Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2431 ใครบอกเจ้าว่าข้าต้องผ่านทุกข์ทลายเจ้าฟ้าดิน
- Home
- Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ
- ตอนที่ 2431 ใครบอกเจ้าว่าข้าต้องผ่านทุกข์ทลายเจ้าฟ้าดิน
ตูม!
ตูม!
ตูม!
…
บนท้องฟ้ากว้างนั้นมันเกิดเสียงระเบิดปะทะกันขึ้นมาอย่างไม่หยุดยั้ง
คลื่นพลังที่เกิดขึ้นมานี้มันทำให้แม้แต่มิติยังต้องสั่นสะเทือน
แม้ว่าอาณาจักรบ่มเพาะของเทียนเหอจะร่วงตกลงไปมากแต่อย่างไรเขาก็ยังเป็นยอดฝีมือ
ผสานกับพลังของวรยุทธแท้เต๋าสวรรค์นั้นมันยิ่งทำให้กำลังต่อสู้ของเขาเหนือล้ำแต่สุดท้ายก็ยังไม่อาจหนีตัวเย่หยวนพ้น
การปะทะครั้งนี้ในที่สุดแม่ทัพของเผ่าเทวาและเผ่ามนุษย์ก็ได้มาเผชิญหน้ากัน
เทียนเหอนั้นเปิดใช้งานวรยุทธแท้เต๋าสวรรค์ออกมา ต่อยหมัดเหล็กนั้นออกมาอย่างบ้าคลั่งไม่มีท่าทีจะหยุดลง
ดาบแห่งมิติเวลาของเย่หยวนนั้นมันสามารถตัดขาดทุกสิ่งอย่างได้
แต่มันกลับไม่อาจจะตัดหมัดนี้ของเทียนเหอลง
เทียนเหอนั้นสมชื่อว่าเป็นตัวตนระดับบรรพกาลของเผ่าเทวา ต่อให้จะเสียกำลังบ่มเพาะไปมากแต่เขานั้นก็ยังเก่งกาจพอจะปกป้องตัวเองได้
และหากดูจากมุมกว้างแล้ว ตอนนี้ตัวเทียนเหอดูจะได้เปรียบเย่หยวนไปด้วยซ้ำ
การใช้ผสานสองวรยุทธแท้เต๋าสวรรค์นั้นมันน่ากลัวได้อย่างแท้จริง
“เด็กน้อย เจ้ามันเก่ง! แม้บรรพกาลผู้นี้จะเสียกำลังบ่มเพาะไปแต่เหล่าเจ้าฟ้าดินสองทลายทั่วๆ ไปก็ยังไม่อาจจะทำอะไรบรรพกาลผู้นี้ได้ แต่เจ้านี้กลับหยุดยั้งตัวข้าไว้ได้! จงภูมิใจเสียเถอะ หากเจ้าได้มีเวลาไปเก็บตัวบ่มเพาะผ่านทุกข์ทลายเจ้าฟ้าดินแล้ว เจ้าคงต้องเอาชนะข้าไปได้แน่! น่าเสียดายแค่ว่าเจ้ามันโง่! ฮ่าๆๆ…” เทียนเหอหัวเราะลั่นขึ้นมา
เขานั้นสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าอาณาจักรบ่มเพาะของเย่หยวนนั้นมันส่งสัญญาณใกล้จะบรรลุขึ้นมาเต็มทีภายใต้แรงกดดันของเขา
การพัฒนาขึ้นระหว่างต่อสู้นั้นมันคงมีแต่เย่หยวนเท่านั้นที่ทำได้ถึงขั้นนี้
เว้นเสียแต่ว่าการพัฒนานี้มันจะนำพาเย่หยวนเข้าสู่ทุกข์ทลายที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย!
ตัวเย่หยวนเองนั้นก็สัมผัสได้ว่าอาณาจักรบ่มเพาะของตนนั้นมันกำลังจะบรรลุขึ้นอย่างไม่อาจควบคุม
หนึ่งปีมานี้เย่หยวนได้ทำการวิเคราะห์ท่ามกลางสนามรบเพื่อที่จะร่างแผนของบัญญัติเทพแห่งถงเทียนในอาณาจักรต่อไป
ในเวลานี้มันใกล้จะถึงเวลาได้เก็บเกี่ยวผลของความพยายามนั้นเสียที
คลื่นพลังโจมตีที่กดดันรุนแรงนี้ของเทียนเหอมันยิ่งทำให้อาณาจักรมหาพิภพของเย่หยวนสมบูรณ์ขึ้นทุกที
ตูม!
ในที่สุดมันก็พัฒนาขึ้นมาถึงจุดที่ไม่อาจหยุดยั้งและเริ่มสูบคลื่นพลังฟ้าดินจากพื้นที่รอบๆ เข้ามาอย่างบ้าคลั่ง
การบรรลุเริ่มขึ้นแล้ว!
ฝั่งทัพไร้คาดเดานั้นต่างหน้าถอดสีไปตามๆ กัน
พวกเขานั้นไม่นึกฝันว่าเย่หยวนกลับจะบรรลุขึ้นมารวดเร็วปานนี้
“ไม่ได้การ! นายท่านบรรลุเร็วเกินคาด! นี่… จะทำอย่างไรกันดี?” ว่านเจิ้นได้แต่ร้องขึ้น
ผางเจิ้นกัดฟันแน่นกล่าวออกไป “เจ้าหมอนี่นะ ว่าอะไรไปก็ไม่ฟังเราเลย! ให้ตายสิ เจอทุกข์ทลายในวินาทีสุดท้ายเช่นนี้มันจะต่างจากการรนหาที่ตายอย่างไร? ทุกคนฟังคำสั่งข้า! ไม่ต้องสนใจคนอื่นๆ แล้ว! ไปปกป้องนายท่านด้วยชีวิตของเรากัน!”
ภายใต้คำสั่งนี้เหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดานับหมื่นๆ ต่างมุ่งหน้าไปหาเย่หยวนในทันที
“ไม่ต้องมาสนข้า ไปทำเรื่องของพวกเจ้าให้เสร็จ!” เย่หยวนกล่าวขึ้น
นั่นทำให้สีหน้าของพวกว่านเจิ้นทั้งหลายเปลี่ยนสีไปอีกครั้ง “นายท่าน!”
“อะไรเล่า? คำพูดข้ามันไม่มีน้ำหนักแล้วหรือ?” เย่หยวนขมวดคิ้วแน่น
เขานั้นแค่ขมวดคิ้วออกมาแต่ไม่ได้แสดงท่าทีไม่พอใจใด
ในเวลานี้เขาย่อมจะเป็นแม่ทัพที่กำอำนาจขาดในทัพไร้คาดเดา
คำพูดของเขาในสนามรบนั้นมันหนักหนากว่าบรรพบุรุษของคนทั้งหลาย!
“เฮ้อ!” ว่านเจิ้นและผางเจิ้นนั้นได้แต่ต้องถอนหายใจยาวก่อนจะนำทัพกลับไปสู้ทัพศัตรูต่อ
เมื่อเทียนเหอได้เห็นภาพนี้เขาก็ยิ่งหัวเราะขึ้น “เด็กน้อย เจ้ามันช่างมากพรสวรรค์นัก! การพัฒนาของเจ้านี้มันเห็นได้ชัดเจนแก่ตา แต่ว่ามันก็จบเท่านี้! ฮ่าๆๆ…”
เย่หยวนบรรลุขึ้นมานั้นมันย่อมจะทำให้เกิดคลื่นพลังปั่นป่วนรุนแรง
เวลานี้พลังฟ้าดินใดๆ มันต่างถูกพัดดูดมารวมกันสิ้น
แต่ที่แห่งนี้มันก็คือแดนตะวันตก มิได้มีพลังงานวิญญาณที่หนาแน่นนัก
แต่การบรรลุของเย่หยวนนั้นมันเริ่มเข้าถึงพลังของเต๋าสวรรค์แล้ว หากมันยังไม่พอ ตัวเขาก็จะไม่มีทางหยุดดูดกลืนพลังลง
เย่หยวนนั้นเข้าต่อสู้กับเทียนเหอต่อไปทั้งๆ ที่มีพลังงานฟ้าดินปกคลุมตัวเช่นนั้น
เดิมทีแล้วเทียนเหอยังจะได้เปรียบเขาบ้าง
แต่เวลานี้เมื่อเย่หยวนเข้าถึงพลังเต๋าสวรรค์ได้ เขากลับสามารถปะทะกับเทียนเหอได้อย่างสูสี
ที่สำคัญไปกว่านั้น ยิ่งสู้ไปตัวเย่หยวนก็มีแต่จะแข็งแกร่งขึ้น!
ตูม!
เวลานี้ภายในกายของเย่หยวนมันก็เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นในโลกใบน้อยของเขาเช่นกัน พลังงานสีดำและเหลืองนั้นมันกำลังหมุนวนขึ้นอย่างรุนแรง
แม้ว่าเย่หยวนจะเรียกสิ่งนี้ว่าอาณาจักรมหาพิภพ แต่มันก็ยังมิใช่มหาพิภพใดๆ
หากให้พูดแล้วโลกของเขานั้นมันก็แค่การแบ่งความโกลาหลออกเป็นสองซีกเท่านั้น
โกลาหลอย่างไรก็ยังโกลาหลอย่างนั้น
แต่หลังจากผ่านการบ่มเพาะมาได้หลายปีนี้ดินแดนทั้งสองมันก็เริ่มจะบริสุทธิ์มากขึ้นเกิดเป็นสีของตนเอง
สวรรค์นั้นเป็นสีดำ แผ่นดินนั้นเป็นสีเหลือง
แต่ในเวลานี้พลังงานสีดำนั้นมันค่อยๆ เปลี่ยนกลายเป็นสีฟ้า ส่วนพลังงานสีเหลืองมันกลับค่อยๆ ขุ่นขึ้นเรื่อยๆ
สวรรค์และแผ่นดินนั้นมันเริ่มจะแตกต่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ!
นี่มันคือจุดกำเนิดของสวรรค์และแผ่นดินอย่างแท้จริง
แต่แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงนี้มันเกิดขึ้นอย่างเชื่องช้า
ในโลกภายนอกนั้นตัวเย่หยวนยังคงปะทะกับเทียนเหออย่างดุเดือดเลือดพล่าน
เทียนเหอที่เดิมทียังหัวเราะลั่นไม่หยุดกลับต้องค่อยๆ เงียบปากลงเพราะยิ่งต่อสู้ไปเขาก็ยิ่งรู้สึกมึนงงขึ้น
หากพูดตามสามัญสำนึกแล้วทุกข์ทลายเจ้าฟ้าดินมันควรจะเริ่มมานานสองนาน แต่ทำไมเย่หยวนนั้นกลับยังดูปกติไม่มีการเปลี่ยนแปลง?
ทุกข์ทลายเจ้าฟ้าดินนั้นมันคือพลังทำลายจากเต๋าสวรรค์ น่ากลัวจนเกินบรรยาย
เมื่อทุกข์ทลายเริ่มขึ้นแล้วร่างกายของคนผู้นั้นจะค่อยๆ เน่าสลายลงพร้อมกันนั้นพวกเขาก็จะถูกโจมตีด้วยทุกข์สายฟ้า ทุกข์ไฟ ทุกข์จิตและทุกข์อื่นๆ อีกมากมายอย่างน่ากลัวยิ่ง
พลังความทุกข์ทั้งหลายที่ว่ามานั้นมันจะปะทุขึ้นพร้อมๆ กัน
เป้าหมายก็คือเพื่อฆ่าสังหาร!
แน่นอนว่าภายในทุกข์ทั้งหลายนั้นมันย่อมจะมีเศษพลังของเต๋าสวรรค์อยู่ด้วย ตราบเท่าที่นักยุทธสามารถรอดผ่านมันไปได้พวกเขาย่อมจะเหมือนได้เกิดใหม่ พุ่งทะยานสูงความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง
แต่จะอย่างไรเสียนอกจากการดึงพลังงานมากมายมหาศาลมาแล้วตัวเย่หยวนกลับไม่ได้แสดงท่าทีว่ากำลังเผชิญทุกข์ใดๆ อยู่เลย
หนักแน่นราวขุนเขา!
เวลานี้นอกจากร่างกายของเย่หยวนจะไม่เน่าสลายแล้วมันกลับยังดูแข็งแกร่งขึ้นแทน
นี่มันแปลกจนเกินไป!
การต่อสู้นี้มันได้ทำให้เกิดคำถามขึ้นในใจของทัพไร้คาดเดาเช่นกัน
ว่านเจิ้นและพวกนั้นเฝ้ามองดูอย่างใกล้ชิดแต่สุดท้ายพวกเขากลับไม่พบว่าเย่หยวนจะผ่านทุกข์ทลายใดๆ จนเกิดฉงนใจขึ้นอย่างไม่อาจห้าม
“แปลก เวลาก็ผ่านไปเกือบสองชั่วโมงแล้วตั้งแต่ที่นายท่านเริ่มบรรลุมา ทำไมมันกลับไม่มีท่าทีจะเกิดความแตกสลายใดๆ เลยเล่า?” ว่านเจิ้นอดกล่าวขึ้นมาไม่ได้
ผางเจิ้นเองก็กล่าวตามขึ้นมาด้วยสีหน้าประหลาดใจไม่แพ้กัน “แตกสลาย? เจ้าไม่เห็นจริงหรือ? คลื่นพลังของนายท่านนั้นกลับกำลังพุ่งทะยานต่างหาก มันไม่เหมือนทุกข์ทลายเจ้าฟ้าดินที่เรารู้จักแม้สักนิด มันเหมือนเป็นการเสริมพลังเจ้าฟ้าดินต่างหาก!”
พวกเขาทั้งสองนั้นได้ผ่านทุกข์ทลายมาก่อนแล้วและย่อมรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวแค่ไหน
หากผ่านทุกข์ทลายมาได้นักยุทธผู้นั้นก็จะเข้าสู่สภาวะอ่อนแอเหมือนเพิ่งผ่านศึกใหญ่ ไม่มีแรงใดจะไปต่อสู้ผู้คนแน่
แต่เย่หยวนนั้นกลับเหมือนได้รับพลังเสริมจากเต๋าสวรรค์ทำให้คลื่นพลังพุ่งทะยานแทน
ทุกข์ทลายเจ้าฟ้าดินเช่นนี้ พวกเขาเพิ่งจะเคยได้พบได้เห็นมัน
เทียนเหอได้แต่สู้ไปด้วยหน้าเหยเกก่อนจะร้องลั่นขึ้น “ทำไมทุกข์ทลายเจ้าฟ้าดินของเจ้าถึงยังมาไม่ถึง? ด้วยกำลังของเจ้านี้มันย่อมจะต้องเป็นทุกข์ทลายที่น่ากลัวแท้ๆ!”
เย่หยวนหันไปมองใบหน้าของเทียนเหอด้วยความสมเพชก่อนจะกล่าวพร้อมหัวเราะขึ้น “ใครบอกเจ้าว่าข้าต้องผ่านทุกข์ทลายเจ้าฟ้าดิน?”
เทียนเหอหน้าถอดสีไปทันที “บ้าน่า! มนุษย์ทุกคนมันย่อมจะต้องผ่านทุกข์ทลายเจ้าฟ้าดิน เจ้าเองก็บ่มเพาะโลกใบน้อย ทำไมจะไม่ต้องผ่านทุกข์ทลายกันเล่า?”
เย่หยวนยิ้มตอบ “พูดมากไร้สาระ! เผ่าเทวาเจ้าเองก็ไม่ต้องผ่านทุกข์ทลายเหมือนกันมิใช่หรือ?”
เผ่าเทวานั้นบ่มเพาะพลังจากเต๋าสวรรค์โดยตรง เสริมสร้างร่างกายมาด้วยพลังของเต๋าสวรรค์ แน่นอนว่าย่อมจะไม่ต้องผ่านทุกข์ทลายใดๆ
แต่นอกจากพวกเขาแล้ว เผ่าอื่นๆ นั้นต้องผ่านทุกข์ทลายสิ้น!
และเรื่องนั้นเองทำให้เผ่าเทวาถือตัวเหนือเผ่าพันธุ์อื่นๆ
แต่เย่หยวนนั้นบ่มเพาะโลกใบน้อยแน่ๆ แต่กลับไม่ต้องผ่านทุกข์ทลาย เรื่องราวเช่นนี้มันย่อมอยู่เหมือนเหตุและผล
เทียนเหอได้แต่ตกตะลึงอยู่ในใจ
เจ้าหนุ่มคนนี้มันมีอะไรที่ไม่แน่นอนมากจนเกินไป!
เขานั้นพยายามมองเย่หยวนด้วยสามัญสำนึก คิดว่าเย่หยวนจะต้องเผชิญทุกข์ทลายและตายลงเอง
แต่เขานั้นได้ลืมไปเสียสนิทว่าเย่หยวนมันเป็นตัวตนที่อยู่เหนือล้ำสามัญสำนึกไป!
..