Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2385 อยู่ใต้หนึ่งคนแต่เหนือล้านคน!
“เจ้าเป็นอะไรไป?” เจียนหรูเฟิงนั้นเห็นสีหน้าแปลกๆ ของเย่หยวนจึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาอย่างตื่นตะลึง
เพราะตอนที่เห็นหน้ากันก็ไม่ได้แสดงท่าทางตกตะลึงใดๆ เช่นนี้
เขานั้นถูกเชิญให้ไปเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนและไม่รู้จะทำตัวอย่างไรจนมีสีหน้าเช่นนี้หรือ?
มีหรือที่เขาจะเข้าใจว่าเวลานี้ในหัวของเย่หยวนมันสับสนปั่นป่วนแค่ไหน?
นี่มันคือความผิดปกติของมิติเวลา หรือว่าแท้จริงมันก็แค่ประวัติศาสตร์ที่เดิมไปตามรอย?
เขานั้นมีตัวตนอยู่ในประวัติศาสตร์จริงหรือ? หรือว่าที่นี่มันคือมิติโลกอื่น?
หรือว่าแท้จริงแล้วเขาจะแค่กำลังฝันไป?
ทุกสิ่งอย่างตรงหน้านี้มันไม่มีสิ่งใดที่เขาจะเข้าใจ
บางทีพระผู้เป็นเจ้าบนสรวงสวรรค์อาจจะทราบ แต่เขาย่อมไม่มีทางลงมาบอกเย่หยวน
เย่หยวนนั้นฝืนกดความตื่นตะลึงอย่างหวาดกลัวในหัวใจลงก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกตอบกลับมา “ได้ ข้ารับคำท่าน!”
ได้ยินคำตอบตรงๆ ของเย่หยวนนั้นตัวเจียนหรูเฟิงก็ยิ้มขึ้นมา
แผนการยอดอัจฉริยะนั้นมันกำลังดำเนินไปอย่างต่อเนื่องแต่เพียงแค่ว่าผลลัพธ์ที่แผนนี้จะทำได้ เขาไม่อาจรู้ได้เลยว่ามันจะทำได้สักแค่ไหน
พื้นฐานของเผ่ามนุษย์มันต่ำต้อยจนเกินไป!
ภายใต้พื้นฐานที่ต่ำตมเช่นนั้นแล้วมันต้องใช้เวลาสักเท่าใดกว่าที่จะสามารถพัฒนาไปได้อย่างมากล้ำจนก้าวข้ามหัวเผ่าเทวาไปได้?
เจียนหรูเฟิงนั้นมีเต๋าทำนายที่ไร้ใครเทียบจริง
แต่เขาเองก็เป็นแค่มนุษย์คนหนึ่งที่มีวิชาประหลาด
การแปรรูปสิ่งของนั้นมันทำได้ไม่ยาก แต่หากคิดอยากสร้างของขึ้นมาจากอากาศเปล่าๆ มันย่อมยากเย็นมากแล้ว!
หากคิดอยากสร้างวรยุทธบ่มเพาะที่เหนือล้ำออกมาจากอากาศ สร้างวรยุทธต่อสู้ ช่วยให้บรรลุแนวคิดหรือทำเรื่องใดๆ เช่นนั้นมันย่อมยากกว่าการขึ้นสวรรค์
แต่การปรากฏตัวของเย่หยวนนี้มันเหมือนแสงจันทร์ในคืนอัดมืดมิด
เจียนหรูเฟิงนั้นไม่คิดลังเลใดๆ อีกต่อไป!
ทุกสิ่งอย่างมันพร้อม ขาดเพียงแค่สิ่งสำคัญอย่างเดียว!
และสิ่งสำคัญนั้นมันก็คือตัวเย่หยวนนี้!
“ฮ่าๆๆ… ได้! มีเจ้าอยู่ด้วยแล้วบรรพกาลผู้นี้ย่อมจะวางใจได้!” เจียนหรูเฟิงนั้นหัวเราะลั่น
เย่หยวนสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะก้มหัวลงคารวะเจียนหรูเฟิงสุดตัว “ผู้อาวุโสเฉียนจี้มากล้นคุณธรรม เสียสละจิตใจร่างกายจนชีวิตหาไม่เพื่อช่วยเหลือนำอนาคตมาให้เผ่ามนุษย์! โปรดรับการคารวะนี้จากผู้น้อยด้วย!”
เจียนหรูเฟิงนั้นหน้าเปลี่ยนสีร้องกลับมา “เจ้าเดาอะไรได้อีกเล่า?”
เย่หยวนนั้นตอบกลับไป “หลายร้อยล้านยอดอัจฉริยะมารวมตัวกัน แรกๆ มันย่อมจะไม่มีปัญหาใด แต่หลังจากพรสวรรค์ของพวกเขาได้รับการพัฒนาแล้วมีหรือที่คลื่นพลังเช่นนี้จะหลบพ้นสายตาเจ้าสวรรค์หมี่ลั่วแห่งเผ่าเทวา? และเพื่อจะปกปิดความลับสวรรค์ของยอดอัจฉริยะนับล้านๆ นั้น แม้แต่ตัวท่านผู้อาวุโสเองก็คงทำไม่ได้ง่ายๆ ใช่หรือไม่?”
เจียนหรูเฟิงนั้นมองดูเย่หยวนด้วยร่างกายแข็งทื่อก่อนจะกลับมาตั้งสติตอบกลับไป “การได้เจอน้องชายผู้นี้ย่อมเป็นพรแก่เผ่าพันธุ์ทั้งหลายแล้ว! ข้ายังไม่ทราบเลยว่าน้องชายเจ้ามีนามว่าอะไรกัน”
“เย่หยวน! แต่ผู้อาวุโสนามนี้ขอให้ท่านรู้แค่คนเดียว เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นนั้นขอให้ท่านเรียกข้าว่าจี้ฉิงหยุน!”
เพราะความกลัวในสิ่งไม่คาดฝัน เย่หยวนจึงได้ขอร้องเรื่องนี้ขึ้น
เจียนหรูเฟิงนั้นย่อมไม่เข้าใจมันแต่คำขอแค่นี้ย่อมจะไม่มีปัญหาใดๆ เขาจึงตอบรับไปง่ายๆ
เพราะว่าในประวัติศาสตร์นั้นมันไม่มีนามของเขาอยู่
เย่หยวนนั้นรู้สึกว่าตัวเขาอาจจะไม่ได้เข้าร่วมสงครามสิ้นโลก
เพราะด้วยพลังของเขานี้ หากได้เข้าร่วมแล้วมีหรือที่จะตายอย่างทหารไร้นาม?
ที่สำคัญเรื่องราวตอนนี้มันยังสับสนจนเขาไม่อาจเข้าใจ จึงต้องเตรียมการใดๆ ไว้ก่อน
เพราะฉะนั้นเย่หยวนจึงไม่คิดใช้ชื่อจริงๆ
แต่นามเย่หยวนนี้ เย่หยวนก็ยังกล่าวบอกเจียนหรูเฟิงเพราะความเคารพที่เขามี!
จากนั้นเย่หยวนและเจียนหรูเฟิงก็เดินทางจากไป
คนที่ติดตามคนทั้งสองไปด้วยคือฉินเชาและโมเสียวเฉา
เพราะเขานั้นจะได้เป็นยอดอัจฉริยะที่เข้าร่วมแผนการของสังหารเทพ!
…
ภายในวังใต้ดินของสังหารเทพมันมีเหล่าผู้นำของสังหารเทพมานั่งรวมตัวกันพร้อมหน้า
พวกเขานี้คือกลุ่มยอดฝีมือเจ้าฟ้าดินทั้งหลาย บ้างก็ได้แต่หันมามองเย่หยวนอย่างสงสัย
ท่านเจียนหรูเฟิงออกไปนับพันปีเพื่อจะรอเจ้าเด็กคนนี้หรือ?
เจ้าเด็กคนนี้มันมีอะไรดีถึงทำให้นายท่านต้องทิ้งเรื่องภายในสังหารเทพไปนับพันปี?
“เจียนผู้นี้จากไปนานนับพันปี ระหว่างเวลานี้ทุกคนคงลำบากมากแล้ว!” เจียนหรูเฟิงกล่าวขึ้นก่อนจะหันไปมองรอบๆ
เมื่อคนทั้งหลายได้ยิน พวกเขาก็รีบตอบกลับมาว่ามิกล้าๆ
ในสังหารเทพนี้เจียนหรูเฟิงนั้นมีอำนาจเด็ดขาด
เขานั้นสร้างสังหารเทพขึ้นมาด้วยตัวคนเดียว รวบรวมเหล่ายอดฝีมือทั้งหลายของหลากเผ่ามาอยู่ใต้การควบคุม
สังหารเทพนั้นพัฒนามาจนถึงวันนี้ได้ คงพูดได้ว่ามันเป็นเพราะเจียนหรูเฟิงคนนี้
หากมิใช่เพราะเขาปกปิดความลับสวรรค์ไว้แล้ว มีหรือที่พวกเขาจะสามารถหลบซ่อนจากสายตาของเจ้าสวรรค์หมี่ลั่วได้?
“พวกเราทั้งหลาย จากวันนี้ไปสังหารเทพจะมีตำแหน่งใหม่คือหัวหน้าผู้ฝึกสอน! ตำแหน่งนี้มีอำนาจเป็นรองแค่ตัวจักรพรรดิผู้นี้ ควบคุมทุกสิ่งอย่างได้สิ้น! เขานั้นสามารถหยิบใช้ทรัพยากรของสังหารเทพและสั่งการทุกอย่างได้! หากมีเรื่องจำเป็นจริงๆ ก็สามารถสั่งจักรพรรดิผู้นี้ได้ด้วย!”
เจียนหรูเฟิงนั้นหันมองดูหน้าคนทั้งหลายด้วยสายตาเฉียบคม
เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวออกมา ลมหายใจของทุกผู้คนก็ย่อมจะเริ่มติดขัด
พวกเขานั้นไม่รู้ว่าทำไมวินาทีที่ท่านเฉียนหรูเฟิงกลับมาถึง เขาจึงได้คิดแต่งตั้งตำแหน่งเช่นนี้ขึ้นมา
แต่พวกเขาทั้งหลายย่อมจะหวังลึกๆ ในใจว่าตำแหน่งนั้นจะตกมาที่ตน
ส่วนเรื่องของเย่หยวนใดๆ นั้นคนทั้งหลายลืมมันไปแล้ว
เพราะอย่างไรเสียเย่หยวนก็มีพลังบ่มเพาะต่ำเกินไป เป็นได้แค่เด็กหนุ่มรุ่นหลัง
เจียนหรูเฟิงนั้นคิดประเมินเขาไว้สูงเพราะว่าในอนาคตของเขาจะยิ่งใหญ่ก็เท่านั้น
หัวหน้าผู้ฝึกสอนนั้นมันเป็นตำแหน่งที่เรียกได้ว่าอยู่ใต้คนผู้เดียวและอยู่เหนือคนนับล้าน มันย่อมจะไม่มีทางถูกส่งให้เด็กหนุ่มคนหนึ่ง
สมาชิกสังหารเทพคนหนึ่งกล่าวขึ้นมา “ท่านเจียนหรูเฟิง ท่านหวู่หยุนนั้นลำบากยากเย็นเพื่อพวกเราทั้งหลายมามาก เขาย่อมจะเหมาะสมกับตำแหน่งนี้! เราย่อมยอมรับการตัดสินใจของท่าน!”
อีกคนหนึ่งกล่าวเสริม “ใช่แล้ว ตำแหน่งนี้นอกจากท่านหวู่หยุนแล้วมันย่อมไม่มีใครเหมาะสมอีก”
แม้ว่าคนทั้งหลายนั้นจะหวังได้รับตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนนี้แต่พวกเขาก็ย่อมรู้ดีว่ามันไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าตัวหวู่หยุน
หวู่หยุนนั้นไม่กล่าวพูดใดๆ แต่หรี่ตามองหน้าเจียนหรูเฟิงไป
เพราะเขารู้ว่าตำแหน่งนี้คงเป็นของเขาแน่แล้ว
เจียนหรูเฟิงยกมือขึ้นมาโบกปัด “สิ่งที่สังหารเทพมุ่งมั่นตั้งเป็นเป้าหมายคือการลุกฮือของทุกเผ่าพันธุ์! เรานั้นไม่ต้องการตำแหน่งใดๆ ให้คนมาเคารพกัน! หากหลากเผ่าพันธุ์ไม่แข็งแกร่งขึ้นแล้วจักรพรรดิผู้นี้จะเอาตำแหน่งนั้นให้เขาไปทำไมกัน? เวลานี้เรายังเป็นแค่หมูหมาที่ถูกเลี้ยงดูอย่างไร้ศักดิ์ศรี! ตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนที่ข้าพูดถึงนี้มีนมิใช่ตำแหน่งของหวู่หยุน แต่…”
พูดไปเจียนหรูเฟิงก็หันหน้ามาหาเย่หยวน “เป็นเขา!”
ฮือ!
เกิดเสียงโห่ร้องขึ้นมาจนล้นโถงใหญ่!
“อะไรนะ?! ให้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนหนึ่งมาเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน ให้ดูแลคนทั้งหลาย? นี่มัน… เรื่องล้อเล่นอะไรกัน?”
“เจ้าเด็กคนนี้มันยังเป็นแค่จักรพรรดิเทพสวรรค์เจ็ดดาว! มันจะมีปัญญาอะไรมาเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนกัน?”
“ท่านเจียนหรูเฟิง ท่านล้อเราเล่นแล้ว?”
…
แน่นอนว่าคำพูดนี้มันย่อมอยู่เหนือการคาดเดาของทุกผู้คน
การให้จักรพรรดิเทพสวรรค์หนุ่มคนหนึ่งมาเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน ใครกันเล่าที่จะยอมรับ?
ตำแหน่งนี้ต่อให้มองยังไงมันก็ไม่มีทางตกไปถึงมือเย่หยวนได้!
พวกเขาทั้งหลายนี้มีใครบ้างเล่าที่ไม่บุกน้ำลุยไฟเสี่ยงภัยมากมายเพื่อสังหารเทพ?
แต่เวลานี้มันกลับมีเด็กน้อยจากที่ไหนไม่ทราบได้ปรากฏขึ้นมาก้าวเหนือหัวพวกเขา มีหรือที่พวกเขานี้จะยอมรับ?
เวลานี้แม้แต่ตัวหวู่หยุนเองก็ยังหันไปมองจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ด้วยความตกตะลึง ราวกับว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้รู้จักกัน
ในเวลานี้มันเกิดความปวดร้าวขึ้นในใจของเขาอย่างยากจะกำจัดออก
ระหว่างตัวเขาและเฉียนจี้นั้นมันคงเรียกได้ว่าผ่านความเป็นความตายด้วยกันมามาก
แต่วันนี้เขากลับรู้สึกเหมือนโดนเพื่อนรักทอดทิ้ง
……………..