Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2237 ตอบแทนความเมตตา
ภายในโพรงถ้ำใหญ่โตในเวลานี้มันกำลังมีหลายเงาร่างต่อสู้กันอย่างหนักหน่วง
บนผนังถ้ำเวลานี้มันเปี่ยมล้นไปด้วยสิ่งมีชีวิตสีดำแดงที่ปกคลุมครอบฟ้าดิน
เวลาเหล่าผีเทพสวรรค์นั้นกำลังปะทะกับเหล่าค้างคาวที่มีดวงตาสีแดงก่ำ
ส่วนอีกด้าน ทางเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งเจ็ดนั้นก็กำลังปะทะกับสุดยอดค้างคาวปีกเลือดขนาดยักษ์สามตัว
โชคยังดีที่ในที่แห่งนี้มิติมันบิดเบี้ยวอย่างมาก คลื่นพลังใดๆ ที่ถูกปล่อยออกมาล้วนถูกดูดหายไปสิ้นไม่ทำให้เกิดแรงสั่นไหวมากล้ำกับตัวถ้ำ
ราชันค้างคาวปีกเลือดทั้งสามตัวนั้นเองก็เป็นถึงจักรพรรดิเทพสวรรค์เช่นกัน กำลังต่อสู้ของพวกมันนั้นเหนือล้ำอย่างที่แท้ฝ่ายผีจะมีจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวมิ่งผู้เป็นถึงจักรพรรดิเทพสวรรค์สองดาว พวกเขาก็ยังไม่อาจจะจบการต่อสู้นี้ลงได้ง่ายๆ
พร้อมๆ กันนั้นที่ด้านบนพนังถ้ำมันก็ปรากฏให้เห็นดอกบัวสีแดงเลือดห้อยลงมาจากด้านบน ส่งคลื่นพลังหนักหน่วงสู่จิตใจของทุกผู้คน
เจ้าสิ่งนี้มันคือสมุนไพรวิญญาณระดับแปด!
ระหว่างที่ต่อสู้ไปตัวเจี่ยวมิ่งก็ได้แต่ต้องร้องร่ำ
“เจ้าโง่ทั้งหลายนี้มันกลับไม่มีปัญญาแม้จะจัดการค้างคาวพวกนี้! คนตั้งมากมายกลับเทียบไม่ได้กับเจ้าเด็กคนนั้นแค่คนเดียว! เป็นขยะเสียจริงๆ!”
ในเวลานี้เขาเริ่มคิดถึงตัวเย่หยวนขึ้นมา
เพราะหลังจากเดินทางมาอีกแสนนานในที่สุดคนทั้งหลายก็มาเจอเข้ากับบัวดอกโลหิต
นี่มันคือสมุนไพรวิญญาณระดับแปด แน่นอนว่าเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายต้องเบิกตาโตเมื่อเห็นมัน
แต่ก็ไม่มีใครคาดคิดว่าเจ้าบัวดอกโลหิตนี้มันจะมีฝูงค้างคาวปีกเลือดปกป้องอยู่มากมายทั้งราชันทั้งสามของฝูงค้างคาวปีกเลือดนี้มันยังเป็นถึงจักรพรรดิเทพสวรรค์อีกด้วย!
แม้ว่าพวกเขาจะมีกันถึงเจ็ดคนแต่พวกเขาทั้งหลายเองก็ไม่อาจจะจัดการเจ้าค้างคาวปีกเลือดทั้งสามนี้ลงได้ง่ายๆ
เหล่าสิ่งมีชิวิตในบ่อโลหิตทั้งหลายนั้นมันต่างมีวิธีการรับมือกับกายวิญญาณสิ้น
ในหมู่พวกมันทั้งสามนั้นราชันค้างคาวปีกเลือดตัวหนึ่งมันเป็นถึงจักรพรรดิเทพสวรรค์หนึ่งดาวขั้นสุด ใช้พลังคลื่นเสียงประหลาดออกมาทำให้แม้แต่จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวมิ่งก็ยังไม่อาจรับมือได้ง่ายๆ
ส่วนอีกด้านเหล่าค้างคาวปีกเลือดนั้นมันมีจำนวนมากล้นกว่าฝั่งผีเต๋าไปมาก
แม้ว่าพวกมันส่วนใหญ่จะยังอยู่แค่ระดับหก จำนวนค้างคาวปีกเลือดที่ขึ้นถึงระดับเจ็ดนั้นมันไม่ได้มีมากมายใดๆ แต่ถึงจะอย่างไรมันก็ยังคงนับได้ว่ามาก
หลังจากต่อสู้อย่างหนักหน่วง ในที่สุดทั้งฝ่ายราชันค้างคาวปีกเลือดและทางผีจักรพรรดิเทพสวรรค์ต้องบาดเจ็บไปตามๆ กัน
“ให้ตายสิ หากรู้เช่นนี้ข้าคงปล่อยให้เจ้าเด็กคนนี้มันอยู่ต่ออีกหน่อย! เจ้าโง่ทั้งหลายนี้มันไร้ค่าใดๆ อย่างสิ้นเชิงเลย!” จักรพรรดิเทพสวรรค์ก่วยชางกัดฟัน
เป็นตอนนี้เองที่พวกเขาทั้งหลายได้รู้ถึงความสำคัญของเย่หยวน
แต่มาเสียใจตอนนี้มันก็สายเกินไปแล้ว
“พี่เจี่ยวมิ่ง แบบนี้มันไม่ได้การแล้ว ท่านจะยังออมมือไปจนถึงเมื่อไหร่กัน?” จักรพรรดิเทพสวรรค์ฉานหยูถามขึ้น
จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวมิ่งจึงได้แต่ต้องถอนหายใจ “ช่างเถอะ เดิมทีข้าก็ยังคิดจะเก็บกำลังไว้ลุยต่อภายในส่วนลึก แต่พวกมันทั้งหลายนี้ก็เป็นตัวปัญหาที่เกินกว่าจะปล่อยไว้ได้จริงๆ”
พูดจบเขาก็ขยับนิ้วเผยให้เห็นถึงโคมไฟสีดำสนิท
เจ้าโคมสีดำนี้มันส่งคลื่นพลังหนักหน่วงออกมารอบๆ เพราะมันนั้นคือสมบัติวิญญาณจักรพรรดิเทพสวรรค์!
เมื่อเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์คนอื่นๆ ได้เห็นเช่นนั้นพวกเขาต่างก็ยิ้มกว้างออกมา
“โคมผีผสานระกา!” จักรพรรดิเทพสวรรค์ก่วยชางกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม
โคมผีผสานระกานี้มันคือสมบัติวิญญาณจักรพรรดิเทพสวรรค์ประจำกายของจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวมิ่ง มีพลังแข็งแกร่งอย่างมาก
คงพูดได้ว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวมิ่งที่ไม่ได้ใช้โคมผีผสานระกานั้นมันแสดงพลังออกมาได้ไม่ถึงครึ่ง
จากนั้นจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวมิ่งก็ยื่นมือออกมาส่งคลื่นพลังน่าขนลุกออกจากโคมผีผสานระกาทำให้ภายในถ้ำนั้นมันเย็นเยือกลงไปไม่น้อย
“ผีหน้าตะกละ กลืนพวกมัน!”
จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวมิ่งหรี่ตาลงร้องบอกก่อนจะเกิดใบหน้ายักษ์ขึ้นกลางอากาศพุ่งตัวออกมาจากโคมผีผสานระกา
เจ้าหน้าผีนี้มันเปิดอ้าปากกว้างพุ่งเข้าใส่ราชันค้างคาวปีกเลือดทั้งสามตัว
เมื่อได้เห็นการโจมตีนี้ทางราชันค้างคาวปีกเลือดก็ต้องหรี่ตาลงทันที
พร้อมๆ กนนั้นมันก็เกิดแสงสีแดงเลือดสาดส่อง พร้อมๆ กับที่เจ้าราชันค้างคาวปีกเลือดเปิดปากของมันออก
จากนั้นมันก็เกิดคลื่นเสียงสั่นสะท้านฟ้าดินดังขึ้นอย่างก้องกังวาน
“อั้ก!”
“ผัวะ!”
“อุก!”
ไกลออกไปเหล่าผีเทพสวรรค์ที่อ่อนแอหลายต่อหลายตนต้องแตกสลายหายไปกลางอากาศหลังสัมผัสกับคลื่นเสียงนี้
เวลานี้สีหน้าของเหล่าผีจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งเจ็ดมันก็เปลี่ยนสีไป ไม่นึกไม่ฝันว่าราชันค้างคาวปีกเลือดทั้งสามมันจะยังมีไม้ตายรุนแรงเช่นนี้ซ่อนไว้
แต่พวกเขาทั้งหลายก็ไม่มีเวลาจะคิดให้มากมายรีบใช้ไม้ตายของตนออกมาตามรับการโจมตีของราชันค้างคาวปีกเลือดไว้
จากนั้นคนทั้งหลายก็เริ่มการต่อสู้ตะลุมบอนอีกครา!
ทางผีจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งเจ็ดนั้นมีความได้เปรียบเรื่องจำนวน สุดท้ายพวกเขาก็ย่อมจะเริ่มกดดันทำให้ราชันค้างคาวปีกเลือดทั้งสามไม่อาจทนรับมือได้อีก
เวลานี้เหล่าผีจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งเจ็ดกำลังได้ใจ ถึงแม้จะได้รับบาดเจ็บไปไม่น้อยแต่หากได้บัวดอกโลหิตไปมันก็คงคุ้มค่า
“ว่าไง คึกคักกันดีจริงๆ นะ!”
ในเวลานั้นเองมันก็เกิดเสียงดังขึ้นมาจากด้านหลังของคนทั้งหลาย
เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายต้องหรี่ตาลงมองที่เขาร่างนั้นอย่างตกตะลึง
เพราะมันจะเป็นใครไปได้นอกจากเย่หยวน?
จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวมิ่งเบิกตากว้างกล่าวขึ้น “เจ้าเด็กคนนี้กลับยังไม่ตาย? ไม่สิ! ทำไมมันไม่มีบาดแผลใดๆ เลยเล่า?”
ถูกตัวเขมือบวิญญาณเทพสวรรค์ขั้นสุดติดตามไล่ไปเช่นนั้นมีหรือที่เย่หยวนจะรอดออกมาโดยไร้บาดแผล!
เจ้าเด็กคนนี้มันทำได้อย่างไร?
เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งเจ็ดนั้นมึนงงอย่างมาก แต่ก็เพราะว่าเรื่องนี้ที่ทำให้พวกเขาเกือบเสียท่าให้ราชันค้างคาวปีกเลือด
เวลานี้มันมิใช่เวลามทาเหม่อคิด พวกเขาทั้งหลายจึงรีบตั้งสติหันไปจัดการเหล่าราชันค้างคาวปีกเลือดต่อ
แท้จริงเย่หยวนได้ตามหลังคนทั้งหลายมาแสนนานและซ่อนตัวหลบอยู่ในช่องว่างห้วงมิติมองดูการต่อสู้ระหว่างเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์และราชันค้างคาวปีกเลือด
ในเวลานี้เขาเห็นว่ามันเหมาะสมแก่เวลาแล้วเย่หยวนจึงได้ปรากฏกายออกมา
“มันเป็นไปได้อย่างไร? เจ้าเด็กน้อย เจ้าคิดจะทำอะไรกัน?” จักรพรรดิเทพสวรรค์ก่วยชางถามขึ้นอย่างไม่วางใจ
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ทำอะไร? แน่นอนว่าข้าต้องตอบแทนความเมตตาของท่านจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลาย เย่ผู้นี้จะช่วยเก็บบัวดอกโลหิตไปเอง”
พูดจบเย่หยวนก็ไม่รอช้าพุ่งตัวลอยขึ้นไปหาบัวดอกโลหิตที่พนังถ้ำด้านบน
จำนวนของค้างคาวปีกเลือดนั้นมันมีไม่น้อย เมื่อเห็นว่าเย่หยวนคิดเข้าใกล้สมบัติของพวกมัน ค้างคาวปีกเลือดระดับเทพสวรรค์หลายตัวก็พุ่งเข้าใส่เย่หยวนหวังจะหยุดเขาลง
แต่ที่ใดที่เย่หยวนพุ่งตัวผ่าน เหล่าค้างคาวปีกเลือดก็จะตายลงอย่างไม่อาจตอบโต้ใดๆ ได้!
พลังการต่อสู้ของเขานี้มันมากกว่าเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหมดในที่นี้รวมกันเสียอีก!
แต่เมื่อเขาลงสนามต่อสู้มา เหล่าค้างคาวปีกเลือดมากมายก็ต้องเข้ามาปิดล้อมเขาตามคาด
เย่หยวนนักยกดาบฟาดฟันสังหารพวกมันจนไม่เหลือชีวิตใดๆ
ไม่มีใครทันรู้ว่าระหว่างที่เย่หยวนฆ่าสังหารเหล่าค้างคาวปีกเลือดไป เขาก็ได้ค่อยๆ วาดวางค่ายกลไปด้วย
อีกด้านเมื่อเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์เห็นพวกเขาต่างก็โกรธแค้นไม่พอใจขึ้นอย่างมาก
พวกเขานั้นได้แต่ร้องด่า แต่เย่หยวนก็ไม่คิดสนใจเดินเข้าไปหาบัวดอกโลหิตเรื่อยๆ
จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวมิ่งต้องหรี่ตาลงแน่นก่อนจะยกโคมผีผสานระกาขึ้นมา
พร้อมๆ กันนั้นมันก็เกิดคลื่นพลังหนักแน่นห่อหุ้มร่างกายของเขาไว้
“กายผีวัชระ! จงระเบิด!”
จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวมิ่งนั้นเหมือนได้เกราะหนามาใส่หุ้มร่างไว้ทำให้พลังโจมตีของเขารุนแรงขึ้นกว่าเก่ามาก
เวลานี้เหล่าราชันค้างคาวปีกเลือดทั้งสามนั้นแทบจะหมดแรงสู้แล้ว มีหรือที่จะยังรับการโจมตีสุดบ้าคลั่งของจักรพรรดิเทพสวรรค์สองดาวไว้ได้อีก?
ตุบ!
ตุบ!
ตุบ!
คลื่นพลังแสนน่าหวาดกลัวถูกส่งออกมาจนถายในถ้ำเริ่มเกิดความบิดเบี้ยวขึ้น
เวลานี้ราชันค้างคาวปีกเลือดทั้งสามได้ตายลงด้วยน้ำมือของจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวมิ่งสิ้น
ส่วนอีกด้านเย่หยวนก็พุ่งตัวเข้าไปจนเกือบจะถึงบัวดอกโลหิต
จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวมิ่งหัวเราะขึ้นอย่างเย็นเยือก “สวรรค์มีทางให้เดินดีๆ เจ้ากลับจะฝ่าฟันลงนรก! ในเมื่อคิดรนหาที่ตายแล้วจักรพรรดิผู้นี้ก็จะส่งเจ้าไปเอง!”
จักรพรรดิเทพสวรรค์ก่วยชางนั้นยิ้มขึ้น “เด็กน้อย เจ้ารอดพ้นความหายนะมาได้แต่กลับเลือกมารนหาที่ตายเพิ่ม! ครั้งนี้ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าเจ้าจะเอาปัญญาที่ไหนไปหนีอีก! ตาย!”
เทพสวรรค์ตัวน้อยกลับมากล้าแย่งชิงสมบัติที่จักรพรรดิเทพสวรรค์หมายตาทุ่มกำลังแย่งชิงมา
จักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งเจ็ดนั้นต่างไม่พอใจพุ่งตัวเข้าไปคิดจัดการเรื่องราวให้มันจบสิ้น
จักรพรรดิเทพสวรรค์เจ็ดคน มันจะต้องเป็นพลังที่ล้นฟ้าปานใด?
เมื่อเหล่าผีเต๋าทั้งหลายได้เห็น พวกเขาต่างก็หน้าซีดขาวลงไปตามๆ กัน
แต่ในเวลานั้นทางเย่หยวนกลับเผยรอยยิ้มออกมา
เมื่อตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวมิ่งเห็นรอยยิ้มนั้น ตัวเขากลับรู้สึกขนลุกไปทั้งกาย
……………..