Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2749 ชนะให้หมด
“นี่มันศึกครั้งที่สองร้อยยี่สิบสามแล้ว! เจ้าหมอนี่มันไม่รู้จักเหนื่อยบ้างหรืออย่างไร?” จื่อหยางร้องขึ้นมา
ตั้งแต่การประลองครั้งแรกมานั้นเย่หยวนและซุนฉีได้ต่อสู้ต่อเนื่องกันมาถึงครั้งที่สองร้อยยี่สิบสามแล้วด้วยเวลาแค่เดือนเดียวนี้!
ระหว่างเวลานี้นอกจากตอนที่หยิบเอาโอสถออกมากินแล้ว เย่หยวนนั้นเรียกได้ว่าไม่คิดจะพักเลย การต่อสู้ที่หนักหน่วงเช่นนี้ต่อให้จะเป็นยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนทั้งหลายเองก็คงไม่อาจรับมันได้
หากต้องสู้เช่นนี้ไปแล้วไม่ว่าจะเป็นสภาพจิตใจหรือสภาพร่างกายมันก็คงต้องแบกรับภาระอย่างหนักหน่วง
ภายใต้สภาพเช่นนั้นหากเป็นคนธรรมดาพวกเขาคงคลั่งไปแล้ว ต่อให้จะเป็นคนบ้าการฝึกฝนแค่ไหน มันก็คงไม่อาจจะทำเช่นนี้ได้ เรื่องนี้แสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่าจิตใจของเย่หยวนนั้นเข้มแข็งแค่ไหน!
เทียนลู่นั้นกล่าวขึ้นมาพร้อมถอนหายใจยาว “เจ้าหมอนี่มันมากพรสวรรค์ล้ำฟ้า! เวลาแค่เดือนเดียวนี้เขาไม่อาจเอาชนะได้แม้แต่ครั้งเดียวแต่การพัฒนาของเขานั้นมันกลับชัดเจนแก่สายตา! เวลานี้เขาสามารถรับมือซุนฉีคนนั้นได้ถึงพันกระบวนท่าแล้ว!”
ต้าวหยุนกล่าวขึ้นเสริม “มิใช่เพียงแค่นั้น เวลานี้แปลงยอดเต๋าของเขามันพัฒนาไปถึงสามสิบสามดาบแล้ว พลังของมันพุ่งทะยานล้ำ! รูปแบบที่สามของเขานั้นมันคงถึงขั้นปลายแล้ว ห่างจากขั้นสุดอีกไม่มาก!”
เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายนั้นต่างมองดูและเห็นการพัฒนาของเย่หยวนกับตาตัวเอง คำพูดเดียวที่จะอธิบายได้ก็คือ ‘เหลือเชื่อ’ ความเร็วในการพัฒนาของเขาคนนี้มันเร็วจนน่าเหลือเชื่อ เรียกได้ว่าในทุกๆ ครั้งที่ลงสนามฝึกนั้นเย่หยวนจะพัฒนาขึ้นเสมอๆ!
จากร้อยกระบวนท่าไปถึงร้อยห้าสิบกระบวนท่าไปถึงสามร้อยกระบวนท่าจนสุดท้ายเขาก็อยู่รอดมาถึงหนึ่งพันกระบวนท่าได้ เวลานี้มันคงเรียกได้ว่าเย่หยวนนั้นเสมอกับซุนฉีแล้ว!
ความเร็วในการพัฒนาเช่นนี้มันย่อมจะเหนือล้ำจนไม่มีใครคาดคิด ก่อนหน้านี้พวกเขาต่างเย้ยหยันเย่หยวนที่คิดจะฝึกฝนเช่นนี้ แต่เวลานี้มันไม่มีใครกล้าอ้าปากพูดว่าอีก
การบ่มเพาะขึ้นชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนได้นั้นเหล่ายอดฝีมือทั้งหลายย่อมจะไม่คิดว่าตัวเองด้อยค่ากว่าใครๆ แต่เมื่อเทียบตัวเองกับเย่หยวนแล้วพวกเขานั้นช่างรู้สึกว่าตนเองไร้ค่านัก
อีกฝ่ายนั้นมันเหมือนอยู่กันคนละโลกกับพวกเขาในเวลานี้เย่หยวนย่อมจะยังคงต่อสู้กับซุนฉีอย่างดุเดือดอยู่
วันนี้หลังจากผ่านได้ไปหนึ่งเดือนเขาย่อมจะไม่เสียเปรียบต่อซุนฉีอีกต่อไปแล้ว และแม้แต่ตอนนี้เย่หยวนก็ยังไม่บรรลุรูปแบบที่สี่ขึ้นมา!
การต่อสู้นั้นมันไม่เคยขึ้นอยู่กับพลังบ่มเพาะ
เย่หยวนนั้นมีทักษะการใช้งานค่ายกลดาบที่เหนือล้ำจนถึงขั้นสมบูรณ์แบบ ความเข้าใจต่อสามกฎของเขานั้นมันพัฒนาไปทุกวันที่ผ่าน แปลงยอดเต๋าสามกฎนั้นหากคิดอยากให้มันแสดงพลังออกมาได้จริงๆ มันย่อมจะต้องใช้การผสานที่เท่าเทียมของสามกฎ
หากมันมีหนึ่งอันอ่อนหนึ่งอันแข็งไปแล้ว มันก็ย่อมจะทำให้แปลงยอดเต๋าเสียสมดุลและอ่อนแอลงไปแทน
หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้เย่หยวนได้รับประโยชน์มหาศาลจากการประลองนี้
ซุนฉีนั้นมีกำลังฝีมือที่เหนือล้ำจนถึงที่สุดแม้ว่าเขานั้นจะถูกบันทึกไว้แค่ระดับร้อย แต่ว่าระดับร้อยของคนทั้งแผ่นดินนั้นมันก็มากพอที่จะเย้ยหยันโลกหล้าได้แล้ว!
ภายใต้แรงกดดันจากคนระดับนั้น เย่หยวนกลับยังสามารถทนทานรับมาได้เรื่อย
เย่หยวนนั้นเคยบรรลุเต๋าดาบที่บนเกาะไร้นามของดินแดนเจ็ดทะเล
หลังจากนั้นเต๋าดาบของเย่หยวนมันจึงพัฒนาล้ำกฎอื่นๆ ไป แต่หลังจากฝึกฝนมาถึงหนึ่งเดือนนี้กฎทั้งสามของเย่หยวนมันก็กลับมาผสานเข้ากันเป็นหนึ่งเดียวอีกครั้ง!
กฎทั้งสามอย่างของเย่หยวนนั้นมันไม่มีอันไหนอ่อนแอ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎแห่งห้วงมิตินั้นที่มันไม่ได้อ่อนแอกว่าการแปลงยอดเต๋าสามกฎหรือห้ากฎเลย!
การผสานสามพลังกฎนี้เป็นหนึ่งได้มันย่อมทำให้ฝีมือของเย่หยวนพัฒนาล้ำฟ้าไป
“ตัด!”
วินาทีนั้นเองที่เย่หยวนร้องกล่าวขึ้นพร้อมผสานสามสิบสามดาบเข้าด้วยกันและพุ่งเข้าไปใส่ร่างของซุนฉี
เมื่อถูกดาบนี้เข้าไปร่างเงาของซุนฉีนั้นมันก็ปลิวลอยออกไปทันที
เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายที่ได้เห็นนั้นต้องอ้าปากค้างขึ้นมาตามๆ กัน
“เขา…ชนะแล้ว?”
“หนึ่งเดือนผ่านไปกลับเอาชนะยอดคนแห่งสวรรค์ได้! เจ้าหมอนี่จะบ้าเกินไปแล้ว!”
“เราเหล่าเฒ่าทั้งหลายนั้นคงได้แต่ต้องเอาหัวไปโขกเต้าหู้ตายแล้ว! ไม่ได้การข้าต้องไปฝึกฝนบ้าง!”
“คนที่มากพรสวรรค์กว่าเจ้านับร้อยเท่ากลับหมั่นเพียรกว่าเจ้านับร้อยเท่าเช่นกัน คนอย่างเจ้านั้นจะยังเอาเวลาที่ไหนมาขี้เกียจได้? ต้องไปฝึกฝนบ้างแล้ว!”
…
ชัยชนะของเย่หยวนต่อซุนฉีนั้นมันทำให้เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายสั่นสะท้านไปทั้งกายใจ มันมิใช่เพราะพรสวรรค์อันเหนือล้ำของเย่หยวนแต่มันเป็นความหมั่นเพียรไม่ย่อท้อของเย่หยวน! พรสวรรค์ที่เหนือล้ำนั้นมันเป็นสิ่งที่สวรรค์มอบให้ คนเราไปทำอะไรกับมันไม่ได้ แต่สิ่งที่เหลือนอกจากพรสวรรค์นั้นมันอยู่ในมือคนเราสิ้น!
เย่หยวนนั้นหมั่นเพียรอย่างบ้าคลั่งทำให้เหล่ายอดฝีมือเฒ่าทั้งหลายอับอายขึ้นสุดใจ
ซุนฉีนั้นเป็นแค่ร่างเงาจึงไม่ได้รับความเสียหายใดๆ
ไม่นานร่างของเขาก็กลับมาประกอบใหม่และมองดูเย่หยวนพร้อมกล่าว “ข้าแพ้แล้ว! เจ้านั้นเก่งกาจกว่าข้าในสมัยยังเป็นจักรพรรดิหยก!”
หลังจากผ่านการฝึกฝนหนึ่งเดือนนี้มาจนเอาชนะซุนฉีได้เย่หยวนก็ย่อมจะรู้สึกดีอย่างมาก
“ต่อให้ข้าจะขึ้นจักรพรรดิเซียนไป ข้าก็จะยังเหนือกว่าเจ้าอยู่ดี!” เย่หยวนตอบ
ซุนฉีนั้นส่ายหัวออกมา “ตอนที่ข้าเข้าวังมาใหม่ๆ นั้นข้ายังไม่มีปัญญาจะเทียบเคียงหนึ่งแสนอันดับแรกด้วยซ้ำ! แต่ร้อยปีต่อมานั้นข้ากลับเอาชนะคนรุ่นเดียวกันจนขึ้นมาเป็นยอดคนสิบอันดับแรกได้! ตัวข้าตอนเป็นจักรพรรดิหยกและตัวข้าตอนเป็นจักรพรรดิเซียนนั้นมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง”
เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายต่างต้องอ้าปากค้างขึ้นเมื่อได้ยิน!
อันดับแสน!
ยอดฝีมือแปลงยอดเต๋ารูปแบบสี่นั้นกลับเป็นได้แค่คนอันดับที่หนึ่งแสนในวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกต?
นี่…มันจะบ้าเกินไปแล้ว!
แต่ว่าอย่างไรเสียซุนฉีนั้นก็เป็นตัวตนที่น่าเอาเป็นแบบอย่างอย่างมาก เพราะตั้งแต่วินาทีที่เขามาถึงวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกตนี้มันเหมือนมังกรที่ได้กลับรังผงาดขึ้นสู่ท้องฟ้าขึ้นมาเหยียบเป็นยอดคนสิบอันดับแรกได้ในเวลาแค่ร้อยปี!
สิบอันดับที่ว่านี่คือสิบอันดับของยุคสมัยนั้นๆ
แต่เหล่ายอดฝีมือที่ทิ้งชื่อไว้ในห้องฝึกฝนทั้งหลายนี้ต่างเป็นคนที่เกิดขึ้นมาในคนละยุคสมัยของวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกต
เวลาอันนานแสนนานนับล้านปีนั้นวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกตมันย่อมจะให้กำเนิดยอดคนมากมาย การที่ซุนฉีก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกของยุคตัวเองได้นั้นมันก็เป็นเครื่องยืนยันได้ดีว่าอนาคตของเขาจะยิ่งใหญ่เพียงใด!
เย่หยวนที่ได้ยินนั้นต้องขมวดคิ้วแน่น
นี่มันช่างเป็นการพัฒนาที่บ้าคลั่งนัก!
แต่เพราะได้ยินเช่นนั้นเขาก็ยิ่งอยากบรรลุชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนมากขึ้นกว่าเก่าไปอีก
หลังจากขึ้นชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนได้แล้วเขาจะต้องกลับมาที่นี่ให้ได้!
เย่หยวนตอบกลับไป “กับข้าแล้วมันย่อมจะเหมือนกัน! เจ้านั้นยังมิใช่เป้าหมายของข้าหรอก!”
ซุนฉียิ้มตอบกลับไป “เจ้านั้นต้องระวังเหล่าคนที่อยู่เหนือข้าไปให้ดี! เพราะบางคนนั้นมันก็เป็นสุดยอดอัจฉริยะที่แท้จริงเก่งกาจเหนือล้ำฟ้ามาตั้งแต่สมัยยังเป็นจักรพรรดิหยก! ข้านั้นต่อสู้กับพวกเขาในห้องฝึกฝนมามากมายแต่ก็ยังไม่เคยเอาชนะพวกเขาได้! พวกเขานั้นแข็งแกร่งจนทำให้คนรู้สึกสิ้นหวังทีเดียว!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ไม่ต้องกังวล ข้าจะชนะมันให้หมด!”
“หวังว่าจะทำได้เช่นนั้น!” ซุนฉียิ้มก่อนที่เงาร่างจะค่อยๆ จางหายลงไป
เมื่อคนอื่นๆ ได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็แทบลืมหายใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่ายอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกทั้งหลายนั้นที่ตอนนี้ใบหน้าของพวกเขามันดำแดงไปหมด
กองทัพจักรพรรดิเซียนนับแสนนั้นมันจะต้องเป็นกองทัพที่ยิ่งใหญ่ปานใด? และการเอาชนะจักรพรรดิเซียนนับแสนๆ ขึ้นมาเป็นยอดคนร้อยอันดับแรกนั้นมันน่ากลัวเพียงใด?!
ไม่สิ นี่มันมิใช่แค่ร้อยอันดับแรกของเหล่าจักรพรรดิเซียนนับแสนๆ แต่เป็นร้อยอันดับแรกของจักรพรรดิเซียนในหน้าประวัติศาสตร์!
“เฮ้อ เรามันเป็นแค่กบในกะลาเสียจริง! ทวีปพิรุณใสมันเล็กนัก!”
“ไม่แปลกใจเลย! ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเหล่าคนที่บรรลุเต๋าได้มากมายถึงเดินทางลงทะเลคิดไปให้ถึงอีกฝั่ง!”
ต้าหวงนั้นมองดูแผ่นหลังของเย่หยวนอย่างเงียบงันก่อนที่จะเดินมุ่งหน้ากลับไปยังห้องที่สิบอีกครั้ง หากเป็นก่อนหน้าเขานั้นย่อมติดตามเย่หยวนเพราะคิดหวังโอสถสวรรค์เท่านั้น แต่เวลานี้เขาชื่นชมเด็กหนุ่มคนนี้จากใจจริงแล้ว!
เย่หยวนนั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ทวีปพิรุณใสนี้จะหยุดเขาไว้ได้!
เป้าหมายของเขานั้นคงเป็นอีกฟากของทะเล!
…………………………