Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2305 จักรพรรดิเทพสวรรค์เหยาชู
แม้จักรพรรดิเทพสวรรค์ชิงหยูจะจากไปแล้วแต่จักรพรรดิเทพสวรรค์วันเปาก็ยังต้องอ้าปากค้าง
“ท่านชิงหยูนั้นเป็นหนึ่งในจักรพรรดิเทพสวรรค์ของอาณาจักรทหัยเมฆาที่ปกครองโลกหล้า ตำแหน่งของเขานั้นสูงล้ำฟ้าดินไม่ได้ต่ำไปกว่าเหล่าเจ้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายด้วยซ้ำ! คำพูดเดียวของเย่หยวนนี้กลับทำให้เขาต้องลงมาจัดการเรื่องราวเองเลยหรือ?” จักรพรรดิเทพสวรรค์วันเปาร้องถามขึ้นอย่างตกตะลึง
“บางทีมันอาจจะเป็นเพราะชื่อเสียงของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลท่านใช่ไหมเล่า? วิหารนักบวชนั้นมันคือดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการโอสถที่เป็นรองแค่อาณาจักรทหัยเมฆา!” จักรพรรดิเทพสวรรค์จั่วหยุนกล่าวขึ้นมา
ในเวลานั้นเองมันก็มีจักรพรรดิเทพสวรรค์ผู้หนึ่งที่เดินผ่านมาตรงหน้าเรือนรับรองและได้ยินเข้าพอดีจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้น “เพราะชื่อมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล? ฮ่าๆ พวกเจ้าคงเป็นญาติห่างของรองมหาปราชญ์แล้ว?”
มีตระกูลใดบ้างที่จะไม่มีญาติห่างๆ?
พวกจักรพรรดิเทพสวรรค์จั่วหยุนทั้งหลายนั้นคิดอยากตอบกลับไปด้วยท่าทางไม่พอใจแต่พอได้เห็นว่าคนผู้นั้นมีพลังบ่มเพาะเหนือล้ำกว่าพวกเขาไปมากแล้วพวกเขาทั้งหลายก็จึงไม่กล้าจะท้าทายใดๆ อีก!
พวกเขาทั้งหลายจึงได้แต่ต้องยืนฟังเรื่องราวไป “พวกเจ้าคงเพิ่งมาถึงและคงไม่แปลกหากไม่รู้! หึๆ เวลานี้นามของรองมหาปราชญ์นั้นมันถูกสร้างขึ้นมาด้วยมือทั้งสองของเขาสิ้น! มันไม่ได้ใช้ชื่อของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลใดๆ แล้ว ก็จริงที่ว่าท่านชิงหยูนั้นมีตำแหน่งเหนือล้ำฟ้าแต่ต่อหน้ารองมหาปราชญ์แล้วมันก็ไม่มีค่าใด!”
“ซี๊ด…”
คนทั้งหลายที่ได้ยินถึงขั้นต้องสูดหายใจอย่างเย็นเยือก
ชิงหยูนั้นมีตำแหน่งเหนือล้ำกว่าพวกเขาไปมาก
แต่ตำแหน่งของเย่หยวนมันสูงล้ำกว่านั้นไปอีก!
พวกเขาไม่ได้เจอกันแค่กี่ปี? จะบอกว่าเย่หยวนกลับพัฒนาขึ้นไปได้จนถึงปานนั้นแล้ว?
แท้จริงมันก็แค่เพราะว่าพวกเขานั้นไม่ได้มีความรู้ประสบการณ์ที่มากพอก็เท่านั้น
หากดันหยู่นั้นรู้ถึงตัวตนของโอสถเต๋าแล้ว เขาก็ย่อมจะรู้ได้ว่าโอสถจุติฟื้นโกลาหลที่เย่หยวนหลอมขึ้นมานั้นมันคือสิ่งที่อยู่เหนือล้ำฟ้า ก้าวผ่านเต๋าไปแล้ว
จักรพรรดิเทพสวรรค์ผู้นั้นค่อยๆ เล่าเรื่องที่เย่หยวนทำไว้ในช่วงหลายวันนี้มาจนทำให้คนทั้งหลายต้องอ้าปากค้างกว้างกว่าเดิม
แม้แต่จักรพรรดิเทพสวรรค์ชิงหยูผู้สูงส่งในสายตาเขานั้นกลับยังถูกเย่หยวนลงโทษต่อหน้าผู้คน!
แค่นั้นมันอาจจะยังไม่เท่าไหร่ แต่หลังจากนั้นแล้วเขายังต้องมาทำงานรับคำเย่หยวนอีกด้วย!
คนผู้เดียวท้าทายห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์จนทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าต้องยอมก้มหัวลงให้
นี่มันเป็นเรื่องราวจากตำนานใดกัน!
พวกเขานั้นไม่กล้าแม้แต่จะนึกถึงมัน
พวกเขาทั้งหลายนั้นเพิ่งมาถึงยังอาณาจักรทหัยเมฆาและไม่ได้รู้ถึงสภาพภายใน
เป็นเวลานี้เองที่พวกเขาทั้งหลายได้รู้ว่าเขาขนนกที่เย่หยวนพูดถึงมันคือสถานที่เช่นใด
“หึๆ แม้ว่าข้าจะไม่รู้แน่ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบนยอดเขาเมฆาคิมหันต์แต่เวลานี้ผู้คนต่างคาดเดากันไปว่าเย่หยวนผู้นั้นมีฝีมือจนถึงระดับบรรพกาลและยืนเคียงข้างเหล่าบรรพกาลทั้งหลายได้ไปแล้ว! เจ้าคิดว่าเขานั้นแค่ใช้นามของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล? หากจักรพรรดิผู้นี้เป็นพวกเจ้าข้าคงจะรีบไปก้มกราบลงต่อหน้ารองมหาปราชญ์ หากได้รับรางวัลจากเขาผู้นั้นแม้สักอย่าง ข้าคงกลายเป็นยอดคนได้อย่างแน่นอนแล้ว!”
หลังจากจักรพรรดิเทพสวรรค์ผู้นั้นบอกเล่าเสร็จเขาก็เดินจากไปด้วยเสียงหัวเราะทำให้คนทั้งหลายได้แต่ยืนค้างไม่อาจหุบปากที่อ้าค้างได้
…
เมื่อเวลาผ่านไปเหล่ายอดฝีมือจากทั่วทิศก็เริ่มมารวมตัวกันมากขึ้นจนทำให้เมืองทหัยเมฆานั้นคึกคักขึ้นอีกหลายเท่าตัว
ภายในเมืองเวลานี้ทั้งบนถนนหรือตรอกซอยมันล้วนต่างมีการประลองโอสถกันให้เห็นทั่วไป
แม้ว่าในหมู่คนทั้งหลายนี้เหล่าชาวเมืองทหัยเมฆาจะเก่งกาจกว่าคนนอกไปมากก็ตาม
จะอย่างไรโอสถบรรพกาลก็ปกครองมหาพิภพถงเทียนมานานและก่อสร้างเมืองทหัยเมฆานี้มาอย่างหนักแน่นมียอดฝีมือมากล้น สมชื่อว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งแห่งการโอสถ
หลายดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่โลกภายนอกนั้นต่างก็มีเส้นสายเชื่อมโยงกับเมืองทหัยเมฆานี้สิ้น
ยอดฝีมืออาณาจักรเต๋าที่ว่าหายากๆ ในโลกภายนอกนั้นมีอยู่ในที่แห่งนี้อย่างมากล้น
แม้แต่เหล่าอาณาจักรบรรพกาลเองก็มีอยู่ไม่ขาดเช่นกัน
เทียบกันแล้วรากฐานของเมืองอินทรีสวรรค์นั้นมันตื้นเขินอย่างมาก
เย่หยวนนั้นพาตัวหยุนยี่ออกมาประลองกับผู้คนทั้งหลายทุกวี่วันทำการแลกเปลี่ยนความรู้โอสถกับผู้คนทำให้ทั้งสองคนนั้นพัฒนาไปได้อีกอย่างมาก
ที่ใดที่เย่หยวนไปนั้นมันย่อมจะมีคนต้อนรับเสมอๆ
เพราะจะอย่างไรเสียไม่ว่าจะมีข่าวลืออย่างไรแต่ความเป็นจริงนั้นก็คือตัวเย่หยวนนี้เอาชนะจางจื้อหลิงมาได้
แค่เรื่องนี้มันก็มากพอที่จะทำให้คนทั้งหลายยอมเคารพเขาอย่างที่ไม่อาจเอาไปเทียบยอดฝีมือคนอื่นๆ ได้
ยอดฝีมือในระดับนั้นมันไม่มีทางจะลงมาเดินเที่ยวเล่นในเมือง
แต่เย่หยวนนั้นกลับไม่คิดสนใจตำแหน่งของตนเดินพาศิษย์ไปประลองและสั่งสอนวิชาโอสถผู้คนจึงทำให้ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามต่างยอมต้อนรับเขาอย่างอบอุ่นสิ้น
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือวิชาการโอสถที่เย่หยวนสอนสั่นออกมามันได้ทำให้คนทั้งหลายยอมรับสุดหัวใจ
ก่อนหน้านี้เย่หยวนแสดงตนอย่างโอหังอวดดีทำให้คนทั้งหลายคิดว่าเขาคงเป็นคนที่เย็นชาไม่สนใจผู้คน
แต่หลายวันมานี้คนทั้งหลายได้เข้าใจแล้วว่าเย่หยวนมิใช่คนไร้เหตุผล แต่เขานั้นกลับเป็นคนที่เข้าถึงง่ายไม่ถือตัวมากมาย
นั่นทำให้เวลานี้ไม่ว่าคนทั้งสามจะไปที่ใดในเมืองมันก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีสิ้น
เมื่อเห็นเรื่องราวเช่นนี้เย่หยวนเองก็ย่อมจะโล่งใจ
เพราะไม่ว่าโอสถบรรพกาลจะมีเป้าหมายการจัดงานอย่างไร ตัวงานประชุมโอสถสหภูมิภาคเองนี้มันก็ย่อมจะเป็นสถานที่ที่ให้เหล่านักหลอมโอสถได้พัฒนาฝีมือตนเองจริงๆ
การจะจัดการโอสถที่ใหญ่โตเช่นนี้ได้ในมหาพิภพถงเทียนมันคงมีแต่โอสถบรรพกาลเท่านั้นที่จะทำได้
หลายเดือนต่อมาในที่สุดงานประชุมโอสถสหภูมิภาคก็ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
ในวันนี้ถนนตรอกซอยนั้นไร้ผู้คน เพราะทุกผู้คนนั้นต่างไปรวมตัวกันที่ลานกว้างกลางเมืองทหัยเมฆาสิ้น
เหล่านักหลอมโอสถที่ได้รับการยอมรับให้เข้าร่วมงานนั้นมีมากมายกว่าแสนคน!
และในหมู่คนทั้งหลายที่ได้เข้าร่วมนี้ส่วนมากก็เพราะว่าเส้นสายทั้งสิ้น
ทุกผู้คนต่างเข้าใจดีว่าผู้ชนะงานในครั้งนี้ย่อมจะเป็นได้แค่เหล่าคนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ๆ
แต่คนที่เข้าร่วมงานในครั้งนี้ส่วนมากนั้นจะเป็นศิษย์ในรุ่นที่สามของสำนักสิ้น
เพราะศิษย์รุ่นที่สองส่วนมากนั้นจะเก่งกาจจนเกินไป อย่างจางจื้อหลิงนั้นเองก็เป็นยอดคนที่ยิ่งใหญ่ค้ำฟ้าดินได้ย่อมจะไม่มีประโยชน์ใดให้ต้องลงมาแข่งขันในงานเช่นนี้
เย่หยวนนั้นนั่งมองดูเรื่องราวอยู่บนที่นั่งสูงมองดูภาพเบื้องล่าง
จนในที่สุดมันก็มีชายวัยกลางคนในชุดสีฟ้าครามเดินออกมาจากที่นั่งด้านบนสุด
เมื่อเขาปรากฏกายออกมาคนทั้งหลายก็แตกตื่นไปตามๆ กัน
เพราะแม้แต่เหล่าบรรพกาลทั้งหลายเองก็ยังต้องหันมามองด้วยท่าทางเหยเก
ชายวัยกลางคนผู้นี้เปิดปากพูดขึ้น “ขอบคุณพวกท่านทั้งหลายที่สละเวลามาเยี่ยมเยือนเข้าร่วมงานประชุมโอสถสหภูมิภาคครั้งนี้ จักรพรรดิผู้นี้คือเหยาชู ศิษย์ลำดับสองของท่านอาจารย์”
ฮือ!
คนทั้งหลายเปิดปากพูดขึ้นมาพร้อมๆ กัน!
“นี่คือจักรพรรดิเทพสวรรค์เหยาชูยอดคนมากพรสวรรค์แห่งการโอสถ หนึ่งในตำนานบนมหาพิภพถงเทียนนี้!”
“ได้ยินว่าเขานั้นใช้เวลาแค่สามหมื่นปีก็บ่มเพาะขึ้นอาณาจักรบรรพกาลได้! จากนั้นเขาก็ได้กราบโอสถบรรพกาลท่านเป็นอาจารย์และบ่มเพาะจนถึงอาณาจักรบรรพกาลขั้นสุดด้วยเวลาแค่แสนปี สิบล้านปีต่อมาในที่สุดเขาก็ได้ตรัสรู้ผ่านขึ้นอาณาจักรโอสถเต๋า!”
“จากนั้นได้ยินว่าเขานั้นไปท้าทายเหล่าบรรพกาลนับสิบๆ และไม่พ่ายแพ้แก่ใคร! จนสุดท้ายนั้นได้ไปท้าทายมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์ลบรรพกาลและถูกกำราบลงเป็นครั้งแรก”
“ในหมู่ยอดฝีมือบรรพกาลทั้งหลายนั้น จักรพรรดิเทพสวรรค์เหยาชูนับว่าอายุน้อยที่สุดแล้ว!”
…
เย่หยวนนั้นไม่เคยได้ยินเรื่องของจักรพรรดิเทพสวรรค์เหยาชูมาก่อนแต่ดูจากสีหน้าของคนทั้งหลายนั้นเขาก็รู้ได้ทันทีว่าเขาผู้นี้คือตำนานที่ยังหายใจ
เขานั้นไม่ได้เป็นนักสู้ แต่โลกของเหล่านักสู้กลับมีตำนานของเขานักหลอมโอสถผู้นี้
เย่หยวนนั้นหันหน้าขึ้นไปมองดูที่จักรพรรดิเทพสวรรค์เหยาชูก่อนจะพบว่าตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์เหยาชูเองก็กำลังหันลงมามองเขาอยู่
พร้อมๆ กันนั้นมันก็เกิดจิตต่อสู้อันหนักแน่นพุ่งเข้าสู่ร่างเย่หยวนจนแทบจะฉีกร่างเขาเป็นชิ้นๆ
เย่หยวนที่สัมผัสได้เช่นนั้นก็ตกตะลึงไปไม่น้อยก่อนจะค่อยๆ ใช้พลังของมหาพิภพดันจิตต่อสู้นั้นกลับออกมา
เขานั้นจ้องมองดูที่จักรพรรดิเทพสวรรค์เหยาชูก่อนจะปล่อยจิตต่อสู้ของตนขึ้นมาบ้าง
ทุกผู้คนต่างหันมามองเรื่องราวอย่างไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างคนทั้งสองกันแน่
การตอบสนองนี้ของเย่หยวน แม้แต่ตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์เหยาชูเองก็ยังตื่นตะลึง
เพราะเขานั้นไม่นึกว่าเย่หยวนจะป้องกันจิตต่อสู้ของเขาไว้ได้เด็ดขาดปานนี้!
นั่นจึงทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาก่อนจะหันไปกล่าวกับผู้คนต่อ “มันไม่มีอะไรให้ต้องประกาศมากมาย รางวัลของงานประชุมโอสถสหภูมิภาคในครั้งนี้มันยิ่งใหญ่มาก เพราะมันคือตำราที่ท่านอาจารย์เขียนเองกับมือ ผู้ชนะของกลุ่มอาณาจักรเต๋าและกลุ่มอาณาจักรบรรพกาลนั้นจะได้รับมันไปคนละฉบับ!”
เมื่อคนทั้งหลายได้ยินมันก็ต้องเกิดความแตกตื่นโกลาหลขึ้นอย่างไม่อาจห้าม
………………….