Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2617 ด่ากราด
บนยอดเขาปีกเที่ยงไร้ซึ่งเสียงใดๆ ทั้งๆ ที่มีคนอยู่นับร้อยๆ เพราะไม่มีใครคิดฝันว่าเจ้านิกายนั้นกลับจะไม่กลัวเสียตำแหน่งและคิดปกป้องคนทั้งสองไว้สุดตัว!
เวลานี้แม้แต่เย่หยวนก็ยังตกตะลึง
เจ้านิกายนั้นเป็นเหมือนดั่งเสาเข็มปักค้ำจุนนิกายไว้
หากไม่เกิดเรื่องใหญ่โตร้ายแรงล้ำจริงๆ ตัวเจ้านิกายมันก็แทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้านิกายที่มีพลังฝีมือและความนิยมสูงล้ำอย่างเฟิงซวนยี่!
แต่เวลานี้เขากลับเลือกที่จะทิ้งตำแหน่งเพื่อปกป้องเย่หยวนและหลัวหยุนชิง
เย่หยวนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในหัวใจ
แค่เรื่องนี้มันก็มากพอจะทำให้เย่หยวนยอมลงมือช่วยเหลือนิกายสวรรค์ยุทธมั่นนี้ให้ผ่านเรื่องเลวร้ายไปแล้ว!
ผู้อาวุโสใหญ่เชินฉางนั้นหรี่ตาลงมองดูด้วยใบหน้าที่ลังเลไม่น้อย
เพราะเขาก็ไม่นึกฝันว่าเฟิงซวนยี่กลับจะยืนมั่นเข้าข้างเย่หยวนขนาดนี้
“เจ้านิกาย ท่านพูดเล่นแรงไปแล้ว!” เชินฉางนั้นได้แต่ต้องถอนหายใจยาว
แต่เฟิงซวนยี่นั้นกลับตอบมาอย่างหนักแน่น “ผู้อาวุโสใหญ่ ข้าพูดจริง! เรื่องนี้มันเกี่ยวพันถึงอนาคตความเป็นไปของนิกาย ข้าก็ไม่คิดจะเอามันมาล้อเล่นหรอก! ข้านั้นยอมรับว่าตอนที่ข้าไล่ฉินชุนมันไปตอนนั้นข้าคนนี้ประเมินกำลังของพันธมิตรโอสถต่ำเกินไปจริงๆ! แต่ในเมื่อเวลานี้มันแตกหักกันไปแล้ว เราจะยังเอาหน้าไปก้มกราบเท้าพวกมันให้เป็นที่อับอายทำไมอีก!”
“หากเราก้มหัวลงไปตอนนี้แล้วต่อให้พันธมิตรโอสถมันจะปล่อยเราไปแต่นิกายอื่นๆ มันจะมองเราด้วยสายตาแบบไหน? มันไม่มีใครคิดสงสารผู้ไร้กำลัง หากคิดอยากต่อต้านพันธมิตรโอสถนั้นเราต้องทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นไม่ใช่อ่อนแอลง!”
ฉือเฟยหยูที่ได้ยินจึงตอบกลับมา “ท่านเจ้านิกาย ท่านพูดได้ดี! แต่หากไม่มีโอสถสวรรค์แล้วเราจะยังแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างไรเล่า? แม้จะไม่ต้องพูดถึงเรื่องของศิษย์ทั้งหลายแต่ท่านกับข้านี้ เราเหล่าคนชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกต่างก็ต้องพึ่งพาโอสถสวรรค์จากพันธมิตรโอสถทั้งนั้นมิใช่หรือ?”
เฟิงซวนยี่นั้นขมวดคิ้วแน่นเพราะถูกจี้ใจดำเข้า
นิกายสวรรค์ยุทธมั่นนั้นไม่มีนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสี่และพวกเขาเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายต่างต้องพึ่งพาซื้อโอสถสวรรค์จากพันธมิตรโอสถสิ้น
มันเป็นเพราะเช่นนี้ที่ทำให้การคว่ำบาตรยิ่งได้ผลหนัก
ที่เฟิงซวนยี่คิดไม่ตกจนต้องยอมก้มหัวในตอนแรกมันก็เพราะว่าเรื่องนี้
หากไม่มีโอสถสวรรค์ระดับสี่แล้วมันมิใช่ว่าพวกเขาทั้งหลายเหล่ายอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกจะบ่มเพาะไม่ได้เลย เพียงแค่ว่าความเร็วของมันนั้นจะตกลงไปอย่างมากล้ำ
หากเป็นเช่นนั้นแล้วกำลังของนิกายอื่นๆ มันก็จะพุ่งทะยานก้าวล้ำหัวพวกเขาขึ้นไปในไม่ช้า
คนเราจะไม่ใช้โอสถสวรรค์มันก็ย่อมได้ เพียงแค่ว่าหากใช้มันแล้วความเร็วจะเพิ่มขึ้นอย่างเหนือล้ำ
ต่อให้จะเป็นยอดคนอย่างเย่หยวนนี้เองเขาก็ยังก้าวเดินมาด้วยโอสถตลอดเส้นทาง
เชินฉางพยักหน้าเห็นด้วย “ท่านเจ้านิกาย ความผิดที่ทำให้ท่านต้องลงจากตำแหน่งนั้นเฒ่าคนนี้คงแบกรับมันไว้ไม่ได้ แต่ท่านก็ต้องหาทางออกมาให้แก่พวกเราด้วยมิใช่หรือ? พูดแค่ว่าจะต้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างไร้แผนการเป็นรูปธรรมนั้นมันเห็นทีคงจะไม่ได้!”
คำพูดนี้มันเหมือนเป็นการด่าความไม่ยั้งคิดของเฟิงซวนยี่กลายๆ และถือเป็นการรุกฆาตด้วย
เฟิงซวนยี่ได้แต่ทำหน้าเหยเกเมื่อได้ยินแต่เวลานี้เขาก็เหมือนคนที่ขึ้นขี่หลังเสือมาแล้วจะลงคงไม่ได้ง่ายๆ
แต่ในเวลานั้นเองที่เย่หยวนได้ก้าวขึ้นมากล่าว “ผู้อาวุโสใหญ่คิดขอแผนเป็นรูปธรรมแต่ไร้ซึ่งทางปฏิบัติได้นั้นมันก็ไร้ประโยชน์ไม่ต่างกันมิใช่หรือ?”
เชินฉางนั้นหันมาตวาดลั่นทันที “โอหัง! ไอ้เด็กนรก เจ้ามีสิทธิอะไรมาพูดแทรก?”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ข้าสงสัยเหลือเกินว่าตำแหน่งผู้อาวุโสของข้ามันถูกเพิกถอนไปแล้วหรือ? หากมันยังไม่ถูกเพิกถอนข้าก็ย่อมจะมีตำแหน่งไม่ด้อยไปกว่าผู้อาวุโสใหญ่ท่านมิใช่หรือ? แค่กล่าวขึ้นมาตอนนี้มันจะเป็นการโอหังอย่างไร?”
เชินฉางนั้นผงะไปอย่างไม่อาจจะตอบกลับมาได้
หลายปีมานี้คนทั้งหลายต่างคิดว่าเย่หยวนตายลงไปแล้ว ไม่มีใครคิดสนใจจะไปถอนตำแหน่งผู้อาวุโสของเขาลง
ผู้อาวุโสพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยคนหนึ่ง ตายก็ตายไป คนทั้งหลายต่างไม่สนใจ
ต่อให้เขาจะทำเรื่องใหญ่โตอะไรได้สุดท้ายมันก็เป็นเหมือนดั่งพลุไฟ
แต่เวลานี้แม้แต่เชินฉางเองก็ยังไม่อาจจะตอบอะไรกลับมาได้
“ดูท่าข้าเย่หยวนจะยังเป็นผู้อาวุโสอยู่ เช่นนั้นข้าคงต้องขอพูดเสียหน่อย”
เย่หยวนกระแอมเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองหน้าเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายตรงหน้า “ด้วยความเคารพ พวกท่านทั้งหลายมันขยะสดดีๆ นี่เอง!”
คำพูดเดียวนี้มันทำให้สีหน้าของคนทั้งหลายเปลี่ยนสีไป
แม้แต่เฟิงซวนยี่เองก็ยังต้องผงะขึ้น
เจ้าหมอนี่มันกลับหัวรุนแรงด่ากราดออกมาต่อหน้าในคำแรกที่กล่าว!
“เย่หยวน เจ้าเป็นแค่นักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่ กลับคิดมาพูดจาเหลวไหลต่อหน้าเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายหรือ?” ฉือเฟยหยูร้องกล่าวขึ้นมา
“เด็กน้อย! เจ้าสร้างหายนะปานนั้นแล้วยังมีหน้ามาด่าพวกเราอีกหรือ?! เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าผู้อาวุโสคนนี้จะไม่กล้าสังหารเจ้าลง?” ผู้อาวุโสใหญ่ร้องลั่นขึ้นมาตาม
แต่เย่หยวนนั้นกลับยิ้มกล่าวขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ชิๆ ท่านผู้อาวุโสใหญ่รู้ด้วยหรือว่ามันคือหายนะ ฮา! ในเมื่อรู้ว่ามันคือหายนะแล้วหลายปีมานี้ท่านทำอะไรบ้างเล่า? หา? คิดส่งศิษย์ที่มากพรสวรรค์ด้านการโอสถที่สุดไปถึงบ้านศัตรู คิดหักยอดฝีมือผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งพอจะเป็นกำลังหลักของนิกายได้! หึ พวกท่านมันเป็นผู้อาวุโสนิกายสวรรค์ยุทธมั่นหรือเป็นผู้อาวุโสพันธมิตรโอสถกันแน่เล่า?”
“ศัตรูคิดรุกร้านแท้ๆ แต่พวกเจ้ากลับไม่คิดต่อต้านศัตรู เอาแต่จ้องจะเล่นงานพวกเดียวกันเอง! ผู้อาวุโสใหญ่ ข้าถามท่านหน่อยเถอะ ท่านรู้หรือไม่ว่าพันธมิตรโอสถมันมียอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกกี่คน? ท่านรู้หรือไม่ว่ามันมีนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสี่กี่คน? ท่านรู้หรือไม่ว่ากำลังที่แท้ของพันธมิตรโอสถมันเป็นเช่นใด? หึๆ ดูหน้าท่านแล้วท่านคงไม่รู้อะไรเลย! ท่าน พวกท่านทั้งหลายนั้น! แค่จะเงยหน้ามองว่าศัตรูเป็นใครยังไม่กล้าทำแต่กลับคิดทุกวิถีทางเพื่อที่จะทำร้ายพวกพ้องเดียวกันเอง! เรียกพวกท่านว่าเป็นขยะข้ายังสงสารขยะมันเลย!”
เย่หยวนนั้นตวาดด่าออกมาในจุดที่คนทั้งหลายไม่อาจเถียงกลับทำให้แม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่เองก็ยังต้องหลบสายตา
ใช่แล้ว เขาไม่รู้เลยว่าพันธมิตรโอสถนั้นมีกำลังเท่าใด!
เพราะการคว่ำบาตรของพันธมิตรโอสถนั้นมันเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน
สิ่งเดียวที่นิกายสวรรค์ยุทธมั่นนั้นรู้ก็คือพวกเขาไม่อาจจะซื้อหาสมุนไพรสวรรค์และโอสถสวรรค์ได้อีกต่อไป
เส้นทางการค้าเดียวที่พวกเขาเคยมีนั้นมันถูกตัดขาดลงไปสิ้น
เฟิงซวนยี่นั้นเคยคิดพยายามหาทางอื่นแต่มันก็ไม่เป็นผล
นั่นจึงทำให้ความยิ่งใหญ่และลึกลับของพันธมิตรโอสถมันฝังลึกลงไปในจิตใจของคนนิกายสวรรค์ยุทธมั่นทั้งหลาย
แต่เมื่อถูกเย่หยวนชี้หน้าด่าเช่นนี้แล้ว เหล่าคนทั้งหลายนั้นต่างก็ได้แต่ยืนหน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย
ใช่แล้ว ยี่สิบปีที่ผ่านมานี้พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันตอบโต้กลับไปเลย!
เย่หยวนหันไปหาฉือเฟยหยูพร้อมกล่าวขึ้น “เจ้ามองอะไร? ไม่พอใจหรือ? ข้าด่าเจ้านั่นแหละ!”
ฉือเฟยหยูร้องด่ากลับมา “หึๆ เจ้ามันฉลาด! สร้างหายนะเช่นนั้นไว้แล้วยังมีหน้ามาด่าผู้คนอีก เจ้ามันเก่งจริงๆ! หากมีปัญญาก็แก้ปัญหานี้ให้นิกายสิ!”
เย่หยวนตอบกลับไป “ข้าไม่ได้หวังพึ่งคนอย่างเจ้ามาตั้งแต่แรกแล้ว! คนอย่างเจ้านั้นนอกจากบ่นไปวันๆ และหาทางแทงข้างหลังพวกพ้องมันก็คงไม่มีปัญญาทำอะไรอย่างอื่นได้แล้ว”
พูดจบเขาก็หันไปหาเฟิงซวนยี่พร้อมยกมือขึ้นคารวะ “ท่านเจ้านิกาย เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะข้า เย่หยวนคนนี้ เช่นนั้นแล้วเย่หยวนคนนี้ก็จะพาพวกเราหลุดพ้นออกไปเช่นกัน! เรื่องนี้ปล่อยให้ข้าจัดการเถอะ!”
เฟิงซวนยี่ยิ้มตอบกลับมาอย่างขมขื่น “เจ้านิกายผู้นี้รู้ว่าเจ้านั้นมากพรสวรรค์เพียงใดแต่เจ้านั้นก็ยังขาดพลังบ่มเพาะไปอยู่ เจ้าคนเดียวนั้นจะไปทำอะไรกองกำลังใหญ่อย่างพันธมิตรโอสถมันได้? ช่างเถอะ เรื่องนี้เรายังต้องเจรจาหาทางออกกันอีกนาน!”
เย่หยวนนั้นด่าว่าคนทั้งหลายเพื่อเป็นการระบายแต่เฟิงซวนยี่รู้สึกว่าเวลานี้เย่หยวนจะเดือดดาลจนเกินไป
เขานั้นไม่จำเป็นต้องก้าวออกมารับหน้าที่เช่นนี้ เพราะมันคือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
มีหรือที่เย่หยวนนั้นจะไปเอาชนะพันธมิตรโอสถได้?
แต่เย่หยวนนั้นกลับกล่าวมาอย่างหนักแน่น “ท่านเจ้านิกาย เย่ผู้นี้ไม่ได้เลือดร้อนจนออกหน้ารับเรื่องเกินตัว! ข้าจะอธิบายให้ทางนิกายเข้าใจเองว่าต่อจากนี้จะทำอย่างไรกัน! แต่เย่ผู้นี้ต้องการให้ทางนิกายสนับสนุนด้วย! ข้าขอเวลายี่สิบปีแล้วข้าจะทำให้พวกเราหลุดพ้นจากสถานการณ์ตอนนี้ให้เอง! ในยี่สิบปีนี้นอกจากข้าจะพาพวกเราหลุดพ้นแล้วข้าจะยังหานักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสี่มาให้นิกายด้วย! ถึงตอนนั้นนิกายเราก็จะไม่ต้องไปก้มหัวให้แก่ใครอีกแล้ว!”
คำพูดของเย่หยวนนั้นมันทำให้เฟิงซวนยี่ต้องเลิกคิ้วสูง
แต่ผู้อาวุโสใหญ่นั้นกลับยิ้มขึ้นมาพร้อมถาม “โม้เกินตัว! หากเจ้าทำไม่ได้เล่าจะเอาอย่างไรต่อ?”
เย่หยวนตอบกลับไป “หากข้าทำไม่สำเร็จแล้วเย่ผู้นี้จะฆ่าตัวตายมอบหัวให้เป็นการขอโทษแก่นิกายเอง!”