Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2392 สอนคนให้หาปลา ดีกว่าหาปลาให้ผู้คน
เวลาที่เย่หยวนคิดวางสร้างค่ายกลนั้น เขาสามารถทำมันได้ในแค่พริบตา
แต่มหาค่ายกลทั้งหลายนี้มันกลับกินเวลาไปถึงห้าปี แค่นั้นมันก็คงบอกอธิบายความซับซ้อนของมันได้แล้ว
ห้าปีมานี้เขานั้นต้องทุ่มทั้งแรงกายและแรงใจอย่างมหาศาลเพื่อที่จะผสานความเข้าใจและแนวคิดต่างๆ ให้เชื่อมต่อกัน มันเป็นช่วงเวลาที่เหนื่อยยากอย่างมากล้น
มหาค่ายกลสืบทอดนั้นมิใช่มีเพียงแค่ความเข้าใจของเขาเท่านั้นแต่มันยังมีวิถีการบ่มเพาะของแนวคิดห้าธาตุและแนวคิดสายฟ้าอีกด้วย
แม้ว่าตัวเย่หยวนเองนั้นจะไม่ได้บ่มเพาะแนวคิดห้าธาตุหรือแนวคิดสายฟ้า แต่ตอนที่เขาต่อสู้กับว่านเจิ้นนั้นเขาก็ได้เข้าใจถึงการทำงานของแนวคิดห้าธาตุมาไม่น้อย
แม้ว่าการบ่มเพาะของเขามันจะไม่มาก แต่ความเข้าใจต่อวิชาต่างๆ ในโลกของเขานั้นสูงล้ำ
จะบอกว่ามันสูงส่งจนไม่อาจจะเอาใครมาเทียบเคียงได้เลยก็คงไม่ผิด
เขานั้นอยู่สูงเคียงสวรรค์!
ยอดเต๋านั้นมันมีมากมายนับพันๆ การไปถึงจุดสุดยอดของมันนั้นมันก็เหมือนการใช้คนละเส้นทางเพื่อไปยังจุดหมายเดียวกัน
ไม่ว่าจะเป็นแนวคิดใดๆ มันก็ล้วนแล้วแต่เป็นเส้นทางไปสู่สวรรค์
เขานั้นไม่ได้บ่มเพาะธาตุทั้งหลาย แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่สามารถสั่งสอนให้คนอื่นเรียนรู้ได้ผ่านมหาค่ายกล
เหล่ามหาค่ายกลสืบทอดนั้นมันยุ่งยากซับซ้อน แต่สุดท้ายเย่หยวนก็ยังสร้างมันขึ้นมาได้ถึงสิบแปดมหาค่ายกล!
หลังจากเย่หยวนติดตั้งวางมันจนเสร็จสมบูรณ์แล้วเย่หยวนถึงกับต้องสะดุ้งขนลุกไปทั้งกาย
มหาค่ายกลทั้งสิบแปดนี้มันจะไม่เท่ากับจำนวนมหาบรรพกาลทั้งสิบแปดอย่างนั้นหรือ?
หรือว่ามหาบรรพกาลทั้งสิบแปดนั้นมันจะเกิดขึ้นมาได้ด้วยมหาค่ายของเขานี้?
“พวกเจ้าอยากเก่งกาจขึ้นมิใช่หรือ? เอาล่ะ ของเข้าไปทดสอบมันหน่อยสิ ข้าอยากจะรู้ว่าพวกเจ้าคนใดกันที่จะมีพรสวรรค์สูงล้ำที่สุด” เย่หยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
สีหน้านี้ของเย่หยวนมันทำให้คนทั้งหลายหูตั้งไปตามๆ กัน
‘พวกเจ้าบอกว่าข้าไม่สั่งสอนอะไรมิใช่หรือ? ทีนี้ข้าสร้างบ้านให้เจ้าแล้ว เจ้าจะมีปัญญายกมันไปหรือไม่เล่า’
ซ่างเหิงเป็นคนแรกที่กัดฟันกล่าวขึ้นมา “ข้าจะไปเอง!”
พูดไปตัวเขาก็พุ่งมุ่งหน้าใส่มหาค่ายกลมิติเวลาทันที
“อั่ก!”
ซ่างเหิงนั้นพุ่งตัวเข้ามหาค่ายกลไปสุดแรงแต่กลับต้องถูกดีดกลับสุดแรงเช่นกันจนต้องกระอักเลือดออกมา
เหล่ายอดอัจฉริยะนั้นผงะไปทันทีที่ได้เห็น มันมีอะไรเช่นนั้นด้วย?
เย่หยวนหันไปบอกซ่างเหิง “เริ่มจากระดับต้นก่อน อย่าได้คิดขว้าพลังที่เกินมือตนเอง! เจ้านั้นมีพื้นฐานหนักแน่นมาหรืออย่างไร? มหาค่ายกลนี้มันต้องให้พวกเจ้าค่อยๆ ก้าวเข้าไปทีละน้อย การเร่งรีบบุกเข้าไปเช่นนั้นมันเท่ากับรนหาที่ตายชัดๆ”
ซ่างเหิงได้แต่หันมามองด้วยสีหน้าเหยเก “ทำไมท่านไม่บอกมาแต่แรกเล่า?”
เย่หยวนจึงยิ้ม “เพื่อจะให้เจ้าได้ทรมานเสียหน่อย”
ซ่างเหิงได้แต่หันหน้าหนี ได้รู้แล้วว่าชะตาคงไม่เข้าข้าง เวลานี้เขาจึงได้แต่ต้องทนรับมันไป
เวลานี้เมื่อได้เข้ามาใกล้มหาค่ายกลอีกครั้งตัวเขาก็ค่อยๆ ก้าวย่างเข้าไปเริ่มจากพลังขั้นแรก
เหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายนั้นต่างเลือกมหาค่ายกลที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุดในการบ่มเพาะ
แต่ยิ่งซ่างเหิงได้อยู่ในมหาค่ายกลไปนานเท่าใด ตัวเขาก็ยิ่งสั่นสะท้านด้วยความตกตะลึงเท่านั้น
เพราะมหาค่ายกลสืบทอดมิติเวลานี้มันเหมือนถูกออกแบบมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ
เย่หยวนนั้นไม่ได้เอาความเข้าใจต่อมิติเวลาของตัวเองใส่ลงไปในมหาค่ายกล แต่เขานั้นใส่วิธีการที่จะเรียนรู้บ่มเพาะเข้าไปแทน
การบ่มเพาะผ่านวิธีการเช่นนี้มันย่อมจะให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและสมบูรณ์มากกว่า
หรือก็คือเย่หยวนนั้นสั่งสอนวิธีที่จะเข้าใจแนวคิดแห่งห้วงมิติ ไม่ได้สั่งสอนว่าแนวคิดแห่งห้วงมิตินั้นมันคืออะไร
ซ่างเหิงนั้นสั่นสะท้านไปทั้งใจ ตัวเขานี้จะต้องมีความเข้าใจต่อโลกหล้าสูงล้ำสวรรค์แค่ไหนถึงจะสามารถสร้างมหาค่ายกลสืบทอดเช่นนี้ขึ้นมาได้?
จักรพรรดิเทพสวรรค์เหวินชุ่ยเองก็เบิกตากว้าง เพราะเมื่อเริ่มได้เห็นมีคนเข้าไปลองเขาก็เข้าใจถึงความวิเศษของมันได้ทันที
ดวงตาที่เขาใช้มองเย่หยวนนั้นมันแตกต่างไปจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง
“นายท่านนั้นช่างสร้างคุณประโยชน์ให้แก่คนรุ่นหลังอย่างไม่รู้จบสิ้น! ข้าว่าพวกที่เข้าไปนี้มันย่อมจะมีคนที่ใกล้บรรลุเต็มทีแล้ว มหาค่ายกลสืบทอดของนายท่านมันทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตานัก! เฒ่าคนนี้ไม่เคยจะพบเห็นเลยว่ามันยังมีการถ่ายทอดพลังแนวคิดเช่นนี้ด้วย!” เหวินชุ่ยร้องกล่าวด้วยใบหน้าตื่นเต้น
มหาค่ายกลสืบทอดนั้นสำหรับเหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายมันย่อมจะเป็นโชคลาภอันหาที่สุดไม่ได้!
วิธีการบ่มเพาะฝึกฝนเช่นนี้มันย่อมจะเปิดประตูปานใหม่ให้ชีวิตของพวกเขา
เข้าไปครั้งแรกก็จะได้ผลประโยชน์กลับออกมามหาศาล
ผลลัพธ์ของมันนี้คงเรียกได้ว่าเห็นคาตา!
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “สอนคนให้หาปลา ดีกว่าหาปลาให้ผู้คน แต่ละคนนั้นเกิดมามีเต๋าแตกต่างกันไป แน่นอนว่าการบ่มเพาะแนวคิดของพวกเขาก็ย่อมจะเริ่มไม่เหมือนกัน แม้ว่าการใช้วรยุทธบ่มเพาะมันจะดีแต่ความสำเร็จของมันนั้นจะถูกจำกัด การสั่งสอนวิธีเรียนรู้นี้ต่างหากที่จะทำให้พวกเขาได้หาเต๋าของตัวเองเจอ เป็นเส้นทางที่ปกครองโลกหล้า!”
เหวินชุ่ยได้แต่ต้องร้องกลับมาอย่างชื่นชม “สอนคนให้หาปลา ดีกว่าหาปลาให้ผู้คนอันน่ากลัว! ท่านเฉียนจี้นั้นมีตาที่เฉียบแหลมจริงๆ! หากมีนายท่านอยู่เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนเช่นนี้แล้วเผ่าเทวาทั้งหลายมันก็คงได้แพ้พ่ายให้เราในวันนี้วันพรุ่งแน่!”
เย่หยวนยิ้มแต่ก็ไม่ได้ตอบกลับใดๆ ไป
ห้าปีที่ผ่านมานี้ตัวเขาเองก็ได้พัฒนาไปอย่างมากมายมหาศาลเช่นกัน
เวลาห้าปีนี้ตัวเขากลับมีแนวคิดแห่งมิติเวลาที่ลึกล้ำขึ้นมาก
นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายไม่อาจจะมองเห็นรูปร่างหน้าตาของเขาได้ชัดเจนนัก
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ตั้งใจใช้พลังมิติเวลาใดๆ ออกมาแต่มันก็ยังเหมือนเขานั้นมีห้วงมิติเวลาปกคลุมกาย
แน่นอนว่าคนทั้งหลายย่อมจะไม่อาจจะมองตัวเขาได้ชัดเจนนัก
เพราะการจะสร้างสิบแปดมหาค่ายกลสืบทอดนี้มันย่อมจะเป็นเรื่องหนักหน่วง
มันเหมือนเป็นการฝึกฝนของเย่หยวนไปด้วยในตัว
จุดที่เขาอยู่ตรงนี้มันยิ่งเหนือล้ำกว่าที่คนภายนอกจะเข้าใจได้
แต่หลังจากผ่านไปได้ห้าปีนี้ เย่หยวนก็รู้สึกได้ถึงพลังบางอย่าง มันเป็นความรู้สึกเหมือนว่าตัวเขานี้คงต้องกลับในไม่ช้าแล้ว
จนสุดท้ายแม้แต่ตัวเหวินชุ่ยก็ยังไม่อาจห้ามใจเดินเข้าไปลองมหาค่ายกลด้วย
เย่หยวนนั้นมองดูภาพตรงหน้าพร้อมสังเกตดูเหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลาย
หนึ่งเดือนต่อมานั้นเหล่าอัจฉริยะมากมายก็ไม่อาจจะทนอยู่ภายในได้อีก
เพราะเมื่อความรู้มันเกินกว่าที่สมองจะรับ พวกเขานั้นก็ย่อมจะไม่อาจอยู่ภายในมหาค่ายกลได้อีกต่อไป
พวกเขานั้นต้องกลับไปนั่งสงบๆ เพื่อทบทวนความรู้ความเข้าใจที่ได้รับ
ยิ่งออกมาเร็วเท่าใด มันก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าคนผู้นั้นมีพรสวรรค์ต่ำ
ยิ่งออกมาช้า มันก็ยิ่งแสดงว่าคนผู้นั้นมากพรสวรรค์
ในหมู่คนทั้งหลายนั้น คนที่กลับออกมาเป็นคนสุดท้ายย่อมจะเป็นซ่างเหิง
พลังแนวคิดที่เขาศึกษานั้นมันนับได้ว่ายากเย็นที่สุด แต่ตัวเขานั้นกลับอยู่ภายในได้นานที่สุด
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมวันหน้าเขาจึงจะได้รับตำแหน่งมหาบรรพกาลมิติเวลา
“นายท่าน ข้าผิดไปแล้ว!”
หลังจากซ่างเหิงกลับออกมาสิ่งแรกที่เขาทำนั้นมันคือการเดินมากล่าวขอโทษเย่หยวนด้วยสีหน้าอับอายเต็มจิตใจ
เขานั้นบ่มเพาะอยู่ในมหาค่ายกลนั้นมานานถึงครึ่งปี
และในเวลาครึ่งปีนี้ตัวเขาได้พัฒนาแนวคิดแห่งมิติเวลาไปอย่างมากล้น เหนือล้ำกว่าเวลานับหมื่นๆ ปีที่เขาเคยบ่มเพาะมาในอดีต
พลังของเจ้ามหาค่ายกลนี้มันคงไม่ต้องติดใจสงสัยใดๆ กันอีก
เขานั้นได้เข้าใจถึงคุณค่าของเหล่ามหาค่ายกลที่เย่หยวนใช้เวลาห้าปีสร้างขึ้นมานี้!
บางทีการลุกฮือของเผ่าพันธุ์ทั้งหลายมันอาจจะเริ่มขึ้นจากมหาค่ายกลทั้งสิบแปดนี้!
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ทำไมเจ้าถึงผิดเล่า?”
ซ่างเหิงกล่าวด้วยใบหน้าอับอาย “นายท่านนั้นเป็นตัวตนสูงล้ำฟ้าเทพสวรรค์ ศิษย์ไม่ควรไปว่ากล่าวโทษนายท่านเลย!”
เย่หยวนส่ายหัวตอบกลับมา “การที่เจ้าอยากแข็งแกร่งนั้นมันไม่ผิด ทีแรกข้าเองก็แค่หยอกเจ้าเล่นเท่านั้น เจ้าและข้านั้นยังมีชะตาต้องกันในวันหน้า การพบปะกันของเรานี้มันจะต้องผ่านมิติเวลาแน่”
ซ่างเหิงนั้นมองดูเย่หยวนด้วยความตกตะลึง “นายท่านจะไม่นำพวกเราไปต่อสู้กับเหล่าเผ่าเทวาหรือ? หากมีนายท่านอยู่ด้วยแล้วโลกใบนี้คงกลายเป็นของเราได้ไม่ยาก!”
เขานั้นมั่นใจในตัวเองว่ามากพรสวรรค์แต่ต่อหน้าเย่หยวนนั้นมันจะมีค่าใด?
เย่หยวนนั้นคืออนาคตของเผ่าพันธุ์อย่างแท้จริง!
เย่หยวนยิ้มออกมาอย่างขื่นขม “ข้านั้นก็อยากจะสู้เคียงข้างพวกเจ้าทั้งหลาย แต่น่าเสียดายที่ว่า… มันมีเรื่องที่ไม่อาจเลี่ยง! แต่พวกเจ้าวางใจเถอะ เรื่องที่ไม่อาจเลี่ยงนั้นมันไม่ได้มีเรื่องเดียว ไม่ว่าข้านั้นจะอยู่ที่ใด ข้าก็จะต่อสู้กับเผ่าเทวาให้ถึงที่สุด!”
เหล่ายอดอัจฉริยะต่างมึนงงเมื่อได้ยินคำนั้น เพราะมันเหมือนคำบอกว่าจะไม่ขอเข้าร่วมสู้
หรือว่าหัวหน้าผู้ฝึกสอนนี้กำลังกลัว?
พวกเขานั้นย่อมจะไม่อาจเข้าใจถึงพลังของพลิกมิติเวลาโกลาหลได้
เพราะว่าแม้ตัวเย่หยวนเองก็ยังไม่อาจเข้าใจถึงมันได้
…………………