Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2481 ตราถงเทียน
ตัดแบ่งแยกแผ่นดิน!
เรื่องนี้มันถูกตัดสินกันด้วยง่ายๆ เพียงไม่กี่คำ
คำพูดของเย่หยวนนี้มันแทนคำพูดของผู้คนจากหลากเผ่าพันธุ์
แต่ไม่มีใครคิดปฏิเสธ!
แม้แต่หลินเฉาเถียนและเต๋าบรรพกาลคนอื่นๆ เองก็ยังไม่คิดจะปฏิเสธใด
เพราะหากปฏิเสธไปมันก็จะเท่ากับว่าพวกเขานั้นเองต้องเป็นคนไปปะทะกับเผ่าเทวาเอง!
เรื่องความเก่งกาจของบรรพบุรุษทั้งหลายนั้นพวกเขาต่างเข้าใจอย่างลึกซึ้งไม่ต้องไปทดลองใดๆ อีก
แม้จะไม่พูดถึงคนอื่นแต่เพียงแค่เต๋าสวรรค์สิบลายทั้งสองคนนั้นมันก็มากเกินกว่าที่ทั้งเผ่าพันธุ์จะรับมือได้ไหวแล้ว
แน่นอนว่าเรื่องนั้นมันย่อมไม่มีใครคิดสนใจ
เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดกับพวกเขาในเวลานี้มันคือสงครามสิ้นโลกได้จบลงแล้ว!
เย่หยวนนั้นกดดันบรรพบุรุษอันสุดแสนแข็งแกร่งของเผ่าเทวาไว้ด้วยกำลังฝีมือของตัวเขาเพียงผู้เดียว!
ไม่มีการต่อสู้จนแผ่นดินแตกสลายใดๆ!
ไม่มีความทุกข์ทรมานของผู้คนให้ได้เห็น!
เผ่าเทวาที่สะสมกำลังคิดตีกลับมานับหมื่นๆ ล้านปีนั้นจะต้องทรงพลังมากมายปานใด?
แต่ว่าเย่หยวนนั้นทำลายกองทัพลงก่อนแล้วค่อยกำราบเหล่าบรรพบุรุษทั้งหลายทีหลัง ทำให้พลังรุนแรงที่จะทลายฟ้าดินนั้นจางหายไปกับอากาศ
ความสำเร็จของเขานี้มันเหนือล้ำกว่าใครๆ ไม่ว่าจะเป็นในอดีต ปัจจุบันหรือแม้แต่อนาคต!
หลังจบศึกนี้ไปเผ่าเทวาก็เริ่มทำการอพยพกลับขึ้นมาบนมหาพิภพถงเทียนอีกครั้ง
ส่วนทางผู้นำของหลากเผ่าพันธุ์เองก็ได้สั่งการเคร่งครัดให้ทำการอพยพประชากรไปด้านตะวันตกของเขาแห่งถงเทียน
เวลานี้มันจึงเกิดการเคลื่อนย้ายที่อยู่ครั้งใหญ่ของคนนับล้านๆ ขึ้นบนมหาพิภพถงเทียน
แต่สำหรับนักยุทธทั่วๆ ไปแล้วการไม่ต้องมีสงครามนั้นย่อมจะดีที่สุด
แม้ว่าโลกของนักยุทธผู้บ่มเพาะมันจะเต็มไปด้วยการเข่นฆ่าแต่สงครามสิ้นโลกนี้มันก็ยังหนักหนาเกินกว่าที่จะรับ
เพราะในสงครามเช่นนี้ต่อให้คนผู้หนึ่งจะแข็งแกร่งเพียงใดมันก็คงยังไม่อาจเอาชีวิตรอดได้อยู่ดี
ก่อนนั้นมหาบรรพกาลทั้งสิบแปดนั้นแข็งแกร่งปานใด? สุดท้ายพวกเขานั้นก็ยังต้องตายตกลง
หากสงครามสิ้นโลกมันมาถึงแล้วมันก็คงจะกลายเป็นเหมือนเครื่องบดเนื้อ ต่อให้นักยุทธมากมายจะไม่ได้คิดเข้าร่วมพวกเขาก็ต้องถูกดึงเข้าร่วมอยู่ดี
เพราะฉะนั้นภายในดินแดนของหลากเผ่าพันธุ์มันจึงมีแต่คำยกย่องสรรเสริญเย่หยวนทุกหัวมุมเมือง
และหากจะพูดถึงเรื่องข้อมูลแล้วมันก็คงไม่มีใครเหนือล้ำกว่ายอดนักสืบเป่าไปได้
เวลานี้ยอดนักสืบเผ่านั้นได้ถูกรายล้อมไปด้วยเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์มากมายที่กำลังถามถึงเรื่องราวการเกิดของสงครามไปจนถึงจุดสิ้นสุดของมัน
ยอดนักสืบเป่านั้นเล่าเรื่องขึ้นด้วยความตื่นเต้นบอกเล่าถึงการที่เย่หยวนปะทะกับสามบรรพบุรุษเผ่าเทวาด้วยตัวคนเดียว
น้ำเสียงและการเล่าของเขานั้นเองมันก็ดูน่าตื่นตาไม่น้อยราวกับว่าเรื่องราวนี้มันเกิดขึ้นกับตัวเขาเอง
รอบๆ กายเขานั้นเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายต่างฟังด้วยเลือดลมพลุ่งพล่าน
เวลานี้เมื่อพูดกล่าวเล่าจนมาถึงจุดสำคัญแม้แต่ตัวยอดนักสืบเป่าเองก็ยังอดตื่นเต้นขึ้นไม่ได้
“วิญญาณมังกรฟ้าตนที่เก้านั้นมันค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาทีละนิดๆ เวลานั้นพวกเจ้าคงไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าเทียนชิงนั้นมันมีสีหน้าเช่นใด มันเหลือคำที่จะบรรยาย! เขานั้นคงคิดจะพุ่งตัวเข้าไปจัดการวิญญาณมังกรฟ้าที่เก้านั้นให้จบสิ้นไป! แต่ตอนนั้นวิญญาณมังกรฟ้าทั้งแปดที่เหลือก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างมากจนทำให้บรรพบุรุษทั้งสามนั้นแทบจะพ่ายลงเต็มที!” ยอดนักสืบเป่าเล่าขึ้นด้วยใบหน้าตื่นเต้น
จักรพรรดิเทพสวรรค์ผู้หนึ่งจึงได้ถามขึ้น “แล้ว… แล้วจากนั้นเล่า?”
แท้จริงเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายนั้นได้รู้ถึงผลลัพธ์มันมาตั้งแต่แรกแล้ว
เพราะสุดท้ายนั้นมังกรฟ้าตนที่เก้าก็ไม่อาจปรากฏขึ้นมาได้
แต่เวลานี้บรรยากาศแห่งความตื่นเต้นมันได้ปกคลุมจนทำให้พวกเขาเหมือนลืมไปหมดสิ้นว่าจุดจบของเรื่องราวนั้นมันเป็นอย่างไรกันแน่
เพราะอย่างไรเสียการให้มนุษย์คนหนึ่งไปปะทะกับสามบรรพบุรุษด้วยตัวเองนั้นมันก็เป็นเรื่องที่เหนือกว่าจินตนาการของพวกเขาไปมากล้ำ
เต๋าบรรพกาลทั้งเก้านั้นแค่ปะทะกับบรรพบุรุษทั้งหลายแบบตัวต่อตัวได้มันก็ถือว่าเกินขีดจำกัดมนุษย์ไปมากแล้ว
หากให้เทียบกันจริงๆ พวกเขาทั้งหลายนั้นไม่อาจจะไปเทียบเคียงพลังของเหล่าบรรพบุรุษทั้งหลายได้เสียด้วยซ้ำ
เรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นใครนั้นก็ต่างเข้าใจดี
แต่เย่หยวนนั้นกลับปะทะสามบรรพบุรุษด้วยตัวคนเดียว แค่คิดมันก็ทำให้คนทั้งหลายใจเต้นรัวจนแทบหลุดออกจากอก
ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเขานั้นแทบจะเอาชนะคนทั้งสามมาได้เสียด้วยซ้ำ!
ยอดนักสืบเป่านั้นถอนใจยาวกล่าวขึ้นต่อ “น่าเสียดาย! ในเวลานั้นเองที่พลังเลือดของท่านนักบุญฟ้าครามมันได้หมดลงทำให้มังกรฟ้าตนที่เก้านั้นจางหายไปด้วยเช่นกัน แต่พวกเจ้าคงไม่รู้ใช่ไหม? หากท่านนักบุญฟ้าครามเรียกวิญญาณมังกรฟ้าตนที่เก้าออกมาได้สำเร็จจริงวันนี้เผ่าเทวามันคงไม่มีทางได้ขึ้นมาครองครึ่งหนึ่งของมหาพิภพถงเทียนนี้! เจ้าไม่ได้เห็นตอนที่นักบุญฟ้าครามท่านหัวเราะและถามเทียนชิงว่าเจ้าจะรับคำขู่ของข้าไว้ได้หรือยังเล่า ตอนนั้นเทียนชิงมันรีบตอบสวนกลับมาทันทีว่าเผ่าเทวาของข้าขึ้นมาอยู่บนมหาพิภพถงเทียนได้ เจ้าเคยพูดเอาไว้! สีหน้านั้นมันเหมือนกลัวว่าท่านนักบุญฟ้าครามจะกลับคำพูด! ฮ่าๆๆ… มันสะใจเสียจริง!”
“ใช่แล้ว! มันสะใจเสียจริง!”
“เผ่าเทวานั้นมันอวดอ้างว่าตนเองเป็นทูตแห่งสวรรค์มิใช่หรือ? เวลานี้ท่านนักบุญฟ้าครามได้ตบหน้าพวกมันจนหันแล้ว!”
“เป็นเช่นนั้น! พวกมันอ้างตนว่าเป็นทูตแห่งสวรรค์ เช่นนั้นในฐานะผู้นำเผ่าพันธุ์ของเรานั้นท่านนักบุญฟ้าครามก็คงเป็นสวรรค์เองแล้ว! ฮ่าๆๆ…”
…
เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายนั้นต่างแสดงสีหน้าตื่นเต้นดีใจด้วยความภาคภูมิ
ตั้งแต่ที่เผ่าเทวาปรากฏขึ้นมานั้นประวัติศาสตร์มันก็ถูกขุดขึ้นมาเรื่อยจนคนทั้งหลายได้รู้ว่าเผ่าพันธุ์ของตนครั้งหนึ่งเคยเป็นทาสรับใช้เผ่าเทวา
กำลังของเผ่าเทวานั้นมันเหนือล้ำจนทำให้พวกเขาไม่อาจจะหายใจได้
วันนี้พวกเขาต่างรู้สึกได้ถึงความสะใจอย่างถึงที่สุด!
มันเป็นนักบุญฟ้าครามนี้ที่ทำให้พวกเขายังสามารถเดินเชิดหน้าชูตาได้
แต่จากนั้นยอดนักสืบเป่านั้นก็กล่าวขึ้นด้วยใบหน้าแสนซาบซึ้ง “ท่านนักบุญฟ้าครามนั้นทำเรื่องราวที่สมควรถูกบันทึกลงในหน้าประวัติศาสตร์! แม้ว่าท่านนั้นจะมีพลังฝีมือก้าวล้ำถึงระดับของมหาบรรพกาลแต่ท่านนั้นกลับแตกต่างสิ้นจากโจรร้ายทั้งเก้านั้น! ท่านนั้นมีความเมตตาต่อชีวิตและต่อสู้เพื่อเผ่าพันธุ์อย่างแท้จริง! ต่อให้จะอยู่ในภาวะสงครามท่านนั้นก็ยังไปเตือนขู่เผ่าเทวาว่าอย่าได้ทำร้ายคนบริสุทธิ์ไม่เกี่ยวข้อง! หากมิใช่เพราะตัวท่านนั้นเวลานี้เราคงได้กลายเป็นทาสของเผ่าเทวาไปตราบชั่วนิรันดร์แล้ว!”
เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์คนอื่นๆ เองก็รู้สึกไม่ต่างกัน พยักหน้ารับออกมาไม่ขาด
จักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นเป็นตัวตนที่เหนือล้ำของมหาพิภพถงเทียนจริง
แต่ในสงครามสิ้นโลกนั้นแค่พลังของจักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นมันช่างไร้ค่าใด
ผู้ปกครองมหาพิภพนี้ไว้อย่างแท้จริงมันคือเต๋าบรรพกาลทั้งหลาย!
พวกเขานั้นก้าวข้ามขีดจำกัดขึ้นไปอยู่เหนือล้ำจนไม่สนใจชีวิตใดๆ แล้ว
แต่เย่หยวนนั้นแตกต่างจากคนทั้งหลายนั้น!
การกระทำของเขานี้มันทำให้เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายต้องรู้สึกเคารพเชิดชู!
ใช่แล้ว! มันคือความเคารพเชิดชู!
เมื่อก้าวขึ้นไปถึงระดับของเย่หยวนแล้วตัวเขาย่อมจะไม่มีความจำเป็นใดๆ ต้องมาสนใจชีวิตน้อยๆ ของนักยุทธทั้งหลาย
แต่ตัวเขานั้นกลับยังคงยืนหยัดเพื่อปกป้องชีวิตน้อยๆ นี้!
เขานั้นไม่ได้แค่นั่งคร่ำครวญสงสารชะตาของมนุษย์ทั้งหลาย ต่อหน้าความถูกต้องนั้นเขาจะยืนหยัดอย่างไม่ยอมพ่ายแพ้ลง!
“ท่านนักบุญฟ้าครามนั้นสมชื่อว่าเป็นยอดคนแห่งนิรันดร์อย่างแท้จริง! หากเป็นข้านั้นถูกเต๋าบรรพกาลทั้งหลายมันแทงหลังเช่นนี้แล้วข้าคงไม่มีทางจะเสนอหน้าออกมาช่วยเหลืออีกแน่!”
“ใช่แล้ว! ท่านนักบุญฟ้าครามนั้นสมชื่อเป็นนักบุญอย่างแท้จริง! ท่านนั้นไม่กลัวที่จะสังหารแต่ก็ไม่ได้คิดจะสังหารคนอย่างไม่เลือกหน้า ต่อหน้าความถูกต้องนั้นท่านจะลงมืออย่างไร้ลังเล!”
“ใช่! ท่านนักบุญฟ้าครามนั้นได้สร้างตำนานให้แก่เผ่าพันธุ์! ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของท่านนี้จะถูกสืบทอดไปตราบนานเท่านานให้เราได้จดจำและเคารพเชิดชู!”
…
พูดมาถึงตรงนี้เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายต่างก็แสดงสีหน้าเคารพชื่นชมออกมาจากก้มบึ้งของหัวใจ
เพราะก่อนหน้าศึกนี้จะเริ่มขึ้นมันมีคนมากมายที่หมดสิ้นความหวังไปแล้ว
เต๋าบรรพกาลนั้นไปหาเรื่องเย่หยวนอย่างถึงที่สุด
ความไร้ยางอายของพวกเขานั้นมันไม่อาจจะใช้คำพูดใดมากล่าววัด
แต่สุดท้ายนั้นเย่หยวนก็ยังก้าวออกมาเปลี่ยนกระแสของศึกไปอีกครั้ง
แต่ขณะที่คนทั้งหลายกำลังยืนพูดคุยกันอยู่นั้นมันก็เกิดแรงระเบิดขึ้นมาจากทางเขาแห่งถงเทียน
พร้อมๆ กันนั้นมันก็มีเศษเหมือนดาวตกพุ่งออกมาจากเขาแห่งถงเทียนลอยลิ่วไปสุดขอบฟ้าทุกซอกมุมของมหาพิภพถงเทียน
เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายต่างร้องขึ้นด้วยความตกตะลึง “หืม? นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเขาแห่งถงเทียนอีกแล้ว?”
“ตั้งแต่ที่การกำเนิดแห่งเต๋าสวรรค์เริ่มขึ้นนั้นเขาแห่งถงเทียนก็ไม่อาจจะเข้าไปได้อีก เวลานี้ข้าไม่รู้จริงๆ ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นมาได้อีกบ้าง”
ยอดนักสืบเป่านั้นหรี่ตาลงทันทีที่ได้เห็นภาพตรงหน้า “หึๆ ดูจากสภาพแล้วมันคงจะเป็นตราถงเทียนแน่! สงครามสิ้นโลกเพิ่งสงบไปแต่ข้าเกรงว่า… มันจะได้มีการนองเลือดครั้งใหญ่เกิดขึ้นอีกครั้งแล้ว!”
สายตาของเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายต่างหันมามองด้วยความสงสัย “ตราถงเทียนมันคืออะไร?”
ยอดนักสืบเป่ายิ้มขึ้นมา “พวกเจ้าอย่าไปคิดถึงมันเลย! สิ่งนี้มันคือหายนะมิใช่โชคภาพใดๆ สำหรับคนอย่างเราๆ! หากไม่มีกำลังระดับเจ้าฟ้าดินสี่หรือห้าทลายแล้ว อย่าได้คิดจะไปยุ่งกับมันดีกว่า!”
…………………………