Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2213 ราชันหวนกลับ!
“ให้ตายสิ! ข้าไม่ได้รู้สึกร้อนแรงเช่นนี้มานานแล้วจริงๆ! ตาย ตาย ตาย! พี่น้องเรา ฆ่าพวกมันทิ้งให้สิ้น!”
บนกำลังแพงเมืองนั้นหลงเสี่ยวร้องลั่นสั่งการออกมาอย่างบ้าคลั่ง นำพาพี่น้องทั้งหลายพุ่งทะยานออกไปต่อสู้
“ทุกคน ตามพี่ซุนคนนี้มา! ฆ่าพวกมนุษย์โง่นี่ให้สิ้น!” หลงซุนตะโกนลั่น
“พวกเจ้าจะแข่งกับข้าหรือ?! ตามพี่เทียนคนนี้มาเถอะสหายทั้งหลาย!” หลงจ้าวเทียนร้องบอกพร้อมแข่งกันไล่ฆ่าศัตรูกับหลงซุน
ก่อนที่จะมาถึงนี้เย่หยวนย่อมหลอมโอสถให้คนทั้งหลายไว้มาก
เวลานี้คนทั้งหลายจากเผ่ามังกรได้บรรลุขึ้นอาณาจักรเทพสวรรค์กันไปสิ้น
ผสานกับพลังสายเลือดที่รุนแรงแข็งแกร่งเหนือใครของเผ่ามังกรแล้ว พลังการต่อสู้ของพวกเขาทั้งหลายจึงไม่อาจจะประมาทได้
สองฝ่ายนั้นปะทะกันอย่างรุนแรงราวกับฟ้าดินจะถล่มลงมา
ส่วนทางตัวเทพสวรรค์ดันหยู่และเหล่าปรมาจารย์ทั้งหลายนั้น พวกเขาแต่ละคนต่างยืนมองดูเรื่องราวตรงหน้าอย่างเฉยชารอจัดการเก็บกวาดทีหลัง
แต่จู่ๆ มันกลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งทะยานฝ่ากองกำลังทั้งสองเข้ามา
เทพสวรรค์ดันหยู่ต้องเบิกตากว้างร้องถามขึ้น “เปียวหยู เจ้าทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? หรือว่าหอมหาสมบัติเจ้าจะประกาศสงครามกับพันธมิตรแดนใต้จริงๆ?”
แม้ว่าหากมองดูแค่เรื่องราวตรงหน้านี้มันจะเป็นสงครามระหว่างเทพสวรรค์
แต่ในความเป็นจริงที่อยู่เบื้องหลังนั้น นี่มันคือสงครามตัวแทนของเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์
เหตุผลที่มันยืดยาวมาได้หลายสิบปีนี้มันย่อมจะเป็นเพราะจักรพรรดิเทพสวรรค์วันเปาและจักรพรรดิเทพสวรรค์เบื้องหลังเจ็ดตระกูลโบราณนั้น
มันคือการถ่วงอำนาจของจักรพรรดิเทพสวรรค์ที่อยู่เบื้องหลังทางพันธมิตรแดนใต้กับพวกเขาทั้งสองฝ่ายนั้น
ในอดีตมานั้นเย่หยวนเป็นตัวตนสุดแสนยิ่งใหญ่ สองกำลังนั้นย่อมจะมีความมั่นใจในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์อย่างมาก
แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานวันเข้า ข่าวเรื่องการตายของเย่หยวนมันก็ยิ่งน่าเชื่อมากขึ้น
เรื่องนั้นมันจึงได้ทำให้ทางจักรพรรดิเทพสวรรค์วันเปาและจักรพรรดิเทพสวรรค์เบื้องหลังเจ็ดตระกูลเริ่มจะถอนตัวจากการลงทุนครั้งนี้
ไม่เช่นนั้นแล้วมีหรือที่เทพสวรรค์ดันหยู่จะกล้าดึงเอากำลังขนาดนี้มาโจมตี?
เพราะเบื้องหลังสงครามนี้มันเปี่ยมล้นไปด้วยผลประโยชน์มหาศาลไม่อาจนับ
เปียวหยุเองก็ได้แต่มองดุดันหยู่อย่างหนักแน่น “เทพสวรรค์ผู้นี้มาในวันนี้ด้วยตัวเอง ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับหอมหาสมบัติ!”
เทพสวรรค์ดันหยู่ได้แต่ต้องขมวดคิ้วแน่นอย่างไม่พอใจ
‘เจ้าหมอนี่มันมาสร้างปัญหาหรือ?’
‘เจ้าบอกว่ามันไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับหอมหาสมบัติ มันก็ไม่มีอย่างนั้นหรือ?’
‘เจ้านั่นคือเทพสวรรค์เปียวหยู หนึ่งในผู้มีตำแหน่งสูงส่งใต้การปกครองของจักรพรรดิเทพสวรรค์วันเปา ตัวตนที่วันหน้าคงก้าวขึ้นไปถึงอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์ กลายเป็นจอมเทพโอสถแปดดาวไปได้’
‘หากเจ้าตายลงวันนี้แล้วมีหรือที่จักรพรรดิเทพสวรรค์วันเปาจะปล่อยเรื่องผ่านไป?’
แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเองก็ปรากฏเงาร่างอีกผู้คนหนึ่งขึ้นมาไม่ไกลจากตัวเปียวหยู มันคือเทพสวรรค์เจาหยวน!
“อย่าลืมนับเฒ่าคนนี้ไปด้วย! น้องเปียวหยู ข้าคงปล่อยให้เจ้าสู้คนเดียวไม่ได้หรอก!” เทพสวรรค์เจาหยวนหันมาบอกเทพสวรรค์เปียวหยูด้วยรอยยิ้ม
ทางเทพสวรรค์ดันหยู่จึงหน้าเปลี่ยนสีไปทันที ตัวเทพสวรรค์เจาหยวนนี้คือเทพสวรรค์ขั้นสุดเหมือนๆ กับตัวเขา ไม่ได้อ่อนแอกว่าแม้แต่น้อย
การปรากฏตัวของคนผู้นี้มันได้เปลี่ยนสถานการณ์ไปอย่างมาก
เปียวหยูจึงได้แต่ต้องหัวเราะลั่นขึ้น “พี่เจาหยวน เยี่ยมไปเลย!”
เทพสวรรค์เจาหยวนหัวเราะตอบกลับมา “เฒ่าคนนี้อยู่ตัวคนเดียวไม่มีข้องเกี่ยวใคร มันเป็นเจ้าต่างหากที่คงลำบากมากกว่าจะทิ้งเฒ่าจักรพรรดิเทพสวรรค์วันเปาไป! เจ้านี่แหละคือผู้ยึดถือความซื่อสัตย์จริง!”
คนทั้งสองมองหน้ากันอีกครั้งก่อนจะหัวเราะขึ้นพร้อมๆ กัน
เมื่อคนทั้งสองนี้มาถึงทางไป๋ตงและพวกก็เริ่มชื้นใจขึ้น
เทพสวรรค์ดันหยู่นั้นโกรธจนหน้าแทบดำ ไม่นึกไม่ฝันว่าเรื่องง่ายๆ ที่คิดไว้มันจะกลายเป็นยอดสงครามเป็นตายเช่นนี้ไป
จนถึงเวลานี้ มันยังไม่มีเรื่องใดที่เป็นไปตามที่เขาคาดคิดเลยแม้สักเรื่อง
เทพสวรรค์ดันหยู่หรี่ตาลงมอง “ดีจริงๆ! เทพสวรรค์ผู้นี้ชื่นชมฝีมือพี่เจาหยวนมานาน วันนี้ขอประลองมือด้วยหน่อยเถอะ!”
ส่วนทางเทพสวรรค์เปียวหยูนั้นมันย่อมจะมียอดคนของฝันพันธมิตรที่พอจัดการเขาลงได้
เทพสวรรค์เจาหยวนหรี่ตาลงพร้อมเสียงหัวเราะ “เจ้านี่มันดีแต่ปากจริงๆ เลือกจะพูดคำสวยหรูแต่เวลาเช่นนี้! นี่มันคือศึกชี้เป็นชี้ตาย! ใครจะมาประลองมือกับเจ้า? เข้ามา!”
หลังพูดจบเทพสวรรค์เจาหยวนก็ปล่อยคลื่นพลังออกมาอย่างสุดตัวทำให้หัวใจของเหล่านักยุทธทั้งหลายต้องสั่นสะท้าน
หากยังมีพลังบ่มเพาะไม่ถึงอาณาจักรเทพสวรรค์แล้ว คนที่สัมผัสถึงพลังนี้ได้คงไม่อาจจะเหาะเหินบนอากาศได้อีก
นี่คือพลังของเทพสวรรค์เก้าดาวขั้นสุด
เมื่อเทพสวรรค์เก้าดาวลงมือแล้วมันย่อมจะทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายมหาศาล
เทพสวรรค์เปียวหยูนั้นเองก็กังวลไม่น้อย เพราะคลื่นพลังจากร่างกายของเทพสวรรค์เจาหยวนนี้มันรุนแรงไม่ได้ด้อยไปกว่าตัวเขาและยังมีสัมผัสบางๆ ของพลังจากอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์
“ดูท่าเจ้าเฒ่านี้จะได้ประโยชน์จากงานชุมนุมโอสถเมฆาไปมากทีเดียว!” เทพสวรรค์ดันหยู่ได้แต่ต้องร้องด่าขึ้นมาในใจ
เพราะเวลานี้เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังของเทพสวรรค์เจาหยวนมันทำให้เขาเริ่มใจคอไม่ดี
หากตัวเขาแพ้ลงแล้ว ผลของศึกนี้ในภาพรวมคงไม่จบลงด้วยชัยชนะแน่!
เทพสวรรค์เจาหยวนนั้นยิ้มขึ้นมา “ทำไมเล่า? ไม่กล้าเข้ามาเรอะ เจ้าเด็กน้อยดันหยู่?”
ทางดันหยู่จึงตะโกนตอบกลับมา “ใครกลัวใครกัน?!”
พูดจบคลื่นพลังจากร่างกายของเขาก็ถูกปลดปล่อยออกมาตาม เวลานี้เขาดูจะอ่อนแอกว่าเทพสวรรค์เจาหยวนไปเสียหน่อยด้วยซ้ำ
พร้อมๆ กันนั้นการศึกที่ด้านล่างก็กำลังถึงจุดสำคัญ!
“โอ้ ครึกครื้นดีจริงๆ!”
ระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายกำลังเข้าสู่ช่วงวิกฤตมันก็เกิดเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
เสียงนี้… มันฟังดูคุ้นหูจนเกินไป!
เทพสวรรค์เจาหยวนและเทพสวรรค์เปียวหยูหันมามองหน้ากันด้วยดวงใจที่สั่นรัว
ทางด้านคนเมืองอินทรีสวรรค์ เหล่าไป๋ตงทั้งหลายนั้นก็ต้องสั่นสะท้านไปทั้งกายใจเช่นกัน!
“เป็นนายท่าน! นายท่านยังไม่ตาย! นายท่านกลับมาแล้ว!” หนิงเทียนปิงร้องลั่นด้วยรอยยิ้มกว้าง
ในเวลาเดียวกันนั้นมันก็เกิดสามเงาร่างปรากฏกายขึ้นมาจากห้วงมิติ
ชายหนุ่มชุดขาวที่เดินนำมานั้นย่อมจะไม่อาจเป็นใครไปได้นอกจากเย่หยวน
“ฮ่าๆๆ เป็นนายท่าน! เป็นนายท่านจริงๆ! เขายังไม่ตาย! นายท่านกลับมาแล้ว!”
“ข้าบอกว่าอย่างไรเล่า! นายท่านไม่มีวันตาย!”
“นายท่านจงเจริญ!”
“นายท่านจงเจริญ!”
…
ด้วยการปรากฏตัวนี้ของเย่หยวน ทางด้านคนเมืองอินทรีสวรรค์นั้นก็ร่ำร้องขึ้นมาพร้อมๆ กัน
เสาหลักของพวกเขา ผู้นำของพวกเขา ราชันของพวกเขาได้หวนกลับมาแล้ว!
เวลานี้มันดั่งกับว่าคนทั้งหลายเข้าสู่สภาวะคลั่ง ร้องลั่นสรรเสริญเย่หยวนจนสุดคอ!
ส่วนอีกด้านทางพันธมิตรแดนใต้ทั้งหลายนั้นต่างสะท้านไปทั้งกาย
พวกเขานั้นไม่เคยเห็นการร้องโห่สรรเสริญเช่นนี้ท่ามกลางไฟสงครามมาก่อน
เจ้าหมอนี่มันมีพลังพิเศษใดกันแน่?
เย่หยวนนั้นเหยียบเท้าลงบนค่ายกลก่อนจะหันไปมองหน้าเทพสวรรค์ดันหยู่ด้วยรอยยิ้ม “ดันหยู่ ไม่ได้เจอกันเสียนาน สุดท้ายเจ้าก็ไม่ได้พัฒนาความคิดไปแม้แต่น้อยเลย!”
การปรากฏตัวนี้ของเย่หยวนมันทำให้เทพสวรรค์ดันหยู่ขนลุกไปทั้งกาย
แต่ทว่าเขาก็มีสายตาที่ดีพอจะเห็นถึงความผิดปกติบนร่างของเย่หยวนทันที!
เพราะเวลานี้ทั่วทั้งกายของเขานั้นมันไม่มีปราณเทวะใดๆ แม้แต่น้อย!
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือร่างกายของเขานั้นมันสุดแสนจะอ่อนแอ ดูท่าคงเพิ่งฟื้นจากอาการบาดเจ็บสาหัสปางตาย
ดูท่าเรื่องที่เขาตายลงมันจะไม่ได้เป็นข่าวโคมลอยเสียทีเดียว
เพียงแค่ว่าเจ้าเด็กนี้มันดื้อด้านไม่ยอมตายลงไปง่ายๆ!
แต่ในเมื่อกลายเป็นคนพิการเช่นนี้ ตัวเขาจะยังต้องกลัวใด?
ดันหยู่หัวเราะขึ้นมา “เด็กน้อย ดูสภาพคนของเจ้าเสียเถอะ พวกมันรอการกลับมาของเจ้าปานใด! น่าเสียดายที่… สิ่งที่กลับมาหาพวกมันกลับเป็นแค่คนพิการผู้หนึ่ง! ข้าไม่อาจเข้าใจได้เลยว่าคนพิการเช่นเจ้าจะยังมีหน้ากลับมาวางตัวเป็นเจ้าเมืองได้อย่างไร!”
เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวคนทั้งหลายก็เริ่มสังเกตเห็นถึงความผิดปกติไปตามๆ กัน
เสียงที่กำลังโห่ร้องสรรเสริญนั้นอยู่ๆ มันก็ติดอยู่ที่ลำคอเพราะอาการของเย่หยวนในเวลานี้
เวลานี้เมื่อทางดันหยู่กล่าวออกมา คนทั้งหลายย่อมจะเข้าใจได้ทันทีว่าสภาพร่างกายของเย่หยวนมันแย่ปานใด มัน… ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของปราณเทวะบนร่างนั้น!
เป็นไปได้อย่างไร?
เสียงโห่ร้องดีใจของคนเมืองอินทรีสวรรค์เงียบหายลงไปในทันที
การไม่มีปราณเทวะมันย่อมหมายความว่าโลกใบน้อยแตกสลายลง
หรือก็คือ… นายท่านของพวกเขากลายเป็นแค่คนพิการไปแล้ว?
สภาพจิตใจที่พุ่งสูงเมื่อวินาทีก่อนตกฮวบลงมาอีกครั้ง
แต่เย่หยวนกลับไม่ได้คิดใส่ใจและยิ้มตอบกลับไป “แล้วทำไมเล่า? แค่มีข้าอยู่นี้เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์มันก็ปลอดภัยแล้ว!”
……………………..