Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2482 คาดเดา
“ตราถงเทียนนั้นมันคืออะไร?” เย่หยวนถามขึ้นด้วยความสงสัย
การปรากฏของตราถงเทียนนั้นมันทำให้คนทั้งมหาพิภพถงเทียนตื่นเต้นอย่างมาก
เวลานี้ที่โลกภายนอกนั้นมันมีแต่ความวุ่นวายเกินบรรยาย
เหล่าเจ้าฟ้าดินทั้งหลายต่างสั่งการเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ในสังกัดออกไปตามล่าหาตราถงเทียนจนทำให้เกิดการฆ่าฟันมากมาย
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้กล่าวตอบ “ตราถงเทียนนั้นมันคือกุญแจที่จะเปิดทางให้ผู้คนเข้าไปยังเขาแห่งถงเทียนระหว่างการกำเนิดแห่งเต๋าสวรรค์! และจะมีแค่คนที่ได้รับสิทธินี้เท่านั้นที่จะเข้าไปแข่งขันแย่งชิงตำแหน่งเต๋าบรรพกาลมาได้ ปกครองสวรรค์ในยุคสมัยต่อไป!”
เมื่อเย่หยวนได้ยินเช่นนั้นเขาก็เข้าใจเรื่องราวได้ทันที!
หลังจบศึกใหญ่ลงนั้นเขาก็พยายามจะเข้าไปยังเขาแห่งถงเทียนเช่นกัน
แต่เมื่อก้าวขึ้นไปถึงเขตของเขาแห่งถงเทียนแล้วตัวเขากลับถูกพลังงานหนักหน่วงดันออกมา
แม้แต่ตัวเขานั้นก็ยังไม่อาจจะเข้าไปได้
พลังของสวรรค์นั้นมันมิใช่สิ่งที่จะขัดขืนได้!
“เช่นนี้พวกมันทั้งหลายก็คงเตรียมการกันเต็มที่แล้ว?” เย่หยวนถามขึ้นด้วยรอยยิ้มเย็นเยือก
พวกมันทั้งหลายที่เขาพูดถึงนี้มันย่อมจะหมายถึงเต๋าบรรพกาลทั้งเก้า
พวกเขาทั้งเก้านั้นคือผู้ปกครองมหาพิภพถงเทียนในยุคสมัยที่ผ่านมา มีหรือที่จะยอมมอบตำแหน่งนั้นให้คนอื่นไปได้?
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้กล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม “เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้ว! ความจริงแล้วพวกมันทั้งหลายได้เตรียมการมานานนับปี! เวลานี้พวกมันมีรังใหญ่โตเป็นของตัวเองแล้วใช่ไหมเล่า? ด้วยกำลังคนมากมายที่มันสั่งสมมานับหมื่นๆ ล้านปีการจะหาตราถงเทียนสักอันมันคงไม่ยากเย็นนัก แต่ครั้งนี้หากพวกมันอยากจะเป็นเต๋าบรรพกาลอีกครั้งนั้นมันคงมิใช่เรื่องง่ายดายอีกแล้ว ที่สำคัญเลยการขึ้นเป็นเต๋าบรรพกาลนั้นมันมิใช่แค่ว่าพลังฝีมือที่สำคัญ เพราะโชคนั้นเองก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญมากในการจะตัดสินว่าได้ครองตำแหน่งนี้!”
การกำเนิดแห่งเต๋าสวรรค์ครั้งก่อนนั้นเหล่าบรรพบุรุษเผ่าเทวาได้ถูกมหาบรรพกาลทั้งสิบแปดจัดการจนไม่อาจจะมีแรงเหลือมาเข้าร่วมศึกใดๆ ได้ เพราะฉะนั้นพวกเขาทั้งหลายจึงได้มีโอกาสขึ้นมาครองตำแหน่งเต๋าบรรพกาล
แต่ครั้งนี้บรรพบุรุษเผ่าเทวาทั้งหลายได้กลับขึ้นมาบนมหาพิภพถงเทียนอย่างสมบูรณ์ แน่นอนว่าพวกเขาย่อมจะเข้าร่วมศึกแย่งชิงตำแหน่งเต๋าบรรพกาลด้วยเช่นกัน
เพราะฉะนั้นในหมู่คนทั้งเก้านั้นมันย่อมจะมีคนที่พลาดไม่อาจครองตำแหน่งเต๋าบรรพกาลได้เป็นรอบที่สอง
“โอ้? ทำไมท่านถึงกล่าวเช่นนั้นเล่า?” เย่หยวนถามขึ้นมา
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้จึงตอบกลับไป “เขาแห่งถงเทียนนั้นมันมีพื้นที่กว้างใหญ่ปานใด ผลึกแห่งกฎจะไปอยู่ที่ใดนั้นมันไม่มีใครทราบได้ ที่สำคัญต่อให้จะเอามันมาได้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเต๋าบรรพกาลได้! ครั้งก่อนนั้นเต๋าบรรพกาลแสงเป็นเพียงแค่เจ้าฟ้าดินสองทลายคนหนึ่งแต่เหล่ายอดฝีมือที่มาแย่งชิงตำแหน่งเต๋าบรรพกาลต่างฆ่าสังหารกันไปจนเกือบหมดสิ้นทำให้เขานั้นได้หลุดเข้าไปแย่งชิงและกลายเป็นเต๋าบรรพกาลแสงไป เพราะฉะนั้นหากให้พูดแล้วเขาคงเป็นเต๋าบรรพกาลที่อ่อนแอที่สุด”
เย่หยวนที่ได้ยินนั้นถึงกับไม่อาจพูดตอบใดๆ กลับไปได้
เจ้าฟ้าดินสองทลายคนหนึ่งกลับได้ครองผลึกแห่งกฎ โชคของเขามันจะมากจนเกินรับได้แล้ว
แต่ในนี้มันมีเผ่าเทวาเข้ามาร่วมศึกด้วย
ที่สำคัญเหล่าเต๋าบรรพกาลของครั้งนี้เองต่างก็เป็นยอดฝีมือที่สุดแสนเก่งกาจ
ศึกในครั้งนี้มันคงดุเดือดกว่าครั้งก่อนไปแน่
แม้ว่าโชคนั้นจะสำคัญแต่กำลังเองก็มิใช่สิ่งที่จะขาดได้
เมื่อมียอดฝีมือระดับมหาบรรพกาลมากมายมาเข้าร่วมเช่นนี้แล้ว คนที่อ่อนแอทั้งหลายย่อมไม่มีสิทธิเข้าร่วมใดๆ
“เย่หยวน การกำเนิดแห่งเต๋าสวรรค์ครั้งนี้เจ้าต้องไปเอาชนะและชิงตำแหน่งเต๋าบรรพกาลมาให้ได้! มีเพียงแค่การก้าวขึ้นเป็นเต๋าบรรพกาลเท่านั้นที่เจ้าจะกดหัวเผ่าเทวามันลงได้ทำให้พวกมันไม่กล้าก่อเรื่องใด! และแน่นอนว่าคนพวกนั้นหากมีแค้นใดก็ให้ชำระกันเสียให้หมดสิ้นด้วย!”
ความไร้ยางอายของเต๋าบรรพกาลทั้งหลายนั้นมันทำให้เขารู้สึกรังเกียจอย่างมาก
แน่นอนว่าตัวเขาเองก็คับแค้นคนทั้งหลายไม่น้อย
“เต๋าบรรพกาลหรือ? หึๆ ข้านั้นจะไปที่เขาแห่งถงเทียนแน่ เพียงแค่ว่าตำแหน่งเต๋าบรรพกาลนั้น… ข้าไม่คิดสนใจ” เย่หยวนกล่าวขึ้นด้วยเสียงหัวเราะ
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นผงะหลังไปก่อนจะรีบกล่าวขึ้น “เย่หยวน นี่มันมิใช่เวลามาเกรงใจใคร! ด้วยกำลังของเจ้านั้นกอปรกับผลึกแห่งกฎ เจ้าย่อมจะกลายเป็นเต๋าบรรพกาลที่เก่งกาจที่สุดเป็นแน่! หากไม่มีเจ้าแล้วหลากเผ่าพันธุ์เองก็คงไม่อาจจะกดหัวเผ่าเทวาไว้ได้อยู่ แค่พวกอดีตเต๋าบรรพกาลทั้งหลายมันนั้นมันคงไม่มีปัญญาทำอะไรได้! ส่วนอีกด้านทางเผ่าเทวาเองหากมีใครได้ตำแหน่งเต๋าบรรพกาลไป พวกมันยิ่งจะเก่งกาจขึ้นไปอีกหลายเท่า!”
เย่หยวนยกมือขึ้นมาโบกปัด “ข้านั้นมีเส้นทางของตน ไม่ต้องการพลังเสริมใดๆ จากผลึกแห่งกฎนั้น! ที่สำคัญท่านมีคิดหรือว่ามหาพิภพถงเทียนนี้… มันเหมือนเป็นดั่งกรงขังใบใหญ่ที่กักขังพวกเราไว้?”
พูดมาถึงตรงนี้เย่หยวนก็เงยหน้าขึ้นมองฟ้าด้วยความรู้สึกยากจะอธิบาย
ในเวลานี้ตัวเย่หยวนคนเรียกได้ว่าเป็นยอดคนอันดับหนึ่งของมหาพิภพถงเทียนได้
ภาพที่เขามองนั้นมันย่อมจะแตกต่างจากคนอื่นๆ ไปมาก
หลินเฉาเถียนทั้งหลายนั้นต่างสนใจว่ามันมีอะไรอยู่เหนือเขาแห่งถงเทียน
แล้วมีหรือที่เย่หยวนจะไม่มีความรู้สึกเช่นนั้นในใจเลย?
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นสั่นสะท้านไปทั้งกายด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ
หรือว่าสิ่งที่หลินเฉาเถียนทั้งหลายมันคิดนั้นจะกลับกลายเป็นความจริง?
เย่หยวนนั้นจะสามารถหลุดพ้นจากโซ่ตรวนและก้าวล้ำเต๋าบรรพกาลไปได้?
แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร?
มันไม่เคยมีบันทึกใดๆ บอกเล่าถึงตำนานเช่นนั้นมาก่อนในมหาพิภพถงเทียน
แม้แต่เทียนชิงในตอนนั้นเองก็ยังไม่อาจจะก้าวข้ามระดับของเต๋าบรรพกาลไปได้!
ที่สำคัญไปกว่านั้นคำพูดของเย่หยวนก่อนหน้ายังฟังดูสุดแสนแปลกประหลาด เขากลับบอกว่ามหาพิภพถงเทียนนี้เป็นกรงอันใหญ่!
“คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไรกัน?” จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้กล่าวถามขึ้นด้วยลมหายใจที่เริ่มติดขัด
เย่หยวนนั้นกล่าวขึ้นอย่างเปี่ยมล้นไปด้วยความคิดมากหลาย “ท่านก็รู้ว่าข้านั้นเป็นคนที่ยึดถือกฎมีคุณทดแทนมีแค้นชำระ ข้าและเผ่าเทวานั้นคับแค้นกันหนักหน่วงขนาดที่ไม่อาจจะอยู่ร่วมฟ้ากันได้ เช่นนั้นทำไมข้าถึงได้อุตส่าห์ไปเชิญพวกมันขึ้นมาบนมหาพิภพถงเทียนเล่า?”
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้เองก็พยักหน้ารับขึ้น “อืม เรื่องนั้นข้าก็สงสัย นี่มันไม่สมเป็นเจ้าจริงๆ!”
ความแค้นระหว่างเผ่าเทวาและเย่หยวนนั้นมันทอดยาวกลับไปนับหมื่นๆ ล้านปี
เพราะหากให้พูดแล้วมหาบรรพกาลทั้งสิบแปดนั้นก็คงเรียกได้ว่าเป็นศิษย์เองของเขา
แต่คนทั้งสิบแปดนั้นกลับตายลงสิ้น
ทั้งยังเรื่องที่เผ่าเทวาลักตัวเยวี่ยเมิ่งลี่ไปจนทำให้คู่รักทั้งสองนี้ไม่อาจอยู่ร่วมกันได้อีก
ด้วยนิสัยของเย่หยวนแล้วเขาย่อมจะขับไล่เผ่าเทวากลับลงมิตินรกไปให้ได้ไม่ว่าจะด้วยทางใด
แต่เขานั้นกลับไม่ทำ
เย่หยวนถอนใจยาวออกมา “ข้านั้นเดินทางไปยังเผ่าเทวามาและได้พบว่าพวกเขาเองก็ช่างเป็นคนน่าสงสาร! เรื่องราวต่างๆ ที่พวกเขาทำมันอาจจะมิใช่สิ่งที่เดิมคิดอยากทำก็ได้!”
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้เบิกตากว้างขึ้นถาม “เจ้า… เจ้าไปเจอเรื่องใดมากัน?”
เย่หยวนส่ายหัวออกมาเมื่อได้ยิน “ข้านั้นก็ยังไม่แน่ใจนัก แต่ข้านั้นรู้สึกได้ว่าเรื่องราวต่างๆ บนมหาพิภพถงเทียนนี้มันถูกใครบางคนหรือบางอย่างควบคุมอยู่! ทั้งเต๋าบรรพกาลทั้งเผ่ามนุษย์หรือเผ่าเทวาทุกสิ่งทุกอย่างนั้นต่างเหมือนถูกตัวตนหนึ่งควบคุมอยู่ในมุมมืด และเรานั้นก็ใช้ชีวิต ต่อสู้ ตกสู่วัฏสงสารไปเรื่อยๆ ตามกฎข้อนี้!”
คำพูดนี้มันทำให้จิตใจของจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้สั่นสะท้านขึ้นทันที
คำพูดของเย่หยวนนั้นมันได้เปลี่ยนโลกที่เขาเคยคิดว่ารู้จักไป
ตลอดชีวิตยาวนานนับหมื่นๆ ล้านปีของเขานี้เขาปกป้องมหาพิภพถงเทียนมาเสมอจากการรุกรานของเผ่าเทวา
แต่คำพูดของเย่หยวนนี้มันทำให้เขาหยุดคิด!
ใครกันเล่าที่ปกครองโลกนี้? ใครกันเล่าที่ตัดสินชะตาพวกเขา?
นี่มันจะต่างอะไรจากการเป็นแค่สัตว์เลี้ยงของตัวตนนั้น?
“ต-แต่ใครกันเล่าที่ควบคุมเรื่องราวทั้งหลายนั้น?” จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ร้องขึ้นมาอย่างติดขัด
เย่หยวนส่ายหัวออกมา “ข้านั้นไม่ทราบได้ แต่ข้านั้นรู้สึกว่ามันอาจจะเกี่ยวข้องกับรูปปั้นในเผ่าเทวา! บางทีวันหนึ่งที่ข้าทำลายมันลงได้นั้นข้าอาจจะได้คำตอบ! แต่ไม่ว่าจะเป็นใครหรืออะไรที่ควบคุมเราอยู่นั้น เราก็ไร้พลังที่จะต่อต้านมันได้! เพราะฉะนั้นข้าจึงต้องการพลังที่เหนือล้ำกว่านี้!”
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นได้แต่กล่าวพึมพำ “พลังที่เหนือล้ำกว่า หรือว่า… พลังของเต๋าบรรพกาลมันจะยังไม่พอ?”
เย่หยวนที่ได้ยินก็ต้องส่ายหัวตอบ “ตัวตนนั้นมันมีพลังควบคุมมหาพิภพถงเทียนได้หมดสิ้น ท่านคิดมันจะต้องเป็นสุดยอดขุมพลังเช่นใด?”
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้หน้าซีดขาวก่อนจะตอบกลับไป “เรื่องนี้… มันจำเป็นต้องสืบหาความจริงด้วยหรือ?”