Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2510 ความตระหนกกลัวของแปดจอมเทพ
การโจมตีที่เขารับมาก่อนหน้านั้นมันย่อมจะมีความหมาย
ครั้งแรกที่เย่หยวนได้รับการโจมตีนั้นเข้าไปเย่หยวนก็สัมผัสได้ทันทีว่าพลังของแปดจอมเทพนี้มันมิใช่พลังจากตัวรูปปั้นเอง
เขานั้นดึงพลังงานบนมหาพิภพถงเทียนออกมาด้วยวิธีการบางอย่าง
และนี่มันก็คือสิ่งที่เขาเรียกว่าอำนาจสวรรค์
พลังของมันนั้นอาจจะเป็นแค่ดั่งน้ำหยดเดียวในมหาสมุทรสำหรับมหาพิภพถงเทียน
แต่สำหรับนักยุทธแล้วพลังนั้นมันมากพอจะเรียกว่าเป็นอำนาจสวรรค์ได้!
เพียงแค่ว่าวิธีการเช่นนี้ต่อให้จะตบตาคนอื่นได้แต่มีหรือที่จะตบตาเย่หยวนได้?
เย่หยวนนั้นหลอมเขาน้อยแห่งถงเทียนมาใช้ได้แถมเวลานี้เขายังเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งมหาพิภพถงเทียนอีกด้วย
การขยับไหวของเต๋าสวรรค์นั้นมันไม่อาจจะหลุดรอดจากสายตาของเย่หยวนไปได้!
เขานั้นยอมที่จะถูกโจมตีมากมายเพื่อจะหาช่องทำความเข้าใจที่มานี้
วิธีการที่สามารถสั่งใช้งานเต๋าสวรรค์!
โชคยังดีที่เขานั้นไม่พลาดโอกาสนี้ไป เขาทำได้สำเร็จ!
รูปปั้นทั้งแปดนั้นมันทำงานเหมือนเป็นค่ายกล
แต่ละครั้งที่พวกมันคิดใช้พลังงานมันจะส่งสัญญาณประหลาดออกไปภายนอก
และพร้อมๆ กันนั้นเขาแห่งถงเทียนมันก็เหมือนจะตอบรับการขานเรียกนั้นและปล่อยพลังออกมาให้ยืมใช้
เย่หยวนนั้นมีเขาน้อยแห่งถงเทียนอยู่ในครอบครองเขาจึงอ่านสัญญาณนี้ได้เช่นกัน
หลังจากได้ลองอ่านไปหลายต่อหลายครั้งเขาก็เริ่มเข้าใจมันได้!
เพราะฉะนั้นเขาจึงสามารถจะไล่พลังงานฟ้าดินมากมายนั้นไปด้วยแค่คำพูดเดียว!
แต่ภาพนั้นมันกลับดูเหนือล้ำฟ้าดินราวทำให้เหล่าชาวเผ่าเทวารู้สึกราวกับว่าตนได้มาเห็นการปะทะของเทพเจ้า
ตูม!
ปราณดาบรุนแรงพุ่งปะทุขึ้นในระยะนับหมื่นๆ กิโลเมตร
ค่ายกลดาบเอกภพ!
รูปปั้นทั้งแปดนั้นตกอยู่ในห้วงของค่ายกลดาบทันที
แปดจอมเทพนั้นกล่าวขึ้นมากล่าวตระหนก “เจ้า… เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?”
“เจ้าไม่เข้าใจหรือว่าข้าคิดจะทำอะไรกัน?” เย่หยวนตอบกลับไป
“จ-เจ้ากล้า? รูปปั้นทั้งแปดนี้มันคือที่อยู่ของข้าผู้เป็นเสี้ยวจิตวิญญาณดั่งเดิมของตัวจริง! หากเจ้ากล้าทำลายมันลงแล้วตัวจริงของข้าย่อมจะได้รับรู้ถึงมันแน่! หากตัวจริงของข้าลงมาแล้วพวกเจ้าทั้งหลายจะได้ตายอย่างไร้ที่กลบฝัง!” แปดจอมเทพนั้นตอบกลับมา
เย่หยวนหรี่ตาลงมองเพราะเขานั้นคาดเดาได้ถูกต้องอย่างแท้จริง!
มันยังมีตัวตนที่เหนือล้ำอยู่เบื้องหลังแปดจอมเทพนี้ไปอีกขั้นอย่างที่เขาคิด!
เพียงแค่ว่าเย่หยวนนั้นไม่อาจประเมินได้เลยว่าตัวตนนั้นจะแข็งแกร่งสักเพียงใด!
ความเงียบของเย่หยวนนี้มันทำให้แปดจอมเทพคิดว่าเย่หยวนเกิดกลัวขึ้นมา
เพราะฉะนั้นเขาจึงได้คิดต่อรองด้วยความใจเย็น “หึๆ เจ้าหนุ่ม เจ้านั้นเป็นมดปลวกก็จริงแต่เข้านั้นก็เป็นมดปลวกที่แข็งแกร่งนัก! ข้าว่าเจ้าคงเดาได้แล้วใช่ไหมเล่าว่าโลกนี้มันมิใช่จุดสูงที่สุด! มันยังมีโลกที่เหนือกว่านี้ไปที่มีเหล่ายอดฝีมือผู้แข็งแกร่งอย่างที่เจ้าไม่อาจคาดเดาได้อยู่! ตราบเท่าที่เจ้าช่วยเทพผู้นี้ฝังเจตจำนงวิญญาณดั่งเดิมแล้วยอมเป็นทาสให้เทพผู้นี้ วันหน้าเทพผู้นี้จะพาเจ้าออกไปจากโลกใบนี้เอง! เจ้ารู้หรือไม่ว่าหากไม่มีการชี้นำจากเทพแล้วเจ้าจะไม่มีทางออกไปจากโลกใบนี้ได้เลย?”
แปดจอมเทพนั้นรู้สึกว่าคำเชิญนี้มันน่าสนใจจนเกินกว่าที่เย่หยวนจะต้านทานไว้ได้อย่างแน่นอน
เมื่อก้าวขึ้นมาถึงระดับของเย่หยวนนั้นคนเราจะยังต้องการอะไรได้?
ในเมื่อเขาได้รู้ว่าภายนอกมันยังมีโลกที่กว้างใหญ่อยู่ มีหรือที่เย่หยวนจะไม่คิดสนใจได้?
แต่เย่หยวนนั้นยังคงนิ่งเงียบ!
“หึๆ ข้ารู้ดีว่าเจ้านั้นกำลังคิดอะไรอยู่! แต่ว่าเจ้าคิดมากเกินไปแล้ว เจ้าไม่มีทางประเมินพลังของตัวจริงข้าได้หรอก! ลองคิดเถอะว่าคนที่สามารถควบคุมชีวิตบนมหาพิภพถงเทียนนี้ได้หมดสิ้นนั้นจะต้องมีพลังในระดับใด? เพราะฉะนั้นเจ้าเลิกล้มความคิดนั้นไปเสียเถอะ! หากตัวจริงข้าลงมาแล้วโลกใบนี้มันคงได้แตกสลายลงแน่!” แปดจอมเทพนั้นกล่าวขึ้นมาเพิ่มน้ำหนักการตัดสินใจให้แก่เย่หยวน
ในเวลานี้เขาได้กลับมามีน้ำเสียงเหนือล้ำโลกหล้าอีกครั้ง พูดเหมือนกับว่าเย่หยวนนั้นได้กลายเป็นคนรับใช้ของเขาไปเรียบร้อยแล้ว
และในเวลานั้นเองที่เย่หยวนได้เปิดปากขึ้น!
“หากอยากให้ข้าเป็นคนรับใช้มันก็ย่อมได้! แต่ข้านั้นมีเงื่อนไขหนึ่งอยู่!” เย่หยวนกล่าวขึ้นถาม
เมื่อแปดจอมเทพนั้นได้ยินเข้าเขาก็รีบตอบกลับมา “มันไม่มีอะไรที่ตัวจริงของข้าทำไม่ได้! หากจะให้พูดจากมุมมองของเจ้าแล้วตัวจริงของข้าก็คือพระเจ้าดีๆ นี่แหละ! พระเจ้าอย่างแท้จริง! มิใช่เทพเจ้าปลอมๆ อย่างพวกเจ้าทั้งหลาย! เจ้ามีเงื่อนไขใดเล่า? ลองว่ามา ด้วยความเข้าใจโลกของเจ้านั้นมันคงไม่มีอะไรที่ยากเกินมือตัวจริงข้า!”
แปดจอมเทพนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสบายๆ ราวกับว่าเขาจะสามารถทำทุกอย่างให้ได้จริงๆ
ท่าทางนี้มันทำให้คนที่ได้ยินต่างต้องเชื่อถือ
เย่หยวนจึงตอบกลับไป “ข้านั้นมีสหายคนหนึ่งที่จิตศักดิ์สิทธิ์แตกสลายเหลือไว้เพียงแค่เสี้ยวจิตที่ยังไม่ดับสูญ! สงสัยเหลือเกินว่าเจ้านั้นจะช่วยฟื้นคืนจิตศักดิ์สิทธิ์ให้นางได้หรือไม่?”
เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวทางด้านแปดจอมเทพนั้นก็เงียบไปพักหนึ่ง
แต่ไม่นานเขาก็ตอบกลับมา “หึ เทพผู้นี้ก็บอกไปแล้วว่าตัวจริงของข้านั้นคือเทพเจ้าโดยแท้ มันไม่มีสิ่งใดที่เขาจะทำไม่ได้! การเรียกกลับจิตศักดิ์สิทธิ์นั้นมันเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์สำหรับพวกเจ้าเหล่ามดปลวกทั้งหลายแต่สำหรับตัวจริงข้าแล้วนั้นมันง่ายดายเสียยิ่งกว่าปลอกกล้วย! เด็กน้อย เปิดจิตของเจ้าออกแล้วรับเจตจำนงของวิญญาณดั่งเดิมข้าไป ทำเช่นนั้นข้าย่อมจะสามารถช่วยเจ้าได้แน่นอน!”
แต่ในเวลานั้นเองที่น้ำเสียงของเย่หยวนกลับเย็นเยือกลง “หึ! ไม่รู้เสียแล้วว่าอะไรดีไม่ดี เจ้าคิดว่าเย่ผู้นี้โง่เง่ามากนักหรือ? ดูท่าเจ้าจะไม่อยากพูดตรงๆ ตามความจริง เช่นนั้นข้าคงต้องใช้กำลังเสียหน่อยแล้ว!”
คำตอบของเย่หยวนนี้มันกลับผิดจากที่แปดจอมเทพคาดไปมาก
เย่หยวนนั้นปล่อยเหยื่อออกมาถามว่าคนที่อยู่เบื้องหลังแปดจอมเทพนั้นสามารถจะฟื้นฟูจิตศักดิ์สิทธิ์จากเสี้ยวจิตได้หรือไม่
แต่น่าเสียดายที่เขาต้องผิดหวัง
ท่าทางของแปดจอมเทพนั้นมันบ่งบอกชัดเจนว่าเขาทำไม่ได้!
เวลานี้ปราณดาบเย็นเยือกมันจึงได้พุ่งทะยานขึ้นมารอบกาย
แปดจอมเทพนั้นร้องขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว “จ-เจ้าไม่อยากมีชีวิตแล้วหรือ? หากเจ้าทำลายรูปปั้นลงแล้วเจ้าจะต้องได้ตายลงอย่างไร้ที่กลบฝังแน่! ตัวจริงของของข้านั้นจะต้องลงมาดูเรื่องราวเป็นแน่!”
เวลานี้เย่หยวนย่อมจะไม่คิดเจรจาใดๆ กับเขาอีกแล้ว
เพราะเย่หยวนนั้นอารมณ์ไม่ดี!
“เช่นนั้นหรือ? หากมันมาข้าก็จะจัดการให้มันไม่ได้กลับขึ้นไปเอง!” เย่หยวนกล่าว
ในเวลานั้นเองที่เขาได้ใช้งานค่ายกลดาบเอกภพออกมาโจมตี!
ปราณดาบรุนแรงมากมายนั้นมันพุ่งเข้าใส่ตัวรูปปั้นทั้งแปดอย่างบ้าคลั่ง
รูปปั้นทั้งแปดนั้นมันแข็งแรงอย่างมากไม่อาจจะทำลายลงได้ง่ายๆ ต่อให้จะเป็นดาบที่แฝงไปด้วยพลังของสี่กฎเองมันก็ยังไม่อาจจะทำลายพวกมันทั้งหลายลงได้เช่นกัน!
“ฮ่าๆๆ… มดปลวกอาณาจักรต่ำต้อย! เจ้าคิดหรือว่าด้วยกำลังของเจ้าเพียงเท่านี้จะมากพอทำลายรูปปั้นลง? ฝันไปเถอะ!” เมื่อแปดจอมเทพได้เห็นเช่นนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะเปล่งเสียงหัวเราะขึ้นมา
เขานั้นเกรงกลัวเย่หยวนอย่างมากแต่เวลานี้ความกลัวใดๆ มันก็เริ่มเบาบางลงไป
เพราะตราบเท่าที่เย่หยวนไม่อาจจะเจาะการป้องกันของรูปปั้นลงได้แล้วตัวเขาก็สามารถจะใช้พลังของวิญญาณดั่งเดิมทลายกำแพงของโลกนี้ออกไปบอกให้ตัวตริงของเขาได้รู้ถึงเรื่องราวได้!
ถึงเวลานั้นตัวเย่หยวนคงได้ตายลงสิ้นอย่างแท้จริงแน่!
ภัยที่เย่หยวนนำมานั้นมันรุนแรงจนเกินกว่าที่เขาจะรับ เหนือล้ำกว่าที่เขาคนเดียวจะควบคุมได้!
เพราะฉะนั้นจึงต้องให้ตัวจริงลงมาจัดการแทน!
แต่ในเวลานั้นเองที่เย่หยวนกลับกล่าวตอบไป “อ่า? เช่นนั้นหรือ? ค่ายกลดาล… สองขั้ว!”
เมื่อเสียงของเขาจางหายลงค่ายกลดาบเอกภพนั้นมันก็ได้เปลี่ยนรูปแบบกลายไปเป็นดาบสองขั้วที่สุดแสนรุนแรง
ปัง ปัง ปัง…
ดาบแสงหลายสายพุ่งผ่านห้วงมิติเข้ามาโจมตีใส่รูปปั้นทั้งแปดอย่างบ้าคลั่ง
ค่ายกลดาบเอกภพนั้นมันคือสิ่งที่พัฒนามาจากวิชาเอกภพ แน่นอนว่ามันย่อมจะสามารถเปลี่ยนรูปแบบไปเป็นค่ายกลดาบสองขั้วได้!
และพลังที่ค่ายกลดาบสองขั้วมันแสดงออกมานั้นยิ่งรุนแรงหนักหนากว่าค่ายกลดาบเอกภพไปนับสิบๆ เท่าตัว
จากนั้นมันก็เกิดเสียงแตกร้าวขึ้นมาอย่างไม่อาจห้าม ภายใต้พลังโจมตีบ้าคลั่งนั้นสุดท้ายรูปปั้นทั้งแปดมันก็เริ่มไม่อาจทนทานไหวแสดงรอยร้าวให้เห็นชัดเจน!
“เจ้า… เจ้าทำได้อย่างไรกัน? นี่… นี่มันเป็นไปไม่ได้น่า! มดปลวกตัวหนึ่งมันจะกลับก้าวขึ้นไปถึงระดับขุมพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์ได้? นี่มัน… มันจะบ้าเกินไปแล้ว!” แปดจอมเทพนั้นร้องขึ้นมาด้วยความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด
………………………..