Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2680 ไอ้พวกกึ่งมังกร
“หึ ไอ้เด็กนี้มันคงไม่รู้จักคำว่าตาย กล้าคิดไปท้าทายมู่เฉินเช่นนี้!”
“มู่เฉินนั้นคือยอดคนรุ่นใหม่ที่เก่งกาจติดยี่สิบอันดับต้นๆ ของเจ็ดราชวงศ์ได้ง่ายๆ”
“ไอ้มนุษย์โอหัง! มันคิดว่าตัวเองแปลงยอดเต๋าได้แล้วเก่งกาจมาก? โซ่สายฟ้าของมู่เฉินนั้นมันถูกสร้างขึ้นมาจากกฎสายฟ้าที่รุนแรงล้ำ มีหรือที่มนุษย์คนหนึ่งจะมาเทียบเคียงได้?”
…
ได้เห็นเย่หยวนโจมตีออกมาเช่นนั้นเหล่ายอดฝีมือรุ่นใหม่ทั้งหลายต่างก็แสดงสีหน้าเย้ยหยันออกมา
แม้ว่าจะเป็นยอดฝีมือแปลงยอดเต๋าเช่นกันแต่ว่าเย่หยวนนั้นก็มีพลังบ่มเพาะที่ต่ำกว่าอีกฝ่ายไปมาก แน่นอนว่ามันย่อมจะเป็นการรนหาที่ตายในสายตาคนทั้งหลาย
แต่ว่าอย่างไรเสียการปะทะกันของคนทั้งสองนี้มันก็รุนแรงจริง พลาดไปนิดโถงใหญ่นี้มันคงพังทลายลงมาสิ้น
ราชามังกรน้ำดำนั้นยื่นมือออกมาดึงเอาสังข์ศักดิ์สิทธิ์ทะเลหยกไปถือไว้ในมือ
จากนั้นเขาก็เปิดใช้งานพลังของมันก่อนจะปล่อยสังข์ศักดิ์สิทธิ์ทะเลหยกให้ลอยขึ้นไปปล่อยม่านแสงลงมาครอบหัวของเย่หยวนไว้
สนามชั่วคราวมันได้ถูกสร้างขึ้นมา
แต่ว่าก่อนที่ม่านแสงนั้นจะตกลงมาถึงพื้นดาบทั้งแปดมันก็ถูกปลดปล่อยออกมาจากต้น
ดาบแสงทั้งหลายนั้นฟันทำลายโซ่สายฟ้านั้นจนขาดสิ้นลงทันที!
“อุก!”
มู่เฉินนั้นถูกซัดจนร่างลอยลิ่วออกไป!
คนทั้งหลายนั้นต่างต้องอ้าปากค้างขึ้นมาตามๆ กัน
พวกเขานั้นไม่นึกฝันว่าเย่หยวนนั้นกลับจะซ่อนพลังฝีมือไว้มากมายปานนี้!
การโจมตีของดาบทั้งแปดนั้นมันย่อมจะมีพลังที่เหนือล้ำกว่าแค่สองดาบไปอย่างสิ้นเชิง
ปะทะไปแค่ไม่กี่กระบวนท่ามู่เฉินก็สิ้นท่าลงทันที
สนามชั่วคราวที่ราชามังกรน้ำดำนั้นสร้างขึ้นมันกลับไร้ประโยชน์ไปทันที
นักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่นั้นกลับเอาชนะยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำขั้นกลางลงได้ นี่มันย่อมจะเหนือล้ำกว่าความเข้าใจของพวกเขาทั้งหลายไปสิ้นเชิง
เหล่าคนที่ยังกล่าวเย้ยหยันเย่หยวนอยู่นั้นต้องหุบปากลงทันทีเมื่อได้ยิน
“แปลงยอดเต๋านั้นมันไม่ได้เหนือล้ำฟ้าดิน เพียงแค่ว่าแปลงยอดเต๋าของเจ้านั้นมันอ่อนแอก็เท่านั้น!” เย่หยวนกล่าวขึ้นมา
มู่เฉินนั้นแปลงยอดเต๋าขึ้นมาด้วยกฎเดียว ที่สำคัญไปกว่านั้นมันยังหยุดอยู่แค่ระดับสองทำให้ไม่ได้เก่งกาจมากมาย
เพราะเวลานี้พลังบ่มเพาะของเขานั้นอยู่ในระดับสามแต่พลังแห่งกฎของเขานั้นมันกลับยังติดอยู่ที่ระดับของชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่
หากจะบอกว่ามันเก่งมันก็เก่ง แต่เทียบกับเย่หยวนแล้วมันย่อมจะอ่อนแอเหลือเกิน
“ฮี่ๆๆ ข้าบอกแล้วว่าพี่เย่หยวนนั้นเก่งกาจจริง! พี่หยูชิง ท่านจะลงสนามด้วยหรือไม่?”
ได้เห็นมู่เฉินพ่ายลงไปเช่นนั้นแล้วจิงเฟยก็กลัวว่าเรื่องมันจะเล็กเกินไปจึงได้กล่าวขึ้นมาเรียกชายหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่ซ้ายมือราชามังกรน้ำดำ
ชายหนุ่มผู้นี้แค่นั่งกินดื่มอย่างสบายใจไม่คิดสนใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ เขานั้นนั่งดูราวกับว่ามันมิใช่เรื่องของตนเอง
เมื่อได้ยินคำถามของจิงเฟยเขาจึงยิ้มตอบไป “แค่มดปลวกทะเลาะกัน ข้ายังไม่ต้องลงไปยุ่งด้วยหรอก น้องจิงเฟย เจ้าอย่าได้สร้างปัญหาให้มันมากนัก”
คำพูดของเขานี้มันย่อมจะไม่ให้เกียรติใดๆ เย่หยวนเลย
แต่จิงเฟยนั้นกลับหันไปกล่าวกับเย่หยวนต่อ “พี่เย่หยวน พี่หยูชิงนี้เป็นคนที่เก่งกาจที่สุดในที่นี้แล้ว! หากพี่อยากคิดให้ทุกคนยอมรับนับถือพี่ต้องจัดการเขาลงด้วย! ทำไมพวกพี่ไม่สู้กันเสียหน่อยเล่า?”
เย่หยวนที่ได้ยินจึงตวาดกลับไป “นังเด็กคนนี้ พอได้แล้ว เจ้าอยากจะโดนตีอีกทีหรืออย่างไร?”
จิงเฟยที่ได้ยินนั้นแลบลิ้นปลิ้นตาตอบกลับไป “วันนี้เสด็จพ่ออยู่ด้วย ข้าไม่กลัวพี่หรอก!”
เย่หยวนขมวดคิ้วแน่นขึ้นมา “หากยังเล่นไม่เลิก ข้าจะกลับขึ้นแผ่นดินแล้ว!”
จิงเฟยที่ได้ยินนั้นจึงต้องรีบกล่าวตอบมาทันที “พี่อย่าเพิ่งไป! ข้าจะไม่สร้างเรื่องแล้วนะ? แค่วังมังกรมันน่าเบื่อเกินทน!”
เด็กน้อยคนนี้มีแต่ความคิดจะเล่นอยู่ในหัว
เหล่านายน้อยของเผ่าทะเลทั้งหลายนั้นย่อมจะโอหังเย่อหยิ่งเป็นธรรมดา
พวกเขานั้นย่อมรู้ดีว่าจิงเฟยแค่คิดสร้างปัญหาแต่พวกเขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะไปหาเรื่องเย่หยวน
เย่หยวนนั้นย่อมจะไม่คิดไปสนใจคำหาเรื่องใดๆ ในตอนแรกต่อให้เขาจะถูกดูถูกเขาก็ไม่คิดสนใจให้มากมาย
ตัวเขาในตอนนี้มีหรือที่จะยังมาสนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นนั้น?
เพียงแค่ว่าดูถูกได้ แต่เหยียดหยามนั่นมันเป็นสิ่งที่เขาจะไม่ยอม
เหล่านายน้อยทั้งหลายนั้นว่ากล่าวเย้ยหยันออกมาสุดตัว เย่หยวนจึงตอกหน้ากลับไปอย่างรุนแรงเช่นกัน
หยูชิงคนนี้ไม่ได้เข้าร่วมกับคนทั้งหลายแม้แต่น้อยเย่หยวนย่อมจะไม่คิดไปหาเรื่องใดๆ กับเขาอีก
ส่วนเรื่องการดูถูกนั้นมันก็มิใช่เรื่องที่เขาต้องไปสนใจที่สำคัญไปกว่านั้นหากคิดจะสังหารจริงๆ แล้วนักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำย่อมจะไม่อาจรอดมือเย่หยวนไปได้ง่ายๆ
แต่เมื่อได้เห็นท่าทางของจิงเฟย เหล่าคนทั้งหลายต่างต้องอ้าปากค้างขึ้นมาพร้อมๆ กัน นี่มันน่าตกตะลึงเสียยิ่งกว่าความพ่ายแพ้ของมู่เฉินด้วยซ้ำ
จิงเฟยนั้นเป็นตัวปัญหาและมิใช่แค่จะสร้างปัญหาในทะเลหนามใต้นี้ ในทะเลทั้งเจ็ดมันมีที่ใดบ้างที่ไม่เคยต้องเผชิญปัญหาที่นางสร้างขึ้นมา เด็กคนนี้กล้าแม้แต่จะเล่นหัวผู้เป็นพ่ออย่างราชามังกรน้ำดำ แต่กลับคิดก้มหัวยอมรับเด็กมนุษย์คนหนึ่ง
“พระเจ้าช่วย นี่ข้าตาฝาดไปหรืออย่างไรกัน?”
“จิงเฟยน้อยนั้นมันกลับรู้จักเกรงกลัวผู้คนด้วย?”
“แปลกประหลาด! หรือว่าวันพรุ่งนี้ดวงอาทิตย์มันจะขึ้นทางตะวันตก”
…
เย่หยวนนั้นไม่คิดสนใจสายตาของคนทั้งหลายและก้าวขึ้นมาหยุดอยู่ตรงหน้าราชามังกรน้ำดำในทันที “ราชามังกรน้ำดำ งานต้อนรับของท่านนี้มันยิ่งใหญ่ดีเสียจริง!”
ท่าทางไม่คิดเข้ามายุ่งกับปัญหาของราชามังกรน้ำดำนั้นเย่หยวนย่อมจะเข้าใจมันได้ แต่เข้าใจได้ไม่ได้หมายความว่าจะยอมรับได้
เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ได้แสดงท่าทีเคารพใดๆ ราชามังกรน้ำดำผู้นี้ออกมา
เพียงแค่ว่าเมื่อคนทั้งหลายได้เห็นท่าทางเช่นนั้นแล้วพวกเขาย่อมจะไม่อาจนั่งเฉยได้อีก
“โอหัง! เป็นแค่มนุษย์กลับกล้ามาพูดจาเช่นนี้ต่อหน้าท่านเจ้ามังกร!”
“มันคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้ามาเรียกท่านเจ้ามังกรห้วนๆ เช่นนี้”
เหล่าคนที่ยืนล้อมหน้าหลังนั้นต่างกล่าวด่าว่าออกมาทันที
เย่หยวนที่ได้ยินนั้นจึงยิ้มตอบกลับไป “เจ้ามังกร? หึๆ มังกรน้ำดำนี้ก็กล้ามาเรียกตัวเองเป็นเจ้ามังกร? ในทะเลกว้างใหญ่นี้มันคงไม่มีมังกรฟ้าอาศัยอยู่สินะ? เพราะไม่เช่นนั้นคนอย่างเจ้าเหล่ากึ่งมังกรทั้งหลายคงไม่กล้ามาเรียกตัวเองว่าเป็นเจ้ามังกรเช่นนี้!”
แม้ว่าเย่หยวนนั้นจะเป็นผู้บรรลุสวรรค์แต่ว่าเขาก็เป็นทายาทมังกรฟ้าอย่างแท้จริง ก่อนที่จะบรรลุขึ้นมานั้นพลังสายเลือดของเขามันถูกฝึกฝนบ่มเพาะจนถึงที่สุด หลังจากขึ้นมาได้แล้วร่างกายของเขาเองได้เปลี่ยนเป็นร่างกายของชั้นบรรยากาศสวรรค์ เพราะฉะนั้นแม้ว่าเขานั้นจะเป็นมนุษย์แต่ก็เป็นภูติแท้มังกรฟ้าเช่นกัน! เช่นนี้เองที่ทำให้สายเลือดมังกรฟ้าของเขามันรุนแรงล้ำนัก
ในหมู่คนทั้งหลายนั้นไม่ว่าจะเป็นเผ่ามังกรน้ำหรือเผ่ามังกรขด พวกเขาต่างก็เป็นได้แค่กึ่งมังกรทั้งสิ้น เทียบกับสายเลือดที่แสนบริสุทธิ์ของเย่หยวนแล้วมันย่อมจะห่างชั้นกันคนละโลก หากจะหาคนที่สายเลือดใกล้เคียงเขาที่สุดนั้นมันคงเป็นตัวมังกรน้อยจิงเฟยนี้
เพียงแค่ว่าต่อให้เป็นจิงเฟยเองสายเลือดของนางมันก็ยังไม่อาจจะเทียบชั้นเย่หยวนได้
และนี่มันยังเป็นเพราะว่าเย่หยวนมีพลังบ่มเพาะชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่ด้วย
หากวันหน้าเย่หยวนบรรลุขึ้นชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำพลังสายเลือดมังกรของเขาย่อมจะพุ่งทะยานสูงขึ้นอีก
ราชามังกรน้ำดำนั้นไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ต่อคำพูดของเย่หยวนมากมายนักแต่ดวงตาของหยูชิงนั้นกลับเบิกกว้างขึ้นมา
ดูท่าแล้วคำพูดนี้มันคงทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก
แม้ว่าคำของเย่หยวนนี้มันจะไม่ได้พูดว่าเขาตรงๆ ก็ตาม
“หึๆ ช่างเป็นคำพูดที่สูงล้ำเสียจริง! แค่มนุษย์คนหนึ่งนี้มันก็กล้ามาเย้ยหยันเผ่ามังกรข้าหรือ? เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร?” หยูชิงนั้นกล่าวขึ้นมา
แต่เย่หยวนไม่คิดสนใจเขาและยังจ้องหน้าราชามังกรน้ำดำต่อ
หยูชิงนั้นกัดฟันแน่นขึ้นมาพร้อมเลิกคิ้วสูงทันที ท่าทางตอนนี้เขาคงโกรธเคืองอย่างถึงที่สุดแล้ว
เดิมทีแล้วเขานั้นย่อมจะไม่สนใจตัวเย่หยวนแม้แต่น้อยเพราะว่าในสายตาของเขาแล้วเย่หยวนมันไม่ได้มีค่าให้ต้องโกรธเคืองใดๆ แต่คำว่า ‘กึ่งมังกร’ นี้มันทำให้เขาเดือดดาลขึ้นมาทันที เพราะคำพูดนี้มันคือคำต้องห้ามที่ห้ามพูดถึงอย่างเด็ดขาดในทะเลทั้งเจ็ด
ในเจ็ดราชวงศ์แห่งทะเลทั้งเจ็ดนั้น มีสี่ราชวงศ์ที่มีสายเลือดกึ่งมังกร การบรรลุขึ้นเป็นมังกรฟ้านั้นคือความหวังสูงสุดของเขา เว้นเสียแต่ว่ามันช่างยากเย็น
ต่อให้จะบรรลุขึ้นชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนได้แต่มันก็ไม่แน่ว่าพวกเขาจะบรรลุขึ้นก้าวนี้ไปได้
คำพูดของเย่หยวนนั้นมันพูดต่อราชามังกรน้ำดำแต่เขาไม่ได้รู้เลยว่าตัวเองได้กล่าวคำต้องห้ามออกมาแล้ว แน่นอนว่าต่อให้เขารู้ เย่หยวนก็คงไม่ลังเลที่จะพูดกล่าวออกมาอยู่ดี