Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2642 ขับไล่ทัพศัตรู
“ทางรอด? คนอย่างเจ้านี้มันจะทำอะไรได้?” ซูเป่ยหยุนนั้นกล่าวขึ้นอย่างไม่คิดเป็นจริงเป็นจัง
แต่ก่อนที่นางจะทันได้พูดจบประโยคเย่หยวนก็ประโดดลงน้ำไปก่อนแล้ว
เวลานี้ทัพของเหล่าชาวเงือกนั้นมันอยู่ห่างจากเรือไปแค่ไม่กี่กิโลเมตร
เมื่อเย่หยวนกระโดดลงไปเช่นนี้แล้ว เขาก็ย่อมจะต้องเผชิญกับเหล่าชาวเงือกแทบจะในทันที
ภาพนี้มันทำให้หวงห่าวหยาน ซูเป่ยหยุนและพวกต่างต้องผงะไปตามๆ กัน
“จะ…เจ้าหมอนี่มันคิดจะทำอะไรกันแน่?” ซูเป่ยหยุนนั้นกล่าวขึ้นอย่างมึนงง
“ใครจะไปสนใจเล่า! หากมันคิดอยากรนหาที่ตายเองแล้วมันก็คงมาโทษเราไม่ได้! รีบไปกันต่อเถอะ!” หวงห่าวหยานกล่าวขึ้นมา
คนที่ผงะนั้นมันไม่ได้มีแค่พวกเขาทั้งหลายแต่มันยังรวมไปถึงเหล่าทัพชาวเงือกด้วย
พวกเขานั้นเองก็ไม่นึกฝันว่าอีกฝ่ายนั้นกลับจะกระโดดลงน้ำมาเช่นนี้!
นี่มันคือการรนหาที่ตายดีๆ นี่เองมิใช่หรือ?
หรือว่าเจ้าเด็กคนนี้มันคิดจะฆ่าตัวตายจริง?
เย่หยวนหันไปมองผู้นำทัพชาวเงือกก่อนจะกล่าวขึ้นมา “ถือว่าไว้หน้าข้า ปล่อยพวกเขาทั้งหลายไปเสีย ว่าอย่างไร?”
ผู้นำทัพชาวเงือกนั้นตวาดลั่นกลับมา “เจ้าเด็กนี่มันมาจากที่ใดกันถึงกล้ามาพูดจาไร้สาระต่อหน้าแม่ทัพผู้นี้! จัดการมันเสีย ฉีกร่างมันออกเป็นชิ้นๆ ”
เมื่อได้รับคำสั่งเช่นนั้นแล้วเหล่าทหารเงือกทั้งหลายต่างก็ถือหอกถือสามง่ามพุ่งตัวเข้ามาปิดล้อมเย่หยวนไว้ทันที
พลังของยอดฝีมือนับพันๆ นั้นมันทำให้สีหน้าของคนทั้งหลายบนเรือนั้นซีดขาวลง
พวกเขานั้นรู้ดีว่าในทะเลนั้นมันมักจะมีการปะทะกันของเผ่าต่างๆ มากมายและเป็นการต่อสู้ที่หนักหน่วงกว่าบนแผ่นดินมากนัก
นั่นทำให้เผ่าระดับต่ำทั้งหลายต้องรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนอย่างหนักแน่น
กองทัพมนุษย์สามพันคนนั้นมันไม่อาจจะเทียบกับกองทัพเงือกสามพันตนได้เลย
ไหนจะยังเรือที่เย่หยวนกำลังเข้าไปเผชิญหน้ากับพวกมันทั้งหลายเพียงลำพังอีก
บนเรือนั้นสหายอีกคนหนึ่งก็กล่าวขึ้นมา “ข้าเข้าใจแล้ว! วิธีที่มันพูดถึงนั้นคือการท้าทายทัพชาวเงือกทั้งหลายด้วยตัวคนเดียว! เจ้าหมอนี่มันบ้าไปแล้วหรือ?”
ซูเป่ยหยุนนั้นได้แต่ต้องผงะไปเมื่อได้ยินเช่นนั้น
เพียงแค่ว่าในสายตาของพวกเขาทั้งหลาย การทำเช่นนี้มันย่อมไม่ต่างอะไรจากการรนหาที่ตาย
ซูเป่ยหยุนนั้นได้แต่ต้องกลอกตากล่าวขึ้น “เจ้าโง่ที่ไม่รู้จักประเมินตัวเอง! แค่ได้เห็นมันมาว่ายน้ำเล่นในทะเลหนามใต้นี้เราก็น่าจะรู้แล้วว่าสมองมันไม่ดี!”
กองทัพเงือกนั้นเข้าใกล้เย่หยวนมาเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็ปะทะเข้ากับเย่หยวน!
ตูม!
คลื่นน้ำสั่นสะท้านไปอย่างรุนแรง!
เงาร่างผอมบางของเย่หยวนนั้นมันกลับถูกกองทัพและคลื่นน้ำกลืนกินลงไปสิ้น
หวงห่าวหยานนั้นส่ายหัวกล่าวขึ้นมา “คนไม่รู้มันไม่กลัว! น่าเสียดายแค่ว่ามันนั้นกลับไม่อาจจะถ่วงเวลาได้แม้แต่วินาที!”
การรนหาที่ตายของเย่หยวนนี้หวงห่าวหยานและพวกย่อมจะไม่คิดสนใจมากมาย
แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คือการรนหาที่ตายของเย่หยวนนี้มันกลับไม่อาจจะช่วยซื้อเวลาให้พวกเขาได้แม้แต่น้อย
เวลานี้กองทัพเงือกส่วนมากยังคงตามหลังพวกเขามาไม่หยุด
แต่ไม่นานพวกเขาก็ต้องเห็นถึงความผิดปกติขึ้นมา
เพราะว่าคลื่นใหญ่ที่ซัดออกมาจากจุดปะทะนั้นมันกลับดูแปลกประหลาดอย่างไม่อาจคาดคิด
ความเร็วการเคลื่อนที่ของกองทัพเงือกเองมันก็ช้าลงไปอย่างมากเช่นกัน
วินาทีจากนั้นมันก็ปรากฏเงาร่างหนึ่งพุ่งขึ้นมาจากน้ำพร้อมศพของเงือกที่ระเบิดขึ้นกลางอากาศ
ดวงตาของทุกผู้คนที่ได้เห็นนั้นต้องเบิกกว้างขึ้นมา!
แต่ว่าเขานั้นยังไม่หยุดลงพุ่งตัวกลับลงไปหากองทัพเงือกอีกครั้งหนึ่ง
“นะ…นี่ตาข้าฝาดไปหรือ? เมื่อกี้…มันคือเจ้าเด็กคนนั้น?” หวงห่าวหยานกล่าวขึ้นมาแทบไม่เป็นภาษาคน
ซูเป่ยหยุนนั้นเองก็ผงะไปเช่นกัน “เขา…เขากลับยังไม่ตาย? นั่นมันกองทัพเงือกเชียวนะ!”
ภายใต้การรุมโจมตีของเงือกนับพันๆ นั้นนอกจากว่าเย่หยวนจะรอดออกมาได้แล้วเขายังสามารถต่อต้านสังหารกลับไปได้!
มีหรือที่พวกเขาจะไม่ตกตะลึง?
ที่สำคัญไปกว่านั้นเจ้าหมอนี่มันยังมีพลังแค่ชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่ขั้นกลาง!
ไม่นานจากนั้นความเปลี่ยนแปลงมันก็เริ่มปรากฏขึ้นชัดในทัพเงือก
เพราะเวลานี้กองทัพนั้นมันแทบจะไม่เหลือความเป็นระเบียบใดๆ อีก
หวงห่าวหยานนั้นเห็นชัดเจนว่าผู้นำทัพเงือกนั้นไม่มีทางเลือกนอกจากต้องถอยทัพกลับไปช่วยจัดการเย่หยวนที่อาละวาดอยู่ตรงกลาง
ท่ามกลางคลื่นที่ซัดรุนแรงนั้นเงาร่างเปื้อนเลือดก็ปรากฏขึ้นมาก่อนจะจมหายลงไปอีกครั้ง
ยิ่งพวกหวงห่าวหยานได้เห็นมากเท่าใดพวกเขาก็ยิ่งตกตะลึงไปมากเท่านั้น ยิ่งจ้องมองพวกเขาก็ยิ่งรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง
เจ้าหมอนี่มันกลับสังหารกองทัพเงือกลงได้จนมีสภาพเช่นนี้?
พวกเขานั้นย่อมจะไม่อาจจะรู้ได้ว่าการบรรลุกฎแห่งห้วงมิติกอปรกับการต่อสู้ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้มันทำให้แปลงยอดเต๋าของเย่หยวนพัฒนาขึ้นระดับสองมาได้แล้ว!
เวลานี้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ครอบมันได้เติบโตขึ้นมาเป็นต้นไม้น้อยแล้ว!
ใบของมันนั้นเพิ่มจากสองมาเป็นแปด!
ที่สำคัญไปกว่านั้นพลังของมันยังรุนแรงขึ้นอย่างไม่อาจเทียบเคียงกับก่อนหน้าได้!
หากอีกฝ่ายนั้นไม่มีแปลงยอดเต๋าระดับสองเหมือนกันมันก็คงไม่มีใครในชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่ที่เย่หยวนจะพ่ายแพ้ให้ได้!
ผสานกับวรยุทธบ่มเพาะของเย่หยวนที่ทำให้เขามีความอดทนเหนือล้ำในศึกที่ยืดยาวและยังพลังของเต๋าค่ายกลที่สูงล้ำนั้นด้วย
เวลานี้ไม่ว่าจะเป็นกองทัพใดๆ มันจึงมิใช่ปัญหาแก่ตัวเย่หยวนเลย
เว้นแต่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำ ไม่เช่นนั้นแล้วเย่หยวนย่อมจะสังหารได้หมดสิ้นไม่ว่าจะคนเดียวหรือพันคน
แต่ว่าในความคิดของพวกหวงห่าวหยานที่ไม่ได้รู้เรื่องราวแล้วมันย่อมจะเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดจนเกินเข้าใจ
ในเวลานั้นเองที่สหายของพวกเขาอีกคนได้กล่าวขึ้น “พี่ห่าวหยาน ตอนที่เจ้าเด็กคนนั้นมันขึ้นเรือมามันมีคลื่นพลังที่สุดแสนจะเหนื่อยอ่อน! ที่สำคัญทิศทางที่มันว่ายมานั้นยังเป็นทางเบื้องหน้าเรานี้ ท่านดูสิว่าเบื้องหน้าเรามันมีภูติแท้เผ่าทะเลตายไปมากมายแค่ไหน หรือว่าพวกมัน…จะถูกเขาฆ่ากัน?”
“บ้าน่า!” หวงห่าวหยานนั้นแทบจะทรุดตัวลงตรงนั้นก่อนจะส่ายหัวออกมาอย่างไม่คิดยอมรับ “ภูติแท้ทะเลมากมายปานนี้หากมิใช่ผู้อาวุโสพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำแล้วมันย่อมจะไม่มีทาง…หรอก”
คิดมาถึงตรงนี้เขาก็ต้องเงียบปากลงไป
เพราะเขานั้นรู้ดีว่ามันมีความเป็นไปได้สูงมาก!
อย่างน้อยๆ โอกาสเก้าในสิบมันก็คงเป็นอย่างที่ว่านั้น!
หากมิใช่เย่หยวนแล้ว เรื่องราวมันก็คงจะบังเอิญจนเกินไป!
เมื่อหันกลับไปมองซากศพมากมายนั้นตัวหวงห่าวหยานก็รู้สึกจุกขึ้นมากลางอก
“เขาคงไม่ได้สังหารมาตลอดทางหรอกใช่ไหม?” หวงห่าวหยานนั้นหันมากล่าวกับซูเป่ยหยุนด้วยใบหน้าเหยเก
เมื่อมนุษย์ทั่วๆ ไปลงทะเลมานั้นพวกเขาย่อมจะพยายามเลี่ยงภูติแท้เผ่าทะเลให้มากที่สุด
เว้นเสียแต่ว่าจะมีพลังบ่มเพาะชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำแล้วมันจะมีใครกล้าฆ่าสังหารเปิดทาง?
ในทะเลนี้มันมีภูติแท้เผ่าทะเลมากมายที่จะไปต่อกรด้วยง่ายๆ ไม่ได้
พวกเขานั้นมีจำนวนนับร้อยๆ หรือพันๆ เท่าของเผ่ามนุษย์!
ที่สำคัญไปกว่านั้นในทะเลนี้มันยังเป็นดินแดนของภูติแท้เผ่าทะเล ทำให้พวกมันนั้นเก่งกาจกว่ามนุษย์ในระดับเดียวกันไปมาก
ภายใต้เงื่อนไขเช่นนั้นเขากลับยังสังหารเปิดทางมาได้ แค่คิดพวกเขาก็ต้องขนลุกขึ้นมาแล้ว!
รอยยิ้มแห้งๆ บนใบหน้าของซูเป่ยหยุนนั้นเองก็ไม่ได้ดีกว่าหวงห่าวหยานมากนัก
เพราะในจิตใจของนางนั้นหวงห่าวหยานนั้นคือยอดคนที่แท้จริง
ตอนที่เย่หยวนปรากฏขึ้นมานั้นนางย่อมจะดูถูกเย้ยหยันเขาอย่างสุดใจ แสดงแต่ความไม่พอใจออกมา
แต่สุดท้ายแล้วเขาคนนี้กลับเก่งกาจอย่างเหนือจินตนาการ
โชคยังดีที่เย่หยวนนั้นมิใช่คนโหดร้ายเลือดเย็นใดๆ ไม่เช่นนั้นตอนที่นางกระแทกฝ่ามือใส่เขานั้นมันคงเป็นวินาทีที่ชีวิตของนางจบสิ้นลงแล้ว
แค่กำลังฝีมือของนางนี้มันย่อมจะไม่มีทางเทียบใดๆ กับเย่หยวนได้
แม่ทัพเงือกนั้นร้องลั่นขึ้นมาก่อนจะพุ่งตัวลงน้ำลึกไป “อ่า! ไอ้เด็กคนนี้มันเก่งกาจเกินไป เราสู้มันไม่ไหว! ถอย! ถอยเร็ว!”
เย่หยวนนั้นยังคงวางท่าเหมือนเดินเล่นในสวนได้แม้จะต้องมาเจอทัพนับพันๆ นี้
สังหารไปสังหารมา มันกลับไม่มีใครหยุดเขาลงได้!
แม้ทัพเงือกนั้นมีพลังแข็งแกร่งอย่างมากแต่ก็ยังแทบเอาชีวิตไม่รอด ถูกเย่หยวนตัดแขนลงไปในที่สุด
มีหรือที่เหล่าเงือกทั้งหลายจะยังกล้าอยู่ต่อสู้อีก?
มาเร็ว ไปเร็ว
พริบตาเดียวนั้นกองทัพเงือกมันก็จางหายไปอย่างไร้ร่องรอยเหลือไว้เพียงซากศพที่ลอยเกลื่อนผืนน้ำ
เย่หยวนนั้นมีวิชาการเคลื่อนไหวที่สุดแสนรวดเร็ว ไม่นานเขาก็ตามมาถึงเรือใหญ่ได้ทันที
เมื่อเขาขึ้นมาเหยียบกราบเรืออีกครั้งเหล่าคนทั้งหลายบนเรือก็ต้องยืนตัวเกร็งทันที
เพราะเขาคนนี้เป็นดั่งเทพแห่งความตายอันเลือดเย็น!