Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2468 ฆ่าไม่ตาย
ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!
ยอดฝีมือหลายคนรุมล้อมชายหนุ่มร่างกายสีเทาไว้ตรงกลางปิดทางหนีของเขาสิ้น
ไล่ติดตามมานานถึงครึ่งวันสุดท้ายเต๋าบรรพกาลทั้งหกก็ไล่ตามวิญญาณโกลาหลดั่งเดิมของเย่หยวนได้ทัน
หลินเฉาเถียนนั้นแต่ได้ทำหน้าเหยเกไม่นึกฝันว่าจิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนนั้นกลับจะรวดเร็วปานนี้
เวลาครึ่งวันที่ผ่านมานี้เรื่องราวของอีกฝั่งนั้นไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้างแล้ว
“หึ! ก็ลองดูสิว่าจะหนีไปได้ถึงไหน!” หลินเฉาเถียนกล่าวออกไป
เย่หยวนยักไหล่ตอบกลับไปด้วยท่าทางสบายๆ “หลินเฉาเถียน เจ้าทุ่มเทวางแผนเป็นปีๆ แต่คงไม่นึกฝันว่าหมูสมบัตินั้นจะเป็นยอดฝีมือพลังกฎใช่หรือไม่? หึๆ เวลานี้เจ้าก็ยังสังหารข้าไม่ได้อีก เกรงว่าวันหน้าพวกเจ้าคงหลับกันได้ไม่เต็มตาแล้ว”
เต๋าบรรพกาลทั้งหกนั้นต่างทำหน้าตามึนงงขึ้นมาเมื่อได้ยิน เจ้าหมอนี่มันไม่รู้ชะตากรรมของตนเองหรือ?
จิตศักดิ์สิทธิ์ของเจ้านั้นอยู่ที่ปลายมือคนแล้วยังจะมีหน้ามาบอกว่าตัวเองไม่ตาย?
“ฮ่าๆๆ เย่หยวน เจ้าไม่มีที่ให้หนีได้แล้ว คนใกล้ตายอย่างเจ้านี้จะเอาอะไรมาแก้แค้นพวกข้า? คิดให้ร่างกายมันลุกขึ้นมาแก้แค้นเองหรือ? เจ้าโง่ เจ้าคิดจะให้พวกเราไล่ตามเจ้าหมูนั่นไปแล้วเอาตัวเองหนีรอด? ขอโทษที ในสายตาของข้านั้นเจ้ามันอันตรายกว่าที่จะทิ้งไปไล่ล่าโอสถเต๋าใด!” หลินเฉาเถียนกล่าวขึ้นด้วยเสียงหัวเราะลั่น
“เจ้าโง่ เจ้ายังไม่เข้าใจสถานการณ์อีกหรือ? จิตศักดิ์สิทธิ์ของเจ้ามันจะถูกทำลายลงแล้ว ทั้งอย่างนั้นเจ้ากลับยังคิดจะมาข่มขู่พวกเรา?” เต๋าบรรพกาลลมกล่าวขึ้น
แต่แม้ต้องเจอเต๋าบรรพกาลถึงหกคนแต่เย่หยวนก็ยังยิ้มตอบกลับไป “เขาน้อยแห่งถงเทียนนั้นข้าจะขอฝากไว้กับพวกเจ้าก่อน ถึงเวลาแล้วข้าจะกลับไปเอา อ่า… ช่วงที่ข้ายังฝากไว้นี้พวกเจ้าต้องพยายามกันให้หนักอย่าให้ข้าต้องผิดหวังเล่า”
หลินเฉาเถียนขมวดคิ้วแน่นเพราะรู้สึกถึงลางสังหรณ์
เขานั้นศึกษาเย่หยวนมาอย่างดี คำพูดของเย่หยวนนั้นมันอาจจะฟังดูเหมือนการโอ้อวดแต่เย่หยวนนั้นมิใช่คนที่จะโอ้อวดอย่างไร้อะไรหนุนหลัง
หรือว่าเจ้าหมอนี่มันจะยังมีไม้ตายใดๆ อีก?
เย่หยวนหัวเราะขึ้นมาพร้อมเมินเหล่าเต๋าบรรพกาลทั้งหลายก่อนจะค่อยๆ เดินผ่านพวกเขาไป
เต๋าบรรพกาลทั้งหกนั้นหันมามองหน้ากัน หรือว่าเจ้าหมอนี่มันจะเป็นคนโง่จริงๆ?
หลินเฉาเถียนนั้นขมวดคิ้วแน่นก่อนจะทุบฝ่ามือออกไป
ตูม!
คลื่นพลังรุนแรงบดขยี้จิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนลงเป็นชิ้นๆ
หลินเฉาเถียนนั้นยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก “บรรพกาลผู้นี้ก็กังวลอยู่ว่าเจ้าจะมีไม้ตายใดหลบซ่อน เสียเวลาตั้งนานสุดท้ายก็แค่คำโม้ไร้สาระ!”
เต๋าบรรพกาลลมกล่าวขึ้นเสริม “ฮ่าๆๆ จริงๆ เลย เล่นเสียเหมือนเชียว บรรพกาลผู้นี้เกือบหลงเชื่อแล้ว!”
เต๋าบรรพกาลมืดยิ้มขึ้นมา “เจ้าหมอนี่มันประหลาดจนเกินไป ทำเอาข้ากังวลไม่น้อย แต่ครั้งนี้มันคงได้ต-ตา…”
วินาทีต่อมาคำพูดของเต๋าบรรพกาลมืดก็ติดขัดเบิกตากว้างมองออกไปอย่างไม่คิดอยากเชื่อ
คำว่า ตาย นั้นยังกล่าวไม่จบเสียด้วยซ้ำ
“หึๆ มืด เจ้าดีใจจนเสียสติไปแล้วหรือ?” เต๋าบรรพกาลลมกล่าวขึ้นมาพร้อมหัวเราะเยาะ
“มิใช่มันหรอกที่เสียสติ เจ้าต่างหากที่เป็นคนเสียสติ!” เวลาเดียวกันนั้นมันก็เกิดเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
เต๋าบรรพกาลลมนั้นเบิกตากว้างหันไปมองต้นเสียงด้วยตาถลน
เย่หยวนนั้นกลับยืนอยู่ตรงนั้นอย่างราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลินเฉาเถียนนั้นหันมามองเย่หยวนด้วยขนที่ลุกชัน
ทำไมเจ้าหมอนี่มันถึงยังอยู่สบายไร้ร่องรอยบาดเจ็บเช่นนี้?
“พวกเจ้าดูตกใจกันมากนะ? หลินเฉาเถียน เจ้าอวดอ้างว่ารู้จักศึกษาตัวข้ามาดี? ครั้งนี้ดูท่าเจ้าจะตกตะลึงไม่น้อยทีเดียว! หากข้าไม่มีไม้ตายแล้วมีหรือที่ข้าจะมายืนรับหน้าพวกเจ้าทั้งหกด้วยแค่ร่างวิญญาณเช่นนี้?” เย่หยวนกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
หลินเฉาเถียนนั้นกล่าวออกมาด้วยสีหน้าตื่นตะลึงไม่อยากเชื่อสายตา “เจ้า… ทำไมเจ้ายังอยู่ได้? มันแปลก… จิตศักดิ์สิทธิ์ของเจ้ามันแปลก!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ใช่แล้ว ข้าเองก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอก แต่จิตศักดิ์สิทธิ์ของข้านั้นมันผ่านการเปลี่ยนแปลงบางอย่างมา ข้าลืมบอกไป แม้แต่เทียนชิงมันนั้นก็ยังไม่อาจจะสังหารข้าลงได้เช่นกัน”
หลินเฉาเถียนเบิกตากว้างขึ้นอย่างตกตะลึง
จิตศักดิ์สิทธิ์ที่แม้แต่เทียนชิงเองก็ไร้ปัญญาทำลาย?
เขานั้นเป็นคนที่รอดจากสงครามสิ้นโลกครั้งก่อนหลินเฉาเถียนย่อมจะเข้าใจได้พลังอำนาจของเทียนชิงอย่างถ่องแท้!
แม้แต่เทียนชิงก็ยังไม่อาจสังหารเย่หยวนได้ แล้วจิตศักดิ์สิทธิ์นี้มันจะต้องแข็งแกร่งขนาดไหนกัน?
แต่จะอย่างไรเสียหลินเฉาเถียนนั้นก็เป็นถึงเต๋าบรรพกาลชีวิต หลังจากหายตื่นตะลึงไปแล้วตัวเขาก็เริ่มหัวเราะขึ้นมา “เฮอะ เจ้าคิดจะข่มขู่บรรพกาลผู้นี้ด้วยคำพูดไม่กี่คำ? ครั้งหนึ่งสังหารไม่ได้ก็ลองสักสิบ สักร้อยครั้งดู! บรรพกาลผู้นี้อยากจะรู้ว่าเจ้าจะทนไปได้ถึงสักกี่ครั้งกัน!”
พูดจบหลินเฉาเถียนก็ยกมือซัดออกมาอีกครั้งจนทำให้มิติสั่นสะเทือน
ตูม!
วิญญาณโกลาหลดั่งเดิมนั้นแตกสลายลงไปอีกครั้งแต่ไม่นานผงสีเทามันก็ค่อยๆ ไหลกลับมารวมเป็นร่างอีกครั้งหนึ่ง!
เย่หยวนมองดูหลินเฉาเถียนด้วยรอยยิ้ม “หึๆ หากเจ้าคิดจะเสียเวลาไล่สังหารข้าก็ลองดู จะสิบครั้งหรือหมื่นครั้งก็ย่อมได้!”
พูดจบเย่หยวนก็พุ่งร่างหนีไปอีกครั้ง
เต๋าบรรพกาลทั้งหกนั้นตกตะลึงไม่น้อยแต่ก็ยังตามติดไป
“เป็นไปได้อย่างไร? จิตศักดิ์สิทธิ์ของมันนั้นไม่มีวันตาย?” เต๋าบรรพกาลลมกล่าวขึ้นมาอย่างไม่อยากเชื่อ
หลินเฉาเถียนนั้นตอบกลับมาด้วยใบหน้าดำมืด “ไม่ว่าจะอย่างไรเราก็จะปล่อยให้มันหนีไปไม่ได้!”
ตูม!
ตูม!
ตูม!
พริบตาเดียวเวลามันก็ผ่านไปกว่าครึ่งเดือน บนท้องฟ้าของมหาพิภพถงเทียนนั้นมันจะเกิดเสียงระเบิดรุนแรงขึ้นเป็นครั้งๆ
จิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนนั้นถูกทำลายจนแตกสลายไปหลายต่อหลายครั้ง
เว้นเสียแต่ว่ามันเปล่าประโยชน์!
ยิ่งเต๋าบรรพกาลทั้งหกลงมือไปมากเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น
เพราะจิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนนั้นมันไม่แสดงทีท่าว่าจะแตกดับใดๆ เลย
หลินเฉาเถียนกัดฟันแน่น “ให้ตายสิ! เราสังหารมันไปหลายต่อหลายครั้งแล้วแต่จิตศักดิ์สิทธิ์ของมันนั้นกลับไม่อ่อนแอลงเลย! จิตศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าหมอนี่มันเป็นอะไรกันแน่?”
ในเวลานี้ตัวหลินเฉาเถียนไม่คิดว่าเย่หยวนโม้โอ้อวดใดๆ อีกต่อไปแล้ว
พวกเขานั้นไม่อาจจะสังหารเย่หยวนลงได้จริงๆ!
เต๋าบรรพกาลมืดนั้นกล่าวขึ้นมาตาม “วิญญาณที่ฆ่าไม่ตาย! ข้าไม่เคยจะได้ยินมาก่อนเลย! ต่อให้จะเป็นเทียนชิงแต่หากมันเหลือแค่ร่างวิญญาณเช่นนี้มันก็คงต้องตายลงเป็นแน่ ไม่มีทางใดที่จะรอดชีวิตจากมือพวกเราไปได้ เจ้าเด็กคนนี้มันเป็นสัตว์ประหลาดเสียจริงๆ!”
เย่หยวนที่หนีอยู่ด้านหน้ากล่าวตอบกลับไป “หลินเฉาเถียน หากข้าเป็นเจ้าข้าคงเอาเวลาไปบ่มเพาะศึกษาเขาน้อยแห่งถงเทียนแล้ว ข้าสัมผัสได้ว่าอีกไม่เกินสิบปีการกำเนิดแห่งเต๋าสวรรค์คงเริ่มขึ้น หากเจ้ามีเวลามากนักแทนที่จะเอามาเสียไล่ล่าข้าสู้เอาเวลาไปเรียนรู้เพิ่มพลังตนเองจะดีกว่า บางทีเจ้าอาจจะยังพอพลิกสถานการณ์ได้ทัน!”
หลินเฉาเถียนนั้นได้แต่กัดฟันไม่อยากยอมแพ้แต่เขารู้ดีว่าที่เย่หยวนกล่าวมามันถูกต้อง!
เสียเวลาเช่นนี้ต่อไปมันคงไม่มีประโยชน์ใด
พวกเขานั้นแทบจะมาถึงมิตินรกแล้วด้วย อีกไม่นานเย่หยวนก็คงหนีเข้าไปในมิตินรกได้ ถึงเวลานั้นพวกเขาเองก็ไม่กล้าจะบุกเข้าไปเช่นกัน
แทนที่จะเสียเวลาเช่นนี้ต่อไป สู้กลับไปบ่มเพาะฝึกฝนตนดีกว่า
เวลานี้พวกเขานั้นได้สมบัติล้ำค่ามาไว้ในมือ มันอาจจะช่วยให้หลุดพ้นได้จริงๆ ก็ได้
“ไปกันเถอะ!” สุดท้ายหลินเฉาเถียนก็กล่าวขึ้นก่อนจะหันหน้ากลับไป
เต๋าบรรพกาลลมนั้นถามขึ้นมาด้วยใบหน้าไม่พอใจ “ให้มันหนีไปเช่นนี้? หากมันกลับมาแล้วเราจะยังรับมือมันอย่างไรเล่า?”
หลินเฉาเถียนนั้นตะคอกกลับไป “แล้วเจ้าฆ่ามันได้ไหมเล่า?”
เต๋าบรรพกาลลมได้แต่ทำหน้าเหยเกเมื่อได้ยินคำนั้น
หลินเฉาเถียนนั้นไม่สนใจคนอื่นๆ และพุ่งตัวกลับไปก่อน
เหล่าเต๋าบรรพกาลทั้งห้าเองก็ได้แต่ต้องกัดฟันอย่างไม่อยากยอมแพ้ แต่สุดท้ายก็ออกเดินทางกลับตามหลินเฉาเถียนไป
เย่หยวนมองดูคนทั้งหลายเดินทางจากไปด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน
“หึๆ ไม่นึกเลยว่าหนุ่มน้อยในวันนั้นกลับจะเติบโตขึ้นมาได้ถึงปานนี้ น่าตื่นตะลึงเสียจริง!” ในเวลานั้นเองที่มันมีเสียงหนึ่งพูดหยอกล้อขึ้นมา
……