Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2505 เอกภพปกครองห้าเต๋าบรรพกาล
เมื่อเย่หยวนลงมือสังหารนั้นคนทั้งหลายก็ต้องอ้าปากค้างขึ้นมาอย่างตกตะลึง
แม้แต่เหล่าเต๋าบรรพกาลเผ่าเทวาทั้งห้าเองก็ยังต้องผงะไปเช่นกัน
เพราะเรื่องราวมันกลับพลิกผันเกินคาด
พวกเขานั้นคิดว่าคนทั้งสองอาจจะปะทะกันแต่ไม่นึกฝันว่าเย่หยวนกลับจะสังหารเต๋าบรรพกาลทำลายล้างลงด้วยดาบเดียวได้เช่นนั้น
“นี่มัน… ท่านนักบุญฟ้าครามทำอะไรของท่านกัน?”
“สังหารเต๋าบรรพกาลทำลายล้างลงตอนนี้มันจะไม่เท่ากับว่าเป็นการตัดแขนตนเองก่อนออกศึกหรือ?”
“เฮ้อ นิสัยของท่านนักบุญฟ้าครามนั้นไม่เคยยอมใคร! เราจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ได้บ้าง?”
…
ความรู้สึกสิ้นหวังมันปรากฏขึ้นมาในหมู่คน
กำลังของเผ่าเทวานั้นเดิมทีมันก็เหมือนล้ำกว่าเผ่ามนุษย์ไปมากมายอย่างมหาศาลแล้ว เวลานี้มันกลับยังมียอดคนที่ทั้งเจ็บทั้งตายอีก
สุดท้ายเย่หยวนนั้นก็ได้หักแขนตนลงจริงๆ
แต่เย่หยวนนั้นกลับไม่คิดสนใจและหันไปหาเต๋าบรรพกาลสายฟ้าและเต๋าบรรพกาลวายุก่อนจะถามขึ้น “พวกเจ้าอยากจะได้ผลึกแห่งกฎเหมือนมันไหม?”
“ม-ไม่อยากได้!” คนทั้งสองกล่าวตอบไปทันที
เย่หยวนพยักหน้ารับ “ดีแล้วที่ไม่อยาก! จำไว้ที่ข้าไม่สังหารพวกเจ้านั้นมันเพราะพวกเจ้าไม่มีค่าพอให้ต้องสังหาร ผางเทียน เจ้านั้นจงไปขอบคุณผางเจิ้นมันเถอะ จั่วเหยียน เจ้านั้นครั้งหนึ่งเคยออกไปเสี่ยงชีวิตปะทะหยุดยั้งการสังหารหมู่ของเทียนชิง ครั้งนี้ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไปแต่มันจะไม่มีครั้งหน้าอีกแน่”
เวลานี้ในดวงตาของคนทั้งสองนั้นมันเปี่ยมล้นไปด้วยความหวาดกลัว
การกดดันที่เย่หยวนทำให้พวกเขารู้สึกนี้มันเหนือล้ำจนเกินกว่าจะรับไหว
พูดจบเย่หยวนนั้นก็หันหน้าเดินจากคนทั้งสองไปอย่างนั้น
จนเย่หยวนเดินกลับออกไปนั้นเองที่เต๋าบรรพกาลสายฟ้าผางเทียนและเต๋าบรรพกาลวายุจั่วเหยียนถึงค่อยถอนใจยาวออกมาอย่างโล่งอก
พวกเขานั้นได้พบว่าร่างกายของตนนั้นมันมีเหงื่อเย็นเหยียบไหลทั่ว
คนทั้งสองได้แต่หันมามองหน้ากันด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
การตายลงของเต๋าบรรพกาลทำลายล้างนั้นมันทำให้พวกเขารู้สึกหกหู่ไม่น้อย
เพราะจากยอดเต๋าบรรพกาลทั้งเก้านั้นมันเวลานี้มันเหลือเพียงแค่พวกเขาสองคนแล้ว!
พวกเขานั้นได้เข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่ายุคสมัยของตนมันได้จบลงแล้ว
เย่หยวนนั้นเดินกลับไปอยู่กลางวงล้อมของคนทั้งห้าก่อนจะได้ยินเทียนชิงขมวดคิ้วกล่าวขึ้นมา “เจ้าคิดจะปะทะพวกเราทั้งห้าด้วยตัวคนเดียวจริง?”
เย่หยวนจึงตอบกลับไป “ทำไม? ข้าทำไม่ได้หรือ?”
เทียนชิงจึงตอบกลับไป “ย่อมได้แน่! นี่มันมิใช่การประลองใดๆ แต่เป็นสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์! หึ ความโอหังหลงตัวของเจ้านี่แหละที่บรรพบุรุษผู้นี้ต้องการจะเห็น!”
ท่าทางสุดแสนมั่นใจนี้ของเย่หยวนแม้ว่ามันจะทำให้เขากังวลไม่น้อยแต่เขาก็ยังมั่นใจอย่างมากในฝีมือของเต๋าบรรพกาลทั้งห้า
แม้ว่าการผสานสามแนวคิดมันจะเป็นเรื่องน่าปวดหัวแต่มันก็ยังไม่มีทางจะเทียบเคียงกับพวกเขาทั้งห้าได้แน่!
เย่หยวนจึงตอบกลับไป “เช่นนั้นก็เริ่มเถอะ!”
พูดจบเขาก็พุ่งตัวเข้าโจมตีต่อยหมัดใส่เทียนชิง
เทียนชิงนั้นผงะไปทันทีเพราะหมัดนี้มันกลับมีความรู้สึกคมกริบเหมือนเป็นดาบ
“เก่งจริง! แต่เจ้าดูนี่!”
เทียนชิงเองก็ตอบสนองไปอย่างรวดเร็วเช่นกันเขานั้นร้องลั่นขึ้นมาก่อนจะต่อยมือทั้งสองออกเป็นหมัดไปด้านหน้าเหมือนมังกรที่กำลังกลับลงทะเล
หนึ่งนั้นมีปราณดาบที่เหนือสวรรค์ส่วนอีกหนึ่งนั้นมีหมัดที่หนักแน่นกดดันทะเลทั้งสี่!
พริบตาเดียวคนทั้งสองก็ปะทะกัน
ตูม!
หลังจากเสียงดังนั้นร่างของเทียนชิงก็ปลิวออกมาในทันที
ส่วนเย่หยวนนั้นยังคงยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับไหว!
การโจมตีอันรวดเร็วนี้มันกลับเป็นฝ่ายเย่หยวนที่ชนะขาดลอยไป!
ในเวลาเดียวกันนี้เต๋าบรรพกาลเผ่าเทวาทั้งสี่เองก็เริ่มลงมือออกมา
เยวี่ยเมิ่งลี่นั้นชี้ดัชนีออกมาใส่จุดตายของเย่หยวนอย่างไม่ยั้ง
กำลังของนางนั้นมันไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าการโจมตีของเทียนชิงเลย
ภายใต้การช่วยเหลือประสานงานของคนทั้งสามนั้นมิติรอบๆ มันก็แทบจะแตกสลายลง!
เย่หยวนนั้นไม่คิดสนใจมากมาย เขาเพียงแค่ใช้เอกภพออกมารับการโจมตีของคนทั้งสี่นั้นไว้
ต่างฝ่ายนั้นต่างตกเข้าสู่ห้วงการต่อสู้อันดุเดือด
เทียนชิงนั้นรู้สึกเหมือนอวัยวะภายในมันพลิกกลับจนอดไม่ได้ที่จะตื่นตะลึงอย่างมาก แต่ก็ยังเลือกจะพุ่งตัวกลับไป
เป็นตอนนี้ที่เขาได้ปะทะกับเย่หยวนตรงๆ นี่เองที่เขาได้เข้าใจว่าเย่หยวนผู้ผสานมิติ เวลาและดาบเข้าด้วยกันนั้นมันแข็งแกร่งแค่ไหน!
พร้อมๆ กันนั้นเขาก็รู้สึกโล่งใจที่เผ่าเทวาได้มียอดฝีมือสิบลายขึ้นมาอีกคน
เพราะหากมันมีแค่ตัวเขาเพียงคนเดียวแล้วเขาย่อมจะไม่อาจเอาชนะเย่หยวนได้แน่
เทียนชิงนั้นต่อสู้หับซ่างเหิงมาก่อนเขาย่อมจะเข้าใจถึงพลังของมิติเวลาเป็นอย่างดี
เพียงแค่ว่าหากเอาซ่างเหิงมาเทียบกับเย่หยวนแล้วมันคงเหมือนเอาดินมาเทียบกับฟ้า
ต่อให้เย่หยวนจะใช้แค่แนวคิดแห่งมิติเวลามันก็เหนือล้ำเกินกว่าที่ซ่างเหิงจะทำได้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการผสานสามแนวคิดมิติ เวลาและดาบเข้าด้วยกันเลย
ความรุนแรงของวิชาแต่ละอย่างของเขานั้นมันแทบจะแทงทะลุฟ้าขึ้นไป
หากมิใช่เพราะเขานั้นได้ตำแหน่งเต๋าบรรพกาลมาอีกครั้งแล้วเขาคงไม่อาจจะรับการโจมตีก่อนหน้านี้ได้เสียด้วยซ้ำ
แต่แม้พวกเขาทั้งห้าจะร่วมมือกันอย่างเป็นระบบสักแค่ไหนมันก็ยังไม่อาจจะกดดันตัวเย่หยวนได้แม้แต่น้อย!
วิชาดาบเอกภพนั้นมันเป็นการผสานมิติเวลาเข้ากันอย่างสมบูรณ์แบบ
มิติและเวลานั้นมันเป็นสองยอดแนวคิดมาแต่เดิม พวกมันนั้นคือจุดกำเนิดของสรรพสิ่ง
วิชาดาบเอกภพที่เย่หยวนพัฒนาขึ้นมานี้มีการใช้เต๋าดาบเป็นแก่นกลางและหมุนวนพลังของมิติและเวลาในขั้วตรงข้ามกันจึงสามารถแสดงพลังออกมาได้อย่างน่ากลัว
แต่ละท่วงท่ากระบวนวิชาของเขานั้นมันแฝงไปด้วยยอดเต๋าจนถึงที่สุดของคำว่าเต๋า
เวลานี้นอกจากว่าเต๋าบรรพกาลทั้งห้าร่วมมือกันแต่ยังไม่อาจกดดันเย่หยวนได้แล้ว ฝั่งพวกเขาทั้งหลายเองต่างหากที่กำลังเป็นฝ่ายถูกเย่หยวนกดดันแทน!
เวลานี้ต่อให้จะใช้วรยุทธแท้เต๋าสวรรค์ใดๆ ออกมามันก็ไม่อาจจะกดดันเย่หยวนได้แม้แต่น้อย!
เทียนชิงและเยวี่ยเมิ่งลี่นั้นยังไม่เท่าไหร่แต่เหล่าเต๋าบรรพกาลคนอื่นๆ นั้นกลับเริ่มแสดงจุดอ่อนออกมาให้ได้เห็นหลังต้องรับแรงกดดันของเอกภพไปนานๆ เข้า
คนทั้งหกนั้นต่อสู้กันจนฟ้าดินแตกสลายภูเขาแม่น้ำกลับกลายเป็นแค่ความว่างเปล่าสิ้น
การต่อสู้นี้มันคงเรียกได้ว่าเป็นการต่อสู้ที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นบนมหาพิภพถงเทียน
พลังของมันนั้นไม่อาจจะคาดเดาได้
ในเวลานี้ไม่ว่าจะเป็นชาวเผ่าเทวาหรือชาวหลากเผ่าพันธุ์พวกเขาต่างก็ต้องมองดูเรื่องราวอย่างตกตะลึง
เป็นเวลานี้เองที่พวกเขาได้เข้าใจว่าทำไมเย่หยวนจึงกล้ารับคำท้าทายของเทียนชิงอย่างง่ายดายปานนั้นและทำไมถึงกล้าคิดต่อสู้ห้าต่อหนึ่ง
เพราะกำลังของเขานั้นมันเหนือล้ำโลกนี้ไปแล้ว!
“ช่างเป็นเอกภพที่ยอดเยี่ยมนัก! จากที่เห็นนี้มันราวกับว่าท่านนักบุญฟ้าครามคือเต๋าสวรรค์เองเลย!”
“แข็งแกร่ง! แข็งแกร่งเกินไปแล้ว! กำลังของท่านนักบุญฟ้าครามนั้นมันเหนือล้ำกว่าที่พวกเขาจะเข้าใจได้ไปมากแล้ว!”
“ที่แท้แล้วความกังวลใดๆ มันก็เป็นแค่เรื่องตลก! ท่านนักบุญฟ้าครามนั้นยืนอยู่บนจุดสุดยอดของมหาพิภพถงเทียนอย่างแท้จริงไปแล้ว! จากวันนี้ไปใครจะยังสามารถกดดันท่านได้อีกเล่า?”
…
ตื่นตะลึง ตื่นเต้น เชิดชูและบูชา ความรู้สึกมากมายหลากหลายมันได้เกิดขึ้นมาในจิตใจผู้คน
เหล่ายอดฝีมือชาวมนุษย์ทั้งหลายนั้นต่างรู้สึกภาคภูมิขึ้นมาตามๆ กัน
เผ่าเทวานั้นต้องใช้บรรพบุรุษทั้งแปดตระกูลสายเลือดเพื่อปกครองหลากเผ่าพันธุ์!
แต่มนุษย์นั้นมีแค่นักบุญฟ้าครามคนเดียวก็มากพอที่จะปกครองทั้งโลกหล้าไว้!
ในยุคสมัยนี้มนุษย์ไม่ต้องเกรงกลัวเผ่าพันธุ์ใดๆ อีก
เพราะพวกเขานั้นมีนายเป็นนักบุญฟ้าคราม!
เวลานี้หลินเฉาเถียนที่มีเลือดกบปากนั้นได้แต่ต้องมองดูเรื่องราวอย่างสิ้นหวังในความไร้ค่าของตน
เขานั้นเคยไปวางท่าต่อหน้าเย่หยวน?
เขาคิดจะเป็นผู้ปกครองมนุษย์?
เขานั้นไม่มีค่าแม้แต่จะทำให้เย่หยวนเอาจริงเสียด้วยซ้ำ
กำลังฝีมือที่เย่หยวนแสดงออกมาในวินาทีนี้มันทำให้คนทั้งหลายต่างต้องก้มกราบลง!
หลินเฉาเถียนนั้นเป็นได้แค่ตัวตลกหลังการกำเนิดแห่งเต๋าสวรรค์!
ก่อนหน้านั้นเขายังคิดคับแค้นเย่หยวนคิดหวังจะกลับมา
แต่เวลานี้เมื่อได้เห็นฝีมือของเย่หยวน เขาก็ได้เข้าใจแล้วว่าตนเองคงไม่อาจจะฟื้นคืนกลับมาได้อีกต่อไป
นี่มิใช่ยุคสมัยที่ยอดคนแย่งชิงอำนาจ
นี่มิใช่ยุคสมัยที่สองยอดคนจะปกครองเคียงคู่
เพราะนี่มันคือยุคสมัยของเย่หยวนเพียงคนเดียว!
การกำเนิดแห่งเต๋าสวรรค์รอบนี้ เย่หยวนนั้นได้กลายเป็นผู้ปกครองฟ้าดินไป!
แม้แต่ยอดคนที่อยู่เหนือโลกหล้าอย่างเทียนชิงนั้นเองก็ยังต้องสยบลงใต้เท้าเย่หยวน
ฉึก ฉึก ฉึก!
หลังผ่านไปได้ราวพันกระบวนท่าในที่สุดเต๋าบรรพกาลชีวิต เฉิงกุยก็พลาดถูกกลืนเข้าไปในเอกภพ
จากนั้นมันก็ปรากฏดาบมากมายพุ่งผ่านร่างของเขาไปทำให้เกิดรูพรุน!
พลังของกฎค่อยๆ หลั่งไหลออกมาก่อนจะก่อตัวเป็นผลึกแห่งกฎอีกครั้งและเป็นเย่หยวนที่หยิบมันขึ้นไว้
ในยุคก่อนนั้นมหาบรรพกาลทั้งสิบแปดลงมือพร้อมๆ กันแต่ก็ยังไม่อาจจะสังหารบรรพบุรุษเผ่าเทวาได้แม้สักคน
แต่เวลานี้เย่หยวนคนเดียวกลับสังหารบรรพบุรุษเผ่าเทวาลงท่ามกลางการรุมโจมตีของเต๋าบรรพกาลห้าคน!
“ยังคิดอยากสู้หรือไม่?” เย่หยวนถือผลึกแห่งกฎไว้ในมือก่อนจะหันไปถามเทียนชิง
………………