Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2465 แสดงพลังอันห่างชั้น
หลินเฉาเถียนนั้นสมชื่อว่าเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งมหาพิภพถงเทียนอย่างแท้จริง เขานั้นไม่อาจจะถูกคนอื่นชักจมูกได้ง่ายๆ
แม้จะได้เห็นเขาน้อยแห่งถงเทียน สมบัติล้ำค่านี้อยู่ตรงหน้าเขาก็ยังสามารถจะฝืนใจกลั้นได้
นี่มันเหนือล้ำกว่าความคาดคิดของเย่หยวนไปไม่น้อย
เขานั้นคิดเช่นนั้นจริงๆ ว่าจะโยนเขาน้อยแห่งถงเทียนลงกลางวงและให้คนทั้งหลายยุ่งจนตัวเขาจากไปได้อย่างไร้การขัดขวาง
ส่วนการเปิดเผยเขาน้อยแห่งถงเทียนต่อสายตาคนนั้นเย่หยวนไม่ได้คิดกังวลใดๆ อีกต่อไปแล้ว
ด้วยกำลังของเขาในเวลานี้ มันไม่มีใครเก่งกาจพอจะเป็นภัยกับเขาได้อีกแล้ว
หลังจากที่เขาบรรลุขึ้นไปอีกระดับหนึ่งการจะกลับไปทวงถามเอาเขาน้อยแห่งถงเทียนกลับมาจากหลินเฉาเถียนนั้นมันก็คงไม่ยากเย็นมิใช่หรือ?
แต่หลินเฉาเถียนนั้นกลับไม่ตกหลุมพรางนี้!
หลินเฉาเถียนมองดูเย่หยวนก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หึ ท่านนักบุญฟ้าคราม! ต้องยอมรับเสียจริงๆ ว่าท่านนั้นแทบจะสำเร็จแล้ว! เพียงแค่ว่าเจ้าเองก็ไม่ได้เข้าใจเลยว่าบรรพกาลผู้นี้ลงทุนศึกษาเจ้ามามากมายแค่ไหน! บรรพกาลผู้นี้ไม่เคยประมาทตั้งแต่เริ่มหมายหัวไล่ล่าเจ้าแล้ว!”
การปรากฏของเขาน้อยแห่งถงเทียนนี้มันย่อมทำให้คนทั้งโลกหล้าต้องตกตะลึง!
มีหรือที่หลินเฉาเถียนคนนี้จะไม่รู้สึกถึงความน่ากลัวของเขาน้อยแห่งถงเทียนนี้ได้?
เพียงแค่ว่าตัวเขานั้นได้ศึกษาประวัติของเย่หยวนมาอย่างมากมายในช่วงหลายปีมานี้!
คนอื่นๆ อาจจะประมาทเพราะเย่หยวนนั้นเป็นแค่เด็กหนุ่มแต่หลินเฉาเถียนไม่เคยคิดเช่นนั้น!
เย่หยวนนั้นเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวอย่างมาก!
ต่อให้จะมีพลังฝีมือและพลังบ่มเพาะต่ำตมกว่ามันก็ยังไม่อาจจะประมาทได้!
ระหว่างทางการเติบโตของเย่หยวนนั้นเขาได้พบเจอศัตรูที่เก่งกาจกว่าตนมากมาย
แต่คนทั้งหลายนั้นต่างตกลงไปแทบเท้าเขาในที่สุด
บ้างมันก็อาจจะเป็นเพราะพลังแนวคิดที่ทรงพลังเอาชนะข้ามอาณาจักรบ่มเพาะ
แต่บางทีมันก็เพราะความฉลาดหลักแหลมและแผนการอันแยบยลของเย่หยวน!
ยอดคนมากมายต้องพ่ายลงด้วยน้ำมือของเย่หยวน!
และยิ่งศึกษาเรื่องของเย่หยวนไปมากเท่าใดหลินเฉาเถียนก็ยิ่งได้สัมผัสถึงความน่ากลัวนี้ชัดเจน
หลินเฉาเถียนนั้นรู้ว่านี่เป็นโอกาสเดียวที่จะจัดการเย่หยวนลงได้
หากพลาดโอกาสนี้ไปแล้วมันก็คงไม่มีโอกาสใดอีกต่อไปแน่
เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องทำทุกอย่างด้วยความรอบคอบ!
เมื่อวินาทีที่ได้เห็นเขาน้อยแห่งถงเทียนนั้นตัวเขาเองก็เกิดความโลภขึ้นเช่นกัน
เขานั้นก็เหมือนเต๋าบรรพกาลคนอื่นๆ ที่แทบจะอยากเข้าไปแย่งชิงและหาที่เก็บตัวศึกษาเขาน้อยแห่งถงเทียนนั้น
แต่สุดท้ายเขาก็ยังยั้งใจไว้ได้
เพราะเขารู้ว่าตัวเองคงไม่มีเวลาไปทำอย่างนั้นแน่!
เย่หยวนขมวดคิ้วแน่นเพราะรู้ว่าปัญหาตอนนี้มันชักจะใหญ่เกินมือแล้ว “เอาล่ะ ลองว่าเงื่อนไขเจ้ามา!”
หลินเฉาเถียนนั้นยิ้มตอบกลับไป “พูดกับคนฉลาดมันประหยัดเวลาดีจริง ง่ายๆ เลย เจ้าแค่ตัดเส้นลมปราณของตนและทำลายทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ยอมอยู่ที่นี่ตลอดไปเสีย บรรพกาลผู้นี้ย่อมจะปล่อยพวกมันไปแน่นอนแล้ว”
เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวเต๋าบรรพกาลทั้งแปดที่เหลือก็ยิ้มขึ้นมา
ส่วนด้านลู่เอ๋อทั้งหลายนั้นต้องตัวสั่นอย่างหวาดกลัว
เพราะหลังจากตัดเส้นลมปราณของตนเองแล้วปราณเทวะใดๆ มันก็จะไม่มีที่ให้เก็บไหล คนผู้นั้นย่อมจะไม่อาจจะใช้วรยุทธใดๆ ออกมาได้และจะกลายสภาพเป็นเหมือนคนพิการไป
ส่วนการทำลายทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของตนนั้นมันเหมือนกับการตัดขาดระหว่างนักยุทธและโลกใบน้อยทำให้พวกเขาไม่อาจจะดึงพลังจากโลกใบน้อยมาใช้ได้อีกต่อไป
เงื่อนไขทั้งสองอย่างนี้มันเหมือนบอกให้เย่หยวนตัดแขนขาตัวเองทิ้ง
ช่างชั่วร้ายอย่างแจ่มชัด!
ต่อให้เย่หยวนจะมีแนวคิดที่เหนือล้ำฟ้าดินสักแค่ไหนแต่หากไม่มีปราณเทวะแล้วเขาก็ย่อมจะเป็นเหมือนต้นไม้ไร้รากไม่อาจจะใช้วิชาใดๆ ออกมาได้แม้แต่น้อย
“ไม่นะ! นายน้อย ท่านรีบๆ หนีไปเถอะ ไม่ต้องห่วงพวกเรา!” ลู่เอ๋อกล่าวขึ้น
“พี่ใหญ่ ข้ารู้ว่าพวกมันจับตัวพี่ไม่ได้! พี่กลับไปบ่มเพาะแล้วค่อยมาจัดการพวกมันทีหลังก็ได้! ตราบเท่าที่พี่ยังไม่ตายพวกมันก็ย่อมจะยังไม่กล้าสังหารพวกเราลงแน่!” อิ้งหมัวหู่ร้องลั่น
คำพูดของอิ้งหมัวหู่นี้มันฟังดูเข้าท่าอยู่ไม่น้อย
แต่หลินเฉาเถียนที่ได้ยินกลับหัวเราะขึ้นมา “ใช่แล้ว บรรพกาลผู้นี้ย่อมจะไม่อาจสังหารพวกเจ้าได้ แต่บรรพกาลผู้นี้ย่อมทรมานพวกเจ้าได้โดยไม่ปล่อยให้ตายลง! แล้วก็สาวน้อยนางนี้ หึๆ ลูกหลานตระกูลหลินข้านั้นก็มีที่โสดอยู่อีกมาก ให้นางเข้าไปเป็นนางบำเรอคงไม่เลวนัก”
ลู่เอ๋อร้องกลับไปด้วยท่าทางโกรธแค้น “เจ้า! มารร้าย! ไร้ยางอาย!”
หลินเฉาเถียนนั้นย่อมรู้จักนิสัยของเย่หยวนว่าจะไม่มีทางปล่อยคนทั้งหลายนี้ให้เจอความยากลำบากเป็นแน่
เพราะหากเป็นเช่นนั้นจริงเย่หยวนคงไม่โผล่หน้ามาแต่แรก
“ได้สิ!”
แต่เย่หยวนนั้นกลับไม่คิดต่อรองใดๆ และเริ่มเปิดใช้งานวรยุทธบ่มเพาะขึ้นมา!
“อัก!”
เย่หยวนกระอักเลือดคำโตพร้อมด้วยคลื่นพลังบนร่างที่หดหายไปภายในเวลาแค่เสี้ยววินาที
เวลานี้ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขานั้นถูกตัวเขาเองทำลายลงสิ้น
เมื่อคนทั้งหลายได้เห็นเช่นนั้นพวกเขาก็ต้องอ้าปากค้างขึ้นมา
แม้แต่เหล่าเต๋าบรรพกาลทั้งหลายเองก็ยังอดไม่ได้ที่จะผงะหลังไป
พวกเขานั้นไม่นึกฝันว่าเย่หยวนจะหนักแน่นเด็ดขาดได้ปานนี้ ทำลงไปอย่างไม่คิดแม้แต่จะลังเล!
หากเป็นคนอื่นๆ แล้วต่อให้จะเป็นเรื่องอะไรอย่างไรการทำลายชีวิตตนเองเช่นนี้มันก็ยังต้องหยุดคิดอยู่หลายรอบ!
แต่เย่หยวนนั้นกลับไม่ลังเลแม้แต่น้อย!
ดูท่าแล้วในจิตใจของเขานั้นพวกลู่เอ๋อทั้งหลายคงมีค่ากว่าชีวิตของตัวเขาไปมาก!
สภาพเย่หยวนในเวลานี้มันสุดแสนอ่อนแอแต่ก็ยังมองหน้ากล่าวต่อหลินเฉาเถียนอย่างดุดัน “เวลานี้เจ้าจะปล่อยพวกเขาไปได้หรือยัง?”
หลินเฉาเถียนย่อมพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “เรื่องนั้นย่อมได้! พวกเจ้าไปได้!”
เขานั้นยังไม่ได้สั่งให้เย่หยวนตัดเส้นลมปราณของตนเพราะระหว่างคนฉลาดพวกเขาย่อมจะรู้ว่าการต่อรองมันต้องมีวิธีการอย่างไร
คนทั้งหลายนั้นเข้าใจดี
เย่หยวนนั้นย่อมจะต้องถือไพ่ต่อรองไว้บ้าง
หลินเฉาเถียนยกมือขึ้นโบกปัดทำให้พวกลู่เอ๋อทั้งหลายถูกพัดหายไป
เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้งพวกเขาทั้งหลายก็มาอยู่ที่ปากทางเข้าเทือกเขากำเนิดตรัสรู้แล้ว
“นายน้อย!” ลู่เอ๋อนั้นร้องลั่นขึ้นมาทั้งน้ำตาพยายามพุ่งตัวกลับเข้าไปยังเทือกเขากำเนิดตรัสรู้
“พี่ยี่ ช่วยพาพวกเขาไปด้วย!” เย่หยวนร้องลั่นขึ้นมาจากในโถงกำเนิดตรัสรู้
มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลหรี่ตาลงด้วยใบหน้าดำมืด
เขายกนิ้วขึ้นมาปิดกั้นมิติไว้ทำให้ลู่เอ๋อไม่อาจจะพุ่งตัวไปด้านหน้าได้อีก
“มันเกิดอะไรขึ้นกับเย่หยวนกัน?” มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นหันมาถามทางไป๋ตงด้วยใบหน้าแดงดำ
ไป๋ตงเองก็กัดฟันตอบกลับมาพร้อมเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโถงกำเนิดตรัสรู้ให้มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลฟังจนเขาแทบมีควันออกหู
“เจ้าสารเลวพวกนี้ พวกมันไม่คิดจะไว้หน้าใครแล้ว!”
ไป๋ตงตอบกลับมา “ไว้หน้า? หากมันยังรู้จักดีชอบพวกมันคงไม่คิดทำเรื่องชั่วร้ายเช่นนี้ขึ้นมาแต่แรกแล้ว!”
เสียงของคนทั้งสองนี้มันพูดกล่าวกันอย่างไม่มีปิดบังใดๆ คนทั้งหลายที่อยู่ไม่ไกลย่อมจะได้ยินสิ้น
ในเวลานี้คนทั้งหลายจึงเริ่มแสดงความไม่พอใจออกมาตามๆ กัน!
“เก้าเต๋าบรรพกาล! เหอะ เก้าต้นกำเนิดความหน้าไม่อายสิถึงจะเหมาะกับพวกมัน!”
“สงครามอยู่ตรงหน้าแต่พวกมันยังวางแผนตัดกำลังคนในฝ่ายตัวเอง วางแผนร้ายทำเรื่องหน้าไม่อายเช่นนี้ออกมาได้ ยอดเยี่ยมเสียจริงๆ!”
“ปล่อยเขา! ปล่อยตัวนักบุญฟ้าคราม!”
…
นอกเทือกเขานั้นมันเกิดเสียงร้องลั่นอย่างไม่พอใจขึ้นมาต่อเนื่อง
เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายนั้นต่างด่าว่าไปถึงต้นตระกูลบรรพบุรุษของเก้าเต๋าบรรพกาลไม่ขาดปาก
แต่วินาทีต่อมามันก็ปรากฏเงาร่างหนึ่งขึ้นบนท้องฟ้า
ชายผมแดงคนหนึ่งกำลังยืนทำหน้าตาดุดันไม่พอใจ แน่นอนว่ามันย่อมเป็นเต๋าบรรพกาลไฟแล้ว!
เขานั้นค่อยๆ หรี่ตาลงกล่าวขึ้น “ไสหัวไปให้หมด! หากยังมีใครคิดสร้างเรื่องอีกข้าจะสังหารสิ้น!”
พลังแห่งกฎไฟนั้นปะทุขึ้นมาจากทุกอณูของฟ้าดิน
นั่นทำให้คนทั้งหลายหน้าถอดสีไป
คลื่นพลังรุนแรงนั้นมันเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่อาจจะรับมือได้แม้แต่น้อย!
เมื่อได้เห็นว่าคนทั้งหลายยังยืนนิ่งกันเต๋าบรรพกาลไฟก็ยกนิ้วขึ้นชี้
ตูม!
พื้นที่หนึ่งมันมียอดฝีมือหลายต่อหลายคนถูกเผาจนมอดไหม้!
พลังของเต๋าบรรพกาลนั้นมันน่ากลัวเสียจนเกินไป!
เห็นเช่นนี้ทุกคนต่างก็ต้องหวาดกลัวสุดใจ
ต่อให้จะร่วมมือกันอย่างไรมันก็ไม่อาจจะเทียบเคียงพลังของเต๋าบรรพกาลได้!
ภายใต้พลังการทำลายล้างของเต๋าบรรพกาลไฟนั้นเหล่ายอดฝีมือทั้งหลายต่างพุ่งหายไปด้วยใบหน้าดำมืด
หลินเฉาเถียนนั้นยิ้มขึ้นมากล่าวต่อเย่หยวน “เอาล่ะ ทีนี้ก็ตัดเส้นลมปราณของตนเองเสีย! ไม่เช่นนั้นเต๋าบรรพกาลไฟจะได้ฆ่าสังหารคนแล้ว!”
แม้ว่ามหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นจะอยู่ด้วยแต่เขาย่อมไม่อาจต่อต้านพลังของเต๋าบรรพกาลไฟได้มากมาย
เขานั้นอาจจะพาคนไปได้ แต่มันก็คงมีการบาดเจ็บล้มตายบ้าง
ปุ ปุ ปุ…
เส้นเลือดในร่างของเย่หยวนระเบิดขึ้นมาจนทำให้เสื้อคลุมยาวสีขาวตัวโปรดกลายเป็นสีแดงฉาน
เวลานี้เส้นลมปราณในร่างของเขานั้นมันขาดสะบั้นออกจากกันสิ้นเชิง!
………………………..