Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2500 บรรพกาลผู้นี้กำลังพูดกับเจ้า
“ใช่! แน่นอนสิ!”
ได้ยินคำถามของเย่หยวนนั้นหวังเจิ้งก็ตอบกลับไปด้วยใบหน้าภาคภูมิ “เจ้านั่น เจ้านั่นและเจ้านั่นต่างถูกข้าทำร้ายสิ้น! ทำไมเล่า? เจ้าคิดจะล้างแค้นแทนพวกมันหรือ? ฮ่าๆๆ… น่าขันสิ้นดี!”
หวังเจิ้งนั้นหัวเราะลั่นขึ้นมาด้วยท่าทางสุดแสนจองหอง
เขานั้นมั่นใจอย่างสุดตัวว่าเย่หยวนนั้นจะไม่อาจเทียบเคียงหลินเฉาเถียนได้
การกำเนิดแห่งเต๋าสวรรค์มันจบลงไปแล้ว ผลลัพธ์ที่ออกมามันย่อมจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดอีก!
เย่หยวนนั้นได้แต่นั่งรอความตายเท่านั้น
เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่คิดจะสนใจท่าทางใดๆ ของเย่หยวน
มิใช่แค่เขาไม่สนใจแต่เขานั้นกลับรู้สึกภาคภูมิเสียด้วยซ้ำ
เพราะการได้ขึ้นมาเหยียบหัวนักบุญฟ้าครามที่คนทั้งแผ่นดินบูชานั้นมันเป็นความรู้สึกที่สูงส่งอย่างมาก!
ไม่ไกลออกไปนั้นหลินเฉาเถียนก็ยิ้มกล่าวขึ้นตาม “หึๆ หากเจ้ามีปัญญาก็ลองชำระแค้นกับหวังเจิ้งต่อหน้าบรรพกาลผู้นี้ดูสิ!”
ฟุบ!
เสียงของหลินเฉาเถียนยังไม่ทันขาดคำไปร่างของเย่หยวนมันก็จางหายลง
ความเร็วที่แม้แต่แสงยังไม่อาจสะท้อนทัน!
แกรก!
คนทั้งหลายนั้นต่างไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ได้แต่ต้องหันไปมองตามต้นเสียง
“อ่า! แขน… แขนข้า!” หลังจากผ่านไปได้อึดใจเสียงร้องโหยหวนของหวังเจิ้งมันก็ดังลั่นขึ้น
คนทั้งหลายนั้นต่างหันไปมองตามและได้เห็นภาพอันแสนน่าหวาดกลัว
เพราะเวลานี้แขนของหวังเจิ้งมันหักลงไปคามือของเย่หยวน!
อย่างที่ไม่กำลังจะต่อต้านใด!
เต๋าบรรพกาลนั้นกลับไม่มีปัญญาจะต่อต้านใดๆ ต่อหน้าเย่หยวน!
ไกลออกไปนั้นมันก็เกิดเสียงสูดหายใจลึกมาจากทางฝั่งเผ่าเทวา
เรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นมันรวดเร็วจนเกินกว่าที่ใครจะรับมือทัน หลายต่อหลายคนนั้นต่างหันไปมองหลินเฉาเถียนด้วยใบหน้าแปลกๆ เพราะเขานั้นเพิ่งกล่าวยังไม่ทันจบแขนของหวังเจิ้งก็หักลงต่อหน้าแล้ว
ใบหน้าของเขานั้นมันถูกตบด้วยการกระทำนี้อย่างชัดเจนเสียยิ่งกว่าเสียงร้องของหวังเจิ้ง
เทียนชิงนั้นหรี่ตาลงอย่างไม่อยากเชื่อสายตา เขานั้นตกตะลึงอย่างสุดใจหัวใจ
เขานั้นไม่นึกฝันว่ามันกลับจะยังมีความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เกิดขึ้นมาได้
“พูดกับเจ้ามันคงง่ายหน่อย!” เย่หยวนนั้นกล่าวออกมาข้างๆ กายหวังเจิ้ง
หลินเฉาเถียนนั้นหรี่ตาลงด้วยใบหน้าดำมืดอย่างโกรธแค้น
ชื่อเสียงความน่ากลัวที่เขาเพิ่งสร้างขึ้นมามันถูกเย่หยวนทำลายลงในพริบตา!
คับแค้น!
“เย่หยวน! ปล่อยหวังเจิ้ง! ไม่เช่นนั้นเจ้าจะไม่ได้ตายดี!” หลินเฉาเถียนร้องลั่นขึ้นมาด้วยเสียงเย็นเยือก
เย่หยวนนั้นไม่คิดสนใจก่อนจะหันไปหาหวังเจิ้งอีกครั้ง “สิ่งที่พวกเขาได้รับนั้น เจ้าจะได้รับมันคืนไปสิบเท่าแน่ ไม่ต้องกลัวว่าจะได้ตายเร็ว!”
หวังเจิ้งนั้นทั้งตื่นตะลึงและโกรธแค้น พร้อมๆ กันนั้นความกลัวของเขามันก็พุ่งทะยานถึงที่สุด
เพราะก่อนหน้านี้เขาไม่อาจจะมองตามได้เลยว่าเย่หยวนทำอะไรลงไป
เต๋าบรรพกาลอย่างเขานั้นกลับไม่อาจจะมองเห็นได้ว่าศัตรูกำลังทำอะไรอยู่ตรงหน้า
ความรู้สึกเช่นนี้มันบ้าบอจนเกินไปและ… น่ากลัว!
“พ-พี่เฉาเถียน ช-ช่วยข้าด้วย!” หวังเจิ้งนั้นพยายามร้องขอความช่วยเหลือออกมา
แกรก!
เสียงกระดูกหักลงอีกท่อนดังขึ้นหลังเขากล่าวจบ
ครั้งนี้คนทั้งหลายได้เห็นมันชัดกับตา
เย่หยวนนั้นใช้มือเปล่าๆ หักแขนของหวังเจิ้งลงทั้งๆ อย่างนั้น
เขานั้นไม่ได้ใช้ปราณเทวะใดๆ แค่ใช้พลังของร่ายกายเพียงเท่านั้น
แน่นอนว่าการโจมตีเช่นนี้มันไม่มีทางสร้างบาดแผลสาหัสได้แต่ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับร่างกายนั้นจะเหนือล้ำอย่างไม่ต้องสงสัย
หวังเจิ้งนั้นร้องลั่นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
ได้เห็นเช่นนั้นหลินเฉาเถียนก็ไม่อาจทนได้อีกต่อไป
เย่หยวนนั้นกลับกล้าที่จะเมินตัวเขา!
“หึ! เจ้ารนหาที่ตายเองแล้ว!”
หลินเฉาเถียนนั้นหัวเราะขึ้นมาก่อนจะขยับร่างพุ่งเข้าไปหาเย่หยวนทันที
ความเร็วของเขานั้นมันเหนือล้ำอย่างถึงที่สุด
การได้ขึ้นมาเป็นเต๋าบรรพกาลครั้งนี้มันได้ทำให้หลินเฉาเถียนพัฒนาตัวเองขึ้นไปรอบด้าน
อย่างเช่นวิชาการใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติของเขานั้นมันก็เหนือล้ำกว่าเต๋าบรรพกาลคนอื่นๆ ไปมาก
ตูม!
ฝ่ามือของหลินเฉาเถียนนั้นกระแทกลงบนร่างของเย่หยวน
มุมปากของเขาเผยอยิ้มขึ้นมา แน่นอนล่ะว่าเย่หยวนในเวลานี้มันย่อมจะไม่มีทางเทียบเคียงตัวเขาได้แล้ว!
เสียงโห่ร้องเองก็ดังขึ้นมาจากรอบด้าน
แต่หลังจากนั้นร่างของเย่หยวนที่ถูกโจมตีนั้นมันก็ค่อยๆ เลือนลางจางหายไปเหมือนดั่งเงาจันทร์ที่สะท้อนบนผิวน้ำยามค่ำคืน
“อ่าก!”
พร้อมๆ กันนั้นมันก็มีเสียงร้องขึ้นมาจากอีกทิศ
เวลานี้หวังเจิ้งนั้นได้ถูกแทงจะลุหน้าอกจนเป็นรูกลวง!
และรูนี้มันเกิดขึ้นมาด้วยหมัดแค่หมัดเดียวของเย่หยวน!
สภาพของหวังเจิ้งในตอนนี้มันน่าสมเพชจนถึงที่สุด เหงื่อเห็นความเจ็บปวดไหลอาบไปท่วมทั้งร่างกาย
เขานั้นรู้สึกได้ว่าทุกๆ ส่วนของร่างกายนั้นมันมีความเจ็บปวดมหาศาลแทรกแฝงอยู่สิ้น
“เจ้าบอกให้มันมาช่วยเจ้ามิใช่หรือ?” รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของเย่หยวน
แต่มันเป็นรอยยิ้มที่แสนน่าขนลุก
เย่หยวนนั้นโกรธเคืองจริงๆ!
หลินเฉาเถียนนั้นหาเรื่องล้ำเส้นเขามาตลอดเวลาจนทำให้เขาหมดความอดทนไปแสนนาน!
เวลานี้มันกลับยังมีหวังเจิ้งที่กระโดดขึ้นมาวิ่งเต้นเป็นสุนัขรับใช้ให้อีกคน
แน่นอนว่าเย่หยวนย่อมจะไม่ลังเลที่จะเก็บกวาดให้มันเรียบร้อย
เมื่อได้เห็นเงาร่างเย่หยวนที่หายไปต่อหน้าต่อตานั้นหลินเฉาเถียนก็ได้แต่ต้องเบิกตากว้างขึ้น
เขานั้นตกตะลึงอย่างมาก
เพราะการจางหายไปนี้มันแตกต่างจากภาพลวงใดๆ
หรือว่าเจ้าเด็กคนนี้จะก้าวขึ้นไปถึงกฎแห่งห้วงมิติได้แล้ว?
“ให้ตายสิ! บรรพกาลผู้นี้อยากจะรู้นักว่าเจ้าจะหลบไปได้สักแค่ไหน! เพลิงนรกนิรันดร์!”
หลินเฉาเถียนนั้นเดือดดาลขึ้นมา
วินาทีที่เขาปล่อยพลังกฎของตนออกมานั้นมันก็เกิดทะเลเพลิงขึ้นมาล้อมรอบพื้นที่นับหมื่นๆ กิโลเมตร
เย่หยวนและพวกมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลทั้งหลายนั้นต่างถูกล้อมอยู่ภายในสิ้น
ไม้และไฟนั้นมันเป็นสองแนวคิดที่ส่งเสริมกัน ทำให้ความร้อนแรงแห่งไฟพุ่งทะยานไปนับสิบๆ เท่ากว่ามารคลั่งระบำเพลิง!
ในทะเลเพลิงนี้แม้แต่เต๋าบรรพกาลทั่วๆ ไปเองก็ยังอาจจะถูกเผาทำลายลงได้สิ้น
“เป็นทะเลเพลิงที่น่ากลัวนัก! นี่… นี่คือพลังที่แท้จริงของเต๋าบรรพกาลไฟคนใหม่!”
“ใช่แล้ว! เต๋าบรรพกาลไฟคนก่อนนั้นมันเหมือนเป็นแค่ทารกเลยหากเทียบกับหลินเฉาเถียนนี้!”
“มันจบแล้ว! นี่มันเป็นการโจมตีที่ไม่เลือกหน้า! ข้าเกรงว่าแม้แต่ท่านนักบุญฟ้าครามเองก็คงไม่อาจจะหนีรอดไปได้แน่แล้ว หรือต่อให้ท่านจะเก่งกาจหลบรอดออกมาได้คนทั้งหลายที่อยู่ภายในก็คงตายสิ้นแน่!”
…
วินาทีที่ทะเลเพลิงนี้ปรากฏขึ้นมาสีหน้าของคนทั้งหลายมันก็เปลี่ยนสีไปทันที
แม้แต่เทียนชิงเองก็ยังต้องเบิกตากว้างขึ้นอย่างตกตะลึง
ดูท่าแล้วพลังแห่งทะเลเพลิงนี้มันจะเหนือล้ำความคาดหมายเขาไปไม่น้อย
แต่ในเวลานั้นเองมันก็มีเสียงเรียบๆ สายหนึ่งลอยมาจากระยะไกลนับแสนๆ กิโลเมตร
“คุกเข่า!”
กึก!
กึก!
เสียงกระดูกขาสองข้างหักลงทำให้หวังเจิ้งต้องยอมคุกเข่า
และตรงหน้าของเขานั้นมันก็คือพวกหนี่ซวนทั้งหลาย
หลินเฉาเถียนนั้นเบิกตากว้างขึ้นมาทันที
“มัน… มันหนีไปได้อย่างไรกัน? เป็นไปไม่ได้น่า! เพลิงนรกนิรันดร์ของข้ามันไม่มีจุดบอด! ต่อให้จะเป็นกฎแห่งห้วงมิติมันก็คงไม่อาจจะหลบหนีออกไปได้พ้นเช่นกัน!” หลินเฉาเถียนร้องขึ้นมาอย่างไม่คิดเชื่อภาพตรงหน้า
ทะเลเพลิงอันแสนกว้างใหญ่นั้นมันแตกต่างจากเพลิงไฟทั่วๆ ไปมากมายนัก
ต่อให้จะสามารถมุดตัวหลบเข้าห้วงมิติได้ ทะเลเพลิงนี้มันก็ยังคงเผาไหม้ได้
นี่มันคือการโจมตีอย่างไม่เลือกหน้า!
แต่วิชาอันสุดแสนรุนแรงนี้กลับถูกเย่หยวนหลบหลีกไปได้?
หลินเฉาเถียนนั้นรู้สึกมึนงงอย่างไม่อาจอธิบาย!
ด้วยกระดูกขาทั้งสองข้าที่หักลงแล้วหวังเจิ้งจึงไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากต้องคุกเข่าลงต่อหน้าพวกหนี่ซวนทั้งหลาย
ได้เห็นเช่นนั้นหนี่ซวนและพวกก็รู้สึกสะใจขึ้นมา
ก่อนหน้านี้หวังเจิ้งทำตัวเป็นสุนัขรับใช้ได้อย่างแสบทรวง
แต่เวลานี้เย่หยวนกลับจัดการสั่งสอนมันเสียหมดท่า!
เต๋าบรรพกาลแล้วทำไม?
“ขอโทษ!” เย่หยวนสั่งออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่คิดฟังคำต่อรองใด
หวังเจิ้งนั้นแทบสิ้นสติลง!
เขานั้นได้เห็นกับตาแล้วว่าหลินเฉาเถียนไม่อาจจะช่วยเหลือใดๆ เขาได้เลย!
และการโจมตีก่อนหน้านี้ของหลินเฉาเถียนเองมันก็แทบจะสังหารเขาลงไปด้วยซ้ำ!
เขานั้นถูกเย่หยวนลากออกมานอกทะเลเพลิงอย่างไม่ทันรู้ตัว
“ข้า… ข้าผิดไปแล้ว! นายท่าน ค-คิดเสียว่าปล่อยหมูปล่อยหมาให้ข้าได้มีชีวิตต่อเถอะ!” หวังเจิ้งนั้นร้องขึ้นมาด้วยน้ำตานองหน้า
แต่ในเวลานั้นเองมันก็มีคลื่นพลังรุนแรงอีกสายหนึ่งพุ่งตามหลังคนทั้งหลายมา
พลังนี้มันทำให้พวกเขารู้สึกสิ้นหวัง!
“เย่หยวน! บรรพกาลผู้นี้กำลังพูดกับเจ้าอยู่ เจ้าหูหนวกหรืออย่างไร?” หลินเฉาเถียนร้องลั่นฟ้าดินพุ่งตัวตามมา
…………………………