Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2376 ต้นกำเนิดผสานทลายวังสวรรค์เฝ้า!
“ต้นกำเนิดเต๋าดาบ! ต้นกำเนิดเต๋าค่ายกล! ต้นกำเนิดห้วงมิติ! นี่มัน… เจ้าหมอนี่มันเป็นใครกันแน่?”
“ยอดอัจฉริยะเหนือสวรรค์เช่นนี้มันปรากฏขึ้นในเผ่ามนุษย์ตั้งแต่เมื่อใดกัน? ทำไมจึงไม่มีข่าวคราวของมันในเผ่าเทวาเลย?”
“น่ากลัวจนเกินไปแล้ว! หากอัจฉริยะเช่นนี้ได้มีเวลาเติบโตแล้วมันคงได้กลายเป็นภัยร่างของเผ่าเทวาเรา!”
…
ไม่ว่าจะเป็นเผ่าเทวาหรือเผ่ามนุษย์ทั้งหลายในที่นี้หลังจากได้เห็นพลังตรงหน้าพวกเขานั้นก็ต้องยืนนิ่งด้วยใบหน้าขาวซีด
จักรพรรดิเทพสวรรค์ห้าดาวคนหนึ่งกลับสามารถบ่มเพาะสามพลังต้นกำเนิดได้ ทั้งหนึ่งในนั้นยังเป็นถึงสุดยอดแนวคิด!
พรสวรรค์เช่นนี้มันน่ากลัวจนเกินไป
เจ้าวังสวรรค์เฝ้าหรี่ตาลงมองอย่างหนักใจ “ไม่มีทาง! ข้าไม่อาจปล่อยมันไว้ได้อีกต่อไปแล้ว! ไม่เช่นนั้นวันหน้ามันคงได้กลายเป็นหายนะของเผ่าเทวาเรา!”
“โจมตีเข้าเด็กคนนี้พร้อมกัน สังหารมันให้ได้!” เจ้าวังสวรรค์เฝ้าร้องสั่งอย่างไม่คิดลังเลใดๆ
แม้ว่าพลังที่เย่หยวนแสดงออกมานั้นมันจะดูน่าเกรงกลัวแต่มีหรือที่ตัวตนระดับเจ้าวังสวรรค์เฝ้านั้นจะหวาดกลัว?
ด้วยกำลังของเจ้าวังสวรรค์เฝ้านี้ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์เก้าดาวเองก็คงไม่มีปัญหาใด ไม่ต้องพูดถึงเย่หยวนที่เป็นแค่จักรพรรดิเทพสวรรค์ห้าดาวเลย
ภายใต้คำสั่งนี้ยอดคนทั้งหลายก็ได้ต่างใช้วิชาฝีมือออกมาอย่างเต็มที่
แม้ว่าการโจมตีทั้งหลายนั้นมันจะไม่อาจพุ่งผ่านห้วงมิติมาได้แต่มันก็ยังคงรุนแรงไม่มีเปลี่ยน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าเต๋าสวรรค์แปดลายขั้นปลายทั้งหลายนั้นที่มีพลังเหนือล้ำกว่าคนอื่นๆ ไปหลายเท่าตัว
ฉินเชาที่ได้ยินอยู่ข้างกายเย่หยวนนั้นต้องยืนนิ่งด้วยใบหน้าขาวซีด
มีหรือที่คนอย่างเขาจะเคยเห็นการปะทะที่รุนแรงเช่นนี้มาก่อน?
“เจ้าอย่าได้ขัดขืน ปล่อยตัวไปตามการจัดวางของข้าไม่เช่นนั้นแล้วจะได้ตายเอา”
เสียงของเย่หยวนดังขึ้นอย่างเฉื่อยชาทำให้จิตใจของฉินเชาสงบลง
แม้จะเจอยอดฝีมือขนาดนี้พร้อมๆ กันแต่ตัวเขานั้นกลับยังคงสงบเยือกเย็นได้
ราวกับว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้าของเขานี้มันมิใช่เผ่าเทวาใด แต่เป็นเพียงแค่หมูหมากาไก่ไร้ฝีมือ!
“ค่ายกลดาบนิพพานแท้ ผงาด!”
เย่หยวนยกนิ้วขึ้นมาส่งคลื่นพลังของค่ายกลดาบหนักหน่วงเข้าปกคลุมพื้นที่
พริบตาเดียวนั้นพื้นที่กว้างใหญ่นี้มันก็ได้กลายเป็นสนามรบเลือด!
“อ่า!”
“อั่ก!”
“อ้าก!”
…
เสียงกรีดร้องนั้นยังคงดังต่อเนื่อง เหล่ายอดฝีมือชาวมนุษย์ทั้งหลายนั้นรวมไปถึงเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ขั้นปลายทั้งหลายต่างร่วงตายตกลงอย่างต่อเนื่องหายไปในเวลาแค่พริบตา
ไม่ว่าจะอย่างไรแม้แต่พวกผางเจิ้นทั้งหลายก็ยังไม่อาจจะรับมือค่ายกลดาบของเย่หยวนได้นานมากนัก มีหรือที่คนทั้งหลายจะทนทานได้?
พวกผางเจิ้นทั้งหลายนั้นคือเด็กชะตาไร้คาดเดา แต่ละคนนั้นเป็นถึงจักรพรรดิเทพสวรรค์เจ็ดดาวแปดดาวกันสิ้น
เทียบกันแล้วเหล่ายอดฝีมือชาวมนุษย์ตรงหน้านี้มันช่างอ่อนแอแสนธรรมดา
เจ้าวังสวรรค์เฝ้าหรี่ตาลงมองภาพตรงหน้าอย่างตื่นตะลึง
เขานั้นไม่เคยนึกฝันว่ามนุษย์จะกลับมีพลังต่อสู้ที่สูงล้นปานนี้ได้!
การต่อสู้ข้ามระดับเช่นนี้ทั้งยังฆ่าสังหารอีกฝังลงเป็นเบือ ต่อให้จะเป็นตัวเขาที่เป็นเผ่าเทวานั้นเองก็ยังไม่อาจจะทำได้!
เผ่าเทวานั้นเก่งกาจแต่มีหรือที่อัจฉริยะของเผ่าเทวาจะสามารถฆ่าสังหารจักรพรรดิเทพสวรรค์ขั้นปลายได้นับสิบๆ ด้วยเพียงแค่ยกฝ่ามือเหมือนเย่หยวน?
ไม่มีทาง!
ยิ่งได้เห็นฝีมือนี้ของเย่หยวนไปมากเท่าใดตัวเขานั้นก็ยิ่งตกตะลึงไปมากเท่านั้น
หลังจากที่เหล่ามนุษย์ทั้งหลายตายลงมันก็เริ่มมาถึงตาของเผ่าเทวา
เผ่าเทวาทั้งหลายเองก็ไม่อาจจะยืดหยันอยู่ได้นานนักในค่ายกลดาบนี้
คลื่นพลังใดๆ ไม่ว่าจะเป็นกระบวนท่าแบบไหนมันก็ไม่มีค่าใดในค่ายกลดาบนี้
ค่ายกลดาบนิพพานแท้ในเวลานี้มันได้ผสานไปด้วยต้นกำเนิดห้วงมิติที่เย่หยวนสร้างขึ้นมาใหม่ทำให้พลังของมันนั้นพัฒนาไปอีกหลายเท่าตัวนัก
สามพลังต้นกำเนิดผสานเป็นหนึ่ง นี่มันคือพลังที่มากล้นอย่างไม่อาจจินตนาการ
เวลานี้เมื่อค่ายกลดาบนิพพานแท้มันได้รับการพัฒนาขึ้นมามันย่อมจะเรียกได้ว่าไร้ช่องว่างใด!
ตอนนี้แม้แต่ตัวเจ้าวังสวรรค์เฝ้าเองก็ยังรู้สึกถึงภัยความตายใกล้เข้ามา
เขานั้นอยากจะหนีแต่เวลานี้มิติมันถูกปิดกั้นชะงักงันผสานกับพลังของค่ายกลดาบนี้ที่โจมตีอย่างไม่หยุดพักเขาจึงไม่อาจจะหนีไปที่ไหนได้เลย!
มิติชะงักมันเท่ากับว่าห้วงมิติในบริเวณนี้ได้ตกอยู่ในการควบคุมของเย่หยวนสิ้น
การที่ไม่สามารถใช้พลังของมิติใดๆ ได้นั้นมันก็เท่ากับว่าการเคลื่อนไหวต้องพึ่งปราณเทวะล้วนๆ ไม่อาจจะหนีไปไหนได้ง่ายๆ
“ไม่มีทาง! ข้าต้องส่งข่าวไป! ไม่เช่นนั้นแล้วมันคงได้เกิดหายนะขึ้นอีกแน่ในวันหน้า!”
คิดมาได้ถึงตรงนี้เจ้าวังสวรรค์เฝ้าก็ไม่ลังเลใดๆ รีบยกผลึกสีขาวอันหนึ่งออกมาถือไว้ในมือ
ผลึกสารพลัน!
นี่มันคืออุปกรณ์สื่อสารที่เรียกว่าด่วนและสำคัญที่สุดของเผ่าเทวา หากถูกเปิดใช้ออกมาแล้วมันจะสามารถส่งข่าวไปยังเบื้องบนของวังสวรรค์เฝ้าได้ในเวลาแค่วันเดียว
เจ้าวังสวรรค์เฝ้านั้นกล่าวเสียงใส่ลงผลึก “ฟ้าใต้มีเด็กคนที่บ่มเพาะสามต้นกำเนิดพลังได้ เป็นหายนะ! ขอรีบส่งเต๋าสวรรค์เก้าลายลงมาจัดการมันด้วย!”
ฟู่!
พูดจบผลึกนั้นก็ถูกเจ้าวังสวรรค์เฝ้าขยี้แหลกคามือก่อนจะส่งตัวอักษรชุดหนึ่งบินหายพุ่งไป
ข่าวนี้มันกลับสามารถผ่านมิติชะงักของเย่หยวนไปได้!
“ฮ่าๆ เด็กน้อย ต่อให้เจ้าจะสังหารเราลงได้แต่เจ้าก็ต้องได้ตายตาม! หลังจากข่าวนี้มันถูกส่งไปถึงยังวังสวรรค์เฝ้าใต้แล้วความตายของเจ้าจะกลับมาถึงแน่!” เจ้าวังสวรรค์เฝ้าหัวเราะลั่นขึ้นมา
เขานั้นไม่มีความมั่นใจใดๆ ที่จะเอาชนะเย่หยวนได้
เพราะว่าเวลานี้เขาได้ใช้ทุกสิ่งอย่างที่มีออกมาแล้วแต่ก็ยังไม่อาจจะหนีพ้นจากค่ายกลดาบของเย่หยวนไป
เย่หยวนนั้นย่อมจะเห็นเรื่องราวทั้งหมดที่เจ้าวังสวรรค์เฝ้าทำ เมื่อได้ยินคำพูดของเขานี้เย่หยวนจึงตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม “อ่า เช่นนั้นหรือ? เจ้าลองหันไปดูด้านหลังสิ”
คำพูดนี้ทำให้สีหน้าของเจ้าวังสวรรค์เฝ้าเปลี่ยนสีไปด้วยความหวาดกลัว
เพราะเวลานี้ที่ด้านหลังของเขานั้นในระยะประมาณพันเมตรมันกำลังมีตัวอักษรลอยค้างอยู่กลางอากาศไม่อาจจะออกจากระยะของค่ายกลดาบไปได้
ดวงตาของเขาต้องเบิกโพลงร้องขึ้น “น-แนวคิดแห่งกาลเวลา! นี่เจ้า… ยังเป็นคนอยู่หรือไม่?”
มันคือแนวคิดแห่งกาลเวลาแล้ว!
อักษรทั้งหลายนั้นมันอาจจะผ่านแนวคิดแห่งห้วงมิติไป แต่ไม่อาจจะหลุดจากแนวคิดแห่งกาลเวลา!
ภายใต้พลังแนวคิดแห่งกาลเวลานี้ไม่ว่าจะเป็นอักษรที่รวดเร็วปานฟ้าแค่ไหนมันก็ต้องช้าลงจนแทบหยุดอยู่กับที่
พลังของแนวคิดแห่งกาลเวลานี้มิใช่หนึ่งต่อสามสิบอีกต่อไป
เพราะหนึ่งต่อสามสิบย่อมจะไม่อาจหยุดยั้งผลึกสารพลันได้
คนที่ได้เห็นต่างจะเข้าใจได้ทันทีว่าแนวคิดแห่งกาลเวลาตรงหน้านี้มันคืออัตราหนึ่งต่อร้อย!
เย่หยวนถูกซัดลงมาในกระแสมิติเวลานี้มันนับได้ว่าเป็นความฉิบหาย แต่ในความฉิบหายนั้นมันก็ยังมีโชคที่พอให้เขาเก็บเกี่ยวอยู่บ้าง
ไม่ว่าจะเป็นแนวคิดแห่งห้วงมิติหรือแนวคิดแห่งกาลเวลา เขาต่างก็ได้พัฒนามันอย่างมากหลั่งไหลลงมากับกระแสมิติเวลา
ฉัวะ!
ดาบแสงพุ่งผ่านไปฉีกอักษรทั้งหลายนั้นเป็นชิ้นๆ
สีหน้าของเจ้าวังสวรรค์เฝ้าซีดขาวอย่างตกตะลึง เวลานี้สายตาที่เขาใช้มองเย่หยวนนั้นมันเหมือนเขากำลังมองสัตว์ประหลาด
“เอาล่ะ ได้เวลาส่งเจ้าตามพวกมันไปแล้ว!” เย่หยวนกล่าวด้วยความเฉยชา
…
ไม่นานนักข่าวเรื่องนี้มันก็ลือลั่นสะท้านไปทั้งฟ้าใต้!
วังสวรรค์เฝ้าฟ้าใต้นั้นมันกลับถูกใครบางคนทำลายลงอย่างที่ไม่เหลือชีวิตใดๆ
คนที่อยู่ภายในวังรวมถึงตัวเจ้าวังสวรรค์เฝ้าต่างตายตกลงสิ้น!
ข่าวนี้มันรุนแรงส่งผ่านไปทั่วทั้งแดนใต้อย่างรวดเร็ว
วินาทีนี้ไม่ว่าจะไปที่ใดต่างก็ได้ยินคนพูดถึงเรื่องนี้กัน
พวกเขานั้นตกตะลึงกับเรื่องในครั้งนี้มากเพราะว่าตั้งแต่อดีตกาลมามันยังไม่เคยจะมีข่าวว่าวังสวรรค์เฝ้าถูกทำลายลงเช่นนี้มาก่อน
และที่น่ากลัวที่สุดเลยก็คือไม่มีใครรอดชีวิต
ไม่มีใครทราบได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“การจะทำลายวังสวรรค์เฝ้าลงไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้ อย่างน้อยๆ มันคงเป็นฝีมือของเจ้าฟ้าดินสองทลายแล้วใช่หรือไม่?”
“ไม่! มีหรือที่เจ้าฟ้าดินสองทลายจะหยุดผลึกสารพลันได้? ต่อให้จะเป็นเจ้าฟ้าดินห้าทลายเองเรื่องราวเช่นนี้มันก็คงมีไม่กี่คนที่จะทำได้”
“เช่นนั้น… เช่นนั้นแล้วมันเป็นใคร? เรื่องราวครั้งนี้มันอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนของยุคสมัย”
…
เผ่าพันธุ์ทั้งหลายนั้นต่างให้ความสนใจตื่นเต้นกับเรื่องราว เพราะว่าผู้คนส่วนใหญ่นั้นย่อมเป็นคนที่ถูกกดขี่อย่างหนักหน่วงมานานปี
การกระทำของเย่หยวนนี้มันเหมือนเป็นการระบายออกให้แก่คนทั้งหลาย
เพียงแค่ว่าภายนอกต่อหน้าผู้คนนั้นพวกเขาไม่แสดงท่าทางใดๆ ออกมา พวกเขานั้นไปตื่นเต้นดีใจกันเวลาได้มีเวลาส่วนตัวกับเพื่อนฝูง
ในที่สุดแล้วความคับแค้นนี้มันก็ได้ระบายเสียที!
แต่ทว่าเมื่อข่าวนี้มันดังไปจนถึงนิกายม่วงน้อย พวกเขาทั้งหลายต่างต้องสั่นสะท้านอย่างเงียบงัน!
…………….