Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2498 ไร้เหตุผล
โลกทั้งใบมันตกสู่ห้วงความเงียบงัน
มีเพียงเสียงเลือดที่ไหลลงจากปากของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเท่านั้นที่ยังคงดังอยู่
อาการบาดเจ็บของเขานั้นมันสุดแสนรุนแรงเหลือเพียงแค่ลมหายใจรวยริน
หลินเฉาเถียนนั้นยังคงปล่อยพลังกฎแห่งไฟลงไปปั่นป่วนในร่างกายของเขาอย่างไม่เปิดโอกาสให้รักษาได้
“นี่… นี่มันจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”
“มันจบแล้ว เรื่องราวบนมหาพิภพถงเทียนในวันหน้ามันคงไม่เหมือนเดิมอีก!”
“ให้ตายสิ! ในวันหน้าเรามีแต่ต้องก้มหัวให้มันหรือ!”
“ท่านนักบุญฟ้าครามนั้นถือตัวจนเกินไปจริงๆ! เมื่อท่านไม่ยอมรับตำแหน่งเต๋าบรรพกาลเช่นนี้แล้วท่านจะยังเอาอะไรมาเทียบเคียงหลินเฉาเถียนมันอีก?”
…
ได้ยินคำบ่นของคนทั้งหลายนั้นหลินเฉาเถียนก็พึงพอใจอย่างมาก
เขานั้นเข้าใจถึงหลักการปกครองด้วยความเชิดชูและหวาดกลัว เวลานี้ในเมื่อไม่มีทางไหนจะปกครองด้วยความเชิดชูได้อีกแล้ว เขาจึงเลือกที่จะใช้ความหวาดกลัวเข้าปกครองแทน
กำลังนั้นคือทุกสิ่งอย่าง!
เวลานั้นมันค่อยๆ เคลื่อนผ่านไปเรื่อยจนเส้นทางที่สี่ก็ได้เปล่งแสงขึ้น
เยวี่ยเมิ่งลี่เดินก้าวออกมา!
เวลานี้บนร่างของนางมันได้มีพลังกฎแห่งลมอย่างรุนแรงล้ำ!
นางนั้นได้กลายเป็นเต๋าบรรพกาลวายุ!
การปรากฏกายของนางนี้มันยิ่งทำให้ฝั่งเผ่าเทวาได้เปรียบมากขึ้น
สองยอดฝีมือสิบลายนั้นได้กลายเป็นเต๋าบรรพกาลทั้งคู่ แค่นี้ทางฝั่งมนุษย์เองก็คงลำบากกันอย่างมากแล้ว
แน่นอนว่าจุดสำคัญมันมิได้อยู่ตรงนั้น
จุดสำคัญมันคือว่าฝั่งมนุษย์ทั้งหลายเองยังคงขัดแย้งกันภายในอย่างมาก!
เมื่อเยวี่ยเมิ่งลี่ได้เห็นมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนอนกองอยู่บนพื้นนางก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่น
หลังจากเดินมาถึงตัวเทียนชิงแล้วมันดูเหมือนเทียนชิงจะหันไปเล่าเรื่องราวให้นางฟังจนนางอดไม่ได้ที่จะหันไปมองหลินเฉาเถียนด้วยสายตาขยะแขยง
ไม่นานจากนั้นเต๋าบรรพกาลที่ห้าก็ได้ปรากฏตัวขึ้น
และเต๋าบรรพกาลคนที่ห้านี้เองก็ยังเป็นชาวเผ่าเทวา
ปั่วยี่แห่งตระกูลสายเลือดดินนั้นได้กลายเป็นเต๋าบรรพกาลมืด
เต๋าบรรพกาลคนที่หกเองก็ยังคงเป็นชาวเผ่าเทวา!
เขานั้นคือหยวนเซี่ยวแห่งตระกูลสายเลือดลึก ได้กลายเป็นเต๋าบรรพกาลปฐพี
ในเวลานี้มันจึงเป็นเผ่าเทวาแล้วถึงสี่คนที่ยึดครองตำแหน่งเต๋าบรรพกาลไป!
ทั้งหนึ่งในสองยอดเต๋าบรรพกาลของฝ่ายมนุษย์นั้น หนึ่งคนก็กำลังนอนนิ่งด้วยลมหายใจรวยรินอยู่!
ยอดฝีมือชาวมนุษย์ทั้งหลายแทบจะสิ้นความหวังลงตรงนั้น
แม้แต่หลินเฉาเถียนเองก็ยังมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก
ก็จริงที่ว่าเขานั้นแข็งแกร่งแต่หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไปแล้วมันคงยากเกินกว่าที่เขาจะแก้ไขมันด้วยตัวคนเดียว!
เทียนชิงและเยวี่ยเมิ่งลี่นั้นเป็นตัวตนที่ไม่ได้ต่ำด้อยไปกว่าเขาเลย
ที่สำคัญเหล่าบรรพบุรุษของเผ่าเทวาทั้งหลายมันยังสุดแสนแข็งแกร่งเหนือเต๋าบรรพกาลชาวมนุษย์ไปไม่น้อย
การกลายเป็นเต๋าบรรพกาลนั้นมันย่อมจะทำให้พลังฝีมือของพวกเขายิ่งพุ่งสูงล้ำ มิใช่สิ่งที่คนทั่วๆ ไปจะมาเทียบเคียง
ไม่นานจากนั้นเต๋าบรรพกาลคนที่เจ็ดก็ได้ปรากฏตัว!
แต่ครั้งนี้มันเป็นฝ่ายมนุษย์บ้าง!
แต่ว่าเต๋าบรรพกาลคนที่เจ็ดนี้กลับเหนือคาดคนทั้งหลายไปมาก เพราะเขานั้นกลับมิใช่เต๋าบรรพกาลจากยุคก่อนแต่เป็นเต๋าบรรพกาลใหม่เอี่ยม!
คนผู้นี้เป็นคนรับใช้ของเต๋าบรรพกาลไฟนามหวังเจิ้ง
ไม่มีใครนึกฝันว่าเต๋าบรรพกาลไฟตายลงแต่ลูกน้องของเขานั้นกลับก้าวขึ้นมาเป๊นเต๋าบรรพกาลสายฟ้า!
การได้ก้าวขึ้นมาเป็นเต๋าบรรพกาลนี้ตัวหวังเจิ้งเองก็ย่อมจะเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจ
แต่ในวินาทีเดียวกันนั้นเองที่หลินเฉาเถียนก็ได้กล่าวขึ้น
“หวังเจิ้ง จากนี้ไปข้าจะปกครองเผ่าพันธุ์ทั้งหลายเอง! รีบๆ มาคารวะบรรพกาลผู้นี้เสียหรือไม่… ก็ตาย!” หลินเฉาเถียนกล่าวขึ้น
หวังเจิ้งนั้นผงะไปทันทีจนแทบจะด่าสวนกลับไป
เขานั้นก้าวขึ้นมาเป็นเต๋าบรรพกาลแล้วแต่ยังต้องไปเป็นหมารับใช้หลินเฉาเถียนนั้นอีกหรือ?
แต่ในวินาทีก่อนที่เขาจะเปิดปากนั้นเองที่ภาพของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลมันก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าไม่ไกลจากตัวหลินเฉาเถียนจนทำให้หวังเจิ้งต้องเบิกตากว้าง
มีหรือที่เขาจะมองไม่ออกว่ามหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นบรรลุเต๋าและก้าวขึ้นมาเป็นเต๋าบรรพกาล?
แต่เขานั้นกลับยังถูกทำร้ายจนมีสภาพเช่นนั้น!
ที่สำคัญไปกว่านั้นมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นยังเป็นมหาบรรพกาลมาก่อนจะได้รับพลังเต๋าบรรพกาล กำลังฝีมือย่อมจะเหนือตัวหวังเจิ้งไปไม่น้อยแน่
เมื่อลองนึกเชื่อมความสัมผัสของเย่หยวนกับหลินเฉาเถียน หวังเจิ้งก็ผงะด้วยความลังเลไปไม่น้อย
เมื่อได้เห็นสีหน้าลังเลนั้นของหวังเจิ้ง หลินเฉาเถียนก็กล่าวขึ้นมาย้ำ “เจ้าไม่ต้องสงสัยหรอก ข้านั้นจัดการมันลงเอง! หากเจ้าไม่เชื่อจะเข้ามาลองดูก็ได้”
หวังเจิ้งหน้าซีดลงทันทีรีบวางแผนยิ้มรับคำไป “ท-ท่านคงล้อเล่นแล้ว! ท่านนั้นเป็นผู้อาวุโส แน่นอนว่าย่อมต้องขึ้นเป็นผู้ปกครองเผ่าพันธุ์! จากวันนี้ไปหวังเจิ้งจะขอทำตามการชี้นำของเต๋าบรรพกาลไฟวิญญาณ!”
พูดจบเขรานั้นก็ลงมาก้มคาระต่อหน้าหลินเฉาเถียน
หลินเฉาเถียนนั้นยิ้มตอบกลับไป “อย่างน้อยเจ้าก็ยังพอมีสมอง!”
หวังเจิ้งยิ้มยอขึ้น “หึๆ แม้แต่เต๋าบรรพกาลไฟในตอนนั้นเองก็ยังไม่อาจเทียบเคียงพี่เฉาเถียนได้ ข้าที่เป็นผู้น้อยเพิ่งจะได้รับพลังเต๋าบรรพกาลมานั้นมีหรือที่จะยังกล้าทำตัวโอหังต่อหน้าท่าน?”
หวังเจิ้งผู้นี้ยอมก้มหัวเป็นหมารับใช้หลินเฉาเถียนไปเต็มตัวในพริบตา
ส่วนเรื่องสายตาเหยียดหยามของผู้คนนั้นมีหรือที่เขาจะสนใจ?
คำเหยียดของมดปลวกมันจะมีค่าใด?
แม้ว่าเรื่องราวตอนนี้มันจะไม่เป็นดั่งที่เขาเคยได้คาดหวังไว้แต่หากเขารับใช้หลินเฉาเถียนแล้วเขาคงไร้เทียมทานไม่มีใครต้านแน่!
หวังเจิ้งนั้นเป็นคนฉลาดและมากเล่ห์
เขานั้นเข้าใจดีว่าสถานการณ์ตอนนี้มันแตกต่างจากก่อนๆ ไปแค่ไหน
เวลามันได้เปลี่ยนไปแล้ว!
เต๋าบรรพกาลนั้นไม่อาจจะวางตัวเหนือโลกสูงล้ำหัวทุกผู้คนได้อีก!
แม้จะไม่นับหลินเฉาเถียนนั้นทางฝั่งเผ่าเทวาเองก็ยังมียอดฝีมือมากมายที่พร้อมจะเข้ามาสังหารเขาลงทุกเมื่อ!
การหาผู้ช่วยกองกำลังที่แข็งแกร่งมันย่อมจะเป็นทางเลือกที่ดี
หลินเฉาเถียนพยักหน้ารับด้วยความพอใจ “อืม เวลานี้มันมีคนรอบๆ ตัวเย่หยวนมากมายออกมา เจ้าไปจัดการสั่งสอนพวกมันให้หมดสิ้นเสีย! เมื่อเย่หยวนออกมาแล้วบรรพกาลผู้นี้จะทำให้มันเสียใจที่ได้เกิดขึ้นมาบนโลกหล้า!”
หวังเจิ้งนั้นเบิกตากว้างขึ้นมารับคำ “ขอรับพี่เฉาเถียน!”
เวลานี้หลงยี่ ไป่เชินและคนทั้งหลายนั้นย่อมจะลงมาจากเขาแห่งถงเทียนจนสิ้นแล้ว
ได้เห็นท่าทางของหลินเฉาเถียนนั้นพวกเขาทั้งหลายต่างได้แต่โกรธแค้นแต่ไม่กล้าพูดกล่าวออกมา
พร้อมๆ กันนั้นพวกเขาทั้งหลายเองก็เริ่มกังวลขึ้นมา
เพราะจะอย่างไรเสียหลินเฉาเถียนในเวลานี้มันก็สุดแสนแข็งแกร่ง!
การก้าวขึ้นมาถึงระดับของเต๋าบรรพกาลเช่นนี้ การจะพัฒนาต่อไปด้านหน้ามันย่อมจะแทบเป็นไปไม่ได้
มันก็จริงที่เย่หยวนนั้นเก่งกาจ
แต่เขานั้นก็คงมีคอขวดของตัวเอง
แล้วเขานั้นจะก้าวเหนือหลินเฉาเถียนไปได้หรือ?
หวังเจิ้งนั้นรับคำสั่งก่อนจะหันไปมองพวกหลงยี่ด้วยสายตาดุร้ายจนทำให้สีหน้าของคนทั้งหลายขาวซีดลง
…
บนเขาแห่งถงเทียนนั้นมันมีคลื่นพลังกฎอันรุนแรงปรากฏขึ้น
เมื่อสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังนี้คนที่อยู่รอบๆ ต่างต้องหันมาให้ความสนใจ
เพราะพลังของมันนั้นรุนแรงจนพวกเขาไม่อาจจะกล้ามองดูมันตรงๆ!
“นี่คือกฎแห่งห้วงมิติ? มันแข็งแกร่งจนแทบไร้เหตุผลจริงๆ! ข้านั้นรู้สึกราวกับว่าในมิติรอบๆ นี้หากนายท่านคิดอยากท่านก็สามารถสังหารข้าได้ทันที!” ผางเจิ้นกล่าวขึ้นมา
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้เองก็กล่าวขึ้นเสริมด้วยใบหน้าตื่นตะลึง “ก่อนนั้นที่ผู้อาวุโสซ่างเหิงบรรลุเต๋าขึ้นเป็นมหาบรรพกาลเองมันก็ยังไม่ได้ปล่อยพลังที่รุนแรงล้ำเช่นนี้ออกมา! ดูท่าแล้วมันจะมีโอกาสเอาชนะหลินเฉาเถียนลงจริงๆ!”
เมื่อคนทั้งสามได้เห็นคลื่นพลังนี้พวกเขาต่างก็รู้สึกมีความหวังขึ้นมาในใจไม่ได้
แต่ในเวลานั้นเองมันกลับมีคลื่นพลังกฎอีกรูปแบบหนึ่งแผ่ออกมา!
ผางเจิ้นต้องอ้าปากค้างกล่าวอย่างไม่อยากเชื่อ “ก-กฎแห่งกาลเวลา! พลังกฎมันบรรลุกันได้ง่ายดายปานนี้ตั้งแต่เมื่อใดกันนี่?”
แนวคิดที่ก้าวขึ้นไปจนถึงกฎนั้นมันย่อมจะเป็นการพัฒนาพลังที่เหนือคำบรรยาย
แต่ความพยายามและเวลาที่ต้องทุ่มลงแรงไปกับมันนั้น คงเรียกได้ว่าไม่อาจคาดเดาได้เช่นกัน
ยากจนเกินทน!
หมื่นๆ ล้านปีมานี้มันไม่มีใครเลยที่บรรลุขึ้นถึงระดับของกฎได้!
แค่เรื่องนี้มันก็ชัดเจนแล้วว่าการบรรลุนั้นยากเย็นแค่ไหน
แต่เย่หยวนนั้นกลับบรรลุสองสุดยอดพลังกฎได้พร้อมๆ กันภายในเวลาแค่เดือนเดียว!
ความแปลกประหลาดเช่นนี้ต่อให้พวกเขาจะติดตามเย่หยวนมานานแค่ไหนมันก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตกใจ
ที่สำคัญไปกว่านั้นสองกฎที่เย่หยวนบรรลุขึ้นมาได้นั้นมันยังเป็นกฎแห่งห้วงมิติและกฎแห่งกาลเวลาสองสุดยอดแนวคิด!
แต่เสียงของผางเจิ้นยังไม่ทันจางหายมันก็มีคลื่นพลังอีกรูปแบบหนึ่งพุ่งพล่านขึ้นมา!
พลังกฎอีกสองอย่าง!
คนทั้งสามนั้นได้แต่หันมามองหน้ากันอย่างไม่อาจจะเข้าใจภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้ว่าเป็นจริงหรือแค่ฝัน
สี่พลังแห่งกฎ!
“นี่มัน… มันจะไร้เหตุผลเกินไปแล้ว! มิติ เวลา ค่ายกล โอสถ สี่สุดยอดวิชานี้ต่างบรรลุขึ้นไปถึงระดับกฎพร้อมๆ กันได้ นี่มันจะไร้เหตุผลอย่างไร้เหตุผลเกินไปแล้ว!”
เวลานี้ต่อให้จะเป็นว่านเจิ้นเองก็ยังอดไม่ได้ที่จะร้องเสียงหลงขึ้นมา มองดูเย่หยวนอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
…………………….