Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2232 ปรากฏการณ์ ณ บ่อโลหิต
“เป็นพลังงานผีร้ายที่หนาแน่นนัก!”
เย่หยวนและขวังต้าวมาถึงสันเขาทอดตัวยาวราวไม่มีสิ้นสุดลูกหนึ่งพร้อมกลิ่นเลือดโชยมาตามลมอย่างหนักหน่วงพร้อมเสียงโหยหวนแปลกๆ
ภายใต้แสงตะวันในเวลานี้มันดั่งกับว่าเขาทั้งเทือกนี้มันกำลังส่องแสงสีแดงสะท้อนออกมาสู่โลกภายนอก
ภายในป่าทึบนั้นมันมีผีเต๋ามากมายเดินเข้าออกอย่างไม่ขาดสาย
แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังหนักหน่วงจากกายของเย่หยวนและขวังต้าว พวกเขาทั้งหลายก็ไม่กล้าจะเข้ามายุ่งเกี่ยวใดๆ
“นายน้อย ระวังตัวด้วย มนุษย์นั้นต้องใช้พลังโลกของตนออกมาจัดการสกัดพลังงานผีร้ายนี้ เจ้าพลังงานผีร้ายนี้มันอันตรายต่อยอดฝีมือเผ่ามนุษย์อย่างมาก ต่อให้จะเป็นเหล่าเทพสวรรค์เองก็ไม่อาจจะต้านทานแรงกัดกินของมันได้มากนัก!” ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวบอก
แต่เย่หยวนกลับหันไปตอบด้วยรอยยิ้มสบายๆ “สกัด? เหตุใดต้องไปสกัดขัดขวางมันด้วย?”
พูดจบเย่หยวนก็เปิดใช้พลังของบัญญัติเทพแห่งถงเทียนดูกลืนพลังงานผีร้ายนี้ลงไปอย่างบ้าคลั่ง
ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวต้องเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
นายน้อยของเขากลับกำลังกลืนพลังงานผีร้ายลงไปตรงๆ!
“นายน้อย!” ขวังต้าวนั้นร้องออกมาอย่างแตกตื่น
“เจ้ามนุษย์นั่นมันกลับคิดดูกลืนพลังงานผีร้ายเรา มันคงเบื่อชีวิตมากแล้ว!”
“หึๆ บางทีมันอาจจะคิดว่าผีอย่างพวกเรานั้นดีกว่าจึงคิดอยากเป็นอย่างพวกเราบ้าง?”
“อ่ะ แปลกๆ แล้ว! เหตุใดพลังของมันจึงเพิ่มพูนขึ้นแทนเล่า?”
ไกลออกไปนั้นเหล่าผีเต๋าทั้งหลายต่างร้องกล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางดูถูกก่อนจะพบว่ามันมีบางอย่างผิดปกติไป
เพราะมนุษย์นั้นไม่ควรจะใช้พลังงานผีร้ายบ่มเพาะใดๆ ได้
การสูบมันเข้าไปนั้นมีแต่จะทำอันตรายต่อร่างกายของพวกเขา
แต่คลื่นพลังจากร่างกายของเย่หยวนมันกลับค่อยๆ พุ่งสูงขึ้น!
เย่หยวนนั้นยืนสูบพลังอยู่อีกพักใหญ่ก่อนที่จะหยุดลงด้วยรอยยิ้มสดชื่น
คลื่นพลังงานผีร้ายนี้มันหนาแน่นไม่ได้แพ้คลื่นพลังงานชั่วร้ายในถ้ำเนตรมังกร สามารถช่วยที่จะช่วยลดเวลาในการบ่มเพาะให้แก่เขาได้นับเท่าตัว
เมื่อได้เห็นใบหน้าตื่นตะลึงนั้นของขวังต้าวทางเย่หยวนก็ยิ้มขึ้นมา “พลังงานผีร้าย พลังงานชั่วร้าย พลังงานวิญญาณพลังงานฟ้าดินนั้นมันจะแตกต่างก็แค่ส่วนผสมเท่านั้น พลังงานผีร้ายนี้มันหนาแน่นมากเหมาะสมแก่การบ่มเพาะอย่างที่สุด หลังจากได้ข่ายเงินแก่นโลหิตมาแล้วข้าคงต้องขออยู่บ่มเพาะที่นี่ไปอีกพักใหญ่”
ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวนั้นมองดูใบหน้าของเย่หยวนด้วยความชื่นชมสุดใจ “พรสวรรค์ของนายน้อยนี้มันเหนือล้ำเสียยิ่งกว่าท่านจอมเทพนิรันดร์!”
เขานั้นคิดตามเย่หยวนมาแค่ไม่กี่วันแน่นอนว่าย่อมจะไม่อาจเทียบเคียงกับสิ่งที่หวู่เฉินได้เห็นในตัวเย่หยวนได้
ระหว่างที่พูดคุยกันไปจู่ๆ ในเทือกเขามันก็เกิดแรงสั่นสะเทือนขึ้นมาพร้อมคลื่นพลังงานผีร้ายที่พุ่งพวงออกมาจากพื้นดิน
พร้อมๆ กันนั้นบนยอดเขามันก็มีลำแสงสีแดงเลือดส่องสาดออกมาทำให้คนที่พบเห็นต้องขนลุกทั่วกาย
ทางเข้าบ่อโลหิตอสุรานั้นอยู่ไกลออกไปอีกไม่น้อย แต่เวลานี้มันกลับมียอดฝีมือมากมายวิ่งกรูกันออกมาราวกับว่ากำลังหนีอะไรสักอย่างด้วยสีหน้าหวาดกลัวสุดชีวิต
พร้อมๆ กันนั้นที่ตามหลังพวกเขามาก็คือลำแสงสีเลือดนั้น
ใครก็ตามที่ถูกลำแสงนั้นเข้าจะหายกลายเป็นแค่ฝุ่นผงไป
ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวต้องขยี้ตามองภาพตรงหน้า “นี่มัน… เป็นพลังที่เหนือล้ำนัก! มันเกิดอะไรขึ้นในบ่อโลหิตอสุรากันแน่?”
แต่ทางเย่หยวนกลับเบิกตาขึ้นด้วยความตกตะลึงไม่น้อย “ปรากฏการณ์เช่นนี้ข้าเกรงว่ามันคงเป็นสัญญาณการกำเนิดของสุดยอดสมบัติล้ำค่า!”
ในเวลาเดียวกันนั้นมันก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านข้างห่างพวกเย่หยวนไปไม่ไกล “นี่มันเป็นครั้งที่สามในเดือนนี้แล้ว! ข้าได้ยินมาว่าอีกสองบ่มโลหิตเองก็ได้พบเจอเรื่องราวคล้ายๆ กันด้วย ดูท่าแล้วบ่อโลหิตอสุราที่เงียบสงบมานานเองก็คงถึงเวลาที่จะปลดปล่อยเช่นกัน”
เย่หยวนหันไปมองที่ต้นเสียงในทันทีก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นศพเต๋าที่ดูไม่ธรรมดา
“เจ้ามาที่นี่บ่อยหรือ?” เย่หยวนถามขึ้น
อีกฝ่ายจึงพยักหน้ารับ “ข้านั้นมีนามว่าหวู่เจียง บ่มเพาะในบ่อโลหิตอสุรานี้มาตั้งแต่ระดับสี่”
เย่หยวนต้องเบิกตากว้างขึ้นทันทีที่ได้ยิน
เหล่ายอดฝีมือจรไร้ค่ายสังกัดทั้งหลายนี้มันมีจำนวนมากมาย พวกที่อยู่ระดับสี่หรือห้านั้นมีให้เห็นได้ทั่วไป พวกที่ก้าวขึ้นถึงระดับหกได้เองก็มีไม่น้อย
แต่เย่หยวนนั้นเข้าใจถึงสภาพแวดล้อมนั้นได้ คนที่จะก้าวผ่านระดับหกขึ้นระดับเจ็ดมาได้นั้นมันย่อมจะเรียกได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์!
หากความรู้สึกของเย่หยวนไม่ผิด ตัวหวู่เจียงผู้นี้เองก็คงไม่ธรรมดาเป็นแน่!
“ข้านามเย่หยวน! ในเมื่อพี่หวู่มาที่นี่บ่อยข้าก็จะขอถาม ในมุมมองของเจ้าแล้วมันเป็นไปได้หรือไม่ว่าปรากฏการณ์เช่นนี้มันจะเป็นสัญญาณการเกิดของข่ายเงินแก่นโลหิต?” เย่หยวนถาม
หวู่เจียงต้องผงะไปทันทีที่ได้ยินคำถามของเย่หยวน ดูท่าเขาก็คงไม่คิดฝันว่าเย่หยวนจะมาเพื่อคิดหมายเอาข่ายเงินแก่นโลหิต
เขานั้นส่ายหัวออกมา “ปรากฏการณ์เช่นนี้มันย่อมเป็นไปได้มากว่าจะมีข่ายเงินแก่นโลหิตเกิดขึ้น… เพียงแค่ว่าด้วยกำลังของเจ้านี้ ข้าว่าเจ้าอย่าเอาชีวิตไปทิ้งเปล่าเลย”
เย่หยวนจึงยิ้มตอบกลับมา “พี่หวู่อยากร่วมมือกับเย่ผู้นี้?”
หวู่เจียงนั้นตื่นตะลึงไม่น้อยเพราะไม่นึกว่าแค่พูดกันไม่กี่คำเย่หยวนก็จะเข้าใจจุดประสงค์ของเขาได้ทันที
เพราะตัวเขานี้ได้เห็นว่าเด็กหนุ่มคนนี้กลืนพลังงานผีร้ายลงไปอย่างง่ายดายเหมือนเป็นเรื่องปกติ เขาจึงรู้ได้ว่าอีกฝ่ายต้องไม่ธรรมดาและคิดผูกสัมพันธ์ไว้
เขานั้นอยู่ที่นี่มานานแสนนานและพอจะเข้าใจคนที่เข้าออกที่แห่งนี้ได้ในระดับหนึ่ง
แต่มันก็ยังไม่เคยจะมีใครที่ทำให้เขาคนนี้ให้ค่าได้
แต่เย่หยวนผู้นี้กลับทำให้เขารู้สึกได้ทันทีว่าเป็นคนไม่ธรรมดาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบเห็น
หวู่เจียงเองก็ไม่คิดปิดบังใด พยักหน้ารับ “หวู่ผู้นี้เดินทางเดียวดายมานานไม่ค่อยได้ร่วมมือร่วมกลุ่มกับใครนัก แต่ปรากฏการณ์ในบ่อโลหิตครั้งนี้มันคงดึงดูดให้เหล่ายอดคนทั้งหลายหันมาสนใจแน่ ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือภายในบ่อโลหิตเวลานี้มันเปี่ยมล้นไปด้วยอันตราย เพราะฉะนั้นข้าจึงได้คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “ในเมื่อพี่หวู่ประเมินข้าไว้สูงล้ำเช่นนั้นแล้วเย่ผู้นี้ก็คงต้องขอตอบรับมันอย่างสุภาพ”
แต่เสียงของเขายังไม่ทันจางหายมันก็มีคลื่นพลังเย็นเยือกสายหนึ่งพุ่งลงมาจากท้องฟ้า
“ฮ่าๆๆ… ปรากฏการณ์เช่นนี้ในบ่อโลหิตอสุรามันย่อมจะเป็นสัญญาณการเกิดของสมบัติวิญญาณจักรพรรดิเทพสวรรค์ขั้นสุดแน่!”
ท่ามกลางเสียงหัวเราะนั้นผีร่างนั้นก็พุ่งเป็นลำแสงเข้าไปยังถ้ำทางเข้าบ่อโลหิตทันที
หวู่เจียงต้องยิ้มแห้งๆ ออกมาทันทีที่ได้เห็น “จักรพรรดิเทพสวรรค์จื่อหยุน! แม้แต่เขาก็ยังมาหรือนี่!”
แต่ยังไม่ทันจะได้พักหายใจมันก็เกิดคลื่นพลังรุนแรงอีกหลายสายพุ่งทะยานตามๆ กันมา
และคลื่นพลังแต่ละสายนั้นต่างก็พุ่งทะยานผ่านเข้าไปยังบ่อโลหิตอสุราอย่างไม่คิดหยุดยั้งตัวใดๆ
เย่หยวนที่ได้เห็นก็ต้องเบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึงเช่นกัน เพราะเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายนี้ต่างล้วนเป็นเทพสวรรค์ขั้นกลางสิ้นและแต่ละคนนั้นยังบุกเข้าไปอย่างไม่คิดชีวิต
แต่ไม่นานนักมันก็เกิดหมอกดำอีกสายพุ่งมายังทิศของบ่อโลหิตอสุรา
เหล่าคนที่สัมผัสได้ถึงตัวตนของหมอกดำนี้ต่างวิ่งแยกย้ายเปิดทางให้แก่มันอย่างทันที
เย่หยวนต้องหรี่ตาลงมองดูหมอกดำนั้น “จักรพรรดิเทพสวรรค์เจ็ดดาว!”
หวู่เจียงเองก็ยืนหน้าซีดขาวตัวสั่นเขา “มันเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์เหลียวชาง! ไม่นึกเลยว่าแม้แต่ตัวเขาผู้นั้นก็ยังออกมาเองเช่นนี้! เท่านี้บ่อโลหิตอสุราก็ยิ่งจะคึกคักไปกันใหญ่!”
ในเวลาแค่ไม่ถึงครึ่งวันนี้เย่หยวนได้เห็นว่ามีจักรพรรดิเทพสวรรค์ขั้นกลางราวเจ็ดถึงแปดคนและยังมีจักรพรรดิเทพสวรรค์ขั้นปลายเข้าไปภายในบ่อโลหิตอสุรา
ส่วนเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ขั้นต้นนั้นมันมีที่เข้าไปมากกว่าสิบคน!
ในเวลานี้มันกลายเป็นแหล่งรวมยอดฝีมืออย่างแท้จริง!
แน่นอนว่าเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายนั้นต่างจะไม่สนใจสมบัติใดๆ ในชั้นนอกและมุ่งหน้าตรงเข้าไปลึกภายในบ่อโลหิต
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใดแต่สุดท้ายเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ก็ไม่ปรากฏตัวเพิ่มขึ้นมาอีก เป็นตอนนั้นที่คนทั้งหลายเริ่มระเดินกลับเข้าไปสำรวจภายในบ่อโลหิตอสุราอีกครั้งหนึ่ง
แม้ว่าสภาพของบ่อโลหิตอสุราในเวลานี้มันจะบ้าคลั่งปานใด แต่มันก็หมายถึงโชคที่มากขึ้นตาม
ในเวลานี้มันไม่มีใครยอมที่จะน้อยหน้าใคร
เพราะหากโชคดีได้พบเจอเรื่องราวในบ่อโลหิตอสุรานี้เข้า พวกเขาคงบรรลุพัฒนาตัวขึ้นไปได้อีกมากล้ำ
“เย่หยวน มันถึงตาของเราบ้างแล้ว!” หวู่เจียงหันมาบอก
แต่เย่หยวนกลับยิ้มออกมา “ข้าว่ามันยังจะไม่จบง่ายๆ ปานนั้น! คนที่เข้าไปทั้งหลายนั้นคนที่อ่อนแอที่สุดก็ยังเป็นถึงจักรพรรดิเทพสวรรค์สามดาว ส่วนเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์หนึ่งและสองดาวนั้นยังไม่ปรากฏตัวออกมาแม้แต่คน เจ้าไม่คิดว่ามันแปลกหรือ?”
หวู่เจียงหน้าถอดสีทันที
และเสียงของเย่หยวนยังไม่ทันจะจางหายมันก็ปรากฏหลายเงาร่างขึ้นมากลางอากาศ
……………………..