Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2225 ยอดศาสตร์แห่งการสงครามนั้นคือการเอาชนะศัตรูโดยไม่ต้องสู้!
- Home
- Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ
- ตอนที่ 2225 ยอดศาสตร์แห่งการสงครามนั้นคือการเอาชนะศัตรูโดยไม่ต้องสู้!
เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายต่างต้องอ้าปากค้าง แม้แต่ทางเผ่าปีศาจก็ยังมีตำนานของเย่หยวนไว้
แต่ทว่าเย่หยวนนั้นไม่ได้ตื่นตะลึงใดๆ
เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นได้ก็เพราะวิชาการโอสถของเผ่าปีศาจมันสุดแสนอ่อนแอ มีช่องว่างที่จะสามารถพัฒนาไปได้อีกมากมาย
แค่การสั่งสอนเล็กๆ น้อยไม่กี่อย่างนั้นมันก็มากพอที่จะทำให้วิชาโอสถของเผ่าปีศาจเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้
ได้ยินคำบอกเล่าของเฮยหยาง ทางเจี่ยวชางนั้นก็ไม่อาจจะกล่าวพูดใดๆ ได้
เจ้าหมอนี่มันมาทำอะไรกันแน่?
“เฮยหยาง! เจ้าทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?” เจี่ยวชางร้องถามขึ้น
เฮยหยางนั้นกลับไม่คิดสนใจเขาและหันไปมองหน้าเย่หยวน “บรรพกาลราตรี เจ้านั้นมีฝีมือไม่น้อย ทำไมไม่มาช่วยจักรพรรดิผู้นี้ดูแลโถงโอสถปีศาจเล่า? เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
“เฮยหยาง!” ในหมอกดำ เจี่ยวชางนั้นกล่าวออกมาด้วยความโกรธแค้นที่สุด
แต่เหล่ายอดฝีมือของทางเผ่ามนุษย์นั้นต่างแสดงสีหน้าท่าทางแปลกๆ ออกมาตามๆ กัน
จะให้รองมหาปราชญ์แห่งวิหารนักบวชและยอดคนอันดับหนึ่งแห่งแดนใต้อย่างเย่หยวนนี้ไปทำงานรับใช้ในโถงโอสถปีศาจน้อยๆ ใต้อำนาจของโถงโลหิตมรณะ?
จักรพรรดิเทพสวรรค์ผู้นี้มันคิดจะมาเล่นตลกหรืออย่างไรกัน?
เย่หยวนจึงส่ายหัวออกมาด้วยรอยยิ้มสมเพช “ข้าว่าเจ้าไม่มีปัญญาพอจะรับข้าไว้หรอก!”
เหล่าเทพสวสรรค์ของฝั่งโถงโลหิตมรณะนั้นต่างสูดหายใจเข้าลึกพร้อมกัน
เจ้าเด็กคนนี้มันโอหังนัก!
แต่เฮยหยางนั้นไม่ได้แสดงท่าทีโกรธเคืองใดๆ ออกมา “มันไม่มีใครที่โถงโลหิตมรณะเราไม่มีปัญญาจ้างไว้! เจ้านั้นเป็นคนเผ่ามนุษย์คนไม่ได้รู้ถึงพลังที่แท้ของโถงโลหิตมรณะเรา! เจ้าแค่รู้ไว้ก็พอว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์อย่างข้านี้ยังเป็นได้แค่เจ้าโถงน้อยๆ ของโถงโลหิตมรณะ! เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า? คิดจะตายลงที่นี่หรือว่าจะมาทำงานเป็นเจ้าโถงให้โถงโอสถปีศาจข้า?”
เฮยหยางนั้นแสดงสีหน้าเรียบเฉยออกมา พร้อมมองดูเย่หหยวนเหมือนดั่งเขาเป็นแค่มดปลวก
การจะยกตำแหน่งเจ้าโถงโอสถปีศาจให้นี้มันก็ถือว่าเป็นการให้เกียรติแล้ว
ไม่ยอมทำงานก็ต้องตาย
เขานั้นรู้ว่าเย่หยวนฉลาดพอที่จะตัดสินใจ
“หึๆ อย่าว่าแค่โถงโอถสปีศาจน้อยๆ ของเจ้า ต่อให้จะเป็นเจ้าโถงโลหิตมรณะสาขาย่อยของเจ้ามันก็คงไม่อาจรับเขาผู้นี้ไว้ได้หรอก!”
มิติสั่นไหวอีกครั้งก่อนจะปรากฏร่างของไป๋ตงออกมา
ไป๋ตงมองดูที่เฮยหยางพร้อมหัวเราะขึ้น “เจ้าคิดจะทำให้รองมหาปราชญ์แห่งวิหารนักบวชและจอมเทพโอสถเจ็ดดาวอันดับหนึ่งแห่งแดนใต้ไปรับใช้เป็นแค่เจ้าโถงโอสถปีศาจของเจ้า? เจ้าไม่กลัวว่าจะตัวแตกตายเอาบ้างหรืออย่างไร?”
เมื่อคำพูดเหล่านี้ถูกกล่าวทางเฮยหยางก็ต้องเริ่มแสดงสีหน้าตื่นตกใจขึ้นมาในทันที
เขานั้นได้แต่ต้องหันหน้าไปมองเย่หยวนอย่างตกตะลึง พยายามที่จะเชื่อมระหว่างเด็กหนุ่มคนนี้กับนามของยอดคนที่โด่งดังไปทั่วทั้งแดนใต้ผู้นั้น
บรรพกาลราตรีมีนามแท้จริงว่าเย่หยวน?
หัวใจของเฮยหยางสั่นสะท้านอย่างไม่อาจหยุด!
ในฐานะเจ้าโถงย่อยของโถงโลหิตมรณะเขาย่อมจะเคยได้ยินชื่อเสียงอันลือลั่นของเย่หยวนมาอย่างแน่นอน
แต่เขาก็ไม่นึกไม่ฝันว่ายอดคนผู้ก้าวอยู่เหนือหัวคนมีเต๋าโอสถเป็นอับดันหนึ่งในแดนใต้นั้นจะเป็นเจ้าเด็กบรรพกาลราตรีคนนั้น!
“เจ้า… เจ้าคือเย่หยวน? อ่า! บรรพกาลราตรี (หยวนเย่) เย่หยวน ทำไมข้าไม่เคยคิดถึงมันมาก่อนกัน!” เฮยหยางได้แต่ต้องจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้มขมขื่น
“อะไรกัน? นี่คือยอดคนวิชาโอสถอันดับหนึ่งแห่งแดนใต้ เย่หยวนอย่างนั้นหรือ?”
“ยอดคนเช่นนั้นแท้จริงกลับเป็นแค่เด็กน้อยเช่นนี้หรือ!”
“ข้าได้ยินมาว่าเขานั้นมีเต๋าโอสถก้าวขึ้นไปถึงเต๋าสวรรค์ มีโอกาสที่จะก้าวขึ้นไปเป็นโอสถบรรพกาลคนต่อไป!”
…
คนจากโถงโลหิตมรณะนั้นต่างตื่นตะลึงหน้าซีดขาวลงตามๆ กัน
ในที่ผ่านๆ มานี้ชื่อเสียงของเย่หยวนมันได้สั่นสะท้านทั้งแดนใต้
ต่อให้จะเป็นคนจากเผ่าปีศาจเองพวกเขาก็ย่อมจะเคยได้ยินนามของยอดคนอย่างเย่หยวนมาบ้าง
เพียงแค่ว่ามันไม่มีใครนึกใครฝันว่าเด็กน้อยอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าในวันนั้นกลับจะก้าวขึ้นมาเป็นยอดคนอันดับหนึ่งแห่งแดนใต้ในวันนี้ได้
เย่หยวนนั้นคือใคร?
เขานั้นคือรองมหาปราชญ์แห่งวิหารนักบวช ตัวตนที่เป็นรองแค่ตัวมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเอง
ที่ไป๋ตงว่ามานั้นมันไม่มีผิด! โถงของเขามันน้อยจนเกินกว่าที่จะรับจอมเทพอย่างเย่หยวนไว้ได้ไหว!
เย่หยวนจึงยิ้มขึ้นมา “ข้าก็บอกแล้วว่าเจ้ารับข้าไว้ไม่ไหวหรอก! เวลานี้พี่เฮยหยางยังคิดจะรบกวนเรื่องราวระหว่างข้าและเจี่ยวชางอยู่หรือไม่เล่า?”
เฮยหยางหรี่ตาลงทันทีพร้อมขมวดคิ้วแน่น “เจี่ยวชางนั้นคือสหายจากเผ่าปีศาจของข้า มีหรือที่จักรพรรดิผู้นี้จะปล่อยให้เจ้าฆ่าสังหารเขาลงเฉยๆ?”
เย่หยวนจึงยิ้มขึ้นเมื่อได้ยิน “โถงโลหิตมรณะเองก็ทำการค้า เจ้าโถงโลหิตมรณะอย่างเจ้านั้นก็คงจะรู้วิธีการเจรจาการค้าใช่หรือไม่? ว่าอย่างไรเล่า?”
เมื่อทางเฮยหยางได้ยินเขาก็ยิ้มออกมาทันที
พูดกับคนฉลาดนี้มันประหยัดเวลาได้มากจริงๆ
โถงโลหิตมรณะนั้นไม่ได้เป็นกองกำลังที่มีหน้าที่ต่อเผ่าปีศาจใดๆ
เขาและเจี่ยวชางเองก็เป็นแค่คู่ค้า
มีหรือที่เขาจะสนใจจริงๆ ว่าเจี่ยวชางจะเป็นหรือตาย?
เมื่อเวลานี้เขาได้รู้ถึงตัวตนของเย่หยวนแล้ว มีหรือที่เจี่ยวชางน้อยๆ นี้มันจะมีค่าใด?
ต่อให้จะเป็นร้อยเจี่ยวชางเองก็ไม่มีค่ามากเท่าเย่หยวน!
หากเย่หยวนนั้นเป็นแค่จอมเทพโอสถเผ่ามนุษย์ทั่วไปก็ยังว่า แต่นี่ตัวเขามีความรู้เกี่ยวกับวิชาโอสถเผ่าปีศาจไม่น้อย
เรื่องนั้นมันทำให้ค่าของเย่หยวนต่อสายตาของโถงโลหิตมรณะพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก
เมื่อไม้แข็งไม่ได้ ก็ใช้ไม้อ่อนแทน!
“หึๆ สงสัยแค่ว่าอาจารย์เย่ต้องการคุยเรื่องใดเท่านั้น?” เฮยหยางยิ้ม
เย่หยวนจึงบอกตอบกลับไป “เทพสวรรค์ที่มาวันนี้ ทุกคนจะได้โอสถปีศาจสวรรค์เลือดทรราช!”
“ซี๊ด…”
เหล่าเทพสวรรค์ปีศาจทั้งหลายต่างสูดหายใจเข้าลึกไปตามๆ กัน!
โอสถปีศาจสวรรค์เลือดทรราชนั้นคือโอสถที่มีผลเหมือนกับโอสถวิญญาณเสด็จสวรรค์อุบัติของเผ่ามนุษย์ มันจะช่วยพัฒนาการบ่มเพาะให้แก่เทพสวรรค์ไปได้มาก
และเทพสวรรค์ที่มามากมายนี้ ย่อมจะหมายถึงโอสถปีศาจสวรรค์เลือดทรราชหลายเม็ดอย่างมาก!
นี่มันคือขุมสมบัติอย่างแท้จริง
หากแค่เป็นโอสถปีศาจสวรรค์เลือดทรราชเองมันก็มิใช่เรื่องใหญ่โตใด เหล่านักหลอมโอสถเจ็ดดาวของเผ่าปีศาจเองก็หลอมกันได้
แต่นี่คือของที่เย่หยวนจะหลอมให้กับมือ มันหมายถึงคุณภาพสูงล้ำ!
เวลานี้โอสถใดๆ ของเย่หยวนนั้นมันเป็นที่ต้องการอย่างถึงที่สุด
โอสถระดับเจ็ดของเขาเพียงเม็ดเดียวนั้นมันมีค่ามากล้ำกว่าสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ขั้นสุดเสียด้วยซ้ำ!
ไม่ว่าจะอย่างไรเสียโอสถมันก็เป็นของที่ใช้แล้วหมดไป
แต่สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ขั้นสุดนั้นมันใช้ได้ตลอด
คุณค่าของสองอย่างนี้มันไม่ควรจะเทียบกันได้
แต่เวลานี้เย่หยวนกลับบอกว่าจะมอบโอสถปีศาจสวรรค์เลือดทรราชให้เทพสวรรค์ทั้งหลายในที่นี้ มีหรือที่พวกเขาจะยอมปล่อยมันผ่านไป?
“ท่านเฮยหยาง!”
“รับคำเขาเถอะ ท่านเฮยหยาง!”
…
เหล่าลูกน้องของเฮยหยางนั้นต่างอดใจไม่ไหวไม่อาจห้ามตัวเองได้อีกต่อไป
การได้โอสถปีศาจสวรรค์เลือดทรราชที่เย่หยวนหลอมนั้นมันคือเครื่องการันตีว่าพวกเขาจะบรรลุขึ้นดาวไปได้แน่ๆ!
มีหรือที่คนทั้งหลายจะหักห้ามใจไว้ได้?
ส่วนตัวเจี่ยวชางนั้นเขาโกรธแค้นจนหน้าเปลี่ยนเป็นสีดำไปแสนนานแล้ว
“เฮยหยาง เจ้า… เจ้ากล้าขายข้าหรือ?” ใมหมอกดำนั้นเสียงร้องของเจี่ยวชางยังคงดังขึ้นไม่ขาด
เฮยหยางนั้นไม่ได้คิดสนใจใดๆ เวลานี้เขาได้แต่ต้องมองดูเย่หยวนด้วยสายตาชั่งใจ “ไม่พอ!”
เพราะดูท่าแล้วตัวเย่หยวนกับเจี่ยวชางนี้คงมีความแค้นต่อกันอย่างใหญ่หลวง
หากเป็นเช่นนั้นแล้วมีหรือที่เขาจะยอมขายมันถูกๆ?
หากเขาคิดขวางจริงๆ ต่อให้จะเป็นมีจักรพรรดิเทพสวรรค์ไป๋ตงช่วยอีกแรง เย่หยวนก็คงไม่อาจจะทำการให้สำเร็จได้ง่ายๆ
เพราะจักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นคือตัวตนที่เหนือฟ้าดิน มันมิใช่แค่คำชื่นชมเยินยอใดๆ
ตราบเท่าที่เขาคิดปกป้องที่นี่แล้ว มันก็ย่อมจะทำให้เกิดความเสียหายได้ใหญ่หลวง!
เย่หยวนเองก็เข้าใจเรื่องนั้นดีจึงได้คิดต่อรองกับเขาตั้งแต่แรก
ไม่เช่นนั้นแล้วมีหรือที่เย่หยวนจะมาสนใจตัวตนของเขานี้?
“เจ้าว่ามา!” เย่หยวนกล่าว
ทางเฮยหยางเองก็เข้าใจได้ว่าเย่หยวนคงไม่ยอมเสียมากจนเกินไป
ตราบเท่าที่ไม่ขอจนเกินพอดีเย่หยวนก็คงยังตกลงได้ง่ายๆ
หากเทียบกับโอสถแค่ไม่กี่เม็ดนี้ ตัวเจี่ยวชางมันย่อมจะมีค่ากับเขากว่า
เฮยหยางจึงยิ้มตอบกลับไป “คุยกับคนฉลาดนี้มันประหยัดเวลาจริงๆ! จากวันนี้ไปโถงโลหิตมรณะข้าจะส่งนักหลอมโอสถเผ่าปีศาจไปยังหอโอสถของท่านในทุกๆ ร้อยปี! หวังว่าอาจารย์เย่จะไม่หวงวิชาช่วยสั่งสอนคนทั้งหลายนั้นด้วย!”
เย่หยวนผงะไปไม่น้อยเพราะการกระทำของเฮยหยางนี้มันหลักแหลมไม่เบา คิดจะให้เขาช่วยสั่งสอนลูกน้องตนเองให้!
ทำเช่นนี้ต่อให้เย่หยวนจะไม่ไปทำงานให้โถงโอสถปีศาจ แต่มันก็คงให้ผลไม่ต่างกันนัก
“ตกลง ได้!” เย่หยวนพยักหน้ารับทันที
…………………………