Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2389 สั่งสอนเต๋า
สีหน้าของหวู่หยุนนั้นมันมีแต่จะแย่ขึ้นเรื่องๆ
เพราะคำพูดทั้งหลายนั้นมันเหมือนการตบหน้าเขาเข้าอย่างจัง
เขานั้นเป็นคนสร้างโถงโอสถขึ้นมากับมือ คนทั้งหลายนี้เองเขาก็สอนด้วยตนเองสิ้น
จนสุดท้ายแล้วเย่หยวนกลับเดินมาบอกว่ารากฐานของพวกเขาทั้งหลายนั้นไม่มั่นคง
แต่เย่หยวนก็ไม่คิดสนใจอารมณ์ความรู้สึกของคนทั้งหลายและกล่าวพูดถึงจุดด้อยไปเรื่อย
แรกๆ นั้นมันย่อมเริ่มจากเหล่ายอดฝีมือต้นกำเนิดระดับสามทั้งหลาย จากนั้นก็ลงไปที่ระดับสอง ระดับหนึ่งเรื่อยไป
คนนับพันนี้ เขากลับให้เวลาสั่งสอนทุกคนผู้อย่างละเอียดถี่ถ้วน
แต่ยิ่งคนทั้งหลายได้ฟังได้ยิน พวกเขาก็ยิ่งตกตะลึง
ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือต้นกำเนิดหรือจอมเทพโอสถเจ็ดดาวแปดดาวใด เย่หยวนล้วนแล้วแต่ชี้จุดด้อยอย่างละเอียด บ่งถึงปัญหาของคนทั้งหลายไปอย่างชัดเจน
เย่หยวนนั้นค่อยๆ กล่าวไปด้วยสีหน้าจริงจัง
ตอนแรกๆ คนทั้งหลายก็อาจจะยังไม่คิดสนใจมากมาย
แต่ยิ่งเวลาผ่านไป เมื่อมาถึงตาของพวกเขาแล้วคนทั้งหลายต่างตั้งสติเตรียมรับฟังมันอย่างเต็มที่ไม่คิดพลาดไปแม้แต่คำพูดเดียว
แน่นอนว่าปัญหาของแต่ละคนมันย่อมจะแตกต่างกันไป
บ้างนั้นใหญ่ บ้างนั้นเล็ก
แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร ปัญหาของมันก็จะไม่พ้นคำว่ารากฐานไม่มั่นคงไปได้
นั่นคือสิ่งที่เย่หยวนเน้นย้ำเสมอๆ แต่ไม่ว่าจะเน้นย้ำแค่ไหนมันก็คงไม่นับว่าเกินไป
หลายวันต่อมาเย่หยวนก็ได้บ่งชี้จุดด้อยของคนทั้งหลายครบจนทำให้บริเวณนี้เปี่ยมล้นไปด้วยความเงียบงัน
ทุกผู้คนนั้นต่างมองดูเย่หยวนอย่างมึนงง ราวกับว่าคนตรงหน้านี้มิใช่คน
ก่อนหน้านี้มันยังมีหลายคนคิดว่าเย่หยวนคงจับตามองแค่ไม่กี่คนในหมู่คนทั้งหลาย
ไม่มีใครคิดว่าเขานั้นกลับจะจับตาดูจุดอ่อนของทุกผู้คนสิ้น
สิ่งที่น่าตกตะลึงไปกว่านั้นคือจุดอ่อนของแต่ละผู้คนนั้น ตัวเย่หยวนนี้กลับชี้มันออกมาได้จัดเจนเสียยิ่งกว่าที่พวกเขาเองจะเข้าใจ
ไม่ว่าจะเป็นความบกพร่องน้อยๆ ในการคุมไฟหรือรายละเอียดใดเขาก็เห็นสิ้น
ทักษะเช่นนี้มันคงเรียกได้ว่าน่ากลัว
“เจ้า… เจ้า…” หวู่หยุนนั้นได้แต่อ้าปากค้างมองดูเย่หยวนอย่างไม่รู้ต้องพูดอะไร
แต่ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเย่หยวนจึงเอาชนะเต๋าโอสถของเขาได้
วิชาการควบคุมพลังจิตที่เหนือล้ำปานนี้ ต่อให้เขาจะบ่มเพาะไปอีกนับแสนล้านปีมันก็คงไม่มีทางไปได้ถึง
จากเล็กไปใหญ่นั้นมันง่าย แต่จากใหญ่ไปมหึมามันยากเย็น!
การควบคุมพลังจิตนั้นยิ่งมันพิถีพิถันเท่าใด มันก็ยิ่งยากจะสำเร็จ
เขานี้สามารถจะมองรายละเอียดเล็กน้อยของการหลอมโอสถนับพันๆ คนพร้อมกันด้วยพลังจิตของจักรพรรดิเทพสวรรค์
เรื่องราวเช่นนั้นมันเหนือล้ำเกินกว่าที่จะจินตนาการ!
“ผู้อาวุโสหวู่หยุน ข้ารู้ว่าท่านคงไม่พอใจเรื่องที่ข้าพูดถึงพื้นฐานไม่น้อย แต่ข้านั้นไม่ได้คิดจะว่ากล่าวหาเรื่องท่านใดๆ ท่านนั้นทุ่มแรงกายแรงใจมหาศาลเพื่อเผ่าพันธุ์ทั้งหลาย ผู้น้อยนี้นับถือท่านอย่างมาก เพียงแค่ว่า… เราต้องแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้!” เย่หยวนหันไปบอกหวู่หยุนอย่างตรงไปตรงมา
หวู่หยุนนั้นพยายามกดความตกตะลึงในใจลงไปก่อนจะพยักหน้ารับ “เจ้าอธิบายมาเถอะ เฒ่าผู้นี้ย่อมจะไม่ถือโทษเจ้าใดๆ จิตใจของเฒ่าผู้นี้ไม่ได้คับแค้นถึงปานนั้น”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “ข้าเชื่อว่าทุกท่านที่อยู่ในที่นี้คงรู้หัตถ์พับพันใยเมฆ?”
เสียงหนึ่งตอบกลับมาอย่างไม่พอใจ “หัตถ์พับพันใยเมฆนั้นมันแค่วิชาระดับหนึ่ง มีใครจะไม่รู้! ท่านหัวหน้าผู้ฝึกสอน ท่านจะดูถูกเราเกินไปแล้ว!”
ตั้งแต่ที่มาถึงยุคสมัยนี้เย่หยวนก็ได้ศึกษาเรื่องราวของวิชาพื้นฐานต่างๆ ไปไม่น้อย
หัตถ์พับพันใยเมฆนั้นมันเป็นวิชาหลอมโอสถพื้นฐานระดับหนึ่งของยุคอดีตกาลนี้
แม้ว่าวิชาของทั้งสองยุคมันจะใช้ออกแตกต่างกันไปมาก แต่หลักการของมันก็ไม่ได้แตกต่างนัก
ด้วยระดับความเข้าใจของเย่หยวนนี้การจะฝึกฝนบ่มเพาะวิชาพื้นฐานใดๆ มันย่อมง่ายดาย
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “เช่นนั้นเชิญท่านแสดงมันให้ข้าดูหน่อย”
ผู้พูดนี้เป็นถึงจอมเทพโอสถแปดดาวคนหนึ่ง เป็นยอดคนมากชื่อ
ได้ยินเย่หยวนเรียกเช่นนั้นเขาก็หัวเราะขึ้นมาก่อนจะก้าวขึ้นมาแสดงหัตถ์พับพันใยเมฆ
จอมเทพโอสถแปดดาวใช้วิชาระดับหนึ่ง แน่นอนว่ามันย่อมจะเหนือล้ำความเข้าใจคนไปมาก
เวลานี้รอบๆ มันเกิดเสียงโห่ร้องชื่นชมไม่ขาดสาย
หลังจากเขาแสดงให้ดูแล้วเขาก็หันไปถามเย่หยวน “ท่านหัวหน้าผู้ฝึกสอน แค่นี้พอจะเข้าตาอันสูงส่งของท่านหรือไม่?”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ไม่เลว ถือว่ามีฝีมือทีเดียว”
เขานั้นจึงยิ้มรับ “นายท่านว่ากล่าวเช่นนี้ย่อมจะหมายความว่าท่านเก่งกาจกว่าข้าแล้ว ข้าอยากรู้เสียจริงๆ ว่านายท่านนั้นจะแสดงอะไรออกมาให้เราได้เห็นด้วยหัตถ์พับพันใยเมฆนี้!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไปก่อนจะยกมือขึ้นมางอข้อนิ้วและส่งสายใยนับพันๆ ออกมาผสานกัน
นี่มันคือหัตถ์พับพันใยเมฆ
จอมเทพโอสถแปดดาวคนนั้นกล่าวออกมาด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “นายท่านมีหัตถ์พับพันใยเมฆที่เหนือล้ำกว่าข้าจริงๆ แต่มันจะมีประโยชน์ใด? มันเกี่ยวอะไรกับคำว่ารากฐานไม่มั่นคงหรือ?”
เย่หยวนนั้นไม่ตอบกลับใดๆ ก่อนจะค่อยๆ เปลี่ยนการใช้วิชาออก
เรื่องนั้นทำให้สีหน้าของคนทั้งหลายเปลี่ยนสีไป
เจ้าหัตถ์พับพันใยเมฆก็ยังคงเป็นหัตถ์พับพันใยเมฆไม่เปลี่ยนแปลง
แต่มันกลับทำให้คนทั้งหลายรู้สึกผิดแปลกไป
วิชานี้มันเปลี่ยนแปลงไปอย่างมหาศาลในมือของเย่หยวน ส่งพลังที่ราวกับยอดเต๋าจุติลงมา
คนที่ไม่รู้อาจจะคิดว่านี่เป็นการแสดงการหลอมเต๋าโอสถ
แต่คนที่รู้นั้นย่อมจะเข้าใจว่านี่มันคือหัตถ์พับพันใยเมฆอย่างไม่ต้องสงสัย!
ความตื่นตะลึงในสายตาของคนทั้งหลายนั้นมันมากกว่าจะอธิบาย
หวู่หยุนเองก็เบิกตากว้างขึ้นจนแทบจะถลนออกจากเบ้า
เขานั้นเป็นยอดคนที่อยู่บนจุดสุดยอดของเต๋าโอสถ แน่นอนว่าสิ่งที่เขาเข้าใจได้จากภาพตรงหน้านี้มันย่อมจะมิใช่สิ่งที่คนนอกจะจินตนาการถึงได้
หัตถ์พับพันใยเมฆของเย่หยวนนี้มันใกล้เคียงกับเต๋า!
บ่มเพาะวิชาระดับหนึ่งจนใกล้เคียงระดับเต๋า!
หวู่หยุนนั้นแทบลืมหายใจ
เขานั้นได้เข้าใจแล้วว่าสิ่งใดคือรากฐานที่เย่หยวนกล่าวถึง
และเขาก็ได้เข้าใจแล้วว่าทำไมเย่หยวนจึงเอาชนะเขาได้ทั้งๆ ที่มีพลังต้นกำเนิดโอสถแค่ระดับสาม
ความห่างชั้นของเขาและเย่หยวนนี้มันมิใช่น้อยๆ เลย!
จากนั้นเย่หยวนก็ดึงมือพลังกลับไปจนเกิดเป็นแสงสว่างจ้าต่อหน้าทุกผู้คน
คนที่ได้เห็นนั้นต้องปิดปากเงียบลง
จอมเทพโอสถแปดดาวคนนั้นได้แต่อ้าปากค้าง คิดอยากพูดแต่ก็ไม่รู้จะกล่าวอะไร
เพราะเย่หยวนนั้นได้สร้างปาฏิหาริย์ขึ้นด้วยหัตถ์พับพันใยเมฆ!
“เห็นหรือไม่ท่านผู้อาวุโส?” เย่หยวนหันไปถามหวู่หยุนที่ยังอ้าปากค้างไม่หาย
หวู่หยุนสะดุ้งตัวขึ้นก่อนจะตั้งสติยิ้มตอบกลับมา “ชัดเจนแล้ว! เจ้าไว้หน้าเฒ่าคนนี้จริงๆ มันมิใช่ว่ารากฐานใดรากฐานหนึ่งของพวกเขาอ่อนแอ แต่มันเป็นรากฐานทั้งหมด! หากสามารถใช้วิชาพื้นฐานจนถึงระดับเต๋าได้ มีหรือที่จะกลัวว่าจะไม่อาจคว้าพลังกฎมาไว้ได้?”
เย่หยวนหัวเราะรับ “ผู้อาวุโสเข้าใจรวดเร็วนัก! ดูท่าข้าคงไม่ต้องอธิบายใดๆ ให้มากความแล้ว จากวันพรุ่งนี้ไปข้าจะสั่งสอนเต๋าในโถงโอสถยาวเป็นเวลาหนึ่งปี ผู้อาวุโสโปรดเรียกคนทั้งหลายมาให้หมดให้สิ้นด้วย ข้าหวังว่าวันหน้ามันจะมีคนในโถงโอสถก้าวขึ้นจนถึงระดับของโอสถเต๋าแท้ได้!”
หวู่หยุนพยักหน้ารับทันทีที่ได้ยิน
จากนั้นเย่หยวนก็ได้สั่งสอนเต๋าในมิติเวลานี้อีกครั้ง
หวู่หยุนนั้นเป็นยอดคนอันดับหนึ่งในการโอสถ แต่เขานั้นก็ยังมานั่งอยู่ใกล้ฟังเย่หยวนสอนสั่งเต๋าอย่างตั้งใจ
ยิ่งได้ฟังได้ยิน ตัวเขาก็ยิ่งตกตะลึงมากกว่าเก่า
การสั่งสอนของเย่หยวนนี้มันได้เปิดประตูปานใหม่ให้แก่เขา
เขานั้นได้เข้าใจในที่สุดว่าทำไมตนถึงไม่อาจจะก้าวขึ้นถึงระดับห้าได้เสียที
รากฐาน!
สิ่งที่คนทั้งหลายทิ้งขว้างดูถูกมันกลับกลายเป็นปัญหาสำคัญของทุกผู้คนไป!
หากวัดกันแค่พรสวรรค์แล้ว ยอดฝีมือการโอสถของยุคนี้ย่อมจะเก่งกาจกว่าคนในยุคหลังๆ อย่างมาก
เย่หยวนนั้นรู้ดีว่าตราบเท่าที่คนทั้งหลายนี้รู้ทิศทางที่จะพัฒนา วันหน้าพวกเขาจะต้องก้าวล้ำไปจนถึงอีกฝั่งได้แน่
เย่หยวนนั้นไม่รู้ว่าจะมียอดฝีมือเต๋าโอสถแท้ปรากฏขึ้นกี่คน แต่เย่หยวนนั้นมั่นใจว่ามันต้องมีมากกว่าหนึ่ง!
ไม่เช่นนั้นแล้วตัวหยวนเว่ยคงไม่กลัวถึงขนาดนั้น!
…………………………