Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2366 สัญญาของเต๋าบรรพกาลสายฟ้า!
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้หันไปมองยังเต๋าบรรพกาลสายฟ้าแต่ก็ไม่ได้หยุดเขาใดๆ
เต๋าบรรพกาลนั้นคือตัวตนที่อยู่สูงล้ำโลกหล้าในมหาพิภพถงเทียนนี้ แม้แต่เหล่ายอดคนเผ่าเทวาทั้งหลายเองก็ยังไม่กล้าจะลงมือต่อหน้าพวกเขาง่ายๆ
เขานั้นมีสิทธิพอที่จะทำ
แม้ว่าการพูดขึ้นมาครั้งนี้ คำพูดของเขานั้นมันจะอึดอัดเต็มที
แต่ใครเล่าที่จะกล้าว่าเขา?
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นยังต้องไว้หน้าเขาบ้างตราบเท่าที่เขาไม่คิดยุ่งกับสมบัติสืบทอดเลิศล้ำ
แต่ในมิติสงครามดึกดำบรรพ์นั้นมันเกิดเสียงแห่งความตื่นตะลึงดังขึ้นทั่วทุกทิศ!
“เต๋าบรรพกาลสายฟ้า! มันเป็นเต๋าบรรพกาลสายฟ้าที่กล่าวพูดนี้!”
“ดูท่าแล้วเต๋าบรรพกาลสายฟ้าจะให้ค่าผางเจิ้นมากจริง!”
“เย่หยวนผู้นี้ก็เก่งกาจเสียจริงๆ ถึงกับทำให้ตัวเต๋าบรรพกาลสายฟ้าต้องออกมาพูดกล่าวเช่นนี้ได้! เขานั้นไม่ไว้หน้าจักรพรรดิเทพสวรรค์ว่านหลิงแต่ใบหน้าของเต๋าบรรพกาลนี้ เขาคงไม่มีทางเลือกใช่หรือไม่?”
…
การทำให้เต๋าบรรพกาลยื่นมือมายุ่งเรื่องราวของคนรุ่นหลังได้นั้นมันก็นับว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้ว
อย่างน้อยๆ ในหมู่เด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งล้านคนนี้มันก็ไม่มีใครทำได้อย่างเย่หยวน
เพราะอย่างไรเสียผางเจิ้นนั้นก็เป็นยอดฝีมือที่มีสิทธิเป็นตัวเต็งจะได้รับสมบัติสืบทอดเลิศล้ำ
แต่เมื่อได้ยินเสียงนี้ตัวผางเจิ้นก็แทบต้องกระอักเลือดออกมา
น่าอับอาย!
‘ไม่นึกเลยว่าข้า ผางเจิ้นนี้จะต้องให้ท่านบรรพบุรุษสายฟ้ามาพูดช่วย!’ ผางเจิ้นนั้นได้แต่ร้องขึ้นมาในใจ
เมื่อเย่หยวนได้ยินเช่นนี้เขาเองก็ผงะไปเช่นกัน
เพราะทีแรกเขายังสงสัยอยู่ว่าทำไมผางเจิ้นจึงได้มีแนวคิดสายฟ้าที่เหนือล้ำปานนี้ ไม่นึกไม่ฝันว่าแท้จริงแล้วเขาจะเป็นทายาทลูกหลานของเต๋าบรรพกาลสายฟ้า
เมื่อเต๋าบรรพกาลสายฟ้ากล่าวขึ้นมาเช่นนี้แล้วตัวเย่หยวนเองก็ได้แต่ต้องยืนเงียบ
ทุกผู้คนนั้นหันมองดูที่เขารอว่าเขาจะตอบกลับไปอย่างไร
หลังจากหยุดคิดไปนานสองนานในที่สุดเย่หยวนก็เปิดปากพูด “ให้เขาติดอันดับที่สิบเอ็ดนั้นย่อมได้ แต่ข้าต้องการให้ท่านเต๋าบรรพกาลสายฟ้าสัญญากับข้าเรื่องหนึ่ง!”
ทุกผู้คนที่ได้ยินต้องอ้าปากค้างอย่างไม่อยากเชื่อหู
เจ้าหมอนี่มันกลับคิดเจรจาต่อรองกับเต๋าบรรพกาล?
มันจะกล้าจนเกินไปแล้ว!
ครั้งนี้มันเป็นฝ่ายเต๋าบรรพกาลสายฟ้าบ้างที่ต้องตอบ
“พูดมา! ตราบเท่าที่มันมิใช่เรื่องเกิดหัวบรรพกาลผู้นี้ย่อมจะช่วยได้!” เต๋าบรรพกาลสายฟ้ากล่าวออกมาหลังหยุดคิดไปพักหนึ่ง
เย่หยวนจึงกล่าวขึ้น “ข้าหวังแค่อยากให้ท่านเต๋าบรรพกาลสายฟ้าช่วยข้าเอาหยาดชีวามา!”
เมื่อเต๋าบรรพกาลสายฟ้าได้ยินเช่นนั้นเขาก็ร้องลั่นขึ้นมา “หยาดชีวา! เฮอะ เด็กน้อย เจ้าช่างกล้าพูดเสียจริงๆ! เจ้ารู้แน่หรือว่าหยาดชีวามันคืออะไร?”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “ข้าย่อมทราบดี! เพราะฉะนั้นข้าจึงได้ขอให้ท่านเต๋าบรรพกาลสายฟ้าช่วยเหลือ!”
เขานั้นไม่ใช่คนโง่เง่าใดๆ ตัวเย่หยวนย่อมจะรู้ดีว่าหยาดชีวามันคือสิ่งใด
นี่มันคือวัตถุที่อยู่เหนือกฎ มันมีค่าจนไม่อาจเทียบเคียงสิ่งใด!
มันจะปรากฏขึ้นมาบนโลกนี้แค่ในทุกๆ ร้อยล้านปี
และสิ่งนี้มันไม่เคยจะออกไปถึงโลกเบื้องล่างเลย
ในโลกเบื้องล่างนั้นตัวตนของมันเป็นเพียงแค่ตำนาน
เพราะเหล่าเต๋าบรรพกาลไม่เคยจะปล่อยมันไป!
เต๋าบรรพกาลสายฟ้ากล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยือก “เรื่องนั้นไม่ได้ เปลี่ยนเรื่องอื่น!”
แต่เย่หยวนกลับส่ายหัวออกมา “ต้องขออภัย เย่ผู้นี้ต้องการแค่สิ่งเดียว ข้านั้นแค่อยากได้หยาดชีวาเท่านั้น หากท่านผู้อาวุโสไม่อาจช่วยเหลือแล้วเย่ผู้นี้ก็คงไม่อาจตอบรับคำของผู้อาวุโสได้เช่นกัน”
พูดไปเขาก็เคลื่อนค่ายกลดาบออกมาอีกครั้งเตรียมสังหารผางเจิ้น
ทุกผู้คนต่างได้แต่ยืนนิ่ง!
เจ้าหมอนี่มันช่างกล้า!
นี่มันคือเต๋าบรรพกาล! แต่เขากลับไม่คิดสนหน้าอีกฝ่ายแม้แต่น้อย!
“เด็กน้อย เจ้ากล้า!” เสียงนั้นดังลั่นฟ้าดินแสดงถึงความไม่พอใจของเต๋าบรรพกาลสายฟ้าได้ชัดเจน
เย่หยวนตอบกลับไป “คนทั้งสิบเจ็ดนี้คิดสังหารข้าก่อน ผางเจิ้นและยูถันจื่อเองก็เป็นหัวหอกของพวกมัน ในเมื่อเรื่องราวความแค้นถูกก่อขึ้นแล้วเหตุใดข้ายังต้องให้มันได้รับสมบัติสืบทอดใด? แม้ว่าผู้อาวุโสจะมีตำแหน่งเหนือล้ำฟ้าดินแต่ท่านกลับคิดจะบังคังเย่ผู้นี้อย่างไม่คิดตอบแทนใดๆ ต้องขออภัย เรื่องเช่นนั้นมันคงเป็นไปไม่ได้!”
พูดไปตัวเย่หยวนก็พุ่งดาบออกจากห้วงมิติเข้าหาผางเจิ้น
เหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดานับล้านนั้นมองพูดภาพนี้ด้วยปากที่อ้าค้างอย่างไม่อยากเชื่อ
เก้าเต๋าบรรพกาลนั้นมันคือตัวตนที่ปกครองโลกหล้า เป็นสุดยอดพลังที่แท้!
พวกเขานั้นคือจุดสุดยอดของมหาพิภพถงเทียนอย่างแท้จริง
ประชากรของมหาพิภพถงเทียนนั้นมันมีมากมายนับล้านๆๆ แต่คนที่ก้าวขึ้นไปถึงระดับเต๋าบรรพกาลได้นั้นมันมีเพียงแค่เก้าคน
นี่มันคือผู้ถือครองโลก ตัวตนที่เป็นสัญลักษณ์แห่งเต๋าสวรรค์
แต่เวลานี้เย่หยวนกลับคิดจะสังหารผางเจิ้นต่อหน้าเขา!
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นเองก็มีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก
เพราะเขาก็ไม่นึกเช่นกันว่าเย่หยวนจะหนักแน่นได้ปานนี้
หน้าของเต๋าบรรพกาลนั้นเขาไม่คิดสนใจใดๆ มันช่างทำให้ผู้คนตกตะลึงได้สุดใจ
เพราะจะอย่างไรเสียแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังต้องไว้หน้าเต๋าบรรพกาลอยู่บ้าง!
แน่นอนว่าตกใจนั้นก็ตกใจ แต่เขาเองก็เตรียมรับมือเต๋าบรรพกาลสายฟ้าเต็มตัว
เพราะหากอีกฝ่ายกล้าลงมือจริงๆ แล้วเขาก็ไม่เกรงกลัวที่จะลงมือบ้าง
เขานั้นจัดงานประลองยอดอัจฉริยะครั้งนี้ขึ้นมาก็เพื่อจะนำเผ่าพันธุ์ไปสู่ทางสว่าง มิใช่จัดขึ้นมาเพื่อเต๋าบรรพกาลสายฟ้า
เวลานี้ดูอย่างไรเย่หยวนก็คือผู้ที่จะได้รับสมบัติสืบทอดเลิศล้ำ เขาย่อมจะไม่มีทางปล่อยให้เต๋าบรรพกาลสายฟ้าได้ทำอะไรตามใจชอบ
เต๋าบรรพกาลสายฟ้าหันมามองหน้าเขาเหมือนจะรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรก่อนจะกล่าวขึ้น “หยุด! หยาดชีวานั้นอาจจะปรากฏขึ้นมาอีกครั้งราวๆ พันปีต่อจากนี้! บรรพกาลผู้นี้สัญญาว่าจะช่วยเจ้าเมื่อมันถึงเวลานั้น! แต่เรื่องที่ว่าจะสำเร็จหรือไม่นั้นมันย่อมจะอยู่ที่โชคชะตาของเจ้าแล้ว! ข้ายอมให้ได้แค่นี้!”
เมื่อเย่หยวนได้ยินเขาก็ยิ้มกว้างขึ้นมา “ย่อมได้! ผู้อาวุโสโปรดสาบานต่อเต๋าสวรรค์! ครั้งเมื่อท่านลงมือท่านจะช่วยข้าอย่างสุดความสามารถ!”
เต๋าบรรพกาลสายฟ้านั้นผงะไปด้วยใบหน้าดำมืดก่อนจะกล่าวสาบานออกมาในที่สุด
หลังเย่หยวนได้ยินคำสาบานต่อเต๋าสวรรค์นั้นเขาก็วางใจลงได้
เพื่อที่จะชุบชีวิตมู่หลินเสวียแล้วอย่าว่าแต่ลบหลู่เต๋าบรรพกาลสายฟ้าใด ต่อให้ต้องทำลายสวรรค์ลงเขาก็พร้อมที่จะทำ
เมื่อได้รับสัญญาของเต๋าบรรพกาลสายฟ้าเย่หยวนก็หันค่ายกลดาบไปฆ่าสังหารคนอีกผู้หนึ่งทันที
แต่เมื่อสังหารคนผู้นั้นแล้วเขาก็หันกลับมาฆ่าสังหารผางเจิ้นอย่างไม่รอช้า
จนสุดท้ายตัวผางเจิ้นก็ได้อันดับที่สิบเอ็ดไป ติดรายชื่อสุดท้ายของผู้ได้รับสิบยอดสมบัติสืบทอด
เมื่อเต๋าบรรพกาลสายฟ้าได้เห็นเช่นนั้นใบหน้าของเขาก็แดงก่ำขึ้นมา
เจ้าเด็กคนนี้มันช่างรู้จักยั่วโมโหคน!
ปล่อยให้ผางเจิ้นได้พ่ายอย่างสวยงามหน่อยไม่ได้หรือ?
ได้ที่สองที่สามมันก็ยังพอได้!
แน่นอนว่าศึกหลังจากนั้นก็ย่อมจะไม่มีเรื่องราวใดๆ ให้น่าจดจำ เย่หยวนนั้นแค่ใช้ค่ายกลดาบไล่สังหารเด็กชะตาไร้คาดเดาที่เหลือจนสิ้น
ภายในกรงขังนั้นมันเหลือเพียงแค่ตัวเย่หยวนและว่านเจิ้น
“หึๆ ไม่นึกเลยว่าสุดท้ายแล้วมันก็จะเป็นศึกตัดสินของพี่ว่านกับข้าอีก!” เย่หยวนหัวเราะขึ้นมา
ว่านเจิ้นนั้นยิ้มรับออกมา “ข้าก็ไม่นึกเหมือนกันว่าเจ้าจะใช้วิธีการเช่นนี้จนมาตัดสินกับข้าจนได้ หลายวันมานี้ข้าคงถูกเจ้าทิ้งห่างลิบลับแล้ว!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ยังไม่ได้สู้จะรู้ได้อย่างไรกันเล่า? พี่ว่านนั้นเป็นยอดคนมากพรสวรรค์ที่สุดเท่าที่เย่ผู้นี้เคยได้พบเจอมา!”
ว่านเจิ้นที่ได้ยินก็รู้สึกซาบซึ้งขึ้นมา เย่หยวนนั้นไว้หน้าเขาอย่างมาก
เพราะถึงเวลานี้จะสู้หรือไม่มันก็ไม่มีค่าใดๆ แล้ว
ไม่มีใครคิดว่าตัวเขาจะเอาชนะเย่หยวนได้ แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่คิดเช่นนั้น
แต่เย่หยวนนั้นกลับไว้หน้าเขาอย่างมาก
เย่หยวนนั้นไม่คิดสนใจหน้าตาชื่อเสียงของเต๋าบรรพกาล แต่เย่หยวนกลับไว้หน้าให้เกียรติและชื่อเสียงเขามากมาย!
เขานั้นเริ่มได้เข้าใจถึงกฎการปฏิบัติตัวของเย่หยวนขึ้นมา
สิ่งใดที่เขาไม่ชอบนั้นต่อให้เอามีดมาจ่อคอเขาก็ไม่มีทางหวาดกลัว
สิ่งใดที่เขาชอบนั้นต่อให้ต้องสู้กับคนทั้งโลก เขาก็พร้อมจะสู้ไปด้วยกัน!
นี่มันคือสหายที่ควรค่าจะมีไว้!
จากนั้นเขาก็ต้องหัวเราะขึ้นมาอย่างสะใจดังลั่น “ได้ เช่นนั้นก็มาตัดสินกันเถอะ! ครั้งนี้ข้าคงไม่ออมมืออีกแล้ว!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ต้องเป็นเช่นนั้นแล้ว!”
คนทั้งสองนั้นต่อสู้กันไปอีกหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ!
เย่หยวนนั้นไม่ได้ออมมือใดๆ แต่จะอย่างไรว่านเจิ้นนั้นก็ได้รับฉายานามว่าเป็นเด็กชะตาไร้คาดเดาที่ถึกทนที่สุด
จนถึงสุดท้ายเมื่อว่านเจิ้นใช้ปราณเทวะออกมาจนหมดสิ้นแล้ว เย่หยวนจึงได้กลายเป็นฝ่ายชนะไป!
เมื่อจบศึกนี้ลงแล้วศึกของเหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดามันก็ปิดม่านลงในที่สุด!
…………….