Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2601 จางซุนซิงหยู่
“ข้าคืออันดับสองแห่งเมืองตะวันโรจน์ เฮ่อหยุนเซียงขอกราบคารวะนายท่าน!”
เฮ่อหยุนเซียงเดินมาหยุดลงตรงหน้าเย่หยวนก่อนจะก้มหัวลงกล่าวต่อหน้าคนทั้งหลาย
ตี้ชิงได้แต่ต้องอ้าปากค้างทันที!
เขาคิดว่าเฮ่อหยุนเซียงเดินออกไปจะคิดหาเรื่องท้าประลองเย่หยวนใครจะไปคิดว่าเขากลับก้มหัวลงรับนายทันที!
“ลูกพี่ กล้าๆ หน่อยสิ?”
“จะอย่างไรเจ้าก็เป็นถึงอันดับสองนะ!”
แน่นอนว่าคำพูดเดียวของเขาย่อมทำให้คนทั้งเมืองแตกตื่นไปตามๆ กัน
“มันเข้าใจอะไรผิดกันหรือไม่? เฮ่อหยุนเซียงเขา… กลับยอมก้มหัวง่ายๆ หรือ?”
“ไม่น่าต้องทำถึงขนาดนี้ใช่หรือไม่เล่า? แม้ว่าเจ้าเด็กคนนั้นมันจะชนะจริงแต่มันก็ชนะมาอย่างยากลำบาก! คนอย่างเฮ่อหยุนเซียงย่อมจะเอาชนะพวกเขาทั้งหลายได้เช่นกัน”
“เฮ่อหยุนเซียงกล่าวยอมแพ้ออกมาเช่นนี้แล้วย่อมหมายความว่าเจ้าเด็กคนนี้จะไปท้าทายจางซุนซิงหยู่ต่อ?”
…
พวกเขาไม่อยากจะเชื่อว่าเฮ่อหยุนเซียงกลับไม่มีน้ำยาไร้ความกล้าใดๆ กลับกล่าวยอมแพ้ออกตั้งแต่ยังไม่ทันสู้
ในสายตาของพวกเขาเย่หยวนที่แสนโอหังนี้ คนอย่างตี้ชิงและเฮ่อหยุนเซียงย่อมจะไม่ปล่อยให้เขาผ่านไปง่ายๆ ต่อให้คนทั้งสองนั้นจะร่วมมือกันมันก็ยังไม่แปลกแม้แต่น้อย
แต่เขานั้นกลับยอมแพ้ลง
เย่หยวนมองหน้าเฮ่อหยุนเซียงก่อนจะกล่าวขึ้น “เจ้าเองก็ไม่ได้อ่อนแอ ไม่คิดจะประลองหน่อยหรือ?”
เฮ่อหยุนเซียงตอบกลับไป “เฮ่อผู้นี้ไม่ได้อ่อนแอจริง แต่ข้าก็เห็นชัดเจนว่านายท่านไม่ได้ใช้กำลังที่แท้จริงออกมาเช่นกัน!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “เช่นนั้นใครคืออันดับหนึ่ง?”
เฮ่อหยุนเซียงผงะก่อนจะกล่าวขึ้น “จางซุนซิงหยู่!”
เย่หยวนพยักหน้ารับก่อนจะกล่าวขึ้นมา “สามวันจากนี้หากจางซุนซิงหยู่มันยังไม่โผล่หัวออกมาเจ้าจงไปทำลายจวนเจ้าเมืองลงเสีย!”
เฮ่อหยุนเซียงหน้าซีดลงอย่างตกตะลึงล้นหัวใจ
เขาไม่นึกฝันว่าเย่หยวนกลับมองแผนการของเขาออกได้ในพริบตาเช่นนี้!
แน่นอนว่าเขานั้นเกรงเย่หยวนมาก
แต่ที่เขาตัดสินใจยอมสยบลงนี้เพราะว่าเขามีแผนการอื่น
เขาคิดจะให้เย่หยวนขึ้นไปท้าทายตัวจางซุนซิงหยู่
หากเย่หยวนชนะแล้วการที่เขายอมก้มหัวลงเสียแต่ตอนนี้มันก็ย่อมไม่เป็นปัญหาใดๆ
แต่ต่อให้เย่หยวนจะแพ้ ตัวเขาก็จะไม่เสียหายมากมายเช่นกัน
แต่เย่หยวนนั้นกลับมองเห็นได้ชัดเจนว่าเขากำลังคิดอะไร
เย่หยวนจึงได้สั่งให้เขาเป็นคนไปทำลายจวนเจ้าเมืองทิ้งเพื่อที่จะปิดช่องทางถอนตัวของเขาไป
หากเขาลงมือไปแล้วจริงๆ มันก็ย่อมจะหมดหนทางถอยกลับอีก
เฮ่อหยุนเซียงไม่คิดฝันว่าศิษย์นิกายที่ดูหน้าตายังไม่รู้จักโลกคนนี้มันกลับมากเล่ห์และมองแผนการของเขาออกได้ในพริบตา
“เรื่องนั้น… ข้าน้อมรับสั่ง!” เฮ่อหยุนเซียงลังเลอยู่เล็กน้อยก่อนจะกล่าวรับขึ้นมาในที่สุด
เขารู้สึกได้ว่าตัวเย่หยวนมีความคล้ายกับตัวจางซุนซิงหยู่ที่เขาเคยปะทะด้วยในคราวก่อน
แต่เย่หยวนผู้นี้กลับจะดูน่ากลัวกว่าจางซุนซิงหยู่เสียด้วยซ้ำ!
นี่มันคือสัญชาตญาณของยอดฝีมือ
แม้ว่าจะไม่มีเหตุผล แต่หลายครั้งมันมักจะถูกต้อง!
เหมือนอย่างเรื่องที่เย่หยวนมองออกทันทีว่าเขามีฝีมืออย่างที่ไม่ต้องประลองกัน มันก็คือสัญชาตญาณเช่นนี้
เพราะฉะนั้นแม้จะต้องลังเลไปไม่น้อยแต่สุดท้ายเฮ่อหยุนเซียงก็ยังยอมรับคำของเย่หยวน
แต่คำพูดและท่าทางของเขามันย่อมจะเป็นเรื่องที่ไม่อาจเชื่อได้เมื่อตี้ชิงได้เห็น
เขาตกตะลึงอยู่นานแต่สุดท้ายก็ยังมองแผนการเบื้องหลังของเฮ่อหยุนเซียงออกมา
แต่ใครจะไปคิดฝันว่าเย่หยวนกลับมากเล่ห์กว่า แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นตัวเฮ่อหยุนเซียงก็ยังยอมก้มหัวให้!
นี่มันน่าตกตะลึงจนเกินรับ!
หรือว่าเจ้าหมอนี่มันจะเก่งกาจจริง?
หลังจากลังเลอยู่อีกนานสองนานในที่สุดตี้ชิงก็ก้าวเข้ามาก้มหัวต่อหน้าเย่หยวน “อันดับสามแห่งเมืองตะวันโรจน์ ตี้ชิงขอคารวะนายท่าน!”
เย่หยวนหันไปมองก่อนจะกล่าวขึ้นสั่ง “อืม ในเมื่อเจ้าเองก็มาด้วยแล้ว เจ้าจงไปช่วยงานของเฮ่อหยุนเซียงเสียเถอะ”
มุมปากของตี้ชิงกระตุกขึ้นทันทีแต่ก็ยังกล่าวตอบรับไป “ขอรับ!”
เมื่อคนทั้งสองนี้นำแล้วคนร้อยอันดับแรกที่เหลือมันย่อมจะไม่มีใครกล้าขัดอีกต่อไป
คนทั้งหลายต่างก้าวเข้ามาตามๆ กันก้มหัวลงยอมรับเย่หยวนเป็นนาย
ทำเอาผู้คนทั้งหลายนั้นตกตะลึงไปตามๆ กัน
ศิษย์นิกายที่เพิ่งมาถึงเมืองตะวันโรจน์ได้ไม่ถึงครึ่งวันกลับทำให้ยอดฝีมือเก้าสิบเก้าอันดับแรกของเมืองก้มหัวลงสิ้น
กำลังฝีมือของเขานี้มันแทบทำให้คนที่เห็นลืมหายใจ
เพราะจะอย่างไรเสียเหล่าคนในแดนเนรเทศนี้ก็ไม่มีใครเกิดมามากพรสวรรค์
พวกเขานั้นเก่งกาจขึ้นมาได้ด้วยชีวิตที่เปื้อนเลือดอาบความตายทุกวี่วัน
แต่วันแรกที่เย่หยวนเข้ามาถึง เขากลับเก่งกาจได้ปานนี้?
เช่นนั้นแล้วอนาคตเขาจะกลายเป็นสัตว์ประหลาดประเภทใดกัน?
สามวันนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว เย่หยวนรอนานสามวันเต็มแต่จางซุนซิงหยู่ก็ไม่คิดจะออกมาพบเขา เพราะฉะนั้นเขาจึงมีแต่ต้องไปหาเองแล้ว คำพูดของเขากล่าวออกไปแล้วและย่อมจะไม่มีวันคืนคำ
“จางซุนซิงหยู่ไม่ได้ออกมาสู่โลกภายนอกนับสิบปีแล้ว! สิบปีก่อนต่อให้จะมีข้าสิบคนมันก็ยังไม่อาจเอาชนะเขาได้! ส่วนเรื่องที่ว่าตอนนี้เขาแข็งแกร่งปานใดแล้วมันย่อมจะไม่มีใครคาดเดาได้!
“นายท่านคิดจะไปท้าทายเขาจริงๆ หรือ?” เฮ่อหยุนเซียงกล่าวถามขึ้นมา
เย่หยวนตอบกลับไป “มิใช่การท้าทาย เพียงแค่ว่าใครไม่ยอมก้มหัวมันต้องตาย!”
เขามาเพื่อยึดครองชั้นหนึ่งของแดนเนรเทศ!
คนที่ถูกส่งเข้ามายังแดนเนรเทศนี้ต่างเป็นนักโทษประหารสิ้น
เย่หยวนได้ให้โอกาสเขาไปแล้ว แต่ในเมื่อจางซุนซิงหยู่ไม่คิดจะรักษาโอกาสนั่นไว้เขาก็ย่อมจะไม่เกรงใจอีก
แต่อีกด้านพวกเฮ่อหยุนเซียงกลับได้แต่ทำสีหน้าเคร่งเครียดไม่กล้าพูดกล่าวใดๆ ออกมา
จวนเจ้าเมืองไม่ได้หรูหรามากมายใดๆ ในที่แห่งนี้มันเป็นโลกที่กฎปลาใหญ่กินปลาเล็กถูกบังคับใช้อย่างถึงที่สุด ย่อมจะไม่มีใครเหลือเวลามาสนใจเรื่องความหรูหราอีก
สิ่งที่พวกเขาสนใจมีเพียงแค่พลังเท่านั้น เพราะคนทั้งหลายเข้าใจดีว่าความหรูหรามันไม่อาจจะช่วยชีวิตพวกเขาได้ แม้แต่ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งเมืองตะวันโรจน์คนนี้เองก็ยังไม่อาจจะหลุดพ้นจากกฎนั่นได้ ไม่เช่นนั้นแล้วมันคงมีคนก้าวขึ้นมาแทนที่เขาในไม่ช้า
“เฮ่อหยุนเซียง ตี้ชิง!” เย่หยวนสั่ง
คนทั้งสองได้แต่ต้องกัดฟันก้าวออกมาเพราะเวลานี้มันมิใช่พวกเขาแล้วที่จะเป็นคนตัดสินใจ หากพวกเขาไม่ลงมือมันก็คงต้องสู้ แต่ผลลัพธ์ที่ตามมาพวกเขาจะต้องรับมันไว้ด้วยตัวเอง
คนทั้งสองหันมามองหน้ากันก่อนจะซัดฝ่ามือออกไป! คนทั้งสองปล่อยพลังฝ่ามือออกมาอย่างรุนแรงจนทำให้แผ่นดินสั่นไหว เย่หยวนที่ได้เห็นก็ต้องยิ้มขึ้นอย่างยอมรับในความจริงจังนี้ แต่ในเวลานั้นเองที่มันกลับมีพลังอีกสายหนึ่งพุ่งออกมาจากในจวนเจ้าเมืองปะทะกับฝ่ามือของพวกเฮ่อหยุนเซียงเข้า
ตูม!
คนทั้งสองนั้นต้องกระอักเลือดร่างปลิวกระเด็นไปไกลพร้อมๆ กันนั้นก็ปรากฏร่างของชายชุดน้ำเงินเข้มก้าวออกมาจากด้านในจวนเจ้าเมือง
พวกเฮ่อหยุนเซียงทั้งสองต้องเบิกตากว้างขึ้นมาอย่างตกตะลึง
“จางซุนซิงหยู่! สิบปีมานี้เจ้าหมอนี่มันกลับเก่งกาจขึ้นได้อย่างน่าเหลือเชื่อ!” ตี้ชิงกล่าวขึ้น
เฮ่อหยุนเซียงยกมือขึ้นมากอดอกของตนเองไว้ “เจ้าเมืองทั้งสิบนั้นจะมีการถกเต๋ากันทุกปี! แต่มีแค่พวกเขาทั้งหลายเท่านั้นที่รู้ว่าใครแพ้หรือชนะ! ดูท่าจางซุนซิงหยู่จะพัฒนาขึ้นไปได้มากทีเดียวในช่วงสิบปีมานี้!”
สิบเจ้าเมืองนั้นคือยอดคนระดับสูงสุดในแดนเนรเทศชั้นหนึ่งนี้
พวกเขาเก่งกาจจนไม่มีศัตรูหลงเหลือ
การจะไปต่อสู้กับคนเบื้องล่างมันมีแต่จะเสียเวลาเปล่า
เพราะฉะนั้นทุกๆ ปีพวกเขาจึงได้นัดกันว่าจะจัดงานถกเต๋าขึ้น
แต่การถกเต๋านี้มันเป็นงานลับที่ไม่เปิดเผยแก่สาธารณชน
กำลังฝีมือของคนทั้งสิบพัฒนาไปถึงระดับใด มีแต่พวกเขาทั้งสิบเท่านั้นที่จะเข้าใจ
แต่ดูแล้วกำลังของจางซุนซิงหยู่มันย่อมจะแข็งแกร่งกว่าเมื่อสิบปีก่อนไปหลายเท่าตัวทีเดียว
จัดการสองยอดคนนี้ได้ด้วยฝ่ามือเดียว!
กำลังฝีมือเช่นนี้ต่อให้จะมีเฮ่อหยุนเซียงสักสามสิบคนมันก็คงไม่อาจจะต้านทานได้
จางซุนซิงหยู่ค่อยๆ กล่าวออกมาด้านหน้าพร้อมกล่าวขึ้น “เด็กน้อย เจ้านั้นมากพรสวรรค์ล้น! ข้านั้นให้โอกาสเจ้าแล้วแต่สวรรค์เปิดทางให้เจ้ากลับไม่เดิน ประตูนรกที่ปิดแน่นเจ้ากลับคิดบุกทะลวงเข้ามา! ในเมื่อเจ้าคิดรนหาที่ตายแล้วข้าก็คงต้องสนองให้”
นี่มันคือความมั่นใจของจางซุนซิงหยู่ที่ไม่คิดจะสนใจใครอยู่ในสายตา
ในฐานะเจ้าเมือง เรื่องราวของเย่หยวนอันใหญ่โตเกิดขึ้นมาเขาย่อมจะรับรู้ถึงมันได้ดี
แต่การที่เขาไม่ออกมามันบ่งบอกได้ถึงเรื่องหนึ่ง
บ่งบอกว่าเขาไม่คิดจะลดตัวมาสู้กับเย่หยวน
หรือจะบอกว่าเย่หยวนไม่มีค่าพอให้เขาลงมือก็คงไม่ผิดนัก!
แต่เย่หยวนเข้ามาโจมตีจวนเจ้าเมืองเช่นนี้แล้วย่อมจะไม่อาจปล่อยไว้ได้อีก
เย่หยวนมองหน้าจางซุนซิงหยู่พร้อมกล่าวสวนไป “เช่นนั้นหรือ? เช่นนั้นคำพูดของเจ้านี้ ข้าจะขอเอามันคืนไปให้ตัวเจ้าแล้วกัน”
…………………………