาเขานับสิบๆ ปี
“เจ้ามีสมุนไพรวิญญาณระดับเจ็ดติดตัวมาหรือไม่?” เย่หยวนถามขึ้นอย่างกะทันหัน
หลินฉางชิงจึงได้แต่ต้องหันหน้ากลับมาถาม “มีสิ ทำไมเล่า?”
เย่หยวนจึงตอบกลับไป “เอามันออกมาให้ข้าดูหน่อย”
หลินฉางชิงก็ได้แต่ทำตามด้วยสีหน้าไม่ค่อยเข้าใจ นำเอาสมุนไพรระดับเจ็ดทั้งหลายที่มีติดตัวออกมาให้เย่หยวนดู “เจ้าจะเอามันไปทำอะไรเล่า?”
เย่หยวนหันไปมองดูกองสมุนไพรระดับเจ็ดนั้นก่อนจะพยักหน้าให้หลินฉางชิง “สมชื่อคนจากวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ เจ้านี่ร่ำรวยจริงๆ ครั้งนี้ข้าได้ทั้งความรู้และความทรงจำกลับมา ถือว่าติดค้างเจ้าอย่างมาก ข้าจะช่วยหลอมโอสถให้เจ้าเป็นการตอบแทน จะได้ถือว่าหายกัน”
หลินฉางชิงต้องเบิกตากว้างขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน “เจ้า… เจ้าคิดจะใช้ค่ายกลหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดหรือ?”
เย่หยวนจึงตอบกลับไป “เจ้าดูเถอะ”
เย่หยวนขยับมือส่งผลึกปราณเทวะหลายต่อหลายก้อนพุ่งออกไปวาดวงค่ายกล
หลินฉางชิงเองก็ต้องสะดุ้งขึ้นทั้งกาย เขานั้นย่อมรู้ถึงการหลอมโอสถด้วยค่ายกล แต่เขาไม่เคยได้ยินว่าจะมีใครใช้เต๋าค่ายกลในการหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดมาก่อน
เพราะยิ่งโอสถระดับสูงมันก็จะยิ่งมีความยุ่งยากซับซ้อน จนถึงระดับที่คนทั้งหลายไม่อาจจะจินตนาการถึงได้ในที่สุด
และหากจะใช้เต๋าค่ายกลในการหลอมนั้นมันยิ่งจะทำให้ความยากเพิ่มขึ้นนับร้อยๆ เท่าหรืออาจถึงพันเท่าจากการหลอมแบบปกติ
จอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งหลายไม่มีปัญญาแม้แต่จะหลอมโอสถตามวิธีมาตรฐาน มีหรือที่จะมีใครบ้าไปคิดใช้ค่ายกลในการหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ด?
เจ้าบ้านี่มันไปได้ประสบการณ์ในช่วงหลายสิบปีมานี้กันแน่?
ค่ายกลนั้นถูกเขียนขึ้นต่อกันเรื่อยๆ จนยิ่งดูซับซ้อนยุ่งเหยิงพร้อมกับขยายพื้นที่กว้างออกไปมากเช่นกัน
จนสุดท้ายแล้วเจ้าค่ายกลนี้มันใหญ่กินพื้นที่ไปกว่าครึ่งหมู่บ้าน!
ค่ายกลที่ทั้งใหญ่และทั้งซับซ้อนเช่นนี้ แค่มองมันก็ทำให้ผู้คนรู้สึกปวดหัวขึ้นมาจับใจ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการทำความเข้าใจใดๆ
เย่หยวนนั้นวางสมุนไพรวิญญาณระดับเจ็ดทั้งหลายลงกลางค่ายกลพร้อมโยนผลึกปราณเทวะตามลงไป “ค่ายกล ทำงาน!”
เจ้าผลึกปราณเทวะนี้มันได้ส่งพลังให้ค่ายกลที่ถูกวางไว้ทำงานขึ้นมาพร้อมกันจนเกิดแรงสั่นสะท้านทำให้ค่ายกลยักษ์เริ่มส่งพลังออกมา
ปัง!
เวลานี้พลังฟ้าดินจากรอบทิศได้ถูกดูดกลืนมาภายใน พลังวิญญาณใดๆ ได้มารวมตัวกันจนเกิดเป็นเมฆพลังงานขนาดใหญ่ปกคลุมพื้นที่
จากนั้นค่ายกลยักษ์นี้มันก็ได้ทำให้เกิดภาพอันเหนือล้ำจินตนาการขึ้น
ภายในนั้นมันได้เกิดภาพของดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ดวงดาวต่างๆ หมุนวนราวกับว่าเป็นภาพของการกำเนิดโลก
หลินฉางชิงได้แต่ยืนนิ่งอ้าปากค้าง เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นอะไรเช่นนี้ในวิชาการโอสถ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใดในที่สุดค่ายกลนั้นมันก็เริ่มหยุดหมุนวนปล่อยให้เจ้าเม็ดโอสถลอยค้างอยู่กลางอากาศด้วยกลิ่นหอมโชย
หลินฉางชิงได้แต่สั่นสะท้านไปทั้งกาย กล่าวออกมาอย่างไม่คิดอยากเชื่อภาพตรงหน้า “นี่มัน… โอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะ-วิญญาณมรณา! มันคือโอสถวิญญาณเสด็จสวรรค์อุบัติขั้นเทวะวิญญาณมรณา!”
…………………………