Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2640 ทะเลหนามใต้
ตูม!
หมัดล่องหนหนึ่งมันพุ่งผ่านห้วงมิติเข้ามา
เมื่อชายแก่ชุดดำนั้นได้เห็นภาพนี้สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนสีไปทันที
เขานั้นคิดจะยื่นมือกลับไปดึงตัวเย่หยวนออกมาแต่มันก็ไม่ทันเสียแล้ว
เขานั้นเห็นชัดเจนว่าแม้มิติมันจะดูนิ่งขนาดไหนแต่พลังของหมัดนี้มันคงทำให้ทั้งห้วงมิติปั่นป่วนขึ้นแน่
มิติที่แตกสลายนี้มันทำฉีกร่างของเย่หยวนเป็นชิ้นๆ!
เมื่อชายแก่คนนั้นเห็นชายหนุ่มชุดขาวที่ก้าวออกมาจากห้วงมิติด้านหลังเขาก็ต้องปั้นหน้าเครียดขึ้นมาทันที
ชายหนุ่มคนนี้มองดูหน้าชายแก่ด้วยรอยยิ้ม “เจ้านิกายคนใหม่ก็ตายลงแล้ว พวกเจ้า…ตายให้สบายใจเถอะ ว่าไหมเล่าเฮ่อซีเยียน?”
ชายแก่คนนั้นเบิกตากว้างขึ้นมาก่อนจะกล่าวขึ้น “พันธมิตรโอสถของเจ้านี้มันรู้ดีไปเสียหมดจริงๆ ข้าสงสัยเหลือเกินว่าพวกเจ้ามาจากทางใต้ใช่หรือไม่?”
ชายหนุ่มยิ้มตอบกลับมา “เดาเอาสิ”
“เย่หยวน!” เฟิงซวนยี่นั้นเบิกตากว้างขึ้นมาอย่างคับแค้นและไม่อยากยอมรับ
พลังเมื่อสักครู่นี้ตัวเขาเองก็สัมผัสถึงมันได้ชัดเจน
ภายใต้พลังเช่นนี้แล้วเย่หยวนย่อมจะไม่มีทางรอดชีวิตได้เลย!
เฟิงซวนยี่คิดว่าด้วยพลังของเฮ่อซีเยียนแล้วอย่างน้อยๆ ย่อมจะส่งเย่หยวนออกไปได้
แต่ใครจะไปคิดฝันว่าพันธมิตรโอสถนั้นกลับยังมียอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนซุ่มรออยู่อีก!
นี่มันเท่ากับว่าถูกถอนรากถอนโคนแล้ว!
เสี่ยวเฟยไป่นั้นติดตามตัวหลัวหยุนชิงไปติดๆ มีหรือที่เขาจะยังเอาชีวิตรอดได้?
เฟิงซวนยี่นั้นรู้สึกเหมือนกับทั้งโลกมันแตกสลายลงไปตรงหน้า
นิกายสวรรค์ยุทธมั่นที่ยิ่งใหญ่นั้นมันกลับไม่เหลือทางรอดใดๆ อีกต่อไปแล้ว!
ตูม!
ภายใต้ฝ่ามือของหวงฟู่หยุนซือนั้นเฟิงซวนยี่ก็ต้องกระอักเลือดออกมา
เวลาของเขาหมดลงแล้ว ชีวิตของเขานั้นกำลังค่อยๆ จางหายไปเรื่อยๆ อย่างไร้พลังจะขัดขืน
สภาพของเฟิงซวนยี่ในตอนนี้ไม่อาจจะเทียบเคียงหวงฟู่หยุนซือได้อีกต่อไปแล้ว
หวงฟู่หยุนซือนั้นหัวเราะลั่นขึ้นมา “เจ้าคิดน้อยเกินไป! มีหรือที่ท่านผู้นำจะปล่อยให้เย่หยวนมันหนีไปได้? ในเมื่อมันไม่ยอมแพ้แล้วมันก็มีแต่ต้องตายไม่เช่นนั้นมันคงได้กลายเป็นศัตรูร้ายของพันธมิตรโอสถข้า! ปล่อยให้คนเช่นนี้มีชีวิตรอดต่อไปพวกข้าคงไม่ได้กินได้นอนกันพอดี!”
ฝ่ามือของหวงฟู่หยุนซือนั้นมันหนักหน่วงขึ้นกว่าเก่าเรื่อยๆ จนตอนนี้เฟิงซวนยี่ไม่เหลือแรงที่จะปัดป้องใดๆ แล้ว
ดวงตาของเขานั้นยังคงเบิกกว้างอย่างไม่คิดยอมแพ้
จนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต ดวงตาของเขาก็ยังคงเบิกค้าง!
ชายหนุ่มนั้นมองดูเฮ่อซีเยียนก่อนจะกล่าวขึ้นมา “เอาล่ะ ทีนี้ทั้งเจ้านิกายใหม่เก่าก็ตายลงสิ้นแล้ว นิกายสวรรค์ยุทธมั่นของเจ้าคงได้ถึงเวลาหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์เสียที”
คลื่นพลังจากร่างของเฮ่อซีเยียนปะทุขึ้นมา
เขานั้นแตกต่างจากเหล่ายอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกทั้งหลาย คลื่นพลังของเขานั้นมันยิ่งใหญ่จนผู้คนรู้สึกศรัทธาขึ้น
นี่มันคือพลังพิเศษของเหล่ายอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียน!
“ข้ารู้ว่าเจ้านั้นเก่งกาจแต่เจ้าเองก็จัดการข้าลงไม่ได้ง่ายๆ หรอก คิดจะหักกระดูกเฒ่าๆ นี้ลงเจ้าเองก็ต้องเตรียมตัวเจ็บหนักเช่นกัน!” เฮ่อซีเยียนนั้นกล่าวขึ้นมาเหมือนคิดจะแลกชีวิตกับศัตรูลงตรงนี้แล้ว
แต่ชายหนุ่มนั้นกลับตอบมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย “เช่นนั้นหรือ? ข้าว่าเจ้าคงคิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไปแล้ว”
พูดไปเขาก็หยิบเอาเครื่องประดับหยกชิ้นหนึ่งขึ้นมา
เมื่อเครื่องประดับหยกนี้ปรากฏขึ้นมาสีหน้าของเฮ่อซีเยียนก็ต้องเปลี่ยนสีไป
เขาร้องขึ้น “นี่มันหรือว่า…สมบัติยอดหมอกในตำนาน?”
ชายหนุ่มยิ้มตอบกลับมา “ใช่แล้ว อย่างน้อยๆ เจ้าก็พอมีความรู้อยู่บ้าง!”
เฮ่อซีเยียนผงะไปทันที “ดูท่าพวกเจ้าจะมาจากทางใต้จริงๆ ”
ชายหนุ่มตอบกลับมา “ไม่ว่าเราจะมาจากทางใต้หรือไม่ มันไม่สำคัญ เพราะจากวันนี้ไปห้านิกายสวรรค์มันจะกลายเป็นได้แค่ประวัติศาสตร์ พันธมิตรโอสถของข้านั้นจะขึ้นครองทวีปพิรุณใสเอง!”
เกิดแสงสว่างจ้าเปล่งออกมาจากเครื่องประดับหยกชิ้นนั้น
แม้ว่ามันจะดูเป็นแสงที่แสนอ่อนโยนแต่ว่าสีหน้าของเฮ่อซีเยียนนั้นมันกลับไม่ดีเอาเสียเลย
…
สามเดือนต่อมา ณ สุดปลายของดินแดนใต้การปกครองของห้าดินแดนสวรรค์นั้นมันเชื่อมต่อกับทะเลกว้าง เวลานี้บนผืนน้ำนั้นมันมีเรือเหล็กกำลังแล่นเข้ามาใกล้ฝั่งอยู่
บนเรือนั้นมันมีชายหนุ่มหญิงสาวอยู่ราวสี่ห้าคน
“หึ ดินแดนนอกชายฝั่งมันอยู่อีกไม่ไกลแล้ว! หลังจากไปถึงดินแดนนอกชายฝั่งได้เราย่อมจะปลอดภัยแน่นอนแล้ว!”
“ไปครั้งนี้ได้ประโยชน์มาเยอะเสียจริง ต้องขอบคุณพี่ห่าวหยานอย่างมาก นอกจากว่าพี่ห่าวหยานจะได้มุกซ่อนน้ำมาแล้วพี่ยังไปรับมือกับเหล่าภูติแท้เผ่าทะเลทั้งหลายไว้กว่าครั้งด้วยตัวเองด้วย”
“หึๆ หากจะให้พูดถึงว่าใครได้ประโยชน์ที่สุดมันก็คงเป็นเป่ยหยุนแล้ว! นางนั้นมีกายเต๋าวิญญาณน้ำก่อนกำเนิดระดับห้าย่อมจะเป็นคนที่เหมาะสมจะใช้มุกซ่อนน้ำมากที่สุด หากมิใช่เพราะนางแล้วเราย่อมจะไม่มีทางทำเรื่องนี้ได้สำเร็จแน่”
หวงห่าวหยานนั้นมองดูซูเป่ยหยุนด้วยสายตารักเอ็นดู
ซูเป่ยหยุนนั้นเป็นลูกสาวเจ้าเมืองสงบทักษิณ หวงห่าวหยานนั้นตามจีบนางมานานแสนนานแล้วด้วยกัน
และครั้งนี้เขาก็สามารถเอามุกซ่อนน้ำมาได้สำเร็จ
ซูเป่ยหยุนหันมามองหวงห่าวหยานด้วยรอยยิ้มที่แทบหุบไม่ลงก่อนจะกล่าวขึ้น “พี่หยานนั้นจะถ่อมตัวเกินไปแล้ว! เป่ยหยุนนั้นเพียงแค่เข้าไปช่วยเหลือเล็กน้อยจะยังมีความดีความชอบใดมากมาย? เป็นพี่หยานต่างหากที่มีกำลังฝีมือเหนือล้ำคนทั้งหลายไปมากมาย แม้ต้องรับมือกับภูติแท้เผ่าทะเลนับสามพันตนท่านไม่คิดเกรงกลัว สมเป็นลูกผู้ชายจริงๆ ”
เมื่อหวงห่าวหยานได้ยินเช่นนั้นเขาก็ต้องรีบตอบกลับมาว่ามิกล้าๆ ด้วยใบหน้าบานชื่น
“อ่า พวกเจ้าดูนั่น! มันมีคนลอยอยู่ในทะเลด้วย!” คนในกลุ่มกล่าวขึ้นมา
คนผู้นั้นเองเมื่อได้เห็นเรือใหญ่เขาก็ยิ้มกว้างขึ้นมาอย่างมีความหวังก่อนจะร้องขึ้นทัก “สหายบนเรือทั้งหลาย พวกท่านช่วยพาข้าไปด้วยได้หรือไม่ ข้าจะซาบซึ้งในบุญคุณนี้อย่างมาก!”
พูดไปเขาก็ไม่รอให้คนทั้งหลายตอบกลับและพุ่งตัวขึ้นมาจากน้ำเข้ามาถึงตัวเรือทันที
เมื่อหวงห่าวหยานได้เห็นผู้มาถึงนั้นเขาก็ต้องขมวดคิ้วแน่น
คนผู้นี้แต่งกายด้วยชุดขาวแต่กลับมีเลือดอาบทั้งกายพร้อมคลื่นพลังที่สุดแสนปั่นป่วน ดูอย่างไรมันก็คือคนบาดเจ็บใกล้ตาย
คนไม่รู้หัวนอนปลายเท่าเช่นนี้ตัวหวงห่าวหยานย่อมจะไม่คิดพากลับไปด้วยเป็นแน่
“เจ้าเป็นใคร? เสียมารยาทจริง! คุณหนูผู้นี้อนุญาตให้เจ้าขึ้นเรือมาแล้วหรือ?” ซูเป่ยหยุนกล่าวขึ้นมาขัดทันที
ชายชุดขาวผู้นั้นยิ้มแห้งๆ ตอบกลับมา “ต้องขออภัยด้วยจริงๆ ข้านั้นหลงทางกลางทะเลและว่ายหาทางกลับเข้าฝั่งมานับเดือนแล้วจนสุดท้ายได้มาเจอกับพวกท่านทั้งหลาย พวกท่านจะพาข้ากลับเข้าฝั่งไปด้วยได้หรือไม่? ไม่เช่นนั้นแล้วข้าคงไม่อาจจะหาทางกลับไปเองได้แน่!”
ซูเป่ยหยุนที่ได้ยินก็ตอบกลับไป “ทิศที่เจ้าว่ายไปมันผิดมหันแล้ว แน่นอนว่าเจ้าย่อมจะไม่อาจหาทางเข้าฝั่งได้ถ้าเจ้าว่ายออกทะเล! เจ้านี่มันบ้าเสียจริงคิดมาว่ายน้ำกลางทะเลหนามใต้ด้วยตัวคนเดียวเช่นนี้ คิดรนหาที่ตายหรือ? การที่รอดชีวิตมาเจอเราได้นี้มันก็ถือว่าเจ้ามีบุญแล้ว! เจ้าโง่นี่!”
ชายหนุ่มนั้นยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป “ที่แม่นางว่ามามันย่อมไม่ผิดแล้ว! ข้านั้นไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆ โอสถสวรรค์ทั้งหลายนี้ข้าพกติดตัวมาบ้าง ถือเสียว่าเป็นคำขอบคุณพวกท่านทั้งหลายว่าอย่างไรเล่า?”
พูดไปชายหนุ่มชุดขาวนั้นก็หยิบเอาโอสถสวรรค์ห้าเม็ดออกมา
วินาทีที่พวกซูเป่ยหยุนได้เห็นนั้นพวกเขาทั้งหลายก็ต้องร้องขึ้นมา “ระดับเก้าขั้นสุด! โอสถแก่นสวรรค์ระดับสอง!”
คนทั้งหลายนั้นต่างหันมามองหน้ากันอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
โอสถแก่นสวรรค์นั้นมันเป็นสุดยอดโอสถสวรรค์ที่ช่วยเรื่องการบ่มเพาะที่สำคัญไปกว่านั้นระดับเก้าขั้นสุดเช่นนี้มันย่อมจะไม่มีใครไม่อยากได้แล้ว
ชายหนุ่มชุดขาวนั้นกล่าวขึ้นมาพร้อมมอบโอสถสวรรค์ให้แก่ซูเป่ยหยุน “ดูท่าแม่นางนั้นจะบ่มเพาะวรยุทรธาตุน้ำสินะ ข้านั้นพอดีว่ามีโอสถหอมกลั่นปราณวารีติดตัวมาด้วย ข้าว่ามันคงเป็นประโยชน์แก่แม่นางได้ไม่น้อย!”
ซูเป่ยหยุนนั้นอ้าปากค้างขึ้นมาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
โอสถหอมกลั่นปราณวารีระดับเก้าขั้นสุดนั้นมันคือสมบัติล้ำค่าที่ไม่อาจจะเอาอะไรมาเปรียบมาเทียบได้สำหรับนาง
ต่อให้จะเป็นสมบัติที่พวกนางไปได้มาจากเผ่าภูติแท้ทะเลเองก็คงไม่อาจจะเทียบเคียงกับเจ้าสิ่งนี้ได้!
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียโอสถหอมกลั่นปราณวารีนั้นมันก็จะช่วยพัฒนาพลังกฎของนางไปได้มาก
โอสถหอมกลั่นปราณวารีระดับเก้าขั้นสุดนั้นมันย่อมจะทำให้นางบรรลุขึ้นสู่พลังกฎระดับใหม่แน่นอน
แต่ขณะที่คนทั้งหลายกำลังมองดูชายชุดขาวนี้ด้วยความตกตะลึงนั้นเองพวกเขาก็ต้องหน้าซีดลง
เพราะเวลานี้มันได้มีคลื่นใหญ่ซัดเข้ามาใส่เรือของพวกเขา
หวงห่าวหยานร้องขึ้นมา “ไม่ดีแล้ว พวกมันน่าจะรู้ตัวแล้วว่าศาลาเฝ้าสมบัติถูกปล้น! พวกมันตามเรามาทันแล้ว!”