Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2408 ดาบแห่งมิติเวลา!
“เป็นไปได้อย่างไรกัน? หากท่านนักบุญฟ้าครามตายแล้วหลากเผ่าพันธุ์เราก็คงไม่เหลือสิ้นความหวังแล้ว?”
ว่านเจิ้นกล่าวขึ้นด้วยท่าทางเหม่อลอย
เย่หยวนนั้นเป็นความหวังเดียวของหลากเผ่าพันธุ์ หากเขาตายลงแล้วสงครามสิ้นโลกครั้งนี้มันคงไม่เหลือความหวังใดๆ
เขานั้นไม่เคยคิดฝันว่าเต๋าสวรรค์เก้าลายมันจะยังมีวิชาต้านสวรรค์อย่างวรยุทธแท้เต๋าสวรรค์นี้
แต่เวลานี้เมื่อต้องเผชิญการโจมตีของพวกหยวนเจิ้นทั้งสาม ตัวเขาเองก็ไม่อาจจะช่วยเหลือใดๆ
พลังทั้งสามนั้นมันพุ่งทะยานเข้าใส่ร่างของเย่หยวนที่บาดเจ็บสาหัส
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวหยวนเจิ้นที่มีคลื่นพลังรุนแรงหนักหน่วงเหมือนจะเจาะมหาพิภพถงเทียนให้เป็นรู
หากถูกหมัดนี้ต่อยลงตรงๆ แล้วมันย่อมจะไม่มีทางรอดไปได้
ปัง ปัง ปัง…
คนทั้งสามนั้นไม่คิดออมมือใดๆ ปล่อยพลังโจมตีสุดตัวออกมาใส่เย่หยวนไม่ยั้ง
แล้วพลังโจมตีสุดตัวของเต๋าสวรรค์เก้าลายนั้นมันจะรุนแรงปานใด?
ห้วงมิติที่เย่หยวนอยู่นั้นมันถูกทุบแตกสลายเป็นชิ้นๆ ไป
ทุกสิ่งอย่างมันถูกทำลายลงสิ้นไปถึงระดับมิติ!
คนเราย่อมจะไม่สามารถรอดจากสภาพการโจมตีเช่นนั้นได้
ทุกสิ่งอย่างมันจบลงแล้ว!
“ฮ่าๆๆ… การได้มาเจอมันนี้มันคงเป็นชะตาของเผ่าเทวาเรา! หลากเผ่าพันธุ์นั้นมันมีชะตาที่ต้องถูกทำลายและเผ่าเทวาเราจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง!” หยวนเจิ้นหัวเราะลั่น
สังหารเย่หยวนลงนี้มันย่อมทำให้ตัวเขาสะใจอย่างมาก
ยอดอัจฉริยะระดับนี้ตายลงไปมันย่อมจะหมายถึงความสิ้นหวังของเผ่าทั้งหลาย
ตราบเท่าที่มันไม่มียอดคนระดับมหาบรรพกาลมิติเวลาเกิดขึ้นมาอีกหลากเผ่าพันธุ์ก็ย่อมจะไม่อาจเอาชนะใดๆ ได้
“ท่านหยวนเจิ้นจงเจริญ!”
“ท่านหยวนเจิ้นจงเจริญ!”
“ท่านหยวนเจิ้นจงเจริญ!”
…
ด้วยความตายของเย่หยวนนี้จิตใจของเผ่าเทวามันจึงฮึกเหิมขึ้นอีกครั้ง ส่วนกำลังใจของฝ่ายมนุษย์มันกลับตกต่ำลง
เวลานี้สถานการณ์ของสองทัพมันจึงกลับตาลปัตร
ฝ่ายมนุษย์นั้นเริ่มมีคนบาดเจ็บล้มตายเพิ่มกันมากขึ้นเรื่อยๆ
หยวนเจิ้นหัวเราะขึ้น “หยวนเจี่ยว เจ้าจัดการขยะพวกนี้ต่อด้วย! กองทัพนี้มันน่าจะเป็นทัพหัวกะทิของพวกมนุษย์ แต่ละผู้คนนั้นมีแนวคิดที่เหนือล้ำกว่าใครๆ ที่เคยเจอ! อย่าให้มีมันหลบรอดกลับไปได้แม้สักตัวเดียว!”
หยวนเจี่ยวยิ้มรับอย่างโล่งใจ “ขอรับท่านหยวนเจิ้น!”
แม้ว่าพวกเขาทั้งสามจะรู้ว่านี่มิใช่กองทัพทั่วๆ ไปแต่คนระดับหยวนเจิ้นก็ยังไม่คิดสนใจที่จะลงมาจัดการเอง
หยวนเจิ้นยกมือขึ้นมาปัดเหมือนเสร็จกิจ “เอาล่ะ เมื่อจบเรื่องแล้วพวกข้าก็มีเรื่องอื่นต้องจัดการต่ออีก พวกข้าไปก่อนล่ะ เจ้าจัดการที่นี่ต่อด้วย!”
พูดไปพวกเขาทั้งสามก็กำลังจะหันหน้ากลับไป
“การต่อสู้ยังไม่จบแต่พวกเจ้าก็จะไปเสียแล้วหรือ?”
ในวินาทีนั้นเองมันกลับเกิดเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากห้วงมิติ
สีหน้าของคนทั้งหลายต้องเปลี่ยนสีไป
เสียงนี้มันย่อมจะมิใช่เสียงของใครที่ไหนนอกจากตัวเย่หยวน!
เขานั้นกลับยังไม่ตาย?
ทุกผู้คนหันไปมองที่ต้นเสียงก่อนจะพบว่ามีเงาร่างหนึ่งค่อยๆ ก้าวออกมาจากห้วงมิติ
เมื่อฝ่ายทัพมนุษย์ได้เห็นเย่หยวนพวกเขาก็ยิ้มกว้างโห่ร้องขึ้น
“ฮ่าๆๆ ไม่ตายโว้ย! ท่านนักบุญฟ้าครามยังไม่ตาย!”
“หากมีเขาอยู่ด้วยเราก็ย่อมจะรอดได้!”
…
แต่ละย่างก้าวที่เขาก้าวออกมานั้นมันมีคลื่นพลังที่หนักหน่วงขึ้นในทุกๆ ครั้ง!
พลังงานฟ้าดินวิญญาณต่างๆ พุ่งทะยานปกคลุมฟ้าดินกลืนกินทุกสิ่งอย่าง
คลื่นพลังของเย่หยวนนั้นยังคงพุ่งทะยานอย่างต่อเนื่อง แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
เวลาหลายปีมานี้เย่หยวนย่อมจะบ่มเพาะพัฒนาแนวคิดไปอย่างมากมาย
แต่เขาย่อมจะไม่ได้ทิ้งการบ่มเพาะพลังปราณ
เวลานี้เมื่อมันสั่งสมมาได้เต็มที่ ภายใต้การโจมตีรุนแรงของพวกหยวนเจิ้นทั้งสามตัวเย่หยวนจึงบรรลุขึ้น!
เมื่อหยวนเจิ้นเห็นภาพตรงหน้านี้สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนสีไปอย่างตกตะลึง “เป็นไปได้อย่างไร? ภายใต้การโจมตีเช่นนั้นแม้จะเป็นเจ้าฟ้าดินสองทลายมันก็คงตายลงแน่! แต่มันกลับยังไม่ตายได้?”
ระหว่างที่เย่หยวนกำลังบรรลุและกลืนกินพลังงานจากรอบข้างไปนั้นเขาก็กล่าวขึ้น “วรยุทธแท้เต๋าสวรรค์นั้นมันแข็งแกร่งจริง แต่เจ้าเข้าใจผิดไปแล้ว พวกเจ้านั้นก็แค่ยืมพลังของเต๋าสวรรค์มาใช้ เจ้ามิใช่ตัวเต๋าสวรรค์ที่ปกครองทุกชีวิต! ต่อหน้าเต๋าสวรรค์นั้นพวกเจ้ามันก็แค่มดปลวกเช่นกัน แนวคิดแห่งมิติเวลานั้นมันก็คือส่วนหนึ่งของเต๋าสวรรค์! จะเผ่ามนุษย์หรือเผ่าเทวาใดสุดท้ายมันก็แตกต่างกันแค่วรยุทธระบบการบ่มเพาะ มันไม่ได้มีใครสูงต่ำกว่าใครทั้งสิ้น แต่พวกเจ้ากลับหลงตัวเองคิดว่าจะเมินพลังของมิติเวลาได้? น่าขัน!”
หยวนเจิ้นหรี่ตาลงตอบ “หึ! เผ่าเทวานั้นคือตัวตนสูงส่งที่เป็นตัวแทนของเต๋าสวรรค์ มีหรือที่คนอย่างเจ้ามันจะมาเข้าใจ? ในเมื่อเจ้ายังไม่ตาย ข้าก็จะสังหารเข้าให้อีกรอบเอง!”
พูดไปเขาก็ปล่อยคลื่นพลังที่ดึงกลับออกมาอีกครั้งพร้อมพุ่งตัวใส่เย่หยวน
คลื่นพลังสะท้านโลกาเกิดขึ้นอีกครั้ง!
เย่หยวนนั้นยืนมั่นอย่างไม่หวั่นไหวพร้อมก้าวเท้าไม่หยุดยั้ง จากนั้นเขาก็ยกมือขวาขึ้นมากล่าว “ดาบ จงมา!”
พริบตาเดียวนี้มันเกิดคลื่นแสงพุ่งทะยานขึ้นมาจากทุกด้านจนผสานกันกลายเป็นดาบแสงสีเหลืองทอง
ดาบนี้มันให้ความรู้สึกลึกลับเหมือนวิญญาณไร้ตัวตน
แต่หยวนเจิ้นย่อมจะไม่คิดสนใจเพราะการบรรลุของเย่หยวนนั้นยังไม่เสร็จสิ้น มีหรือที่ดาบนั้นมันจะสามารถทำอะไรเขาได้มากมาย?
หมัดของเขานั้นถูกต่อยออกมาอีกครั้ง!
“ไป!”
เย่หยวนหมุนตราในมือก่อนจะยิงดาบแสงทองนั้นพุ่งผ่านอากาศไป
ดาบนั้นมันดูเลือนรางเลื่อนลอย
ทีแรกหยวนเจิ้นย่อมจะไม่คิดสนใจคิดใช้ฝ่ามือของตนออกไปจับคว้าทำลายดาบแสงลง!
ด้วยกำลังกายของเขาในตอนนี้ เขานั้นสามารถทำลายได้แม้แต่เครื่องรางเต๋า!
แต่ไม่นานสีหน้าของเขาก็ต้องซีดลง
เพราะดาบนั้นยังไม่ทันมาถึงแต่ความคมของมันนั้นกลับทำให้เขาแทบไม่อาจลืมตามองดูได้
ความคมของมันนี้ตัดได้แม้แต่แสง ตัดได้ทุกสิ่งอย่างในฟ้าดิน
ในเวลานี้มีหรือที่เขาจะยังมีจิตใจไปฆ่าสังหารเย่หยวนใด? เขานั้นรีบขยับหมุนหดร่างตนเองหวังหลบดาบนั้น
แม้ว่าร่างกายของเขาในเวลานี้จะใหญ่โตอย่างไรมันก็ไม่ได้ช้าเชื่องลงกว่าแต่ก่อนเลย
เขาหมุนตัวและหดร่างหลบดาบแสงนั้นไปอย่างเฉียดฉิว
แต่คลื่นลมจากดาบนั้นมันก็ได้ดาบเส้นผมของเขาร่วงลงมาหลายเส้น
หยวนเจิ้นสั่นสะท้านไปทั้งกาย เมื่อสักครู่นี้หากเขารับรู้ถึงมันช้าไปอีกแค่เสี้ยววินาทีมันคงเป็นหายนะ!
ดาบนี้มันคมเกินไป!
ดาบนี้มันคมขนาดนั้นได้อย่างไร?
ดาบทั่วๆ ไปนั้นเขาย่อมจะไม่คิดสนใจ
ต่อให้จะเป็นดาบจากพลังต้นกำเนิดมันก็คงถูกมือเปล่าของเขาทำลายลงได้
แต่ดาบที่ผ่านตัวเขาไปนี้มันกลับเหนือล้ำยิ่งกว่าพลังต้นกำเนิด
เขานั้นไม่สงสัยเลยว่าหากเอามือไปโดนตัวดาบนั้นเข้า มือของเขาคงได้ขาดออกจากตัวไปแน่!
แต่มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร?
เขานั้นต่อสู้กับค่ายกลดาบนิพพานแท้ของเย่หยวนมาก่อนแล้วและย่อมจะเข้าใจถึงพลังดาบของเย่หยวนได้
แต่เจ้าดาบที่ผ่านหน้าเขาไปนั้นมันกลับคมกริบจนเกินบรรยาย!
“นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไร? เจ้าดาบนี้มันคืออะไรกันแน่?” หยวนเจิ้นถามขึ้นอย่างไม่อาจห้าม
เย่หยวนตอบกลับมา “เจ้าบอกว่าวรยุทธแท้เต๋าสวรรค์นั้นเหนือล้ำจนไม่ต้องสนใจแนวคิดใด? เพราะเข้านั้นข้าจึงได้ผสานพลังของมิติ เวลาและดาบเข้าด้วยกันจนบรรลุวิชานี้ มันคือดาบแห่งมิติเวลา! เจ้าลองดูสิว่าตัวเจ้านั้นสามารถจะเมินเฉยพลังของมันได้จริงหรือไม่!”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ? เจ้า… ผสานเวลา มิติและดาบ สามยอดแนวคิดนั้นเข้าด้วยกัน?” หยวนเจิ้นแทบจะไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวคนทั้งหลายก็ย่อมอกสั่นขวัญหายไปตามๆ กัน
ผสานมิติ เวลาและดาบ สามยอดแนวคิดเข้าด้วยกันนั้นมันเป็นสิ่งที่คนเราทำได้?
เดิมทีการผสานแนวคิดนั้นมันเป็นสิ่งที่ยากเย็น
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือยิ่งแนวคิดมีระดับสูงเท่าใดการผสานมันก็จะยิ่งยากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว
การผสานแนวคิดแห่งมิติและเวลาสองสุดยอดแนวคิดนั้นมันคงเรียกได้ว่าเป็นคู่ผสานที่ยากที่สุดในโลก!
แต่การจะผสานมิติ เวลาและดาบเข้าด้วยกันนั้นมันย่อมจะยากจนเกินกว่าจะใช้คำใดมาอธิบาย
หากต้องการจะใช้คำใดมาจำกัดความมันจริงๆ แล้ว… มันก็คงไม่พ้นคำว่าเป็นไปไม่ได้!
แต่เย่หยวนกลับทำได้!
ค่ายกลดาบนิพพานแท้นั้นมันเป็นสิ่งที่เย่หยวนสร้างขึ้นมาโดยการใช้พลังแนวคิดร่วมกัน มิใช่การผสาน
คู่แนวคิดเดียวที่เย่หยวนเคยผสานมาในอดีตคือคู่ของเต๋าดาบและแนวคิดแห่งห้วงมิติ
แต่เวลานี้เย่หยวนกลับผสานสามยอดแนวคิดเข้าด้วยกัน!
………….