Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2682 ไม่กล้ารับ
“ไอ้เด็กเวร ตาเจ้าแล้ว! อย่าได้หาว่าข้าไม่บอกแต่ในทะเลทั้งเจ็ดของเรานี้มันไม่มีใครเหนือใครต่ำกว่ากัน คนที่เอาชนะข้าได้มันคงมีเพียงแค่น้องจิงเฟยเท่านั้น! ข้าว่าเจ้าไม่ต้องทดสอบอะไรอีกแล้ว แค่คุกเข่าลงยอมรับความผิดของตนเองเสียเถอะ!”
ดวงตาของหยูชิงนั้นมันเปี่ยมล้นไปด้วยความเย้ยหยัน
เขานั้นมั่นใจในพลังสายเลือดของตนเองอย่างมาก เขานั้นคิดว่าวันหน้าตัวเขาอาจจะก้าวขึ้นไปถึงระดับของมังกรฟ้าในตำนานได้
ต่อให้มันจะไม่เหนือล้ำเท่าจิงเฟยแต่แล้วจะทำไม?
“เด็กน้อย อย่างให้พวกเราต้องรอนาน! หากเจ้าไม่ได้หลอมเลือดมังกรฟ้ามันก็คงเปล่าประโยชน์ เจ้าไม่มีทางเอาชนะข้าหรือหยูชิงได้แน่! และสายเลือดของมังกรฟ้านั้นมันก็ไม่มีอยู่ในเจ็ดทะเลนี้!” มู่เฉินกล่าวขึ้นมาเสริม
การกระทำของหยูชิงนั้นมันก็ถือเป็นการแก้แค้นให้เขาไปด้วยในตัว
“เจ้าแพ้แล้ว ทำไมยังไม่คุกเข่าอีก!”
“คุกเข่า!”
“คุกเข่า!”
…
ในสายตาของพวกเขานั้นเย่หยวนย่อมจะต้องเป็นฝ่ายคุกเข่าลงขอโทษต่อความผิด
มันก็ไม่แปลกหากที่คนทั้งหลายจะเชื่อเช่นนั้นเพราะว่าในหมู่คนหนุ่มสาวทั้งหลายมันไม่มีใครจะเหนือล้ำกว่าหยูชิงไปได้
มังกรฟ้านั้นมันคือตัวตนที่สูงส่งลึกลับแทบไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาในโลกหล้า
เพราะฉะนั้นแม้จะเป็นเหล่าเผ่ามังกรของเจ็ดทะเลนั้นเองก็ล้วนแล้วแต่เป็นได้แค่เหล่ากึ่งมังกร
ต่อให้จะเป็นมนุษย์ที่หลอมดึงพลังสายเลือดของกึ่งมังกรไปมันก็คงไม่มีทางจะมีสายเลือดที่เหนือกว่ากึ่งมังกรจริงๆ ไปได้
“นี่ พวกเจ้าจะไม่ไร้เหตุผลไปหน่อยหรือ! พี่เย่หยวนนั้นยังไม่ทันได้ทดสอบแต่ก็มากล่าวบอกว่าเขาต้องพ่ายแพ้แล้ว? พี่เย่หยวน รีบๆ ไปทดสอบให้พวกมันได้เห็นเสียทีสิ!” จิงเฟยนั้นรีบลุกขึ้นมากล่าวปกป้องเย่หยวนทันที
เย่หยวนนั้นเดินลงมาหยุดตรงหน้าศิลาชีพมังกรก่อนจะค่อยๆ ยื่นมือออกมา
การทดสอบของเขานั้นมันแตกต่างจากหยูชิง เพราะเย่หยวนนั้นไม่ได้รีดพลังสายเลือดใดๆ ออกมาทั้งสิ้น
ทุกสิ่งอย่างนั้นมันดูเรียบสงบ
“ฮ่าๆ เด็กน้อย ศิลาชีพมังกรมันไม่ได้ใช้แบบนั้น! ทำเช่นนั้นศิลาชีพมังกรคงไม่อาจจะสัมผัสถึงอะไรได้แน่”
“เด็กน้อย อย่าบอกนะว่าเจ้านั้นไม่มีพลังสายเลือดอยู่ในร่างกายเลย?”
“ข้าก็นึกไปว่ามันจะเก่งกาจแค่ไหนหลังจากเสียเวลาอยู่เป็นวันสุดท้ายแล้วมันกลับไม่มีอะไร เก่งแต่ปาก! เลิกทำตัวโง่ๆ แล้วก้มหัวขอโทษเสียเถอะ!”
…
เย่หยวนนั้นยังไม่ทันได้แตะศิลาชีพมังกรมันก็เกิดเสียงเย้ยหยันขึ้นมารอบทิศ
การจะใช้งานศิลาชีพมังกรนั้นคนที่คิดทดสอบมันต้องรีดกลั่นพลังสายเลือดมังกรตัวเองออกมาให้มากที่สุด
เหมือนอย่างที่หยูชิงนั้นทำ
แต่เย่หยวนนั้นกลับไม่คิดจะรีดพลังใดๆ ออกมามีหรือที่ศิลาชีพมังกรมันจะตอบสนองได้?
แต่เมื่อมือของเย่หยวนแตะถึงศิลาชีพมังกรมันกลับเกิดเรื่องประหลาดขึ้นมา!
หนึ่งข้อ!
สองข้อ!
…
จนสุดท้ายมันก็ส่องสว่างขึ้นมาจนสุดปลายเก้าข้อ!
เวลานี้ศิลาชีพมังกรมันส่องสว่างขึ้นมาเหมือนมีใครไปกดสวิตช์เปิดไฟภายในของมัน
เทียบกับแสงของหยูชิงแล้ว แสงที่เกิดขึ้นมาจากสายเลือดของเย่หยวนนี้มันส่องสว่างกว่ากันอย่างลิบลับ!
คนทั้งหลายนั้นต้องผงะไปตามๆ กันแม้แต่ตัวจิงเฟยเองก็ยังต้องอ้าปากค้าง
เวลานี้แม้แต่ตัวราชามังกรน้ำดำเองก็ยังต้องเบิกตากว้างขึ้นมาเช่นกัน
หยูชิงนั้นเบิกตากว้างขึ้นมาอย่างไม่อยากจะเชื่อภาพตรงหน้านี้
“มันเป็นไปได้อย่างไรกัน? เดี๋ยวนะ! ศิลาชีพมังกรมันต้องผิดปกติแน่ๆ!” หยูชิงนั้นกล่าวขึ้นมา
“เขายังไม่ทันได้รีดพลังสายเลือดออกมาทำไมศิลาชีพมังกรมันถึงได้พุ่งไปจนสุดเช่นนั้น? ศิลาชีพมังกรมันคงมีปัญหาแล้ว! ท่านเจ้ามังกร ศิลาชีพมังกรมันทำงานผิดปกติ!” มู่เฉินกล่าวขึ้นมา
ราชามังกรน้ำดำนั้นหันมากล่าวด้วยท่าทางปวดหัว “หากมันมีอะไรผิดปกติกับศิลาชีพมังกรจริงๆ แล้วการทดสอบก่อนหน้าของหยูชิงเล่า? เจ้าว่ามันมีปัญหาเจ้าก็ลองไปทดสอบดูเอาเองสิ!”
มู่เฉินนั้นผงะไปเมื่อได้ยินแทบจะตวาดลั่นกลับไป
แต่จะอย่างไรเขาก็ยังไม่อาจยอมรับได้
มนุษย์คนนี้มันมีสิทธิอะไรมาทำให้ศิลาชีพมังกรส่องสว่างเต็มทุกข้อเช่นนี้?
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือเขาไม่ได้รีดพลังสายเลือดออกมาเสียด้วยซ้ำ!
หรือว่าศิลาชีพมังกรนั้นจะตรวจจับได้โดนไม่ต้องรีดพลังออกมา?
จะบ้าเกินไปแล้ว!
เย่หยวนมองดูที่ศิลาชีพมังกรก่อนจะยิ้มขึ้นที่มุมปาก “ดูท่าพลังสายเลือดมังกรของข้านั้นมันจะยังถือว่าดีไม่น้อยแม้แต่ในหมู่เหล่ายอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์!”
เย่หยวนนั้นมั่นใจว่าตัวเองจะต้องเหนือกว่าหยูชิง
แต่เขาก็ไม่นึกว่าพลังสายเลือดของเขานั้นมันกลับจะรุนแรงจนทำให้ศิลาชีพมังกรนี้พุ่งทะยานไปจนถึงเก้าข้อ!
ที่สำคัญไปกว่านั้นดูท่าแล้วศิลาชีพมังกรนี้มันคงยังไม่อาจจะวัดถึงพลังสายเลือดทั้งหมดของเขาได้
ดูแล้วศิลาชีพมังกรนี้มันคงไม่อาจจะใช้วัดพลังสายเลือดของมังกรฟ้าจริงๆ ได้
มันก็มิใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะว่าอย่างไรเสียนี่มันก็แค่คือเครื่องมือที่เหล่ากึ่งมังกรทั้งหลายใช้วัดพลังกัน
เพราะแม้แต่เหล่ามังกรฟ้าด้วยกันเองมันก็คงมีความแตกต่างของพลังสายเลือดที่อ่อนแอและแข็งแกร่งเช่นกัน
แน่นอนว่าไม่ว่าจะเป็นมังกรฟ้าที่พลังสายเลือดต่ำตมแค่ไหนมันก็คงไม่มีทางจะต่ำไปกว่าเหล่ากึ่งมังกรได้
เย่หยวนคาดเดาว่าการที่สายเลือดมังกรฟ้าของเขามันรุนแรงได้มากมายปานนี้มันคงเป็นเพราะว่าการขึ้นเป็นมังกรบรรพกาลของเขา
มังกรนั้นคือตัวตนที่เกิดขึ้นมาจากพลังของฟ้าดินและเป็นเหมือนดั่งลูกของโลกหล้า
เย่หยวนนั้นได้รับการยอมรับจากเต๋าสวรรค์ของมหาพิภพถงเทียนจนก้าวขึ้นมาเป็นมังกรบรรพกาล นี่มันคงไม่ได้ด้อยกว่าการถูกเต๋าสวรรค์ของสามสิบสามสวรรค์ยอมรับมากมายนัก
เย่หยวนมองดูที่หยูชิงก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ขออภัยด้วย ตอนนี้นอกจากจิงเฟยแล้วมันคงไม่มีใครที่จะมีสายเลือดเหนือกว่าเจ้าจริงๆ เอาล่ะ พร้อมที่จะคุกเข่าหรือยังเล่า?”
หยูชิงนั้นผงะไปทันทีที่ได้ยิน “ศิลาชีพมังกรมันมีปัญหา! สายเลือดที่แข็งแกร่งที่สุดที่ปรากฏขึ้นมาในเจ็ดทะเลนี้มันยังได้แค่แปดข้อชีพมังกร มีหรือที่มนุษย์อย่างเจ้านั้นมันจะมีสายเลือดถึงเก้าข้อได้? เก้าข้อสุด นั้นมันระดับของมังกรฟ้าแล้ว! เจ้าจะบอกว่าเลือดที่ไหนอยู่ในร่างของเจ้านั้นมันคือเลือดของมังกรฟ้าหรืออย่างไร?”
เย่หยวนยักไหล่ตอบกลับไป “หากเจ้าว่ามันมีปัญหาเจ้าก็ลองดูอีกสักครั้งไหมเล่า?”
พูดไปเย่หยวนก็ยกมือเดินกลับออกมาทำให้แสงจ้าของศิลาชีพมังกรมันค่อยๆ ดับลง
หยูชิงนั้นได้แต่ต้องเดินมาหยุดลงตรงหน้าศิลาชีพมังกรอีกครั้งด้วยความร้อนรน
พลังสายเลือดมังกรในร่างของเขามันค่อยๆ ปะทุขึ้นมาก่อนจะยกมือลงวางบนศิลาชีพมังกรอีกครั้งหนึ่ง
ครั้งนี้เขาใช้พลังที่มีทั้งหมดออกมาจนสุดตัว
แต่ผลลัพธ์มันกลับไม่แตกต่าง!
สี่ข้อสุด
หยูชิงนั้นหน้าถอดสีแต่ก็ยังไม่อาจจะยอมรับความจริงได้
“มู่เฉิน เจ้ามาลอง! ศิลาชีพมังกรนี้มันต้องมีปัญหาอะไรแน่!” หยูชิงกล่าวสั่งขึ้น
มู่เฉินพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกมา “ได้ ข้าจะลองดู! มีหรือที่มนุษย์นั้นมันกลับจะมีสายเลือดรุนแรงถึงเก้าข้อได้?”
มู่เฉินนั้นเดินมาหยุดลงตรงหน้าศิลาชีพมังกรก่อนจะรีดพลังของตนออกมาเพื่อทำการทดสอบบ้าง
แต่สุดท้ายสายเลือดมังกรของเขานั้นมันกลับอยู่แค่สามข้อสุด
เย่หยวนยิ้มขึ้นมาเมื่อได้เห็น “ไม่ต้องรีบร้อนไป ข้าไม่ได้มีธุระอะไรต่อ หากเจ้ายังทำใจเชื่อไม่ลงก็ให้คนทั้งหลายมันมาลองกันให้สิ้นเลยก็ได้”
หยูชิงนั้นได้แต่ทำหน้าเครียดเรียกคนอื่นขึ้นมาแทน
แต่ไม่ว่าจะเป็นใครที่ขึ้นมานั้นมันก็ไม่มีใครสามารถผ่านสี่ข้อไปได้เลย
“ข้าด้วยๆ!” เมื่อจิงเฟยเห็นว่ามีคนรุมอยู่ตรงนั้นมากมายนางก็นึกสนุกจะลงไปเล่นด้วย
นางนั้นเดินมาเบียดหน้าคนทั้งหลายก่อนจะยกฝ่ามือขึ้นมาวางบนศิลาชีพมังกรจนทำให้แสงของศิลานั้นสว่างจ้าขึ้นมาทันที
ห้าข้อสุด!
ชีพมังกรของจิงเฟยนั้นมันกลับเหนือล้ำกว่าหยูชิงไปถึงหนึ่งข้อเต็มๆ!
แน่นอนว่าเรื่องนี้มันย่อมทำให้เกิดเสียงโห่ร้องขึ้นรอบด้าน
จิงเฟยนั้นเดินมาหยุดตรงหน้าหยูชิงก่อนจะกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “พี่หยูชิง ศิลาชีพมังกรนี้มันทำงานได้ปกติ! ข้านั้นเพิ่งจะทดสอบชีพมังกรของตนไปเมื่อไม่กี่ปีก่อนและมันก็พุ่งไปถึงห้าข้อขั้นปลายแล้ว เวลานี้มันพัฒนาขึ้นมาอีกขั้นหนึ่งก็มิใช่เรื่องแปลกใด ฮี่ๆ เดิมพันแล้วก็ต้องยอมรับสิ! ที่สำคัญไปกว่านั้นการคุกเข่าต่อหน้าเผ่ามังกรฟ้านั้นมันคงมิใช่เรื่องที่เสื่อมเสียเกียรติใดๆ ด้วยซ้ำ!”
หยูชิงนั้นได้แต่ยืนนิ่งหน้าขาวซีด
เขานั้นหันไปมองเย่หยวนก่อนจะกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง “ข้ายังไม่อยากจะเชื่อ! เจ้าลองทดสอบอีกครั้ง! ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะมีพลังถึงเก้าข้อได้สองครั้งติดกัน!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ได้ๆ ข้าจะถือว่าเห็นแก่หน้าเจ้าให้แล้วกัน”
พูดจบเขานั้นก็ยกมือขึ้นวางบนศิลาชีพมังกรอีกครั้งหนึ่ง
แน่นอนว่าศิลานั้นมันต้องส่องแสงจ้าขึ้นทันที!
เก้าข้อสุด!
“เท่านี้เจ้าคงไม่มีข้ออ้างแล้วใช่หรือไม่?” เย่หยวนหันมาถาม
คนทั้งหลายนั้นได้ลองมาทดสอบดูแล้ว เวลานี้เย่หยวนก็ได้ทดสอบเป็นครั้งที่สองแล้วด้วย
นี่มันแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพลังสายเลือดของเย่หยวนนั้นมันอยู่ในระดับเก้าข้อสุดจริงๆ!
จะน่ากลัวจนเกินไปแล้ว!