Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2633 ขอสักสามเม็ดได้หรือไม่
หลังจากการประชุมพันธมิตรจบสิ้นลงแล้วยอดนิกายทั้งห้าก็เริ่มลงมือกันทันที
แต่ว่าพันธมิตรโอสถนั้นกลับถอยกำลังออกไปอย่างรวดเร็วเหนือความคาดหมายกว่า
ราวกับว่าค่ำคืนเดียวกันกับที่พันธมิตรห้านิกายประชุมกันอยู่นั้นฝั่งพันธมิตรโอสถก็ถอนกำลังคนออกไปจนหมดสิ้นไม่เหลือร่องรอยใด
การจะสามารถถอนกำลังได้รวดเร็วและแม่นยำเช่นนี้มันย่อมจะทำให้ทางห้านิกายรู้สึกเกรงพันธมิตรโอสถหนักขึ้นไปกว่าเก่า
พันธมิตรโอสถนี้มันไม่ธรรมดาจริงๆ!
ศาลาโอสถนั้นเองก็เริ่มทำการเปิดรับและชักชวนศิษย์ของนิกายทั้งหลายภายใต้นามการร่วมมือของห้ายอดนิกาย
เวลานี้เย่หยวนได้ขึ้นมานั่งตำแหน่งเจ้าศาลาอย่างเต็มตัวและมีอำนาจไม่แพ้เหล่าเจ้านิกายทั้งหลาย!
เวลานี้เมื่อไร้คู่แข่งแล้วนามของศาลาโอสถมันจึงไม่มีใครต้าน
ไม่นานนักเย่หยวนก็ได้สั่งให้ทำการจัดตั้งห้างร้านต่างๆ ในดินแดนสวรรค์ห้าแสงอย่างมากล้นเพื่อแทนที่ห้างร้านที่พันธมิตรโอสถถอนกำลังออกไป
เรื่องการขยายอำนาจการค้าและตั้งห้างร้านต่างๆ นั้นเย่หยวนย่อมจะเชี่ยวชาญมันอย่างมากเพราะประสบการณ์จากภพเบื้องล่าง
เมื่อเขาเป็นคนคุมหัวเรือใหญ่แล้ว การจัดตั้งใดๆ มันจึงดำเนินการไปได้อย่างราบรื่น
และการตั้งห้างร้านในพื้นที่ต่างๆ นั้นมันก็ยิ่งทำให้ศาลาโอสถนั้นมีที่ยืนมั่นคงมากกว่าเก่าขึ้นไปอีก
การจัดตั้งสถานะของศาลาโอสถนี้มันทำได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำจนทำให้เจ้านิกายทั้งห้าและผู้อาวุโสนิกายทั้งหลายต่างต้องอ้าปากค้างตะลึงงันกับทักษะในการควบคุมคนของเย่หยวน
แต่ศาลาโอสถนั้นแตกต่างจากพันธมิตรโอสถที่หวงวิชา เพราะพวกเขานั้นเปิดให้ทุกคนสามารถเข้ามาเรียนรู้ได้หมดสิ้น
เหล่านักหลอมโอสถสวรรค์จากห้ายอดนิกายนั้นสามารถที่จะเดินเข้าออกมาดูวิชาและสูตรโอสถต่างๆ ของศาลาโอสถได้อย่างอิสระไม่มีการปิดกั้นใดๆ ทั้งสิ้น
ส่วนนักหลอมโอสถสวรรค์ที่ไม่ได้มาจากห้ายอดนิกายนั้นมันก็จะมีการยืนยันตัวตนและความภักดีนิดหน่อยก่อนที่จะเปิดรับเข้ามา
แท้จริงแล้วเย่หยวนถึงขั้นส่งจดหมายไปเชิญยอดฝีมือปรมาจารย์ด้านค่ายกลจากนิกายสวรรค์หมื่นช้างมาเพื่อเปิดดูภายในแผ่นหยกของจงเจียนโชวนั้นและเอามันออกมาตั้งเผยแพร่ในศาลาโอสถ
ส่วนความรู้วิชาการโอสถหรือสูตรโอสถใดๆ ของนิกายสวรรค์ทั้งห้านั้นเย่หยวนก็ได้ลงแรกแยกแยะมันออกมาเป็นหมวดหมู่เพื่อง่ายแก่การศึกษา
มันเหมือนราวกับว่าเป็นการสร้างระบบการศึกษาวิชาโอสถให้แก่เหล่าผู้บรรลุสวรรค์ขึ้นมาใหม่แต่ต้น
ความสำเร็จมากมายอย่างต่อเนื่องของเขานี้มันทำให้เหล่านักหลอมโอสถสวรรค์ทั้งหลายต่างก้มกราบเขาอย่างซาบซึ้ง
ไม่นานนักเหล่านักหลอมโอสถสวรรค์ทั้งหลายก็ยอมรับเย่หยวนเป็นผู้นำอย่างไร้ข้อกังขา
นอกจากนั้นแล้วการปรากฏขึ้นมาของศาลาโอสถมันยังทำให้ห้ายอดนิกายเริ่มกลับมาใกล้ชิดกันมากขึ้น
การเปลี่ยนแปลงมากมายนี้มันแทบจะพลิกโฉมหน้าของห้ายอดนิกายไปสิ้น
เมื่อผ่านไปถึงปีที่เก้าหวู่เฉิงเฉาก็บรรลุขึ้นชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกได้ในที่สุดและกลายเป็นนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสี่คนที่สามของห้ายอดนิกาย!
ในเวลานี้มันยังมีเวลาเหลืออีกปีกว่าจนกว่าที่จะถึงเวลาที่เย่หยวนสัญญาไว้
เวลานี้คนทั้งนิกายสวรรค์ยุทธมั่นนั้นมันไม่มีใครกล้าจะด่าว่าเย่หยวนอีกต่อไป
แม้แต่ฉือเฟยหยูและผู้อาวุโสใหญ่เองก็ยังต้องหุบปากลง
ส่วนตัวฮั่นเฉียนหยุนนั้นเขาก็ถูกริบตำแหน่งผู้พิทักษ์และถูกทางนิกายส่งไปขับที่ผาสำนึกผิดเพื่อเป็นการสั่งสอนและเชือดไก่ให้ลิงดูไปในตัว!
เมื่อถึงเวลายี่สิบปีที่สัญญากันไว้ มันก็มีนักหลอมโอสถสวรรค์อีกสามคนบรรลุขึ้นมาระดับสี่ได้!
นั่นทำให้ศาลาโอสถนั้นมีนักหลอมโอสถสวรรค์อยู่มากถึงหกคนแล้ว
ส่วนนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสองและสามนั้นมันยิ่งถือกำเนิดขึ้นมากล้น
เวลานี้ตำแหน่งของเย่หยวนต่อศาลาโอสถมันหนักแน่นจนไม่อาจเปลี่ยนแปลง
มันราวกับว่าดินแดนสวรรค์ห้าแสงนั้นได้กลับเข้าสู่ยุคฟื้นฟูและค่อยๆ พัฒนาสู่ความรุ่งเรือง
แต่ในเวลานั้นเองที่มันกลับเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นมา!
นอกจากนิกายสวรรค์หมื่นช้างที่อยู่ตรงกลางแล้วนิกายสวรรค์ทั้งสี่นั้นต่างถูกกองกำลังจากสี่ดินแดนสวรรค์อื่นบุกเข้ามารุกรานไม่มีหยุด
ด่านหน้าของพวกเขานั้นตกลงสู่ความโกลาหล
ดูท่าแล้วดินแดนสวรรค์ทั้งสี่ที่เหลือเองก็คงไม่อาจจะทนรับได้อีก
“ท่านเจ้านิกาย ข้าก็เคยบอกไปแล้วว่าเราจะทำเช่นนี้กันไม่ได้! อย่างน้อยๆ เราก็จะแตกหักกับพันธมิตรโอสถจนหมดสิ้นไม่ได้! เวลานี้มันเป็นอย่างไรเล่า? ศาลาโอสถห่าเหวอะไรนั่นมันก็ดูท่าจะดีอยู่หรอกแต่จนถึงตอนนี้พวกมันก็ยังไม่อาจจะหลอมโอสถสวรรค์ดีๆ ออกมาใช้งานได้! โอสถสวรรค์ที่ฉีเหยียนนำมานั้นมันก็ยังเทียบไม่ได้กับโอสถสวรรค์ของพันธมิตรโอสถ! หึ ข้าอยากจะรู้จริงๆ ว่าถึงเวลานั้นแล้วเจ้าเด็กคนนั้นมันจะยังมีหน้ามาทำอะไรได้!” ในโถงใหญ่ของนิกายสวรรค์หมื่นช้างนั้นต้วนหยงชุนได้กล่าวขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
การถูกสี่ดินแดนสวรรค์เข้ามาโจมตีปิดล้อมเช่นนี้มันย่อมจะทำให้เกิดความตรึงเครียดในชายแดนอย่างมาก
แม้พวกเขาเหล่านิกายสวรรค์หมื่นช้างนั้นจะอยู่ตรงกลางแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะนิ่งนอนใจได้
ในเวลานี้เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายต่างมาประชุมกันเพื่อหารือสู่ทางออกของปัญหา
แต่เพิ่งเริ่มมาได้ไม่นานตัวต้วนหยงชุนนั้นก็รีบหันดาบเข้าใส่เย่หยวนบอกว่าเรื่องราวทั้งหมดทั้งสิ้นนั้นมันเกิดขึ้นมาเพราะเขา
แม้เวลาจะผ่านไปกว่ายี่สิบปีแล้วแต่เขาก็ยังคงวางท่าเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง
แน่นอนว่าเหตุผลใหญ่ๆ นั้นมันก็เพราะตัวฉีเหยียนนั้นยังไม่อาจจะพัฒนาโอสถสวรรค์ระดับสี่ให้ถึงขั้นที่น่าพอใจ
แต่เมื่อเป็นโอสถสวรรค์ระดับสี่เช่นนี้แล้วการจะพัฒนาคุณภาพมันนั้นย่อมมิใช่เรื่องง่ายดาย มีใครบ้างที่จะไม่เข้าใจ?
แต่เรื่องนั้นมันทำให้ต้วนหยงชุนได้โอกาสนำมันไปนินทา
การที่ต้วนหยงชุนทำเรื่องเช่นนี้มันย่อมจะทำให้หยางเจี๋ยเองไม่พอใจอย่างมาก
ผลลัพธ์ที่ศาลาโอสถสร้างขึ้นมานั้นต่อให้ตาบอดมันก็ยังเห็นได้ชัดเจน
ตราบเท่าที่ศาลาโอสถได้เวลามากพอพวกเขาก็จะสามารถก้าวขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกับพันธมิตรโอสถได้อย่างแน่นอน
ทั้งอย่างนั้นต้วนหยงชุนคนนี้กลับไม่คิดสนใจอนาคตวันหน้า!
หยางเจี๋ยกล่าวขึ้นมา “ผู้อาวุโสต้วน มันเพิ่งผ่านไปได้แค่ยี่สิบปี! เจ้าคิดว่าการฝึกฝนวิชาโอสถนั้นมันง่ายเหมือนเด็กเล่นขายของหรือ? ไม่ต้องพูดถึงเลยด้วยว่านี่เป็นการฝึกนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสี่ด้วย!”
ต้วนหยงชุนยิ้มตอบกลับมา “แน่นอนว่ามันไม่ง่ายเหมือนเด็กเล่นขายของแน่แต่เวลานี้พันธมิตรโอสถมันนั้นก็ไม่คิดจะให้เวลาพวกเราอีกแล้ว! ข้าอยากจะถามท่านเจ้านิกายว่าหากสงครามมันกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบแล้วด้วยกำลังของนิกายสวรรค์ทั้งห้าของเรานั้นเราจะไปต่อต้านกำลังของดินแดนสวรรค์ทั้งสี่ได้หรือ? ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าเบื้องหลังนั้นมันยังมีพันธมิตรโอสถหนุนอยู่อีก!”
เรื่องราวในครั้งนี้ไม่ต้องเดาก็รู้ได้ทันทีว่ามันมีพันธมิตรโอสถชักใยอยู่เบื้องหลัง
แท้จริงแล้วเหล่าเจ้านิกายทั้งห้าต่างก็ตกตะลึงกันสิ้น
พวกเขานั้นก็ไม่นึกฝันว่าฐานอำนาจของพันธมิตรโอสถในดินแดนสวรรค์ทั้งสี่ที่เหลือมันจะลึกล้ำได้ปานนี้!
เวลานี้เหล่ายอดนิกายสวรรค์ทั้งหลายของดินแดนสวรรค์ทั้งสี่นั้นมันแทบจะรวมกันกลายเป็นหนึ่ง
การที่พันธมิตรโอสถสามารถรวมสี่ดินแดนสวรรค์จนแทบเป็นหนึ่งได้เช่นนี้มันย่อมจะแสดงถึงฐานอำนาจที่หยั่งรากลึกของพวกเขา
เหล่าเจ้านิกายทั้งหลายต่างรู้สึกปวดหัวขึ้นมาเพราะเรื่องนี้
จะอย่างไรเสียคำพูดของต้วนหยงชุนมันก็จี้ใจดำหยางเจี๋ยเข้าอย่างจัง
ได้เห็นหยางเจี๋ยเงียบลงไปเช่นนั้นต้วนหยงชุนก็หัวเราะขึ้นมา “หากเราทำตามที่ข้าบอกแต่แรกหลอกแกล้งเป็นเอาใจพันธมิตรโอสถก่อนหลังจากเรามีกำลังมากเพียงพอแล้วค่อยผงาดขึ้นมานั้นตัวมันคงแทนที่ท่านโฉได้เสียด้วยซ้ำ! แต่เวลานี้พันธมิตรโอสถมันไม่คิดจะเปิดโอกาสให้เราอีกแล้ว!”
“พอได้แล้ว! ผู้อาวุโสต้วน ในเมื่อเจ้าดูถูกศาลาโอสถมากนักวันหน้าเจ้าก็ไม่ต้องไปขอโอสถสวรรค์จากศาลาโอสถก็แล้วกัน!” หยางเจี๋ยกล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าแดงก่ำ
ต้วนหยงชุนนั้นหัวเราะลั่นขึ้นมาเมื่อได้ยิน “ท่านเจ้านิกาย อย่าได้กังวลไปเลย! ข้านั้นไม่เคยเอาโอสถสวรรค์ของศาลาโอสถมาใช้! วันหน้าเองข้าก็จะไม่ขอใช้มันแม้สักเม็ดเช่นกัน! ความหมายของข้านั้นคือเราควรส่งเย่หยวนไปให้พันธมิตรโอสถเพื่อขอสงบศึกชั่วคราว!”
หยางเจี๋ยนั้นแทบจะต้องลุกขึ้นอาละวาดแต่มันกลับมีคนรับใช้เดินเข้ามารายงานก่อน
เวลานี้ศาลาโอสถนั้นได้ส่งคนมามอบโอสถสวรรค์ชุดใหญ่!
และคนที่ทำหน้าที่มาส่งมอบนั้นมันก็คือนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสี่แห่งนิกายสวรรค์หมื่นช้าง ฉีเหยียน!
“ผู้อาวุโสฉี เจ้าคงสบายดี?” ได้เห็นฉีเหยียนนั้นหยางเจี๋ยก็ยิ้มขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
หลังจากฉีเหยียนก้มหัวคารวะแล้วเขาก็กล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณท่านเจ้านิกายที่เป็นห่วง เฒ่าคนนี้สบายดีมาก! ครั้งนี้ที่ข้ามาก็เพราะท่านเจ้าศาลานั้นได้สั่งให้ข้าเอาโอสถสวรรค์มาส่งมอบให้และขอกำลังของนิกายเราไปช่วยเหลือนิกายทั้งสี่!”
ได้ยินเช่นนั้นต้วนหยงชุนก็หัวเราะขึ้นมา
แต่หยางเจี๋ยนั้นกลับเปิดตากว้างถามขึ้น “โอ้? เช่นนั้นแล้วท่านเจ้าศาลาเย่นั้นส่งโอสถสวรรค์ใดมาเล่า?”
ฉีเหยียนยิ้มตอบกลับไป “เฒ่าคนนี้เองก็ไม่ได้เห็นท่านเจ้าศาลาเย่ลงมือมานับสิบปี! แต่วินาทีที่ท่านลงมือนั้นมันก็ยังเหนือล้ำโลกไม่มีเปลี่ยนแปลง!”
คำพูดของฉีเหยียนนี้มันทำให้หยางเจี๋ยต้องสั่นสะท้านไปทั้งกาย
หยางเจี๋ยรับเอารายการโอสถสวรรค์ไปมองดูก่อนจะต้องอ้าปากค้างลืมหายใจ
“โอสถสวรค์กิเลนไฟระดับแท้ห้าสิบเม็ด! โอสถสวรรค์ไขเที่ยงระดับแท้ห้าสิบเม็ด! โอสถดาราดาวปฐมฤกษ์ระดับแท้สามสิบเม็ด…” หยางเจี๋ยค่อยๆ อ่านรายการขึ้นมาทำให้สีหน้าของเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายต้องเปลี่ยนสีไป
เป็นระดับแท้ทั้งหมด!
แม้แต่ต้วนหยงชุนเองก็ยังปั้นหน้าไม่ถูกดูท่าจะรู้สึกสับสนอยู่ในใจมาก
แต่ไม่นานจากนั้นเขาก็ตัดสินใจกล่าวขึ้นมา “ท่านเจ้านิกาย เรื่องนั้น… ข้าจะขอโอสถดาราดาวปฐมฤกษ์สักสามเม็ดได้หรือไม่?”