Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2621 บุตรศักดิ์สิทธิ์ออกหน้า
บนถนนที่ทอดตัวยาวนั้นมันมีชายหนุ่มและชายแก่กำลังเดินมาอย่างเร่งรีบ
แค่เห็นครั้งแรกมันก็ชัดเจนแล้วว่าชายหนุ่มชุดฟ้าที่เดินนำหน้ามานั้นเป็นคนที่มียศศักดิ์สูงส่ง
วินาทีเดียวกันนั้นเองที่มันปรากฏยันต์ขึ้นมากลางอากาศทำให้ชายแก่ต้องยื่นมือไปหยิบรับมันขึ้นมา
เมื่อลองส่องจิตลงไปดูเนื้อหาภายในยันต์แล้วคิ้วของชายแก่มันก็ต้องขมวดแน่น
ชายหนุ่มจึงถามขึ้นมา “ทำไมหรือ? แพ้อีกแล้ว?”
ชายแก่พยักหน้ารับ “นี่มันเป็นครั้งที่สิบเจ็ดแล้ว! แม้แต่มู่เหลียนชิงแห่งมหารัฐพันลี้เองก็ยังต้องพ่ายลงด้วยมือของเย่หยวน เขานั้นคือยอดคนที่เคยต่อสู้กับท่านเพื่อแย่งชิงตำแหน่งบุตรศักดิ์สิทธิ์เลยทีเดียวนะ!”
ชายหนุ่มตอบกลับมาด้วยสีหน้าเฉยเมย “หึ มู่เหลียนชิงมันจะมีค่าใด? ที่เจ้าพูดมานั้นมันก็แค่เรื่องในอดีต ตอนนี้มันไม่มีฝีมือพอจะเป็นคนรับใช้ข้าเสียด้วยซ้ำ!”
ชายแก่ตอบกลับไป “จริง! ท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นถึงว่าที่ผู้นำพันธมิตรคนต่อไป มีหรือที่จะเอามู่เหลียนชิงมาเทียบเคียงได้? ที่ข้าจะบอกนั้นมันคือเย่หยวนคนนี้ท่านจะประมาทมันไม่ได้เท่านั้น!”
พูดถึงนามของเย่หยวนขึ้นมาชายหนุ่มก็ยิ้มขึ้นด้วยความเย้ยหยัน “หากมันไม่มีฝีมือจริงผู้นำพันธมิตรก็คงไม่ส่งบุตรศักดิ์สิทธิ์คนนี้ออกมา! แต่ไม่ว่ามันจะเก่งกาจเป็นสัตว์ประหลาดชนิดใดบุตรศักดิ์สิทธิ์คนนี้ก็จะบดจิตวิญญาณของมันลงให้สิ้น ให้เหล่าผู้บรรลุสวรรค์นั้นมันได้รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นผู้ปกครองทวีปพิรุณใสอย่างแท้จริง!”
เวลานี้มันผ่านไปได้สามเดือนแล้วตั้งแต่ที่เย่หยวนไปอาละวาดที่ห้างโอสถขจี
สามเดือนที่ผ่านมานี้เย่หยวนยังคงไปท้าทายฐานที่มั่นของพันธมิตรโอสถอย่างต่อเนื่องถึงสิบเจ็ดแห่งและเอาชนะยอดฝีมือวิชาโอสถของพันธมิตรโอสถมาติดๆ กันถึงสิบเจ็ดคน
เรื่องนี้มันย่อมจะทำให้ยอดนิกายสวรรค์ทั้งห้าแตกตื่นไปตามๆ กัน!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของมู่เหลียนชิงแห่งมหารัฐพันลี้นั้นที่เขาหลอมได้ถึงระดับเก้าขั้นกลางแต่ก็ยังพ่ายให้แก่เย่หยวนในที่สุด!
เดิมทีแล้วตอนที่เย่หยวนไปประกาศก่อตั้งศาลาโอสถในมหารัฐเพลิงสงบนั้นคนทั้งหลายย่อมจะไม่มีใครคิดเป็นจริงเป็นจัง
แต่เวลานี้นามของศาลาโอสถมันได้กลายเป็นดั่งตะวันที่ลอยสูงกลางฟ้าของดินแดนสวรรค์ห้าแสง
เวลานี้นิกายน้อยใหญ่ต่างได้ส่งศิษย์ของตนออกไปยังศาลาโอสถแห่งนิกายสวรรค์ยุทธมั่นเพื่อศึกษาวิชาโอสถที่แท้จริง
เหล่าคนในดินแดนสวรรค์ห้าแสงนั้นมันแทบจะเป็นเพียงผู้บรรลุสวรรค์สิ้นทำให้เหล่าคนที่มีความสามารถพอจะเป็นนักหลอมโอสถสวรรค์ได้นั้นมีเพียงแค่หยิบมือ
เพราะฉะนั้นยอดนิกายสวรรค์ทั้งห้าจึงต้องพึ่งพากำลังของพันธมิตรโอสถอย่างมากล้ำ
ตอนที่พันธมิตรโอสถนั้นทำการคว่ำบาตรนิกายสวรรค์ยุทธมั่นเหล่ายอดนิกายสวรรค์ที่เหลือทั้งสี่นั้นต่างได้แต่แอบหัวเราะกันอยู่ในใจ
แต่ยิ่งได้เห็นเช่นนั้นพวกเขาก็ยิ่งไม่กล้าจะขัดพันธมิตรโอสถมากขึ้นไปกว่าเก่า
แต่ว่าการเกิดขึ้นของศาลาโอสถนั้นมันได้เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ไปอย่างสิ้นเชิง
เย่หยวนนั้นได้แสดงกำลังฝีมือของตนออกมาให้คนทั้งหล้าได้เห็นแล้วว่ากำลังของศาลาโอสถนั้นมันได้ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าพันธมิตรโอสถเลย!
มันแข็งแกร่งกว่าเสียด้วยซ้ำ!
หรืออย่างน้อยๆ มันก็ยังไม่มีคนของพันธมิตรโอสถคนไหนเอาชนะเขาได้!
เรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้ทางพันธมิตรโอสถเองก็ย่อมจะไม่มีทางปล่อยให้ถูกลูบคมไปเรื่อยๆ
เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงได้เลือกส่งชายหนุ่มชุดฟ้า ชางหยงหนิงคนนี้ออกมา
เขานั้นคือบุตรศักดิ์สิทธิ์ของพันธมิตรโอสถและยังเป็นยอดฝีมือวิชาโอสถรุ่นใหม่ที่แข็งแกร่งที่สุด!
พันธมิตรโอสถนั้นเป็นกองกำลังที่ลึกลับไม่มีใครรู้แน่ว่ากำลังของพวกเขานั้นแข็งแกร่งเพียงใด
และการที่พันธมิตรโอสถส่งตัวชางหยงหนิงออกมาครั้งนี้หนึ่งก็เพื่อจะจัดการเย่หยวนลงและสองคือเพื่อจะแสดงกำลังฝีมือที่แท้จริงของพวกตนออกมาให้โลกได้รู้!
ชายแก่คนนั้นพยักหน้ารับขึ้น “เรื่องนั้นมันแน่นอน! ไม่ว่าเจ้าเด็กคนนี้มันจะเป็นสัตว์ประหลาดที่ผุดขึ้นมาจากนรกขุมไหนมันก็ไม่มีทางจะต่อต้านฝีมือของบุตรศักดิ์สิทธิ์ท่านได้! พันธมิตรโอสถของเรานั้นไม่ชอบแสดงกำลังฝีมือออกมาให้คนเห็นแต่ครั้งนี้มันก็ได้เวลาจะป่าวประกาศให้คนทั้งทวีปพิรุณใสได้รู้แล้วว่ากำลังของพันธมิตรโอสถเรานั้นมันเป็นอย่างไร!”
ชางหยงหนิงยิ้มตอบกลับไป “แล้วเจ้าเด็กนั่นมันอยู่ที่ไหนแล้ว?”
ชายแก่ตอบกลับมา “มหารัฐเมฆรุ้ง!”
ชางหยงหนิงพยักหน้ารับ “อืม อีกไม่ไกลแล้ว เร่งฝีเท้ากันหน่อยเถอะ!”
…
ณ ห้างเมฆเฉื่อย คันเฟยหงนั้นกำลังเดินวนไปมาอย่างไม่อาจนั่งติดที่
เขานั้นหันหน้าเดินไปมาพร้อมด้วยเหงื่อเย็นเยือกที่ไหลลงมาอาบหน้า
ที่ด้านข้างกันนั้นนายห้างซุนซูก็มีสีหน้ากังวลไม่แพ้กัน
“มันยังไม่มีการตอบกลับจากท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์อีกหรือ? เย่หยวนคนนั้นมันเข้าเมืองมาแล้ว เราจะทำอย่างไรกันดี?” คันเฟยหงกล่าวขึ้นด้วยท่าทางกังวล
ความพ่ายแพ้ของมู่เหลียนชิงแห่งมหารัฐพันลี้นั้นมันทำให้คันเฟยหงตั้งสติขึ้นมาได้ทันที
เขานั้นรู้ดีว่ามู่เหลียนชิงนั้นเป็นยอดฝีมือที่เทียบเคียงกับบุตรศักดิ์สิทธิ์ได้!
แม้ว่าสุดท้ายเขาจะพ่ายและพลาดตำแหน่งไปแต่คนทั้งหลายก็รู้ดีว่าเขานั้นเก่งกาจแค่ไหน
แต่ว่ามู่เหลียนชิงนั้นกลับพ่ายลงด้วยน้ำมือของเย่หยวน เช่นนั้นแล้วตัวเขาจะยังเอาอะไรไปสู้?
ซุนซูส่ายหัวออกมา “มีหรือที่คนอย่างเราจะไปติดต่อรู้ถึงตำแหน่งของท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์ได้? แต่ข้าว่าท่านก็คงอยู่ไม่ไกลจากเมืองแล้วเช่นกัน บางทีตอนนี้ท่านอาจจะกำลังมุ่งหน้ามาที่ห้างเมฆเฉื่อยนี้แล้วก็ได้! เพราะจะอย่างไรเสียแม้แต่มู่เหลียนชิงยังพ่ายลงหากท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์ไม่ออกหน้าแล้วพันธมิตรโอสถเราจะยังเอาหน้าไปไว้ที่ไหนได้?”
คันเฟยหงกล่าวขึ้นมาอย่างเดือดดาล “แต่หากรอจนท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์มาถึงพวกเราคงได้ตายลงก่อนแน่แล้ว!”
ตูม!
ในเวลานั้นเองที่มันได้เกิดเสียงดังลั่นขึ้นมาจากภายนอก
ไม่ต้องถามก็รู้ว่านี่คือการมาถึงของเย่หยวน
ไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ใดหลัวหยุนชิงก็จะทำลายป้ายของห้างนั้นลงอย่างไม่มีข้อยกเว้น!
และอย่างน้อยๆ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีคนของพันธมิตรโอสถคนใดที่ออกมากู้หน้าคืนได้
มู่เหลียนชิงนั้นเองก็วางท่าใหญ่โตแต่สุดท้ายก็พ่ายลงอย่างย่อยยับและต้องแทบเอาหน้ามุดดินหนี
คันเฟยหงที่ได้ยินนั้นหน้าซีดลง “ให้ตายสิ มันมาแล้ว! จะทำอย่างไรกันดี? สู้ไปก็แพ้ ไม่สู้ก็มีแต่ความอับอายรออยู่! ให้ตาย!”
คันเฟยหงนั้นถอนใจยาวออกมาตัวซุนซูเองก็ไม่รู้จะต้องตอบอย่างไร
เขานั้นเข้าใจหัวอกคันเฟยหงดี
คันเฟยหงนั้นเดิมทีไม่ได้มีท่าทีเช่นนี้ ก่อนที่เย่หยวนจะไปท้าทายมู่เหลียนชิงนั้นตัวเขาอวดอ้างเสมอว่าจะเป็นคนหยุดชัยชนะอันต่อเนื่องของเย่หยวนลงเอง
แต่ตอนนี้เขาไม่กล้าจะพูดโม้ใดๆ อีกแล้ว
ซุนซูถอนใจยาวออกมา “ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องออกไปรับหน้ามันก่อน! ต่อให้พันธมิตรโอสถเราจะเสียหน้าอย่างไรเราก็จะมามุดหัวไม่ออกไปพบศัตรูเช่นนี้ไม่ได้!”
คันเฟยหงนั้นพยักหน้ารับออกมาด้วยใบหน้าเหยเก
ด้านนอกห้างเมฆเฉื่อยนั้นมันมีแต่คนมามุงดูอย่างตื่นเต้น
นิกายสวรรค์ยุทธมั่นสร้างยอดนักหลอมโอสถสวรรค์เช่นนี้ขึ้นมาและกำลังไล่บดขยี้พันธมิตรโอสถลง
เรื่องนี้มันย่อมจะโด่งดังถึงหูคนทั้งมหารัฐเมฆรุ้งมานาน
คนทั้งหลายนั้นได้ยินนามของเย่หยวนมานานแต่เมื่อได้เห็นวันนี้พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกประทับใจ
“หึ ข้าก็นึกว่าคนมันลือกันเกินจริงที่ไหนได้ ข่าวลือนั้นมันมีแต่ความจริงสิ้น! เวลานี้นายห้างเมฆเฉื่อยอย่างคันเฟยหงนั้นกลับไม่กล้าจะออกมารับหน้าเสียด้วยซ้ำ!”
“เย่หยวนผู้นี้มันช่างเก่งกาจนัก ทำเอาเหล่าผู้บรรลุสวรรค์เรารู้สึกตื่นเต้นตาม!”
“คนทั้งหลายนั้นเอาแต่บอกว่าพันธมิตรโอสถเก่งกาจเหนือล้ำใดๆ แต่ดูท่าตอนนี้แล้วมันก็ได้แค่เท่านี้!”
…
เมื่อได้เห็นว่าประตูห้างเมฆเฉื่อยนั้นปิดแน่นไม่มีใครกล้าออกมารับหน้าเหล่าคนทั้งหลายต่างก็ต้องหัวเราะลั่นขึ้นมาอย่างไม่อาจห้าม
มันไม่แปลกที่หลายๆ คนจะไม่คิดเชื่อข่าวลือเพราะว่าเหล่ายอดฝีมือของพันธมิตรโอสถที่เย่หยวนไปท้าทายนั้นมันต่างเป็นยอดคนที่ปกครองดูแลดินแดนกว้างใหญ่มีชื่อเสียงเรียงนามเหนือล้ำ
พวกเขาทั้งหลายนั้นต่างล้วนแล้วแต่เป็นยอดคนที่มีวิชาการโอสถเหนือล้ำกว่าคนของนิกายใดๆ สิ้น
แต่ว่าเย่หยวนนั้นกลับเอาชนะมาได้ถึงสิบเจ็ดครั้งติด แค่นี้มันก็มากพอจะยืนยันแล้วว่าเขานั้นเก่งกาจแค่ไหน
แอด!
ในที่สุดประตูของห้างเมฆเฉื่อยมันก็ค่อยๆ เปิดออกมาเผยให้เห็นตัวคันเฟยหงและซุนซูค่อยๆ ก้าวออกมา
คันเฟยหงนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าดำมืด “เด็กน้อย อย่าได้ใจให้มากไป! พันธมิตรโอสถของข้านั้นได้ส่งท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์ออกมาแล้ว! หากท่านมาถึงแล้วเจ้าจะได้รู้จักความพ่ายแพ้!”
เย่หยวนมองหน้าคันเฟยหงด้วยรอยยิ้ม “ทำไมเล่า? พันธมิตรโอสถของเจ้านั้นมันกลายเป็นคนขี้ขลาดที่ไม่กล้าแม้แต่จะออกมารับคำท้าเองแล้วหรือ?”
ได้เห็นคันเฟยหงก้าวออกมาข่มขู่คนด้วยสีหน้าหวาดกลัวเช่นนั้นคนทั้งหลายต่างก็ต้องอ้าปากค้างไปตามๆ กัน
เจ้ายอดฝีมือแห่งนิกายสวรรค์ยุทธมั่นคนนี้มันช่างเก่งกาจล้ำ! แม้แต่คันเฟยหงคนนั้นก็ยังไม่กล้าจะรับคำท้าของเขา!
เพราะจะอย่างไรเสียคันเฟยหงนั้นก็เป็นยอดฝีมือด้านการโอสถคนหนึ่งที่ได้รับการยอมรับทั่วหล้า!
แค่นี้ชัดเจนแล้วว่าชัยชนะอันต่อเนื่องของเย่หยวนนั้นส่งผลเช่นไร!
คันเฟยหงกล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าเหยๆ “เย่หยวน ข้าขอยอมแพ้! แต่เจ้าอย่าเพิ่งออกไปจากเมืองถ้าคิดว่าตัวเองเก่งจริง! หากบุตรศักดิ์สิทธิ์ท่านมาถึงแล้วเจ้าจะได้รู้จักความอับอายแน่!”