Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2512 เขานั้นลงมาจากฟ้า
บนเขาแห่งถงเทียนนั้นทุกสิ่งอย่างมันได้กลับมาสู่ความปกติ
นักยุทธมากมายนั้นต่างนั่งบ่มเพาะฝึกฝนเรียนรู้เต๋ากันไปตามเรื่องราว
เหนือระยะหนึ่งล้านกิโลเมตรขึ้นไปนั้นมันคือระดับที่เหล่าเจ้าฟ้าดินและจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายต่างกำลังศึกษาเต๋าสวรรค์อยู่
ที่แห่งนี้มันคือจุดสุดยอดของเขาแห่งถงเทียน
ต่อแม้แต่เต๋าบรรพกาลเองก็ยังไม่อาจจะขึ้นไปได้สูงกว่าระดับนี้
เหนือขึ้นไปจากระดับนี้มันมีเมฆหมอกหนาปกคลุมไม่เห็นเดือนตะวันใดๆ ตลอดปี
หากมีใครกล้าก้าวขึ้นไปถึงระดับนั้นแล้วพวกเขาก็จะถูกเต๋าสวรรค์ทำลายลงสิ้นไม่เหลือทางรอดใด
หลังจากที่การกำเนิดเต๋าสวรรค์จบลงอดีตเต๋าบรรพกาลวายุก็ได้กกลับขึ้นมาฝึกตนบนเขาแห่งถงเทียนต่อเพื่อศึกษาเต๋าสวรรค์เพิ่มเติม
แม้ว่าพลังบ่มเพาะของเขานั้นมันจะไม่อาจไปได้ไกลกว่านี้แล้วแต่เขายังสามารถเรียนรู้พลังแห่งกฎได้!
แต่จู่ๆ ตัวเขากลับสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างก่อนจะต้องเงยหน้าหันขึ้นไปมองทางยอดเขา
เพราะที่แห่งนั้นมันกกำลังมีคนเดินผ่านม่านหมอกลงมา!
เต๋าบรรพกาลวายุอ้าปากค้างอย่างตกตะลึงสุดหัวใจ!
มิใช่แค่ตัวเขานั้นแต่เหล่าเจ้าฟ้าดินทั้งหลายเองรวมถึงเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ที่อยู่ต่ำลงไปต่างก็ต้องหันมามองภาพนี้เป็นตาเดียว!
ไม่มีใครที่ไม่ตกตะลึง!
‘นี่… เป็นไปได้อย่างไรกัน? เขาเป็นใครกัน? ถ-ถึงกลับเดินลงมาจากยอดเขาได้เช่นนั้น! หรือว่าเขา… จะมาจากสวรรค์?’ เต๋าบรรพกาลวายุร่ำร้องอยู่ในใจ
เขานั้นไม่รู้ว่าจะต้องรู้สึกอย่างไร
ตื่นตะลึง?
กลัว?
ดีใจ?
หรือทุกอย่างพร้อมๆ กัน!
มันกลับมีคนเดินลงมาจากสวรรค์ เรื่องนี้ย่อมแสดงให้เห็นว่าเหนือเขาแห่งถงเทียนไปมันได้เชื่อมต่อกับโลกของเหล่าทวยเทพจริง!
เพราะฉะนั้นแล้วเขาเองก็อาจจะยังมีหวัง?
ต่อให้ความหวังนั้นมันจะริบหรี่สักเท่าใดก็ตาม
แต่คนผู้นี้เป็นใครมาจากที่ไหนกันแน่?
มนุษย์เรานั้นกลัวในสิ่งที่ไม่รู้มากที่สุดกว่าสิ่งใด
จนสุดท้ายร่างนั้นมันก็ค่อยๆ ปรากฏชัดขึ้นมาแก่สายตาของทุกผู้คน
เขาผู้นี้เป็นชายหนุ่มในชุดคลุมลัทธิเต๋าสีฟ้าคราม มีท่าทางสุดสง่าและเหนือล้ำกว่าที่จะเข้าใจ
เต๋าบรรพกาลวายุนั้นไม่อาจจะมองชายหนุ่มคนนี้ได้ออกเลยแม้แต่น้อย เขานั้นลึกลับจนเกินความเข้าใจ!
ลึกลับจนเหมือนราวกับว่าเขานั้นเป็นสวรรค์!
ความรู้สึกนี้มันทำให้เขากลัว
ชายหนุ่มคนนั้นเดินตรงมาหาตัวเขาเป็นคนแรก
เต๋าบรรพกาลวายุนั้นสั่นสะท้านไปทั้งกายใจ
ชายหนุ่มนั้นยิ้มขึ้นมาก่อนจะเอ่ยถาม “ข้าขอถามเจ้า ใคร… ที่มันทำลายแปดจอมเทพลง?”
“ป-แปดจอมเทพ?” เต๋าบรรพกาลวายุนั้นกล่าวถามกลับไปพร้อมส่ายหัวตาม แน่นอนว่าเขาย่อมจะไม่รับรู้ถึงแปดจอมเทพใดๆ มาก่อน
แปดจอมเทพนั้นมันเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าเทวา นอกจากเย่หยวนและชาวเผ่าเทวาแล้ว ต่อให้เป็นเหล่าเต๋าบรรพกาลเองก็คงไม่มีทางรู้ถึงได้
ไม่เคยมีใครจะกล้าบุกเข้าไปในตระกูลสายเลือดสวรรค์จนถึงใจกลางที่แปดจอมเทพตั้งอยู่มาก่อน
เว้นแต่เย่หยวน!
เพราะฉะนั้นมันจึงไม่มีใครรู้ถึงตัวตนของแปดจอมเทพ
ได้เห็นเต๋าบรรพกาลวายุส่ายหัวออกมาเช่นนั้นชายหนุ่มก็แสดงสีหน้าผิดหวังก่อนจะกล่าว “เฮ้อ คุยกับมดปลวกนี่มันลำบากจริงๆ! ในเมื่อเจ้าไม่รู้ก็ตายไปเถอะ”
จากนั้นชาวหนุ่มก็ยกนิ้วขึ้นมาดีดส่งแรงกระแทกออกมาจากฝ่ามือ
ปัง!
ก่อนที่เต๋าบรรพกาลวายุจะทันได้ตอบโต้ใดๆ ร่างของเขาก็หายไปสิ้นแล้ว
คนทั้งหลายนั้นต่างยืนนิ่งเมื่อได้เห็น!
พวกเขานั้นได้แต่ร่ำร้องในใจว่านั่นคืออดีตเต๋าบรรพกาล!
แม้ว่าจะเป็นแค่อดีตแต่พวกเขานั้นก็ได้ฝึกฝนโดยพลังของเขาน้อยแห่งถงเทียน เพราะฉะนั้นต่อให้จะเอาไปเทียบกับเต๋าบรรพกาลชุดปัจจุบัน พวกเขาเองก็ไม่ได้อ่อนแอกว่ามากมายนัก!
แต่เขานั้นกลับไม่มีจังหวะแม้แต่จะตอบโต้ใดๆ กลับไปภายใต้การโจมตีของชายหนุ่มผู้นี้!
เขานั้นไม่ทันจะรู้ตัวเสียด้วยซ้ำ!
คนผู้นี้ต้องมีพลังที่แสนน่ากลัวในระดับใด?
ต่อให้จะเป็นยอดคนอันดับหนึ่งแห่งมหาพิภพถงเทียนอย่างนักบุญฟ้าครามนั้นเขาก็คงไม่มีทางทำได้ง่ายดายปานนี้แน่
และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือพวกเขาไม่อาจจะสัมผัสได้ถึงพลังใดๆ เลยจากการโจมตีนี้
มันไม่มีแรงกระแทกรุนแรงทำลายภูเขาแยกแม่น้ำใด
แค่ดีดนิ้ว เต๋าบรรพกาลวายุก็หายไปทันที!
ร่างกายของเขานั้นหายไปสิ้นเหมือนมันไม่เคยมีอยู่!
แข็งแกร่ง!
แข็งแกร่งอย่างไรเหตุผล!
แข็งแกร่งจนไม่อาจหายใจ!
ที่สำคัญไปกว่านั้นมิใช่ว่าบนเขาแห่งถงเทียนนั้นมันห้ามให้มีการต่อสู้มิใช่หรือ?
แล้วเขานั้นทำได้อย่างไร?
ชายหนุ่มนั้นส่ายหัวออกมาด้วยความเบื่อหน่าย “มดมันก็ยังเป็นมด อ่อนแอเกินไปจริงๆ!”
สำหรับเขาแล้วมันเป็นแค่เรื่องสุดแสนจะเล็กน้อย
สายตาของเขากวาดมองไปรอบๆ อีกครั้งจนไปหยุดอยู่ที่กลุ่มเจ้าฟ้าดิน
เหล่าเจ้าฟ้าดินทั้งหลายนั้นขนลุกไปทั้งกายทันที
ชายหนุ่มนั้นหยุดคิดไปพักหนึ่งก่อนจะเดินตรงไปยังเจ้าฟ้าดินห้าทลายคนหนึ่ง
เขาผู้นี้มีนามว่าเว่ยเฟิง เขานั้นเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมศึกการกำเนิดเต๋าสวรรค์และได้สมบัติกลับติดตัวมาไม่น้อยบนเขาแห่งถงเทียนในช่วงเวลานั้น
กำลังของเขานั้นจึงได้พัฒนาไปอย่างมากมาย
เพียงแค่ว่าในเวลานี้เขานั้นไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวใดๆ แทบจะไม่อาจหายใจได้เสียด้วยซ้ำ
ชายหนุ่มคนนั้นยิ้มขึ้นถาม “พวกมดนี้มันคงไม่มีใครรู้ถึงแปดจอมเทพ! อืม เช่นนั้นลองเปลี่ยนคำถามเสียหน่อยดีกว่า เจ้ารู้หรือไม่ว่าใครคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดบนมหาพิภพถงเทียนนี้?”
การที่จะสามารถทำลายรูปปั้นของแปดจอมเทพลงได้พร้อมลบเสี้ยวจิตของเขาลงมันย่อมจะต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยมีมาบนมหาพิภพถงเทียนเป็นแน่
เพราะมิใช่ว่าใครก็จะสามารถคิดทำลายแปดจอมเทพลงได้
“ข-แข็งแกร่งที่สุด?” เว่ยเฟิงกล่าวทวนคำถามเพราะสมองยังไม่อาจคิดได้ทัน
ภาพก่อนหน้านั้นมันทำให้จิตใจของเขาแตกกระเจิงไม่อาจจะตั้งสติใดๆ ได้
ยอดฝีมือที่ลงมาจากฟ้า!
ทำลายเต๋าบรรพกาลลงด้วยนิ้วเดียว!
กำลังพูดกับเขาอยู่!
“เจ้าไม่รู้หรือ?” ชายหนุ่มนั้นถามกลับมาด้วยใบหน้าผิดหวัง
บนทั้งร่างของเว่ยเฟิงลุกตั้งขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน
สมองของเขารีบคิดทบทวนเรื่องราวทันที
“ข-ข้ารู้! อ-อย่าได้สังหารข้าเลย!” เว่ยเฟิงร้องตอบไป
“ใครกัน?” ชายหนุ่มถาม
“ท-ท่านผู้นั้นมีนามว่าเย่หยวน!” เว่ยเฟิงกล่าว
“เย่หยวน?”
ชายหนุ่มนั้นกล่าวย้ำนามนั้นก่อนจะรู้สึกได้ว่ามันสุดแสนธรรมดาก่อนจะถามขึ้นอีก “เขาอยู่ที่ใด?”
แล้วมีหรือที่เว่ยเฟิงจะกล้าปิดบังใดๆ “ข-เขาอยู่ที่วังพำนักอินทรีสวรรค์แห่งแดนใต้!”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับก่อนจะพุ่งตัวบินออกไป
ตูม!
เขาแห่งถงเทียนสั่นสะท้านในวินาทีที่เขาพุ่งตัวออกไป พลังปิดกั้นของเขาแห่งถงเทียนนั้นมันแตกออกเป็นรูปตัวคนพอดีกับที่เขาออกไป!
คนทั้งหลายนั้นได้แต่ต้องเปิดปากอ้าค้าง มองดูภาพนี้อย่างไม่อยากเชื่อถือ
“นี่มัน… นี่… เขตแดนของเขาแห่งถงเทียนนั้นกลับไร้ค่าใดเลย!”
“ข-เขาเป็นใครกันแน่? ทำไมเขาถึงลงมาจากฟ้าได้?”
“ข-แข็งแกร่ง!”
…
หลังจากชายหนุ่มนั้นพุ่งตัวหายลับไปเว่ยเฟิงก็ต้องถอนใจยาวออกมาด้วยเหงื่อเย็นเยือกท่วมกาย
เขานั้นแทบจะสิ้นสติลง
แรงกดดันจากชายหนุ่มคนนี้มันเหนือล้ำยิ่งกว่าสิ่งใดที่เว่ยเฟิงเคยพบเจอ!
ที่สำคัญไปกว่านั้นเขาคนนั้นยังสังหารเต๋าบรรพกาลลงด้วยการดีดนิ้ว ทำลายเขตแดนที่ปิดกั้นเขาแห่งถงเทียนลงอย่างง่ายดาย!
ตัวตนเช่นนั้น เขาย่อมจะไม่เคยคิดฝันถึงมาก่อน
แต่ที่ด้านข้างนั้นมันกลับมีเสียงร้องลั่นของเจ้าฟ้าดินห้าทลายคนหนึ่งดังขึ้นมา “จ-เจ้านั้นกลับทรยศท่านนักบุญฟ้าครามเช่นนี้! เจ้ามันสมควรตาย!”
เว่ยเฟิงได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป “หากเป็นเจ้าแล้วเจ้าจะพูดหรือไม่เล่า? ต่อให้ข้าหรือเจ้าจะไม่บอก มีหรือที่คนบนเขาแห่งถงเทียนนี้มันจะไม่มีใครพูดบอกเลย?”
เมื่ออีกฝ่ายได้ยินนั้นเขาก็เงียบลงไป
เพราะมันสมเหตุสมผล!
หากชายหนุ่มคนนี้คิดอยากถามหาจริงๆ แล้ว เขาคงได้รู้ไม่ช้าก็เร็ว
เย่หยวนนั้นคือผู้แข็งแกร่งที่สุด เรื่องนี้ไม่มีใครไม่รู้!
เว่ยเฟิงได้แต่กล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางกังวล “ห-หวังว่าท่านนักบุญฟ้าครามจะเอาตัวรอดไปได้!”
คำพูดนี้เขากล่าวออกมาอย่างไร้ซึ่งความมั่นใจใด
เพราะแรงกดดันที่ชายหนุ่มคนนี้ปล่อยออกมามันหนักหน่วงเกินกว่าเขาจะรับ
แต่มันกลับมีเสียงของคนอีกผู้ที่อยู่ไม่ไกลร้องขึ้นมา “จะยังบ่มเพาะหาอะไรกันเล่า?! รีบๆ ตามเขาออกไปเร็ว! ชายหนุ่มคนนี้มาด้วยท่าทางร้าย ดูท่ามันจะต้องเกิดการนองเลือดใหญ่ขึ้นอีกครั้งแน่!”
เว่ยเฟิงสั่นสะท้านไปทั้งกายพยายามจะลุกขึ้นแต่ขากลับอ่อนแรงจนทิ้งร่างของเขาลงกับพื้นอีกครั้ง
แต่ไม่นานเขาก็ฝืนตัวลุกขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะมุ่งหน้าไปยังค่ายกลเคลื่อนย้ายทันที
เมื่อคนอื่นๆ ได้เห็นเช่นนั้นพวกเขาก็ไม่สนใจบ่มเพาะใดๆ รีบตามออกไปทันทีเช่นกัน