Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2526 พวกเจ้าไสหัวไปให้หมด
ชายหนุ่มในชุดหรูหราเดินออกมากล่าวจากห้องด้านหลัง
ข้างๆ กายของเขานั้นมีหญิงวัยกลางคนอีกผู้หนึ่งเดินตามออกมา แม้ว่านางจะมีอายุไม่น้อยแล้วแต่ก็ยังมีเค้าของสาวงามอยู่เต็มที่
เมื่อชายหนุ่มคนนี้ปรากฏขึ้นมาทั้งลู่หยวนเจี๋ยและกุ้ยเทียนหยูต่างหน้าซีดขาวลงไปทันที
“น-นายน้อยหยู!”
หลี่เจิ้งชิวยิ้มเย้ยขึ้นมา “งานแต่งครั้งนี้มันเป็นเรื่องที่นายน้อยหยูเป็นคนจัดการสิ้น”
นายน้อยหยูหยุดลงตรงหน้าคนทั้งสองก่อนจะกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ตระกูลหยางและตระกูลหลี่นั้นต่อสู้ขัดแย้งกันมานานพอแล้ว นายน้อยผู้นี้ทนเห็นไม่ได้อีกจึงได้มาเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยเรื่องราวความขัดแย้งให้ พวกเจ้าทั้งสองนั้นมีอะไรจะขัดแย้งหรือไม่เล่า?”
“ย่อมไม่คิดขัด!” เมื่อถูกนายน้อยหยูกดดันขนาดนี้แล้วลู่หยวนเจี๋ยและกุ้ยเทียนหยูต่างต้องเดินถอยหลังไปอย่างไม่ทันรู้ตัว
นายน้อยหยูนั้นพยักหน้ารับขึ้น “พวกเจ้าคงลำบากแล้ว ต้องมาส่งน้องเสว่เจินแต่ไกล หากจากนี้พวกเจ้าว่างก็แวะไปดื่มกันที่บ้านตระกูลถังได้”
เมื่อคนทั้งสองได้ยินพวกเขานั้นก็แทบจะกระโดดขึ้นเต้น
ถังหยูคนนี้คือนายน้อยคนโตของตระกูลถัง มีตำแหน่งใหญ่ล้ำฟ้าดิน
ตระกูลถังนั้นมีสถานะที่ไม่อาจจะเอาตระกูลของพวกเขาทั้งหลายไปเทียบเคียงได้แม้แต่น้อย
ตระกูลถังนั้นคือหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของอาณาจักรตะวันออก กำลังและอำนาจของพวกเขานั้นมันแผ่ไปทั่วทั้งอาณาจักรตะวันออกนี้
และเบื้องหลังของตระกูลนี้มันยังได้รับการหนุนจากองค์ชายรองแห่งราชวงศ์ด้วย
ด้วยเส้นสายที่หนักแน่นยิ่งใหญ่ปานนี้ มีหรือที่จะมีใครกล้าไม่ไว้หน้าตระกูลถัง?
ลู่หยวนเจี๋ยและกุ้ยเทียนหยูนั้นกล้าวางท่าต่อหน้าหลี่เจิ้งชิวแต่เขาย่อมจะไม่กล้าวางท่าใดๆ ต่อหน้าถังหยู
และคำพูดของถังหยูนั้นมันก็เป็นการเปิดช่องให้คนทั้งสองตัดใจเลือกได้ง่ายขึ้น
ตระกูลถังนั้นมันสูงล้ำฟ้า มิใช่ตระกูลที่จะเข้าไปตีสนิทได้ง่ายๆ!
“ข-ขอบคุณนายน้อยหยู!” คนทั้งสองกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม
ไม่ไกลออกไปนั้นสายตาของหยางเสว่เจินมันได้แต่มองมาด้วยความสิ้นหวัง
นางนั้นไม่คิดฝันว่าวินาทีที่ตนกลับมาถึงบ้านเรื่องราวมันกลับจะกลายเป็นวิกฤตใหญ่เช่นนี้
“ศิษย์พี่ทั้งสอง พวกท่าน…” หยางเสว่เจินกล่าวขึ้นมาด้วยเสียงที่จุกลำคอ
ในวินาทีแห่งความสิ้นหวังนี้ คนทั้งสองมันคงเรียกได้ว่าเป็นฟางเส้นสุดท้าย
แต่เวลานี้แม้แต่คนทั้งสองนั้นเอง…
ลู่หยวนเจี๋ยถอนหายใจยาวออกมา “ศิษย์น้อง แท้จริงแล้วน้องเจิ้งชิวเองก็มีหน้าตาที่ไม่เลว เลือกเขาไปมันก็คงไม่แย่มากมายนัก! พวกเจ้านั้นเหมาะสมกันทั้งในด้านหน้าตาและสถานะ!”
หยางเสว่เจินตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “ศิษย์พี่ลู่ ข้าไม่นึกเลยว่าท่านจะกลับกลายเป็นคนที่หักหลังคนอื่นเช่นนี้! ถือว่าข้า หยางเสว่เจินมองท่านผิดไปแล้วกัน!”
หยางเสว่เจินที่ได้ยินก็ต้องทำหน้าไม่พอใจออกมา “หยางเสว่เจิน เจ้าอย่าได้มาวางท่าเป็นคนดีต่อหน้านายน้อยคนนี้เชียว! เจ้าคิดว่านายน้อยผู้นี้จะไม่รู้หรือว่าเจ้ามันก็แค่ต้องการใช้งานข้าจัดการกับหลี่เจิ้งชิวเท่านั้น?”
หยางเสว่เจินต้องขมวดคิ้วด้วยใบหน้าซีดขาว “เจ้า…”
เพราะแท้จริงแล้วมันมิใช่ตัวหยางเสว่เจินที่ไปขอร้องให้คนทั้งสองติดตามมาใดๆ แต่เป็นคนทั้งสองต่างหากที่ขอร้องจะตามมาช่วยนาง
หยางเสว่เจินนั้นทีแรกก็ปฏิเสธไปแต่สุดท้ายเมื่อคิดถึงเรื่องที่อาจเกิด นางจึงได้ยอมให้คนทั้งสองติดตามมาด้วย
นางนั้นไม่นึกฝันว่าเวลานี้ลู่หยวนเจี๋ยกลับจะมาโทษตัวนางแทน!
ปกติแล้วลู่หยวนเจี๋ยมันจะวางท่าเป็นคนดีต่อหน้านางมากมายมหาศาล แต่สุดท้ายกลับเปลี่ยนผันไปในพริบตา
“เอาเถอะ น้องเสว่เจิน แม่เจ้าและคุณนายเสี่ยวนั้นต่างตกลงกับการแต่งงานนี้สิ้นแล้ว ที่สำคัญนายน้อยผู้นี้ก็มองว่าเจิ้งชิวมันก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลว เมื่อก่อนเขาเองก็เป็นคนรู้จักเจ้า เจ้าเองก็คงไม่ถูกทำร้ายจิกหัวใดๆ หรอก หากแค้นนี้มันต้องชำระกันไปเรื่อยๆ โลกนี้ก็คงไม่มีทางได้สงบสุขลงเสียที! ทำไมไม่ถึงว่าเห็นแก่หน้าข้าและรับงานแต่งครั้งนี้ไปเสียหน่อยเล่า?” ถังหยูนั้นหันไปกล่าวกับหยางเสว่เจินด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
นางนั้นต้องกัดฟันแน่น “นายน้อยหยู ต่อให้ข้า หยางเสว่เจินต้องตายลง ข้าก็จะไม่ขอแต่งงานกับลูกศัตรูที่สังหารพ่อข้า!”
ถังหยูนั้นตอบกลับไปอย่างไม่สนใจมากมาย “เช่นนั้นหรือ? หากเป็นเช่นนั้นแล้ว นายน้อยผู้นี้ก็คงไม่อาจจะปกป้องชีวิตของแม่เจ้าไว้ได้อีก”
หยางเสว่เจินหน้าซีดขาวลง ร่างกายของนางนั้นต้องสั่นสะเทือนจนแทบตกลงกับพื้นดิน
สิ้นหวัง!
นั่นคือความรู้สึกเดียวที่หยางเสว่เจินรู้สึกถึงได้ในตอนนี้
คิดอยากตายก็ยังตายไม่ได้!
นางนั้นไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากต้องแต่งกับลูกศัตรู!
ความสิ้นหวังนี้ใครกันเล่าจะเข้าใจนางได้อีก?
ถังหยูนั้นมีอำนาจล้นฟ้า หญิงตัวน้อยๆ อย่างนางนั้นไม่อาจจะขัดขืนใดๆ ได้แม้แต่น้อย!
“ศิษย์น้อง เป็นสะใภ้ตระกูลหลี่แล้วมันเป็นอะไรไป? ทำไมต้องทำถึงขั้นนั้นด้วย! หรือว่าเจ้านั้นไม่อาจทำใจลาจากเจ้าเด็กหนุ่มจากโลกเบื้องล่างผู้นั้นได้?” กุ้ยเทียนหยูกล่าวขึ้นมา
เมื่อได้ยินเช่นนั้นคนทั้งหลายต่างก็หันไปมองเย่หยวนทันที
เพราะคลื่นพลังจากร่างของผู้บรรลุสวรรค์นั้นมันแตกต่างจากพวกเขาไปสิ้นเชิง
ก่อนหน้านี้คนทั้งหลายต่างสนใจเรื่องของหยางเสว่เจินจนไม่มีใครคิดสนใจเจ้าผู้บรรลุสวรรค์หนุ่มคนนี้
แต่เวลานี้หลังจากได้ยินคำของกุ้ยเทียนหยู เย่หยวนจึงได้กลายเป็นเป้าสายตาของทุกผู้คนไป!
ที่สำคัญไปกว่านั้นกุ้ยเทียนหยูยังได้แทรกความหมายไว้ในคำพูด ทำให้เย่หยวนไม่มีทางหลบรอดไปจากเรื่องนี้ได้
หยางเสว่เจินสั่นสะท้านไปทั้งกายก่อนจะรีบกล่าวขึ้นมา “จ-เจ้ารีบไปเสียเถอะ! นายน้อยหยู ข้าไม่ได้รู้จักเขาเลย ข้าแค่บังเอิญพาเขาออกมาจากป่าหมึกเรืองด้วยเท่านั้นเอง!”
แต่นายน้อยหยูนั้นกลับกล่าวขึ้นมา “ในเมื่อเป็นแค่คนไม่รู้จักแล้ว พวกมดปลวกที่เพิ่งบรรลุขึ้นสวรรค์มาก็ควรจะตายๆ ให้มันจบไป ไม่น่าจะเป็นปัญหาใช่หรือไม่? เจิ้งชิว เสว่เจินนั้นเป็นอนาคตเมียเจ้า เจ้าจัดการเรื่องนี้เอง”
แน่นอนว่าเมื่อทางหลี่เจิ้งชิวได้ยินเขาก็ต้องหรี่ตาลงด้วยรอยยิ้ม “คางคกที่อยากกินเนื้อหงส์? มดปลวกเช่นนี้มันก็กล้าจะมาคิดแย่งหญิงของนายน้อยผู้นี้หรือ?”
หยางเสว่เจินนั้นไม่ได้คิดรักชอบใดๆ เย่หยวนแต่นางก็ไม่คิดว่ามันจะกลับทำให้เย่หยวนต้องมาเจอความฉิบหายเพราะตัวเอง
หัวใจของนางนั้นมันมีแต่ความกระวนกระวายแต่ตัวนางนั้นไร้พลังใดๆ
ในเมืองจักรพรรดินี้คนที่นายน้อยหยูคิดอยากสังหาร มันย่อมจะไม่มีใครหนีรอดออกไปได้
“นางมิใช่หญิงของข้าเสียหน่อย!” เย่หยวนตอบกลับมา
เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวคนทั้งหลายต่างก็จะหัวเราะขึ้นมา
เจ้าเด็กคนนี้มันกลัวแล้ว!
“ฮ่าๆๆ… เจ้าขี้ขลาด! เจ้าโอหังนักมิใช่หรือ? เวลานี้ก็กลัวเป็น? หรือว่าไม่กล้าจะวางท่าอีกแล้ว?” กุ้ยเทียนหยูหัวเราะขึ้นด้วยเสียงดังลั่น
พวกลู่หยวนเจี๋ยและทหารทั้งหลายที่ติดตามมาเองก็หัวเราะลั่น
นายน้อยหยูนั้นยิ้มขึ้นมาเช่นกัน เพราะเขาคิดว่าท่าทางของเย่หยวนมันน่าขันไม่แพ้กัน
หยางเสว่เจินได้แต่ต้องก้มหน้ากัดริมฝีปากตน นางนั้นเข้าใจเย่หยวนดี แต่ในสถานการณ์เช่นนี้นางก็ยังหวังลึกๆ ในใจว่าจะมีใครสักคนยืนข้างนาง!
นางนั้นจะอย่างไรก็เป็นคนช่วยชีวิตเย่หยวนไว้ แต่เย่หยวนนั้นกลับไม่คิดจะช่วยเหลือนางในยามลำบาก
น่าเศร้า!
สิ้นหวัง!
ท่ามกลางเสียงหัวเราะของทุกผู้คนนั้นเย่หยวนก็กล่าวขึ้นมา “แต่นางก็จะไม่เป็นหญิงของเจ้าเช่นกัน! เอา พวกเจ้าไสหัวไปให้หมด!”
เมื่อคำพูดเหล่านี้ดังขึ้นมาเสียงหัวเราะรอบๆ นั้นมันกลับยิ่งดังลั่นขึ้นมากกว่าเก่า
“หึๆ เจ้าสั่งให้ข้าไสหัวไป? สมองเจ้ามันพังลงตอนที่ผ่านเส้นทางบรรลุสวรรค์หรือ? เด็กน้อย ก้มลงคุกเข่าขอโทษเดี๋ยวนี้ บางทีนายน้อยผู้นี้อาจจะยังอารมณ์ดีไว้ชีวิตเจ้าให้!” หลี่เจิ้งชิวหัวเราะขึ้น
เย่หยวนมองดูหลี่เจิ้งชิวด้วยความเงียบงันก่อนจะเปิดปากขึ้นกล่าว “อ่า เช่นนั้นหรือ?”
ฟุบ!
วินาทีนั้นเองที่เย่หยวนขยับตัว
เงาของเย่หยวนหายไปเพราะเขานั้นพุ่งไปด้านหน้าด้วยความเร็วสูงจนเกินกว่าสายตาจะมองตามทัน
ปัง!
ปัง!
เสียงแตกดังขึ้นสองครั้งติดๆ ก่อนจะเห็นร่างของหลี่เจิ้งชิวคุกเข่าลงกับพื้น
เพราะว่าหัวเข่าทั้งสองข้างของเขานั้นถูกเย่หยวนเตะจนแหลกเละ!
เสียงหัวเราะนั่นจางหายไปทันที!
คนทั้งหลายได้แต่หันมามองเย่หยวนอย่างไม่อยากเชื่อ
มดปลวกที่เพิ่งบรรลุสวรรค์ขึ้นมานั้นกลับเตะหลี่เจิ้งชิวผู้มีพลังชั้นบรรยากาศเลิศน้อยขั้นกลางลงจนขาหักได้?
“นี่… มันเป็นไปได้อย่างไรกัน? ดูอย่างไรมันก็เป็นแค่มดปลวกที่เพิ่งบรรลุสวรรค์ขึ้นมา!” กุ้ยเทียนหยูกล่าวขึ้น
“ก-กฎแห่งห้วงมิติ! เมื่อกี้มัน… กฎแห่งห้วงมิติหรือ?” ลู่หยวนเจี๋ยหรี่ตาลงกล่าวขึ้น
แม้จะเป็นบนสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดนี้เองแต่พลังแห่งห้วงมิติมันก็ยังถือว่าเป็นกฎที่บรรลุได้ยากยิ่ง
ตั้งแต่มาถึงนั้นพลังกฎแห่งห้วงมิติของเย่หยวนมันก็ถูกกดลงมาก
เพียงแค่ว่าแม้จะถูกกดพลังลงอย่างไรมันก็มากพอจะจัดการหลี่เจิ้งชิวได้!
เย่หยวนกล่าวขึ้นมาอีกครั้งด้วยใบหน้าเรียบเฉย “ในเมื่อเจ้าคุกเข่าลงแล้วข้าก็จะไว้ชีวิตเจ้าให้ เอาล่ะ ตอนนี้พวกเจ้าไสหัวไปให้หมด!”