Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2299 สะท้านเขาเมฆาคิมหันต์!
“รองมหาปราชญ์เก่งกาจขนาดนี้ได้อย่างไร?”
“ต่อหน้าเหล่ายอดฝีมืออาณาจักรบรรพกาลขั้นปลายทั้งหลายนั้นรองมหาปราชญ์กลับเอาชนะมาได้อย่างสิ้นเชิง! รองมหาปราชญ์เองก็มีอายุเพียงเท่านี้แต่จะบอกว่าเขานั้นกลับขึ้นมาเป็นถึงยอดฝีมืออาณาจักรบรรพกาลขั้นปลายได้?”
“จะอย่างไรมันก็ยังมีจุดสิ้นสุด! ศิษย์คนโตจางจื้อหลิงนั้นเป็นยอดฝีมืออาณาจักรบรรพกาลขั้นสุด เป็นตัวตนที่ปกครองโลกหล้าอย่างแท้จริง! ต่อหน้าเขานั้นต่อให้รองมหาปราชญ์จะแพ้คนทั้งหลายก็คงไม่มีใครกล้าว่ากล่าวใด!”
…
เย่หยวนได้เดินผ่านหน้าศิษย์ลำดับสองที่นั่งนิ่งด้วยความตื่นตะลึงที่พ่ายแพ้อย่างย่อยยับ
ครั้งนี้มันถึงเวลาของยอดคนที่อยู่บนจุดสุดยอดของโลกหล้าอย่างจางจื้อหลิงแล้ว!
อาณาจักรบรรพกาลขั้นสุดนั้นมันคือสุดเส้นทางที่นักหลอมโอสถจะเดินไปได้
หากมันไม่มีโอกาสอันเหนือล้ำจริงๆ คนทั้งหลายก็ย่อมจะไม่อาจเข้าใจถึงโอสถเต๋าได้
เหล่ายอดศิษย์ของบรรพกาลทั้งหลายนั้นต่างล้วนแล้วแต่เป็นยอดคนที่บ่มเพาะฝึกฝนมานับล้านๆ ปี แต่ส่วนมากแล้วมันก็ต้องมาหยุดลงตรงนี้
ยอดฝีมือในระดับของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นเอง ศิษย์คนโตทั้งสามของเขาก็ยังหยุดอยู่ที่อาณาจักรบรรพกาลขั้นสุดนี้!
แต่มันไม่มีใครเลยที่จะเรียนรู้ถึงโอสถเต๋าได้
มนุษย์นั้นมีจำนวนมากล้น วิชาโอสถรุ่งเรืองมันย่อมจะมีนักหลอมโอสถที่ขึ้นถึงอาณาจักรบรรพกาลขั้นสุดอยู่บ้าง
แต่ในหมู่คนทั้งหลายนั้นมันไม่มีใครที่จะก้าวผ่านก้าวสุดท้ายนี้ไปได้
หากมิใช่เพราะการเรียกของโอสถบรรพกาลแล้ว คนทั้งหลายที่อยู่ในระดับบรรพกาลนั้นก็คงไม่ออกหน้ามา
เวลานี้เหล่าคนที่ติดตามขึ้นมาดูเรื่องราวต่างตื่นเต้นกันอย่างถึงที่สุด
การประลองของยอดฝีมือนี้จะไปหาดูได้ที่ไหน?
งานประชุมโอสถสหภูมิภาคครั้งนี้มันถูกจัดขึ้นเพื่อให้เหล่าคนรุ่นใหม่ได้แสดงฝีมือ
ทุกคนต่างไม่นึกไม่ฝันว่ามันจะมีการประลองของยอดคนอาณาจักรบรรพกาลขั้นสุดเช่นนี้!
จางจื้อหลิงมองดูเย่หยวนด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง “เดินมาจนถึงที่นี่ได้ด้วยอายุเท่านี้ เจ้าคงทำให้คนทั้งโลกตกตะลึงแล้ว จางผู้นี้ขอชื่นชม!”
สภาพของจางจื้อหลิงในเวลานี้มันไม่ได้ดูเหมือนศิษย์ของบรรพกาลเฟิงหลินใดๆ แต่มันเหมือนท่าทางของปรมาจารย์คนหนึ่ง
เย่หยวนนั้นเก่งกาจ เขาเห็นมากับตา
แต่มันก็ยังไม่มากพอจะเขย่าความมั่นใจหนักแน่นของเขา
เมื่อก้าวขึ้นมาถึงระดับนี้ได้ตัวเขาย่อมจะบ่มเพาะความมั่นใจขึ้นมาจนถึงที่สุดและไม่มีอะไรจะมาสั่นคลอนได้
หากมิใช่เหล่าบรรพกาลลงมือเองแล้ว เขาย่อมจะยืนอยู่ในจุดสูงสุด!
ส่วนเรื่องที่ว่าเย่หยวนจะเข้าใจโอสถเต๋าได้หรือไม่นั้นเขาย่อมไม่เคยคิดถึงมัน
เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้
นึกย้อนกลับไปตอนหนุ่มๆ เขานั้นมากพรสวรรค์ปานใด?
ต่อให้มันจะไม่อาจเทียบเย่หยวนตรงหน้านี้ได้ แต่มันก็ไม่ได้อ่อนแอกว่ามากมายนัก
เวลานี้เขาได้บ่มเพาะวิชามานานนับแสนๆ ปีจึงจะก้าวขึ้นมาถึงจุดนี้ได้
เย่หยวนนั้นย่อมจะเป็นยอดคนแสนอัจฉริยะ แต่จะอย่างไรเขาก็ต้องมาหยุดที่ก้าวนี้นานนับแสนๆ ล้านๆ ปี!
“กฎเหมือนเดิม เจ้าเป็นคนรุ่นหลัง เจ้าเลือกหัวข้อโอสถเถอะ” เย่หยวนตอบกลับไป
คนทั้งหลายที่มองดูเรื่องราวต่างต้องหันมาหาเย่หยวนด้วยสายตาแปลกๆ ถึงเวลานี้แล้วยังว่าท่าเป็นผู้อาวุโสมันช่างดูขัดตาเสียจริง
แต่คำพูดนี้มันคือความจริงที่ไม่มีใครจะเถียงได้
จางจื้อหลิงนั้นควบคุมตัวเองได้ดีกว่าศิษย์คนอื่นๆ มากไม่เหมือนศิษย์น้องทั้งหลาย
เขานั้นไม่ได้แสดงท่าทีไม่พอใจใดๆ ออกมา เพียงแค่ยิ้มตอบกลับ “มันจบลงเท่านี้แหละ เดินมาจนถึงหน้าจักรพรรดิผู้นี้ได้มันก็แสดงได้ชัดเจนแล้วว่าเจ้าเก่งกาจสมชื่อรองมหาปราชญ์ ถอยกลับไปเสียแล้วเราจะถือว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น หากยังดื้อด้านความพ่ายแพ้นี้จะกระทบจิตแสวงเต๋าของเจ้าเอา!”
“ชิๆ จะอย่างไรปรมาจารย์ก็คือปรมาจารย์ ความอดทนนี้… เหนือล้ำจริงๆ!”
“จางจื้อหลิงนั้นมีกำลังไม่ได้ด้อยไปกว่ามหานักบวชดวงชะตาแห่งวิหารนักบวช!”
“เขานั้นเป็นผู้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกหล้า หากเหล่าบรรพกาลไม่ออกหน้าเองแล้วใครจะกล้าท้าทาย! หากรองมหาปราชญ์ยังมีสติอยู่บ้างเขาก็ควรจะถอย”
…
ท่าทางของจางจื้อหลิงนั้นทำให้คนทั้งหลายกล่าวชื่นชมไม่ขาดปาก
เพราะนี่มันคือท่าทางของยอดคนที่แท้!
เย่หยวนได้แต่หรี่ตาลงหัวเราะ “แม้เจ้าจะเป็นคนเฒ่าที่อยู่มานับล้านๆ ปีแต่ในเต๋าโอสถ ผู้ที่ก้าวถึงก่อนก็ย่อมจะเป็นผู้อาวุโส! เจ้าไม่ได้คิดว่าเย่ผู้นี้คือรองมหาปราชญ์ใดๆ แต่ก็ไม่เป็นไร! หากเป็นเช่นนั้น… ข้าก็จะแสดงให้เจ้าได้เห็นกับตานั้นเอง!”
ตั้งแต่จู้เทียนเซียงจนมาถึงจางจื้อหลิงนี้ รวมไปถึงคนทั้งหลายในที่นี้พวกเขาทั้งหลายต่างคิดว่าที่เย่หยวนมาเป็นรองมหาปราชญ์ได้นั้นมันเพราะอำนาจของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล
เพราะฉะนั้นพวกมันทั้งหลายจึงกล้าที่จะขุดหลุมล่อให้จักรพรรดิเทพสวรรค์เจิ้งหมิงโดดลงไปเช่นนั้น
‘ในเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ข้าก็จะต่อสู้จนกว่าพวกเจ้าจะยอมรับ!’
เขานั้นไม่คิดอธิบายใดๆ เพราะคำพูดมันไร้ค่า
หากเขาบอกว่าตนหลอมโอสถเต๋าได้ จะมีใครเชื่อ?
หากเป็นเช่นนั้นแล้ว เขาก็จะลากคอเหล่าบรรพกาลทั้งหลายออกมาและปะทะกันด้วยความรู้ระดับบรรพกาล!
จางจื้อหลิงนั้นยิ้มตอบกลับมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย “เช่นนั้นแล้วก็ช่างเถอะ รองมหาปราชญ์เลือกโอสถมาเถอะ”
เย่หยวนส่ายหัว “เจ้าเป็นผู้เยาว์ เจ้าเลือก! ไม่เช่นนั้นแล้วผู้คนจะหาว่าเย่ผู้นี้รังแกผู้อ่อนแอ”
ทุกผู้คนที่ได้ยินต่างต้องขมวดคิ้วขึ้นตามๆ กัน
จางจื้อหลิงส่ายหัวออกมาเมื่อได้ยิน “ก็ได้ เช่นนั้นจางผู้นี้จะขอเลือกโอสถวิญญาณบรรพกาลศึกทักษิณ”
“ซี๊ด…”
คนทั้งหลายต่างสูดหายใจเย็นเยือกเข้าไปพร้อมๆ กันเพราะโอสถวิญญาณบรรพกาลศึกทักษิณนี้มันคือหนึ่งในโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดที่หลอมได้ยากที่สุด
ฝีมือของโอสถวิญญาณบรรพกาลศึกทักษิณนั้นก้าวไปถึงระดับนั้นแล้ว?
เย่หยวนยืนมองด้วยมือไพล่พลังก่อนจะบอก “ได้ มู่เถี่ยเฉิง!”
มู่เถี่ยเฉิงนั้นยืนนิ่ง ไม่รู้ว่าต้องก้าวขาเดินอย่างไร
ตั้งแต่เริ่มจนมาถึงตอนนี้ ตัวเขานั้นรู้สึกเหมือนตัวเองได้ฝันไป!
โอสถนั้นมันมีแต่จะยากขึ้นๆ ทุกครั้ง แต่คุณภาพของมันกลับมีแต่จะสูงขึ้นๆ!
นี่มันเหมือนมีทองคำร่วงลงมาจากท้องฟ้า!
เวลานี้ตัวเขาได้แต่ร้องขอบคุณบรรพบุรุษตระกูลฟางเทียนเหรินไปสิบแปดชั่วโคตร
หากมิใช่เพราะเจ้าหมอนี่มันคิดเหยียบย่ำเย่หยวนแล้วมีหรือที่เขาจะได้โอกาสทองเช่นนี้?
เขานั้นใช้ผลึกปราณเทวะขั้นเยี่ยมไปกว่าหมื่นล้านซื้อสมุนไพรที่เย่หยวนต้องการจากตัวจางจื้อหลิง
“เริ่มเถอะ” เย่หยวนบอก
จางจื้อหลิงเองก็ไม่คิดเถียงใดๆ เริ่มลงมือหลอมโอสถด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเขาลงมือนั้นลมฟ้าเมฆาต่างๆ ก็เริ่มสั่นไหว!
คลื่นพลังแห่งเต๋านั้นตกลงมาปกคลุมเขาเมฆาคิมหันต์สิ้น
เวลานี้บนเขาเมฆาคิมหันต์นั้นมันมีคลื่นพลังชีวิตหลั่งไหลทำให้ดอกไม้เริ่มผลิบานออกมา
มันราวกับว่าทั้งโลกมันได้ค่อยๆ ถือกำเนิดขึ้นในหม้อหลอม
เทียบกับศิษย์น้องของเขาทั้งหลายแล้วการหลอมโอสถของจางจื้อหลิงนี้มันเหนือล้ำไปอย่างสิ้นเชิง
คนทั้งหลายนั้นต่างมองดูการหลอมของพวกจู้เทียนเซียงทั้งหลายและคิดว่ามันคือสุดยอดของยอดฝีมือเหนือล้ำกว่าจะจินตนาการ
แต่เป็นเวลานี้เองที่พวกเขาได้รู้ว่าตัวเองนั้นโง่เง่าเพียงใด!
ที่แท้แล้วเต๋าโอสถมันกลับสามารถก้าวขึ้นมาถึงระดับนี้ได้!
อย่าว่าแต่จู้เทียนเซียงใดๆ แม้แต่ศิษย์ลำดับสองของบรรพกาลเฟิงหลินก็ยังไม่อาจเทียบเคียงกับจางจื้อหลิงผู้นี้ได้!
จางจื้อหลิงนั้นมีกำลังที่สะสมมานานนับล้านๆ ปี มันเป็นกำลังฝีมือที่ไม่อาจเทียบ
หากบรรพกาลทั้งหลายไม่ลงมือแล้วโลกนี้มันคงไม่มีใครเอาชนะเขาได้
เวลานี้หลายต่อหลายคนได้หันหน้ามามองเย่หยวนด้วยความสงสัย ดูท่ารองมหาปราชญ์จะเสียท่าแล้ว!
ต่อให้เย่หยวนจะก้าวขึ้นมาถึงอาณาจักรบรรพกาลขั้นสุดได้แต่มันก็คงไม่อาจเหนือล้ำกว่าจางจื้อหลิงไปได้
กำลังของเขานี้ถูกฝึกฝนมานานปีอย่างที่ไม่มีใครจะต่อต้าน
หากไม่ขึ้นถึงระดับของโอสถเต๋าอันเป็นตำนานนั้น มันก็ย่อมจะไม่อาจเอาชนะได้
เย่หยวนหรี่ตาลงมองจางจื้อหลิงด้วยความสนใจ
แน่นอนแล้วว่าหากเทียบกับศิษย์น้องทั้งหลายของเขานั้นจางจื้อหลิงย่อมจะเก่งกาจกว่าหลายเท่า
ได้เห็นการหลอมของจางจื้อหลิง เย่หยวนก็ยังสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ไม่น้อย
เขานั้นไม่เคยสนใจว่าคู่ต่อสู้นั้นจะเก่งกาจหรืออ่อนแอ ตราบเท่าที่มันมีอะไรให้เรียนรู้ได้เขาก็จะเรียนรู้อย่างไม่ลังเล
จากนั้นเวลาก็ค่อยๆ ไหลเคลื่อนไป
หลายวันต่อมาในที่สุดโอสถวิญญาณบรรพกาลศึกทักษิณก็ถูกหลอมขึ้น!
จางจื้อหลิงยิ้มขึ้นก่อนจะค่อยๆ เปิดหม้อหลอม
ในวินาทีนี้ทั้งเขาเมฆาคิมหันต์ต่างสั่นสะท้านไปด้วยความตื่นเต้นของผู้คน!
………….