Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2249 ตาสวรรค์
บนหลุมยักษ์นั้นมีสามเงาร่างกำลังลอยตัวมองดูมันอยู่
คนที่ยืนอยู่ตรงกลางมีท่าทางเหมือนผู้มากความรู้ในชุดคลุมยาวสีกรมท่า
ส่วนอีกสองคนที่เหลือนั้นหนึ่งก็คือชายชุดเทาที่ตามมาถึงหลุมดินนี้เป็นคนแรกนั่นเอง
ส่วนอีกผู้คนนั้นเป็นผีจักรพรรดิเทพสวรรค์!
ชายชุดกรมตรงกลางยกมือขึ้นมาลูบหนวดยาวของตน “ชุ่ยหยวน กู้หวน สหายทั้งสอง เฒ่าผู้นี้ได้มาถึงที่แล้ว พวกเจ้าอย่าได้ลืมเรื่องราวที่สัญญากันไว้เสียเล่า!”
กล้ามเนื้อบนใบหน้าของชายชุดเทาผู้นั้นกระตุกขึ้นทันทีที่ได้ยิน เขาคนนี้คือจักรพรรดิเทพสวรรค์ชุ่ยหยวน “สหายเทียนหยานวางใจเถอะ เจ้าก็ได้ค่าจ้างไปก่อนถึงครึ่งหนึ่งแล้ว ยังกลัวว่าเราจะไม่ยอมจ่ายใดๆ อีกหรือ?”
จักรพรรดิเทพสวรรค์กู้หวนก็กล่าวขึ้นมาเสริม “เฒ่าเทียนหยาน เจ้าจะเรียกค่าจ้างเท่าไหร่ก็เรื่องของเจ้า! แต่เจ้าต้องหาตัวมันให้พบ!”
ตัวเทียนหยานจึงหัวเราะขึ้นตอบมา “เครื่องรางเต๋าปรากฏออกมาเช่นนี้ สมบัติอันล้ำค่าระดับนั้นมีหรือที่เฒ่าคนนี้จะยอมช่วยถูกๆ ได้ ส่วนเรื่องหาคนนั้นอย่าได้กังวลไป หากข้าเทียนหยานผู้นี้บอกว่าตนเองเป็นที่สอง มันก็คงไม่มีใครจะกล้าอ้าตัวเป็นหนึ่งไป!”
ชุ่ยหยวนได้แต่ขมวดคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินคำโม้ “รีบๆ เข้าเถอะน่า!”
เทียนหยานพยักหน้ารับก่อนจะยกมือขึ้นวาดเป็นตราและร้องกล่าว “ตาสวรรค์ จงเบิกขึ้น!”
จากนั้นบนหน้าผากของเขามันก็มีตาที่สามลืมเปิดขึ้นมา
เมื่อตานี้ปรากฏขึ้นมามันก็ราวกับว่าคนผู้นี้มองเห็นทุกเรื่องราวทำให้ทั้งชุ่ยหยวนและกู้หวนต่างขนลุกชันไปตามๆ กัน
“พลังของเจ้าเฒ่านี่มันลึกลับเสียจริงๆ!” ชุ่ยหยวนกล่าว
จักรพรรดิเทพสวรรค์เทียนหยานหันมองดูรอบๆ หลุมดินก่อนจะส่ายหัวขึ้น “ที่แห่งนี้มันถูกพลังของเจ้าทำลายร่องรอยไปสิ้น! ต่อให้มันจะมีสิ่งใดมาก่อนข้าก็ไม่อาจจะเห็นถึงมันได้”
ชุ่ยหยวนจึงได้แต่ต้องตอบกลับมาด้วยใบหน้าเหยเก “ก็ในเวลานั้นเจ้าหมอนั่นมันมาถึงร่วงลงจนพื้นเป็นหลุมแต่ตัวคนกลับหายไปทั้งๆ ที่ข้าเองก็ตามมันมาติดๆ ข้าเลยคิดว่ามันอาจจะถูกใครช่วยไปและคิดโจมตีบังคับให้มันออกมา”
จักรพรรดิเทพสวรรค์เทียนหยานพยักหน้ารับ “เวลานี้ลองไปหาดูรอบๆ ก่อนเถอะ ตราบเท่าที่มันมีร่องรอยใดๆ แม้แต่น้อยข้าก็ย่อมจะมองเห็นถึงมันได้”
พูดจบจักรพรรดิเทพสวรรค์เทียนหยานก็ได้บินนำคนทั้งสองไปสำรวจพื้นที่รอบๆ
การสำรวจหานี้กินเวลาถึงสิบวันสิบคืน!
พื้นที่ในระยะล้านกิโลเมตรรอบๆ นี้ถูกคนทั้งสามหาจนทุกซอกมุมแต่กลับไม่พบเจอร่องรอยใดๆ แม้แต่น้อย
จนสุดท้ายจักรพรรดิเทพสวรรค์กู้หวนก็ไม่อาจอดทนได้อีกต่อไปต้องร้องลั่นขึ้นมา “สหายเทียนหยาน เจ้าบอกว่ามันไม่มีสิ่งใดหลบรอดตาวิเศษของเจ้าไปได้มิใช่หรือ? หรือว่าเจ้าหมอนั่นมันจะชิงเครื่องราวเต๋าและจางหายไปกับอากาศกันเล่า?”
จักรพรรดิเทพสวรรค์เทียนหยานนั้นเองก็มีสีหน้าหนักใจอย่างมากเพราะคำพูดโอ้อวดของเขาก่อนหน้านี้มันกลับมากดดันเขาเสียแล้ว
สิบวันมานี้เขาใช้กำลังความสามารถทั้งหมดตามตาแต่กลับไม่พบแม้แต่ร่องรอยใดๆ
รับเงินมาแล้วทำประโยชน์อะไรไม่ได้ ตัวเขาย่อมจะมีแต่ต้องอับอายขายหน้า
“หืม?” จู่ๆ สายตาของเขาก็หรี่ลงมองพร้อมหยุดเท้า
เมื่อได้เห็นว่าเทียนหยานเห็นอะไรบางอย่างเข้าทางชุ่ยหยวนและกู้หวนจึงเงียบปากลงทันที
เวลานี้สายตาของเทียนหยานมันไปหยุดลงที่มุมหนึ่งของป่าที่ซับซ้อนปกคลุมไปด้วยแมกไม้อย่างหนาแน่น
“เรามาถึงจุดนี้หลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่ได้พบเจอสิ่งใด!” ชุ่ยหยวนกล่าว
แต่ตัวเทียนหยานนั้นไม่พูดจาใดๆ สายตาของเขานั้นค่อยๆ หรี่เล็กลงเรื่อยๆ พร้อมด้วยตาที่สามที่เบิกกว้างขึ้นแทนจนทำให้คลื่นพลังลึกลับนั้นกระจายไปทั่วบริเวณ
“ซี๊ด…”
เทียนหยานต้องสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะกล่าวขึ้น “ช่างเป็นคนที่แยบยลนัก! มันกลับวางค่ายกลปกปิดไว้!”
ชุ่ยหยวนนั้นไม่อาจเข้าใจได้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงสิ่งใดจึงต้องถามขึ้น “มันมีอะไรหรือสหายเทียนหยาน?”
“ตามข้ามา!”
จักรพรรดิเทพสวรรค์เทียนหยานนั้นเดินพาคนทั้งหสองมาหยุดในป่าทึบนี้และแน่นอนว่ามันย่อมเป็นที่ที่เย่หยวนกางเขตแดนหลบซ่อนตัวไว้ก่อนหน้านั้น
เทียนหยานเดินดูรอบๆ ก่อนจะร้องขึ้นอย่างตกตะลึง “ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดเราหากันตั้งไม่รู้กี่รอบแต่กลับไม่พบเจอร่องรอยใดๆ ช่างเป็นวิชาที่เหนือล้ำแนบเนียน เป็นศิลปะโดยแท้!”
กู้หวนนั้นได้แต่ยืนทำหน้านิ่ง “เจ้าเลิกพูดจารู้เรื่องคนเดียวได้แล้ว! บอกเรามาว่ามันมีอะไรกันแน่!”
เทียนหยานจึงหันหน้ากลับมากล่าว “มีคนใช้พื้นที่ธรรมชาติบริเวณนี้สร้างวางค่ายกลปกปิดไว้ ผสานมันเข้ากับต้นไม้ใบหญ้าอย่างสมบูรณ์ ทำให้สามารถปกปิดคลื่นพลังของตนเองลงได้อย่างไม่มีใครพบเจอ! ต่อให้จะเป็นจิตที่หนักแน่นรุนแรงปานใดมันก็ไม่มีทางจะเป็นเป็นอย่างอื่นไปได้นอกจากแค่ป่า! คนผู้ที่วางค่ายกลนี้ไว้ย่อมจะเป็นจอมเทพค่ายกลชั้นสูงแล้ว! ฝีมือระดับนี้ข้าเกรงว่ามันอาจจะเป็นเจ้าฟ้าดินก็เป็นได้!”
ชุ่ยหยวนและกู้หวนเบิกตากว้างขึ้นทันทีอย่างไม่คิดอยากเชื่อ!
“บ้าน่า! หากเป็นเจ้าฟ้าดินผู้เชี่ยวชาญค่ายกลแล้วมีหรือที่เขาต้องซ่อนตัวจากเรา?” ซุ่ยหยวนกล่าว
“เรื่องนั้น…”
เทียนหยานเองก็ไม่อาจจะอธิบายได้เมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงพยายามแก้ตัวออกมา “ค่ายกลในระดับนี้มันสวยงามและเหนือล้ำ จอมเทพค่ายกลแปดดาวทั่วๆ ไปย่อมจะไม่มีทางทำได้ถึงปานนี้แน่ หากตาของข้านี้ไม่ได้เห็นถึงความบิดเบี้ยวน้อยๆ ในห้วงมิติแล้ว ต่อให้จะหาอย่างไรมันก็คงไม่อาจเจอได้! หากมิใช่เจ้าฟ้าดินแล้วจะเป็นระดับใดไปได้อีกเล่า?”
ซุ่ยหยวนและกู้หวนนั้นย่อมจะไม่อาจทำใจเชื่อลง แต่ไม่ว่าอย่างไรเสียการจะซ่อนตัวจากการค้นหาของพวกเขาทั้งสองนี้มันก็ย่อมจะมิใช่สิ่งที่คนทั่วๆ ไปจะทำได้
ที่สำคัญไปกว่านั้นมันยังมิใช่แค่การค้นหาลวก แต่พวกเขาค้นดูทุกเศษดินก้อนหินในระยะล้านกิโลเมตรนี้!
“เทียนหยาน เจ้ามีวิชาดูอดีตมิใช่หรือ? รีบๆ ลองดูเถอะว่ามันเป็นอะไรกันแน่!” กู้หวนเร่ง
เทียนหยานเองก็พยักหน้ารับยกมือทั้งสองขึ้นมาวาดเป็นวง “หวนอดีต! ตาสวรรค์ จงเบิกออก!”
ตาที่สามของเขานั้นเปิดกว้างออกมาส่องแสงสว่างจ้าด้วยพลังที่มาจากยอดเต๋าโดยตรง
จากนั้นมันก็ค่อยๆ ฉายภาพที่เกิดขึ้นย้อนหลัง
ผ่านไปได้สักพักพวกเขาก็ได้เห็นเงาร่างหนึ่งถูกดึงภาพบินย้อนกลับมา ข้างๆ กายเขานั้นมีผีเทพสวรรค์และชายชุดขาวสภาพปางตายอยู่
“เป็นมัน!”
เมื่อได้เห็นหน้าชายชุดขาวผู้นั้นชุ่ยหยวนและกู้หวนก็ร้องบอกขึ้นพร้อมๆ กัน
จากนั้นภาพก็ค่อยๆ จางหายไปพร้อมการหันมามองหน้ากันด้วยสีหน้าราวกับได้เห็นผีของคนทั้งสาม
“เทพสวรรค์! เจ้าหมอนั่นมันกลับเป็นแค่เทพสวรรค์! ค่ายกลนี้กลับเป็นแค่เทพสวรรค์ที่สร้างมันขึ้นมา!” เทียนหยานร้องลั่น
ก่อนหน้านี้เขาคิดไปถึงขั้นว่ามันอาจจะเป็นปรมาจารย์ค่ายกลระดับเจ้าฟ้าดินเสียด้วยซ้ำ!
ความแตกต่างนี้… มันมากเกินรับ
จู่ๆ ทางซุ่ยหยวนก็หรี่ตาลงอย่างเย็นเยือกขึ้น “แค่เทพสวรรค์กลับกล้ามาแย่งเหยื่อจากปากข้า? มันคงเบื่อชีวิตแล้วจริงๆ! สหายเทียนหยาน!”
เทียนหยานพยักหน้ารับ ในเมื่อเจอต้นตอของร่องรอยแล้วพวกเขาก็ย่อมจะติดตามไปได้ไม่ยากนัก
เขาจึงเปิดตาสวรรค์ขึ้นอีกครั้งก่อนจะค่อยๆ เดินนำคนทั้งสองไป
ทั้งสามคนจึงได้ออกเดินทางติดตามร่องรอยของเย่หยวน
…
หลายวันมานี้ความตื่นตะลึงของเจียงซือมันยิ่งมีแต่จะเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ
เพราะเทพสวรรค์ตัวน้อยนี้กลับกำลังดึงเอาเศษพลังเต๋าออกมาจากร่างของเขาทีละน้อยๆ!
อาการบาดเจ็บของเขาจึงค่อยๆ ดีขึ้นอย่างมาก
เย่หยวนนั้นใช้จิตดาบเป็นเข็มทองทิ่มเข้าร่างของเขาและดึงเอาเศษพลังเต๋าขยับเคลื่อนไปเรื่อยๆ
จากนั้นหลังจากเหวี่ยงรัดพลังไว้ได้เขาก็จะดึงมันออกมาอย่างช้าๆ
พูดนั้นมันฟังดูง่ายแต่พลังของเศษเต๋านั้นมันถูกสร้างขึ้นมาจากน้ำมือของเหล่าเจ้าฟ้าดิน!
เทพสวรรค์ตัวน้อยผู้นี้กลับกำลังควบคุมพลังเต๋าของเจ้าฟ้าดินได้
เรื่องราวเช่นนั้นแม้แต่จักรพรรดิเทพสวรรค์เองก็ยังไม่อาจทำ!
ความตื่นตะลึงในใจของเจียงซือนั้นมันมากเกินกว่าจะบรรยาย
“ฟู่… ออกมาหมดจนได้! เจ้าฟ้าดินนี่มันไม่ธรรมดาจริงๆ!” เย่หยวนเช็ดเหงื่อเม็ดใหญ่บนหน้าผาก
การรักษาครั้งนี้นับได้ว่ายากที่สุดเท่าที่เขาเคยจะรักษามา
เศษพลังเต๋านั้นมันเคลื่อนที่ไปมาในร่างกายของเจียงซืออย่างบ้าคลั่ง
มีเพียงแค่ต้นกำเนิดเต๋าดาบเท่านั้นที่จะใช้ในการรักษานี้ได้
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นมันก็ยังต้องใช้ความแม่นยำในระดับที่น่ากลัว เหมือนดั่งกำลังเดินอยู่บนเส้นด้าย
เพราะคลื่นพลังบ้าคลั่งมากมายกำลังไหลเวียนอยู่ในเส้นชีพจร และมีเพียงแค่เย่หยวนเท่านั้นที่จะจับมันไว้ได้
ผิดพลาดแค่นิดเดียวตัวเจียงซือคงตายลงทันที
โชคยังดีที่เรื่องราวผ่านไปได้ด้วยดีจนช่วยเจียงซือคนนี้ได้สำเร็จ
หลังจากที่เสร็จสิ้นเรื่องราวแล้วเย่หยวนก็โยนโอสถให้เขาพร้อมบอก “กินเสียแล้วมันจะช่วยรักษาเส้นชีพจรให้ท่านได้”
………………