Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2703 เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้
ห้ายอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนครึ่งก้าวนั้นเดินทางกลับไปยังดินแดนของตนเองและส่งกำลังคนมากมายออกไปตามหาสมุนไพรสวรรค์ที่ใช้ในการหลอมโอสถสวรรค์หยกล้ำศักดิ์สิทธิ์ทันที
เพราะว่าสมุนไพรสวรรค์ที่เย่หยวนต้องการนั้นมันเป็นของที่หาได้ยากยิ่งจริง
ต่อให้จะเป็นบนเขาหมื่นอสูรมันก็ยังหาได้ยากล้ำ
ที่สำคัญไปกว่านั้นหลายๆ อย่างมันยังต้องให้พวกเขาลงมือออกไปเก็บเองด้วยซ้ำ
แม้ว่าดินแดนของพวกเขานั้นจะกว้างใหญ่แค่ไหนสุดท้ายมันก็เป็นได้แค่ส่วนแคบๆ ของเขาหมื่นอสูรเท่านั้น
สมุนไพรสวรรค์หลายๆ ชนิดนั้นมันต้องไปตามหาในดินแดนของราชาคนอื่นๆ แน่นอนว่าพวกเขาย่อมจะต้องลงมือเอง
เพื่อการตามหาสมุนไพรสวรรค์ชุดนี้มันคงจะมีศึกระหว่างยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนครึ่งก้าวเกิดขึ้นไม่น้อยแน่นอน
แต่เย่หยวนย่อมจะไม่คิดสนใจเรื่องราวเหล่านั้น
ตอนนี้เรื่องสำคัญที่สุดของเขานั้นมันยังเป็นการบ่มเพาะ
เพราะแท้จริงแล้วเวลาสามสิบปีนั้นมันก็เป็นความกดดันที่ยิ่งใหญ่แก่เย่หยวนเช่นกัน
การที่เขาแสดงท่าทีมั่นใจเช่นนั้นออกมามันย่อมจะเพราะว่าเขาต้องการจบสงครามไร้ความหมายนั้นให้เร็วที่สุด
เพราะในเวลาสามสิบปีนี้นอกจากเย่หยวนจะต้องบรรลุชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกให้ได้แล้วเขายังต้องทำการหลอมโอสถสวรรค์จักรพรรดิระดับสี่ให้ได้ด้วย!
เรื่องนั้นมันยากล้ำเกินกว่าจะทำได้ในเวลาสามสิบปีแน่นอน
เพราะแม้ว่าเย่หยวนจะมีรากฐานที่มั่นคงแค่ไหนแต่การเรียนรู้และฝึกฝนโอสถสวรรค์ระดับสามนั้นมันก็ต้องใช้เวลาแต่ตัวเขาในตอนนี้ยังไม่อาจจะหลอมโอสถสวรรค์ระดับสามให้ขึ้นถึงระดับแท้ได้เลย เพราะฉะนั้นคำขอแรกหลังจากมาถึงเขาหมื่นอสูรมันจึงเป็นการขอเข้าถึงสมุนไพรสวรรค์ระดับสามอย่างไร้เงื่อนไข
และกอปรกับคำรบเร้าของซั่วเหยียนนั้นเย่หยวนจึงได้มาถึงยังดินแดนของราชาขาลเจิด
ซั่วเหยียนนั้นเดินนำเย่หยวนไปดูรอบๆ ที่พักก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างภาคภูมิ “ในหมู่ห้าราชานั้นเสด็จพ่อข้านั้นคือคนที่เก่งกาจที่สุดและมีดินแดนใหญ่โตที่สุดด้วย! พี่เย่หยวน ท่านคิดว่าอย่างไรบ้างเล่า? มันสวยมากเลยใช่หรือไม่?”
เย่หยวนยิ้มและตอบกลับไป “ดีจริงๆ!” “ระหว่างทางมานั้นพลังวิญญาณของที่นี่เองมันก็หนาแน่นและอุดมสมบูรณ์มาก ข้านั้นได้เห็นสมุนไพรสวรรค์หลายชนิดขึ้นระหว่างทางที่เราเดินมานี้ด้วย”
เขาหมื่นอสูรนั้นมันเป็นเหมือนดั่งคลังสมบัติธรรมชาติที่มีสมุนไพรสวรรค์มากมายหลายชนิด
สมุนไพรสวรรค์บางชนิดนั้นมันสูญพันธุ์ไปจากห้ายอดแดนสวรรค์แล้วด้วยซ้ำแต่กลับยังพบเจอได้ในที่แห่งนี้
เย่หยวนนั้นได้เห็นสมุนไพรสวรรค์ล้ำค่าระดับหนึ่งและระดับสองมากมาย ระดับสามเองก็ยังมีให้เห็นบ้าง
ซั่วเหยียนนั้นยิ้มขึ้นมาอย่างภาคภูมิ “แน่นอน! แต่พี่เย่หยวน ท่านนั้นช่างเก่งเสียจริงๆ ฤทธิ์ของโอสถสวรรค์ที่ท่านหลอมนั้นมันกลับรุนแรงมากล้ำนัก! หากข้าไม่ตั้งใจกดพลังของมันไว้ข้าว่าข้าอาจจะบรรลุขึ้นชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำขั้นกลางไปได้โดยไม่ตั้งใจ!”
โอสถสวรรค์เดียวนั้นมันทำให้ซั่วเหยียนยอมรับนับถือเย่หยวนหมดใจ
เขานั้นมองดูเย่หยวนราวกับว่าเขานั้นเป็นเทพที่อวตารลงมาจากสวรรค์ชั้นฟ้า
ในเวลาเดียวกันนั้นเย่หยวนก็รู้สึกชื่นชอบเอ็นดูเด็กน้อยผู้นี้ขึ้นมาในใจ
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ที่เจ้าทำได้เพราะว่าเจ้านั้นมีพื้นฐานการบ่มเพาะที่หนักแน่นพอ! ไม่เช่นนั้นแล้วเจ้าคงไม่อาจจะบรรลุขึ้นชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำได้ทันทีหรอก”
ผลของโอสถสวรรค์นั้นมันย่อมจะส่งผลแตกต่างไปตามคนกิน
หากมันเป็นคนที่มีรากฐานการบ่มเพาะตื้นเขินแล้วต่อให้จะได้โอสถสวรรค์ระดับแท้ไปกินมันก็คงไม่อาจจะช่วยเพิ่มพลังได้มากมายนัก มันมิใช่ว่าทุกคนจะสามารถบรรลุจากชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่ขั้นปลายมาถึงชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำได้เช่นนี้ด้วยโอสถเม็ดเดียว
เย่หยวนนั้นได้เห็นว่ารากฐานการบ่มเพาะของซั่วเหยียนนั้นหนักแน่นดีจึงคิดใช้เขาเป็นเครื่องพิสูจน์ฝีมือของตนเอง
ไม่เช่นนั้นแล้วเขาจะเจรจากับห้าราชาต่อได้อย่างไรหากคนกินไปบรรลุขึ้นมาแค่ขั้นเดียว?
“อ่าว น้องข้า เจ้ากลับมาจากการเดินทางกับเสด็จพ่อแล้ว? หืม? เจ้าบรรลุชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำแล้ว?” เวลานั้นเองที่มีคนสองคนเดินออกมาจากป่าด้านข้างและเข้ามาทักซั่วเหยียนด้วยใบหน้าตกตะลึง
เมื่อซั่วเหยียนเห็นคนทั้งสองนั้นเขาก็ยิ้มรับไปด้วยท่าทางอายๆ “ใช่แล้ว พี่สามเฮ่อเฟิง! ตอนที่ข้าออกไปกับเสด็จพ่อในครั้งนี้ข้าได้ไปเจอพี่เย่หยวนผู้นี้ เขานั้นเป็นยอดฝีมือที่เก่งกาจสามารถหลอมโอสถที่ทำให้ข้าบรรลุขึ้นชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำได้ด้วยโอสถเม็ดเดียว!”
เมื่อเฮ่อเฟิงนั้นได้ยินเขาก็ต้องอ้าปากค้างขึ้นมาเช่นกัน
โอสถสวรรค์ที่สามารถช่วยบรรลุชั้นบรรยากาศสวรรค์ได้ มันย่อมจะเป็นอะไรที่เหนือล้ำมากล้นแล้ว!
แต่เมื่อเย่หยวนได้ยินเขาก็ต้องผงะไปเช่นกัน
เพราะตอนที่เฮ่อเฟิงปรากฏตัวขึ้นมานั้นเขากล่าวด้วยสีหน้าท่าทางเย้ยหยัน ไม่ได้มีท่าทางของพี่น้องที่รักกันแม้แต่น้อย
แต่ซั่วเหยียนนั้นกลับช่างไร้สมองไม่ทันคนกล่าวเล่าเรื่องราวออกไปตรงๆ
เฮ่อเฟิงนั้นหรี่ตาลงด้วยแววของความไม่เป็นมิตรทันที
“เจ้าพูดถึงเจ้ามนุษย์คนนี้?” เฮ่อเฟิงชี้หน้าเย่หยวน
ซั่วเหยียนนั้นพยักหน้ารับ “ใช่แล้ว! เขานั้นคือแขกของเสด็จพ่อ เขาเก่งมากเลย! รู้จักกันไว้สิพี่สาม!”
แต่สีหน้าของเฮ่อเฟิงนั้นกลับดำมืดขึ้นมา “แขกบ้าบออะไรกัน! มีหรือที่มนุษย์มันจะมาเป็นแขกของแดนขาลเจิดเราได้? ไปตายเสียเถอะ!”
เฮ่อเฟิงนั้นไม่คิดสนใจและยกมือขึ้นมากระแทกใส่ร่างของเย่หยวนอย่างรวดเร็ว
ซั่วเหยียนนั้นได้แต่ต้องยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นอย่างไม่เข้าใจเรื่องราว
เขานั้นไม่รู้เลยว่าทำไมพี่สามเฮ่อเฟิงของเขาที่ปกติแล้วเป็นคนใจเย็นกลับแสดงท่าทีเช่นนี้ออกมา
หมัดของเฮ่อเฟิงนี้มันไม่ได้ออมมือไว้แม้แต่น้อยใช้พลังทั้งหมดออกมา
แต่ระหว่างโจมตีไปนั้นเขากลับต้องล้มหน้าทิ่มลงพื้นไป
สีหน้าของยอดฝีมือที่ตามติดเฮ่อเฟิงมานั้นเปลี่ยนสีก่อนจะร้องขึ้น “การโจมตีวิญญาณดั่งเดิม! รนหาที่ตาย!”
เขาขยับร่างพุ่งตัวเข้ามาด้วยพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยก
ซั่วเหยียนที่ได้เห็นเช่นนั้นจึงรีบกล่าวขึ้นมาห้ามทันที “มู่เจิง เจ้ากล้าทำร้ายพี่เย่หยวนหรือ? เขานั้นคือแขกของเสด็จพ่อนะ!”
พูดไปเขาก็พุ่งตัวขึ้นมาบังหน้าเย่หยวนไว้
มู่เจิงยิ้มตอบกลับไป “ไอ้มนุษย์ เจ้าไม่ควรมาแดนขาลเจิดนี้แต่แรกแล้ว! เฮ่อเฟิงคิดอยากสังหารมันข้าย่อมจะต้องทำตาม! ถอยไป!”
พูดจบร่างของซั่วเหยียนก็ลอยปลิวไปทันทีด้วยพลังของมู่เจิงนั้น
เย่หยวนได้แต่ต้องหันมามองหน้ามู่เจิงด้วยสายตาเย็นเยือก
เขาหมื่นอสูรนั้นมันช่างเป็นโลกที่ปลาใหญ่กินปลาเล็กอย่างแท้จริง!
สังหารคนในที่แห่งนี้มันไม่ต้องมีเหตุผลใดๆ มากกว่าเรื่องที่ว่าอีกฝ่ายอ่อนแอ
ฟุบ!
เย่หยวนนั้นไม่คิดลังเลชักดาบมังกรวสันต์ออกมาทันที
เสียงมังกรคำรามลั่นท้องฟ้าพุ่งเข้าหามู่เจิง
มู่เจิงนั้นคิดแค่จะโจมตีย่อมไม่คิดว่าเย่หยวนนั้นกลับจะสวนกลับมาได้อย่างรุนแรงปานนี้
เมื่อไม่ทันตั้งตัวเขานั้นก็มีแต่ต้องเอาร่างกระแทกกับปราณดาบนั้นจนลอยลิ่วกระอักเลือดออกมาอย่างรุนแรง
เขานั้นหันมามองเย่หยวนอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “สะ…สมบัติยอดหมอก?”
ในเวลานั้นเองที่เฮ่อเฟิงก็ได้สติกลับขึ้นมาเมื่อได้ยินเช่นนั้นร่างกายของเขาก็ต้องสั่นสะท้านขึ้นทันที
เย่หยวนนั้นหันไปมองหน้าคนทั้งสองก่อนจะกล่าวขึ้น “วันหน้าข้าจะปกป้องซั่วเหยียนเอง หากเจ้าคิดมารังแกเขาอีกแล้วล่ะก็ เตรียมตัวรับการโจมตีของข้าไว้ได้เลย! ไสหัวไป!”
คนทั้งสองหน้าซีดขาวลงก่อนจะพุ่งตัวหายไปทันทีเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่อาจรับมือเย่หยวนได้
เย่หยวนนั้นเองก็ไม่ได้คิดสังหารเฮ่อเฟิงลงเช่นกัน
เพราะเขานั้นสัมผัสได้ถึงพลังสายเลือดรากเดียวกับราชาขาลเจิดจากร่างของเฮ่อเฟิง ดูท่าเขาคงเป็นพี่ของซั่วเหยียนจริงๆ
หลังจากคนทั้งสองไปแล้วซั่วเหยียนก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมาอย่างมึนงงไม่เข้าใจเรื่องราว “ทำไมพี่สามเฮ่อเฟิงถึงได้กลายเป็นเช่นนี้ไปเล่า?”
เย่หยวนหันกลับไปมองหน้าหนุ่มน้อยด้วยเสียงหัวเราะ “เจ้าเคยได้ยินคำว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้มาก่อนหรือไม่?”
“เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้?” ซั่วเหยียนถามกลับมา
เย่หยวนพยักหน้ารับ “ในอดีตนั้นเจ้าเป็นแค่เด็กน้อยที่ไร้ความสามารถพรสวรรค์ใดๆ ทำให้เขานั้นไม่คิดสนใจเจ้า แต่เวลานี้เจ้ากลับบรรลุขึ้นชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำขึ้นมาได้ในเวลาข้ามคืน เพราะฉะนั้นพี่เจ้าจึงคิดตัดไฟเสียแต่ต้นลม! เจ้าเข้าใจหรือไม่?”
ซั่วเหยียนเอียงหน้าตอบกลับไปด้วยท่าทางไม่เข้าใจทำให้แม้แต่เย่หยวนก็ยังต้องกุมขมับ
เจ้าเด็กคนนี้มันไร้เดียงสาเสียยิ่งกว่าจิงเฟยนั่นอีก
เย่หยวนจึงได้แต่ต้องยกมือขึ้นมาลูบหัวเขาก่อนจะยิ้มกว้างขึ้น “เอาสั้นๆ เป็นว่าในวันหน้าเจ้าและพี่เจ้าคงไม่อาจเป็นพี่น้องกันได้อีกต่อไป! ในเมื่อเจ้าโตขึ้นมาแล้วพวกเจ้าทั้งหลายก็คงต้องเข่นฆ่ากันเข้าสักวันแน่! เอาล่ะ วันนี้ไว้เท่านี้ก่อนแล้วกัน ข้าจะขอเก็บตัวสักสามสี่วัน หลังจากนั้นเจ้าจงไปหาข้าแล้วข้าจะช่วยปรับรากฐานให้เจ้าและบ่มเพาะสายเลือดให้ การทำให้เจ้าบรรลุชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำขั้นกลางมันคงมิใช่เรื่องยากเย็นนัก!”
……………………..