Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2676 คนของเจ้าคือคนของข้า
“กราบคารวะเจ้าหอสาม!”
ในเมืองสงบทักษิณนั้นเมื่อหวงห่าวหยานและซูเป่ยหยุนได้เห็นหน้าเย่หยวนพวกเขาก็รีบก้มหัวลงต่ำกล่าวทักทายทันที
เย่หยวนนั้นส่งต่อการดูแลหอโอสถสวรรค์ใต้ให้แก่ตระกูลซ่งและตระกูลหยุนพร้อมๆ กับพวกชุยถงส่วนตัวเขานั้นเดินทางออกมายังทะเลหนามใต้เพียงลำพัง
เขานั้นเข้าค่ายกลเคลื่อนย้ายและมุ่งหน้าจากเมืองสวรรค์ใต้มายังเมืองสงบทักษิณพร้อมเตรียมตัวออกเดินทางในทะเลต่อทันที
เวลานี้ตัวเย่หยวนมีสถานะยิ่งใหญ่ล้ำฟ้าเมืองสงบทักษิณย่อมจะต้องเตรียมการต้อนรับเขาไว้อย่างยิ่งใหญ่
เพียงแค่ว่าเมื่อพวกเขาได้เห็นเย่หยวนออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้ายเพียงลำพังพวกเขาก็ยังต้องตกตะลึงกันไปไม่น้อย
“อาจารย์เย่ ท่านกลับจะออกเดินทางไปด้วยตัวคนเดียวหรือ?” หวงห่าวหยานนั้นกล่าวขึ้นมาอย่างตื่นตกใจ
เย่หยวนพยักหน้ารับกลับไป “เผ่าทะเลนั้นมองมนุษย์เป็นศัตรู หากข้านำคนไปด้วยนั้นมันจะไม่กลายเป็นการไปหาเรื่องใส่ตัวเอาหรือ?”
หวงห่าวหยานตอบกลับไป “แต่หากท่านไปทั้งๆ อย่างนี้แล้วเกิดราชามังกรน้ำดำคิดร้ายขึ้นมาเล่าท่านจะทำอย่างไร?”
เย่หยวนยิ้มกว้างตอบกลับไป “คิดทำร้ายข้ามันจะง่ายนักหรือ?”
หวงห่าวหยานที่ได้ยินก็ต้องผงะไปก่อนจะกันฟันแน่นกล่าวขึ้น “อาจารย์เย่ แม้ว่าห่าวหยานผู้นี้จะไร้กำลังฝีมือแต่ข้าก็ขอติดตามท่านไป! หากมันเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ แล้วข้าคงอาจจะพอถ่วงเวลาให้ท่านได้หนีบ้าง”
“หากมันเกิดอะไรขึ้นจริงๆ เจ้าจะถ่วงเวลาได้หรือ? เอาเถอะ ข้านั้นมีแผนอยู่ในใจแล้ว พวกเจ้าไม่ต้องไปส่งข้าหรอก”
เย่หยวนยกมือขึ้นมาโบกลาก่อนจะพุ่งตัวห่างออกไปเกือบครึ่งกิโลเมตรในการกระโดดเดียว
หวงห่าวหยานขมวดคิ้วแน่น “เป่ยหยุน เจ้าคิดว่าท่าทางของอาจารย์เย่นี้มันแปลกๆ หรือไม่?”
ซูเป่ยหยุนพยักหน้ารับขึ้น “แปลกจริง!”
“เช่นนั้นเราตามไปดูกันเสียหน่อยเถอะ!” หวงห่าวหยานเสนอขึ้นมา
…
หลังออกจากเมืองสงบทักษิณมาได้แล้วเย่หยวนก็พุ่งตัวไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีท่าทีจะหยุดพัก
พวกหวงห่าวหยานทั้งสองคนนั้นจะอย่างไรก็มีพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำแต่พวกเขากลับไม่อาจจะตามความเร็วของเย่หยวนได้ทัน
หลังจากวิ่งไล่ตามมาพักใหญ่พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าท่าทางของเย่หยวนมันผิดปกติจริง
เพราะเย่หยวนนั้นไม่ได้ไปตามถนนเส้นหลักแต่เขากำลังเดินออกมาในถนนที่รกร้าง
ยิ่งเขาเดินไปเท่าไหร่ มันก็ยิ่งกลายเป็นที่รกร้างไร้ผู้คนมากขึ้นเท่านั้น
แต่จู่ๆ สีหน้าของคนทั้งสองก็ต้องขาวซีดลง
ในป่าเขาเบื้องหน้านั้นมันมีเงาร่างแปดคนพุ่งตัวออกมาปิดทางของเย่หยวนเอาไว้
หวงห่าวหยานนั้นหน้าซีดขาวลงทันทีก่อนจะร้องขึ้น “รองเจ้าเมืองเถี่ยซินและหมินหนานชาน! พวกมัน… พวกมันกลับคิดซุ่มโจมตีหมายสังหารอาจารย์เย่! ไม่มีทาง! ข้าจะต้องไปช่วยเขา!”
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ทำอะไรตัวซูเป่ยหยุนก็ต้องยกมือขึ้นมาห้ามเขาไว้
หวงห่าวหยานนั้นหันมากล่าวอย่างกังวล “เป่ยหยุน เจ้าคิดทำอะไร? นี่มันเป็นยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกถึงแปดคนเชียวนะ! ไหนจะยังตัวเถี่ยซินและหมินหนานชานที่เป็นถึงยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกขั้นสุดอีก!”
ซูเป่ยหยุนที่ได้ยินก็ต้องตอบกลับไป “หุบปากก่อน! เจ้าก็รู้ว่าพวกมันนั้นมีพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยก! เจ้าเข้าไปแล้วมันจะช่วยอะไรได้?”
หวงห่าวหยานนั้นกัดฟันกล่าวขึ้น “ชีวิตของข้านี้อาจารย์เย่เป็นคนช่วยไว้! จะเอาคืนให้เขาแล้วมันผิดตรงไหนกัน?”
ซูเป่ยหยุนนั้นได้แต่ต้องยกมือขึ้นมานวดขมับเมื่อได้ยิน “เจ้าโง่มากหรือ? ทำไมอาจารย์เย่นั้นถึงได้เดินทางออกมายังที่รกร้างคนเดียวเช่นนี้? ทำไมถึงไม่มุ่งตรงจากเมืองสงบทักษิณเราลงทะเลหนามใต้ไปเลย?”
หวงห่าวหยานที่ได้ยินก็ต้องผงะไปจนสุดท้ายต้องกล่าวถามขึ้น “เจ้าจะบอกว่าอาจารย์เย่นั้นจงใจทำเช่นนี้หรือ? เขา… เขานั้นกลับรู้ว่าเถี่ยซินและหมินหนานชานคิดสังหารตัวแต่ก็ยังเดินออกมาล่อศัตรูเช่นนี้? นี่เขามีแผนการใดๆ เตรียมรับไว้?”
ซูเป่ยหยุนต้องถอนใจยาวกล่าวขึ้นมา “อาจารย์เย่นั้นคือใคร? เขานั้นไล่ทัพเผ่าทะเลแห่งทะเลหนามใต้ไปได้ด้วยตัวคนเดียว มีหรือที่จะมาพลาดด้วยเรื่องแค่นี้? ดูไปก่อนเถอะ หากมันไม่ไหวจริงๆ เราค่อยเข้าไปช่วยถ่วงเวลามันก็ยังไม่สายไป!”
อีกด้านทางเถี่ยซินได้มองดูเย่หยวนด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันเต็มใบหน้า “เย่หยวน คงไม่นึกฝันเล่าสิว่าจะได้มาเจอกันที่นี่?!”
แต่เย่หยวนนั้นกลับยิ้มตอบไป “หากข้าบอกว่าข้าเดาไว้ก่อนแล้วเล่า?”
เถี่ยซินที่ได้ยินต้องผงะไปก่อนจะหัวเราะลั่นขึ้นมา “เด็กน้อย ความตายมาเยือนถึงตรงหน้าแล้วแต่เจ้ากลับจะยังมาวางท่าเยือกเย็นหรือ? ไม่มีประโยชน์ วันนี้เจ้าจะต้องตาย!”
หมินหนานชานนั้นยืนมือไพล่หลังมองดูเย่หยวนด้วยสายตาเย็นเยือก “เย่หยวน เจ้าทำให้ตระกูลหมินข้ามีสภาพไม่ต่างจากต้องตาย วันนี้มันได้เวลาชดใช้แล้ว!”
คนทั้งสองนั้นรู้ดีว่าเย่หยวนนั้นมิใช่ศัตรูที่จะจัดการได้ง่ายๆ
เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงเตรียมการกันอย่างดี พายอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกอีกถึงหกคนออกมาด้วย
เพื่อที่จะมั่นใจว่าวันนี้มันจะไม่มีอะไรผิดพลาดไปได้
การใช้ยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกถึงแปดคนเพื่อมาจัดการนักยุทธพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่นั้นมันย่อมจะเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นในแดนสวรรค์ใต้มาก่อน
ที่สำคัญไปกว่านั้นคนทั้งแปดนี้มันยังไม่มีใครที่พลังแค่ชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกขั้นต่ำด้วย
ที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มคนวันนี้ก็ยังเป็นถึงยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกขั้นกลาง
เถี่ยซินและหมินหนานชานนั้นยิ่งเป็นถึงยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกขั้นสุด
เย่หยวนนั้นไม่คิดสนใจคำขู่ใดๆ และยิ้มตอบ “ข้าขอเดานะ จากหอโอสถสวรรค์ใต้นั้นมันมีเพียงแค่ชุยถง หวู่เต้าและจีชุน สามผู้อาวุโสเท่านั้นที่รู้ว่าข้าจะออกมารวมไปถึงพวกซ่งเทียนหยางและหยุนปั่วหยู่ แต่พวกซ่งเทียนหยางและหยุนปั่วหยู่มันตัดขาดจากพวกเจ้าไปนานแล้ว ชุยถงเองก็เป็นคนที่ชอบจะยืนบนอำนาจใหญ่โต ได้รับความเคารพรอบด้าน ส่วนหวู่เต้านั้นเองแท้จริงแล้วเป็นคนที่คลั่งวิชาการโอสถไม่สนใจจะไปร่วมมือกับคนอย่างพวกเจ้าแน่ หากวิเคราะห์ตามนี้แล้วคนที่เป็นแหล่งข้อมูลของพวกเจ้ามันย่อมจะเป็นจีชุนแล้ว”
เย่หยวนนั้นใช้เวลาค่อยๆ กล่าวอธิบายออกมาจนทำให้ใบหน้าของเถี่ยซินและหมินหนานชานเริ่มมีความเปลี่ยนแปลง
หรือว่าเจ้าเด็กคนนี้มันจะรู้มาก่อนแล้วจริง?
แต่หากมันรู้แล้วทำไมมันถึงได้เดินเข้ามาติดกับเช่นนี้?
เย่หยวนนั้นคาดเดาได้ถูกต้อง เพราะจีชุนนั้นคือคนที่เถี่ยซินช่วยส่งเข้าไปอยู่ในหอโอสถสวรรค์ใต้จริงๆ
เพียงแค่ว่าสายสัมพันธ์นี้มันลึกล้ำกว่าที่คนอื่นๆ จะเข้าถึงได้
หลายคนรู้ว่าเย่หยวนจะออกทะเล
แต่คนที่รู้ว่าเย่หยวนจะออกเดินทางเมื่อไหร่นั้นมันมีเพียงแค่หยิบมือ
ครั้งนี้เย่หยวนออกมาอย่างเงียบเชียบ แน่นอนว่ามันจะมีแต่คนทั้งหลายที่รู้ก่อนแล้วเท่านั้นที่จะรู้ว่าเขาออกมา
ตราบเท่าที่คิดเสียหน่อยมันก็ย่อมจะเข้าใจได้ว่าใครคือหนอน
เถี่ยซินยิ้มตอบกลับไป “รู้แล้วทำไมเล่า? หรือว่าเจ้าคนเดียวนี้จะหนีจากพวกเราไปได้?”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ใครบอกเจ้าว่าข้ามาคนเดียว?”
เถี่ยซินและหมินหนานชานต้องผงะไปทันทีที่ได้ยิน!
แต่เมื่อลองตรวจสอบดูรอบๆ แล้วมันก็ไม่มีพลังของยอดฝีมือที่ไหนหลบซ่อนอยู่อีก
เถี่ยซินนั้นเมื่อรู้ตัวว่าถูกหลอกก็ได้ตวาดลั่นขึ้นมา “เด็กนรก เจ้าคิดล้อเล่นกับพวกข้าแล้ว?”
แต่หมินหนานชานนั้นกลับยิ้มขึ้นมาด้วยความโล่ง “เย่หยวน ข้าจะให้โอกาสเจ้า เรียกคนของเจ้าออกมาสิ!”
เย่หยวนหันไปมองหน้าคนทั้งสองด้วยรอยยิ้มที่ยังคงเรียบเฉย “เจ้าคิดว่าข้าเพิ่งรู้ว่าจีชุนเป็นหนอนหลังจากที่ได้เห็นหน้าพวกเจ้าหรือ? พวกเจ้าเข้าใจผิดแล้ว เถี่ยซิน เจ้ารู้หรือไม่เล่าว่าทำไมข้าจึงได้เดินทางออกมายังที่รกร้างเช่นนี้? เจ้ารู้หรือไม่เล่าว่าทำไมข้าถึงไม่ออกทะเลจากท่าของเมืองสงบทักษิณไปเลย?”
เมื่อเย่หยวนกล่าวขึ้นมาพวกเถี่ยซินก็อดไม่ได้ที่จะหวั่นไหว
ใช่แล้ว มันไม่สมเหตุสมผล!
เย่หยวนยิ้มพร้อมกล่าวขึ้นมาต่อ “หากข้าบอกว่าข้าจงใจปล่อยข่าวเพื่อล่อให้พวกเจ้าลงมือพวกเจ้าจะเชื่อหรือไม่? หากข้าบอกว่าคนของเจ้านั้นแท้จริงเป็นคนของข้าเจ้าจะโกรธหรือไม่?”
“ไร้สาระ! จีชุนนั้นเป็นคนของรองเจ้าเมืองคนนี้! เขาไม่มีทางหักหลังข้าแน่!” เถี่ยซินกล่าวขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “เรื่องนั้นมันเป็นอดีตไปแล้ว เวลานี้เขาเป็นคนของข้า!”
หนึ่งปีที่ผ่านมานี้เย่หยวนได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้หอโอสถสวรรค์ใต้ในระดับที่เรียกได้ว่าเหมือนสร้างขึ้นมาใหม่แต่ต้น
ระหว่างที่เย่หยวนทำการรวมหอโอสถสวรรค์ใต้ให้กลายเป็นปึกแผ่นแน่นอนว่ามันย่อมจะเกิดปัญหาต่างๆ มากมายขึ้นตามมา
จีชุนนั้นเป็นหนึ่งในปัญหาที่ปรากฏขึ้นนั้น
แท้จริงแล้วมีหรือที่เถี่ยซินจะเป็นคนเดียวที่คิดส่งคนเข้าไปยังหอโอสถสวรรค์ใต้?
สามตระกูลใหญ่ร่วมไปถึงตระกูลน้อยใหญ่ทั้งหลายนั้น รวมไปถึงเหล่าเจ้าเมืองต่างๆ เองมันมีใครบ้างเล่าที่ไม่อยากได้ส่วนแบ่งจากหอโอสถสวรรค์ใต้?
แต่สิ่งที่เย่หยวนได้มอบให้แก่หอโอสถสวรรค์ใต้นั้นมันเป็นสิ่งที่คนอื่นไม่อาจจะมอบให้ได้!
เย่หยวนนั้นสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของจีชุนมานานแต่เขานั้นไม่ได้คิดขับไล่หรือลงโทษจีชุน เขานั้นกลับสั่งสอนจีชุนอย่างเต็มที่แทน
เพราะเขานั้นสัมผัสได้ว่าแท้จริงแล้วจีชุนเป็นคนที่มีจิตใฝ่เต๋ารุนแรงมาก!
เขานั้นรอ รอวันที่จีชุนจะเข้ามาบอกสารภาพ! และไม่นานก่อนหน้านี้จีชุนก็ได้เข้ามากล่าวบอกเรื่องนี้แก่เย่หยวนจริงๆ