Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2597 เชิดชูผู้สังหาร!
“วังเถี่ย สนเสียงขาวนี้มันเป็นพวกข้าคนเมืองตะวันโรจน์พบเจอก่อน พวกเจ้ากล้าดีอย่างไรมาแย่งมัน?”
“เหลียงเหวิน สมองเจ้าเน่าไปแล้วหรือ? ใครมาสนใจเล่าว่าใครเจอก่อนเจอหลังในแดนเนรเทศนี้? ใครที่เอามันไปได้ก็เป็นของคนผู้นั้นแหละ!”
“เอาสิวะ! ข้าจะสังหารเจ้าลงเสียตรงนี้เอง!”
“ข้ากลัวมากล่ะมั้ง?! พี่น้อง สังหาร!”
…
ในป่านั้นมันมีกลุ่มคนสองฝ่ายกำลังโต้เถียงกันพร้อมด้วยดาบในมือ
แม้ว่าทั้งสองฝ่ายนั้นจะมีเพียงแค่นักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยแต่พวกเขานั้นกลับแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ
เวลานี้พวกเขาจึงได้แต่ผลัดกันรุกรับไม่มีใครเอาชนะใครได้
โดยเฉพาะตัววังเถี่ยและเหลียงเหวินนั้นต่างฝ่ายต่างต่อสู้กันอย่างดุเดือดไม่มีฝ่ายไหนได้เปรียบเสียเปรียบเสียด้วยซ้ำ
“ให้ตายสิวะ! หากเมืองตะวันโรจน์เราไม่ได้มันไปเมืองตะวันโรจน์นั้นเองก็อย่าหวังจะได้มันเลย! จางหยาง เจ้าไปทำลายสนเสียงขาวนั้นเสียอย่าให้มันเหลือแม้แต่ชิ้นเดียว!”
เหลียงเหวินนั้นสั่งขึ้นมาด้วยความรุ่มร้อนในใจหวังคิดทำลายสนเสียงขาวลงให้สิ้นไป
สนเสียงขาวนั้นมันคือสมุนไพรสวรรค์ระดับหนึ่งที่หาได้ยากยิ่งแต่มันกลับปรากฏขึ้นมาที่นี่หลายกอทำให้ต่างฝ่ายนั้นต่างก็ต้องการครอบครองมัน
เมื่อได้รับคำสั่งไปจางหยางก็ใช้ดาบตีตัวศัตรูตรงหน้าออกไปก่อนจะพุ่งเข้าหาสนเสียงขาวนั้นด้วยความเร็วเสียง
ความเร็วของเขานั้นมันเหนือล้ำอย่างมาก เกินกว่าที่จะมีศัตรูคนไหนก้าวขึ้นมาขวางทางทัน
ได้เห็นสนเสียงขาวอยู่ตรงนั้นจางหยางก็ยกมือขึ้นง้างดาบสูง!
แต่ว่าในเวลานั้นเองมันกลับเกิดเรื่องประหลาดขึ้น
จางหยางนั้นรู้สึกว่าภาพตรงหน้าของเขามันเบลอขึ้นมาชั่วขณะก่อนที่จะเห็นว่ามีเงาร่างสีขาวปรากฏขึ้นมาจากภาพเบลอๆ นั้น
ปัง!
ก่อนที่เขาจะทันได้เห็นมันอย่างชัดเจนตัวของเขาก็ถูกซัดจนลอยลิ่วไป
“ข้าไม่นึกเลยว่าวินาทีที่เข้ามาถึงแดนเนรเทศนี้ข้ากลับจะได้มาเจอสนเสียงขาวเข้าพอดี โชคข้านี่มันสุดยอดจริง!”
ชายหนุ่มชุดขาวคนนี้ยกเอาสนเสียงขาวขึ้นมามองดูในมืออย่างพึงพอใจ
ชายหนุ่มชุดขาวคนนี้มันย่อมจะมิใช่ใครอื่นนอกจากตัวเย่หยวนที่เพิ่งเข้ามาถึงแดนเนรเทศนี้ได้ไม่กี่วินาที
ตอนที่เขากำลังมองหาทิศทางเขากลับได้ยินเสียงการต่อสู้ขึ้นไม่ไกลจึงได้ตามเสียงมาดูเรื่องราว
แต่เขากลับได้มาเจอสนเสียงขาวเข้าอย่างไม่คาดฝัน
สนเสียงขาวนั้นมันคือสมุนไพรสวรรค์หลักที่ใช้ในการหลอมโอสถสวรรค์ระดับจักรพรรดิอย่างโอสถสวรรค์จักรพรรดิหยกตำนานล้างฝุ่น
แต่การมาถึงของเย่หยวนนี้มันย่อมจะทำให้การต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายชะงักลง
เย่หยวนก้มลงเก็บสนเสียงขาวต่อไปเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบใดๆ ก่อนจะหันไปบอกคนทั้งหลาย “พวกเจ้าสู้กันต่อเถอะ ไม่ต้องสนใจข้า ข้าเก็บเสร็จเดี๋ยวก็ไปแล้ว”
ทั้งสองฝ่ายนั้นต่างหยุดต่อสู้และมาล้อมเย่หยวนไว้อย่างไม่ได้นัดหมายปิดทางหนีของเขาหมดสิ้น
“หึๆ ไอ้เด็กที่มันไม่รู้จักกลัวตายอีกคนแล้ว!” วังเถี่ยกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“ดูชุดมันแล้วมันคงเป็นคนของนิกายสวรรค์ยุทธมั่นใช่หรือไม่? ดูท่าครั้งนี้มันจะมีคนโง่เข้ามาจริงๆ!” เหลียงเหวินกล่าวขึ้นเสริม
“เด็กน้อย ส่งแหวนเก็บของที่เจ้านำติดตัวมาเสียและก้มหัวลงกราบข้าสามครั้ง พี่เถี่ยคนนี้จะไว้ชีวิตเจ้าและยอมให้เจ้าติดตามไปในวันหน้าเอง” วังเถี่ยกล่าวขึ้นสั่ง
ทั้งวังเถี่ยและเหลียงเหวินนั้นไม่ได้โกรธเคืองไม่พอใจใดๆ พวกเขากลับดูจะอารมณ์ดีขึ้นมาแทนด้วยซ้ำ
เพราะเหล่าศิษย์ของนิกายต่างๆ นั้นที่เข้ามาฝึกฝนในแดนเนรเทศนี้ต่างล้วนแล้วแต่มีสมบัติล้ำค่าติดตัว ของพวกนั้นมันย่อมจะมีค่าเหนือล้ำสนเสียงขาวไปมากมายนัก
ศิษย์ทั้งหลายที่เข้ามาฝึกฝนตัวในนี้ต่างต้องไปไหนมาไหนอย่างระมัดระวังตัวสุดขีด
แต่เจ้าหมอนี่มันกลับฉลาดเดินเข้ามาอวดเบ่งไม่สนใจใคร!
ในเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วพวกเขาก็ย่อมจะไม่เกรงใจและเตรียมรับสมบัติของเย่หยวนไป
ฝั่งเย่หยวนนั้นแม้จะถูกล้อมไว้เขาก็ไม่ได้กังวลใดๆ
หลังจากเก็บสนเสียงขาวจนเสร็จสิ้นแล้วเขาก็หันไปหาวังเถี่ย “เจ้าลองบอกเรื่องราวของแดนเนรเทศชั้นหนึ่งนี้มาให้ข้าฟังและก้มหัวกราบข้าสามครั้ง ข้าจะปล่อยเจ้ากลับไป!”
วังเถี่ยนั้นผงะไปทันทีเพราะเจ้าเด็กคนนี้มันแตกต่างจากคนปกติทั่วไปมากจริง!
หึ…
เพราะมันโง่เง่าสิ้นดี!
“เด็กน้อย เจ้าคงไม่เคยส่องกระจกสินะ? จะให้พี่เถี่ยคนนี้ไปก้มกราบเจ้า เจ้ารับไหวหรือ?” วังเถี่ยกล่าวขึ้นมาพร้อมเสียงหัวเราะ
“ฟังนะ พี่เถี่ยนั้นเป็นยอดคนอันดับยี่สิบเก้าแห่งเมืองลุ่มน้ำซี!”
“หากเจ้าไม่เข้าใจว่าอันดับยี่สิบเก้านั้นมันหมายความว่าอย่างไรข้าก็จะบอกให้ มันหมายความว่าเขานั้นไร้เทียมทานในหมู่นักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยยังไงเล่า!”
“เด็กน้อย เจ้าพร้อมที่จะก้มหัวลงกราบขอโทษหรือยัง?”
…
เหล่าลูกน้องของเขานั้นต่างพูดถึงตำแหน่งชื่อเสียงของวังเถี่ยขึ้นมาติดๆ คิดจะขู่เย่หยวน
เพียงแค่ว่าอีกฝ่ายนั้นคือเย่หยวน เขาย่อมจะไม่สนใจคำขู่เช่นนั้น “เจ้าก้มกราบเถอะ ข้ารับได้แน่!”
วังเถี่ยนั้นหรี่ตาลงอย่างเย็นเยือก “คนเขาไว้หน้าเสือกไม่คิดรับ! ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตายเองแล้วพี่เถี่ยคนนี้ก็จะสนองให้! โจมตี!”
ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!
ภายใต้คำสั่งของวังเถี่ยนั้นเหล่ายอดฝีมือนับสิบคนก็พุ่งตัวเข้ามาใส่เย่หยวนพร้อมๆ กัน
เหลียงเหวินนั้นเองก็กลัวว่าทางวังเถี่ยจะเอาสมบัติไปหมดจึงได้สั่งให้ลูกน้องตัวเองเข้าโจมตีด้วย
เวลานี้นักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยขั้นสุดนับยี่สิบคนกำลังพุ่งเข้ามาล้อมตัวเย่หยวนไว้ทุกทิศทาง
ไม่มีใครในที่นี้ที่ธรรมดา
คนที่รอดชีวิตในแดนเนรเทศมาได้นั้นต่างเป็นนักรบที่ผ่านร้อยศึกสงคราม ไม่มีใครที่ไม่เคยมือเปื้อนเลือด
พลังการต่อสู้ของพวกเขานั้นมันเหนือล้ำกว่าที่จะเอาพลังบ่มเพาะมาวัดได้
คนทั้งหลายนั้นต่อให้จะเป็นแค่ลูกน้องไร้นามแต่หากเอาพวกเขาไปปล่อยในโลกภายนอกพวกเขาเองก็สามารถจะกระโดดต่อสู้ข้ามขั้นได้สบายๆ
และด้วยจำนวนคนระดับนั้นกว่ายี่สิบคนโจมตีคนผู้เดียวมันย่อมจะหนักหนาอย่างสาหัสโดยไม่ต้องสงสัย
แต่ว่าเย่หยวนนั้นกลับเอียงตัวหลบไปมาราวกับกำลังเดินเล่นอยู่ในสวนหลังบ้าน
บางครั้งบางทีหากเขาดีดนิ้วขึ้นมาดาบที่ผู้คนถืออยู่ในมือมันก็จะหลุดร่วงลง
และไม่นานจากนั้นตัวเหลียงเหวินก็ฟันดาบลงมาได้ถึงตัวเย่หยวน
แต่เย่หยวนนั้นกลับหันข้างหลบพร้อมใช้นิ้วมือจับปลายดาบนั้นของเหลียงเหวินจนเขาไม่อาจจะดึงมันกลับไปได้
ฟู่!
และปลายดาบนั้นมันก็แทงเข้าร่างของวังเถี่ยเข้าพอดี!
วังเถี่ยนั้นไม่อยากจะเชื่อว่ามันเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นตรงหน้าจนถึงเวลาตายลง
เจ้าผู้ฝึกตัวคนนี้มันเก่งกาจได้อะไรขนาดนั้น?
มันกลับเป็นเขาเองที่โง่!
วังเถี่ยนั้นเบิกตากว้างขึ้นก่อนจะสิ้นสติลงไป
“นี่… มันเป็นไปได้อย่างไรกัน?”
“ข-แข็งแกร่ง! เขานั้นกลับไม่ต้องโจมตีเองแต่วังเถี่ยก็ตายลง?”
“ผู้ฝึกตนคนนี้มันแตกต่างจากคนทั้งหลายไปมากมายนัก!”
…
เหลียงเหวินนั้นแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเขานั้นไม่คิดฝันว่าดาบของเขานั้นมันกลับจะสังหารวังเถี่ยลงได้ง่ายๆ เช่นนี้
ดาบเมื่อสักครู่นี้มันเหมือนพุ่งออกไปโดยไม่สนใจคำสั่งของตัวเขา
และเวลามันช่างเหมาะเจาะ!
มันราวกับว่าวังเถี่ยนั้นเบื่อชีวิตบนโลกแล้วจึงได้เดินเข้ามาฆ่าตัวตายลง
ตัวเขาและวังเถี่ยนั้นแท้จริงมีฝีมือที่ไล่เลี่ยกัน
ต่อให้อยากจะสังหารกันลงมันก็คงไม่อาจจะจัดการกันได้ง่ายๆ เช่นนี้!
“มันไม่คิดบอก เช่นนั้นเจ้าบอกข้าแทนได้หรือไม่?” เย่หยวนหันมาถาม
“ข-ขอรับ! น-นายท่านไว้ชีวิตข้าด้วย!” เหลียงเหวินนั้นทิ้งดาบในมือและก้มลงคุกเข่าต่อหน้าเย่หยวน
คนอื่นๆ ที่ได้เห็นก็ย่อมจะคุกเข่าลงตาม
ในแดนเนรเทศนี้มันไม่มีคำว่ากฎใดๆ ใครหมัดหนักกว่าคนนั้นก็คือผู้ถูกต้อง!
คนทั้งหลายนั้นคิดรนหาที่ตายเองตัวเย่หยวนก็จึงไม่เกรงใจที่จะช่วยส่งพวกเขาลงไปยมโลกให้
เย่หยวนกล่าวขึ้น “ข้าไม่ชอบการฆ่าสังหารแต่ข้าก็ไม่คิดยั้งมือหากต้องทำ อะไรจะเกิดขึ้นกับเจ้ามันก็ขึ้นอยู่กับตัวเจ้านั้น”
เหลียงเหวินนั้นรีบก้มหัวลงตอบ “นายท่านโปรดถามมาเถอะ ข้าน้อยรู้อะไรข้าย่อมจะไม่มีทางปิดบังท่านแน่!”
ไม่นานเหลียงเหวินก็ค่อยๆ เล่าเรื่องของแดนเนรเทศชั้นหนึ่งนี้ออกมา
แดนเนรเทศนั้นมันจะแบ่งชั้นตามระดับการบ่มเพาะ
ชั้นหนึ่งนั้นคือดินแดนที่เหล่านักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยอยู่อาศัยกัน
หากใครบรรลุชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่ขึ้นไปได้แล้วพวกเขาก็จะถูกดึงไปยังชั้นสอง
และในชั้นหนึ่งนี้มันมีกองกำลังแบ่งเป็นทั้งหมดสิบฝ่ายอยู่ตามเมืองต่างๆ
และเมืองทั้งสิบนั้นมันก็จะมีเจ้าเมืองของตนเอง
แน่นอนว่ามันย่อมจะเกิดสงครามระหว่างฝ่ายขึ้นเรื่อยๆ