Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2849 รังแกกันถึงหน้าประตู
ตอนที่ 2849 รังแกกันถึงหน้าประตู!
“ผู้มีชะตาเหนือล้ำที่ได้รับพรอย่างท่วมท้น นี่…มันจะเกินไปหรือไม่?”
“ไม่ใช่แค่จักรพรรดิเที่ยงขั้นต้นเท่านั้น ข้าว่าแม้แต่จักรพรรดิเที่ยงขั้นกลางเองก็คงต้องกระอักเลือดเช่นกันแน่ๆ!”
“ใช่แล้ว! แม้ว่าเย่หยวนคนนี้จะไม่อาจสังหารจักรพรรดิเที่ยงขั้นกลางได้แต่หากอีกฝ่ายอยากจะสังหารเขาลงแล้วมันก็คงไม่มีทางเป็นไปได้เช่นกัน!”
“ข้าว่าหากเจ้าเด็กคนนี้ไปมิติวิเศษตอนนี้มันคงได้สมบัติติดมือกลับมาท่วมท้น เหมือนไปเดินซื้อของในห้างก็ไม่ปาน!”
…
เหล่าหลานศิษย์ของเย่หยวนนั้นต่างยืนตัวสั่นอย่างตกตะลึงสุดหัวใจ
โชคนี้มันจะเกินกว่าสวรรค์ไปหน่อยแล้ว
จะบอกว่าต่อให้ตอนนี้นิกายยาสุดล้ำคิดอยากสังหารเย่หยวนลงมันก็คงไม่อาจทำได้! เพราะคิดอยากจะกำจัดเขาคนนี้ลงมันต้องฝืนคำสั่งของบรรพบุรุษทั้งหมดของนิกายไปก่อน!
ด้วยการเสริมจากชะตาของนิกายด้วยแล้ว มันย่อมจะไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่เย่หยวนจะตายลง!
เหล่ามหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์ทั้งหลายนั้นต่างอิจฉาจนอยากจะฉีกร่างเย่หยวนเป็นชิ้นๆ
ไม่นานจากนั้นเมฆเต๋าทุกข์มันก็ค่อยๆ จางหายไปเหมือนกับหมดสิ้นปัญญา
พร้อมๆ กันนั้นพลังบ่มเพาะของเย่หยวนมันก็พัฒนาขึ้นมาอยู่ที่จักรพรรดิเซียนขั้นปลายในที่สุด
เขานั้นเดินกลับเข้ามาหาหลี่ชิงหยุนก่อนจะยิ้มถามขึ้น “ศิษย์พี่ใหญ่ พลังแห่งพรนี้มันมีประโยชน์มากจริงๆ! ตอนที่ท่านเผชิญเต๋าทุกข์มันก็เป็นเช่นนี้หรือ?”
หลี่ชิงหยุนได้แต่ต้องกัดฟันแน่น เขานั้นคิดอยากจะกัดหัวเย่หยวนสักที
‘เป็นเช่นนี้?’
‘เออ!’
‘แต่มันเป็นได้แค่หนึ่งในสิบของเรื่องที่เกิดขึ้นกับเจ้า!’
นี่มันโกงกันชัดๆ!
หากวันหน้าเขาเผชิญเต๋าทุกข์เช่นนี้ไปตลอดทางแล้ว เขาคนนี้ก็อาจจะกลายเป็นผู้บ่มเพาะนอกรีตระดับเจ้าโลกคนแรกจริงๆ ก็ได้?
มีความเป็นไปได้จริง!
เขานั้นคิดว่าคำของเย่หยวนสุดท้ายมันก็จะเลือนหายไปหลังจากเวลามาถึงในสักวัน
แต่ดูท่าแล้วคนที่จะถูกตบหน้าเข้าในวันนั้นมันคงกลายเป็นเขา!
มันไม่ง่ายที่จะก้าวข้ามเย่หยวน!
เขานั้นเป็นคนที่มีชะตายิ่งใหญ่เป็นทุน เวลานี้เมื่อได้พลังของพรมาด้วยแล้วมันย่อมจะยากที่จะตายต่อให้เขาคิดอยากฆ่าตัวเองก็ตาม
ฟุบ!
หลี่ชิงหยุนโยนดาบหยกอันน้อยมาให้พร้อมกล่าว “ข้าขี้เกียจคุยกับเจ้าแล้ว รับดาบนี่ไปแล้วรีบๆ ไสหัวออกไปเสีย! แล้วก็หากไม่มีธุระก็อย่าได้กลับเข้ามาในหาสุดแสงอีก เพราะไม่ว่าอย่างไรตอนนี้เจ้าก็มีพลังบ่มเพาะไม่ถึงระดับที่จะได้ประโยชน์อะไรจากหอสุดแสง!”
คนอื่นๆ นั้นก็พยักหน้าตามรู้สึกเช่นเดียวกันนั้น
เพราะหากได้เห็นหน้าเย่หยวนไปนานกว่านี้แล้วพวกเขาคงต้องกัดลิ้นตัวเองตาย!
พูดจบหลี่ชิงหยุนก็ไม่ปล่อยให้เย่หยวนได้บอกลาอะไรสะบัดมือดันตัวเย่หยวนออกจากห้วงมิติของหอสุดแสงไป ทันที
…
“โอย!”
เย่หยวนกลับออกมาพร้อมล้มลงก้นกระแทกพื้น
หลี่ชิงหยุนนั้นช่างไร้ปรานี!
เย่หยวนนั้นไม่คิดว่าตัวเองทำอะไรผิดแม้แต่น้อย เพราะเขาก็แค่บรรลุเต๋าทุกข์ไม่ใช่หรือ? ทำไมกลับถูกมองมาด้วยสายตาที่เหมือนไปเป็นศัตรูฆ่าพ่อสังหารแม่กันเช่นนั้น?
เย่หยวนที่กลับออกมาได้ก็หันไปมองดูรอบๆ และพบว่าตัวเองได้กลับมาที่พักแล้ว
ฝีมือของมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์นั้นมันช่างเหนือล้ำความเข้าใจ
แม้จะเป็นคนที่ฝึกฝนกฎห้วงมิติอย่างเย่หยวนเองก็ยังไม่เข้าใจว่าเขากลับมาได้อย่างไร
เขายกดาบหยกสุดแสงอันน้อยนั้นขึ้นมาดูในมือ นี่มันคือสัญลักษณ์ของการเป็นผู้อาวุโสแห่งหอสุดแสงและเป็นกุญแจเข้าหอสุดแสงด้วย
ตำแหน่งของหอสุดแสงนั้นมันลึกลับไม่มีใครรู้ถึงได้
แต่ว่าหากเย่หยวนมีดาบหยกสุดแสงนี้ในมือมันก็เท่ากับว่าเขาสามารถไปยังหอสุดแสงได้ทุกเมื่อตราบเท่าที่เขานั้นยังอยู่ในระยะของนิกายยาสุดล้ำ
มีดาบหยกสุดแสงนี้ไว้มันก็เท่ากับว่าเย่หยวนนั้นกลายเป็นคนที่ทรงอำนาจที่สุดในนิกายยาสุดล้ำไป
แต่จู่ๆ เย่หยวนก็ได้ยินเสียงคนเถียงพูดกันมาจากด้านนอก
“จูหยานเจ้าถ่วงเวลาอะไรอีกมากมาย ที่แท้ศิษย์น้องของเจ้านี้มันก็แค่คนขี้ขลาด!”
“ทำเป็นแค่รังแกเด็กรุ่นหลังแต่พอต้องมาเผชิญกับคนรุ่นเดียวกันแล้วมันกลับไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงใดๆ ตอบกลับ!”
“อาจารย์ลุงจั่วเฉินนั้นเองก็รักมันอย่างกับไข่ในหิน ข้าก็คิดไปว่ามันจะเป็นยอดอัจฉริยะแค่ไหน ที่แท้กลับเป็นไอ้ขี้ขลาดที่ไม่มีปัญญาออกมาพบหน้าคนอื่นด้วยซ้ำ!”
…
ตอนนี้บนยอดประกาศตะวันนั้นมันมีกลุ่มคนมายืนล้อมอยู่และส่วนมากนั้นเป็นมหาจักรพรรดิโดยมีจักรพรรดิเที่ยงติดตามมาอยู่เล็กน้อย
แต่คำพูดของพวกเขานั้นมันชัดเจนว่ามาเพื่อหาเรื่อง
จูหยานนั้นขมวดคิ้วแน่นกล่าวร้องตอบไป “หวังหลิน เลิกวางท่าเสียทีเถอะ! หากเจ้ามีปัญญาจริงก็มาประลองกับข้า! ศิษย์น้องคนนี้ของข้าเพิ่งเข้านิกายมาได้ไม่นานแต่เจ้ากลับคิดมารังแกคนถึงหน้าประตู! เจ้าคิดว่าสำนักข้ามันไม่มีใครปกป้องหรือ?”
แต่หวังหลินนั้นกลับตอบไปด้วยท่าทางเย้ยหยัน “ศิษย์น้องหลู่ของข้าเองก็เป็นนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับห้าคนหนึ่ง มันจะเรียกว่าเป็นการรังแกคนได้อย่างไร? เจ้าไม่กล้าแม้แต่จะรับคำท้าเช่นนี้ เป็นแค่เต๋าหรืออย่างไรที่เอาแต่หดหัว? จูหยาน หากเจ้ายอมรับว่าสำนักเจ้ามันมีแต่คนขี้ขลาดตั้งแต่หัวจรดหางแล้วพวกเราจะกลับไปให้ก็ได้!”
สีหน้าของพวกจูหยานนั้นมันแดงก่ำขึ้นมาทันทีส่วนฮั่วจงที่ด้านข้างนั้นได้แต่ต้องก้มหน้า คิดอยากจะมุดดินหนีให้พ้นๆ ไป
เพราะหวังหลินคนนี้คือศิษย์คนโตของมหาจักรพรรดิฉินชาน
มหาจักรพรรดิฉินชานนั้นเป็นศัตรูแค้นของมหาจักรพรรดิจั่วเฉิน
คนทั้งสองนั้นมีฝีมือเท่าเทียมกันทั้งยังมีตำแหน่งในนิกายที่ไม่ด้อยไปกว่ากันแต่คนหนึ่งนั้นเป็นหัวของฝั่งหัวโบราณส่วนอีกฝั่งนั้นเป็นหัวของฝ่ายหัวสมัยใหม่
เดิมทีตอนที่มหาจักรพรรดิฉินชานนั้นสุมน้ำมันเข้ากองไฟเรื่องของเย่หยวนคิดทำให้จั่วเฉินเสียหน้าแต่สุดท้ายมันกลับทำให้อีกฝ่ายได้ชื่อเสียงยิ่งใหญ่ไปแทน คนทั้งนิกายนั้นต่างรู้ดีว่าศึกนั้นใครชนะใครแพ้
เสียหน้าไปขนาดนั้นฉินชานย่อมจะไม่ยอมจบเรื่องง่ายๆ
เวลานี้มันก็พอดีที่ศิษย์คนเล็กของเขานั้นเพิ่งออกมาจากการเก็บตัวและพัฒนาฝีมือด้านโอสถไปอย่างมาก เขาจึงได้มารังแกคนถึงหน้าประตู
ใครคือศิษย์ของเล็กของเขา?
หลู่เต้าอี้นักหลอมโอสถสวรรค์ระดับห้าอันดับหนึ่งของนิกายยาสุดล้ำ!
ก่อนที่เย่หยวนจะเข้านิกายมานั้นหลู่เต้าอี้คือคนที่ถูกกล่าวถึงทั้งนิกายยาสุดล้ำ
เขานั้นท้าทายนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับห้าทั้งนิกายด้วยตัวคนเดียว!
ในวิชาการโอสถนั้นมันเรียกได้ว่าเขานั้นเอาชนะคนระดับเดียวกันทั้งนิกายยาสุดล้ำได้อย่างไม่มีใครเทียบ!
แม้แต่นักหลอมโอสถสวรรค์ระดับหกหลายคนก็ยังไม่อาจเทียบเคียงเขาได้
ก่อนนั้นทั้งจั่วเฉินและฉินชานนั้นต่างชอบใจหลู่เต้าอี้อย่างมากคิดอยากรับเขาเข้าเป็นศิษย์
และสุดท้ายหลู่เต้าอี้ก็เลือกกราบฉินชานเป็นอาจารย์
หลังจากที่เขาได้ตำแหน่งนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับห้าอันดับหนึ่งมาแล้วเขาก็เข้าสู่การเก็บตัวทันที
การเก็บตัวของเขานี้มันยาวนานถึงสิบปี!
และไม่กี่วันก่อนนั้นหลู่เต้าอี้ก็เพิ่งออกมาจากการเก็บตัวและก่อนที่เขาจะทันได้แสดงฝีมือใดๆ เย่หยวนก็มาถึงนิกายเสียก่อน
ภายใต้การช่วยแพร่ข่าวของฉินชานนั้นแม้ว่าเย่หยวนจะเข้านิกายมาได้แค่ไม่ถึงครึ่งวันแต่มันก็ทำให้เขากลายเป็นที่พูดถึงของคนทั้งนิกายแล้ว
ฉินชานนั้นไม่อาจจะทนรับเรื่องนี้ไหวจึงได้สั่งให้หลู่เต้าอี้มาท้าทายเขา!
มันถือเป็นโอกาสเหมาะที่จะให้หลู่เต้าอี้ได้แสดงฝีมือหลังออกจากการเก็บตัว!
พร้อมๆ กันนั้นมันก็จะเป็นการแสดงด้วยว่าฉินชานนั้นมีฝีมือการสั่งสอนศิษย์พร้อมๆ กับประกาศว่าฝ่ายอนุรักษ์นั้นยังไม่แพ้
วิธีการที่ถูกต้องนั้นคือสร้างขุมกำลังยอดฝีมือจากแนวหลังต่างหาก!
แน่นอนว่าหลู่เต้าอี้เองก็ไม่คิดปฏิเสธฉินชาน
เขานั้นมายังยอดประกาศตะวันเพื่อท้าทายเย่หยวน แต่สุดท้ายมันกลับเป็นเวลาที่เย่หยวนไปยังหอสุดแสงพอดี
จูหยานและพวกนั้นอยู่รอเย่หยวนอยู่ มันจึงไม่อาจจะปล่อยให้เด็กใหม่อย่างเย่หยวนออกมาจัดการปัญหาเช่นนี้ได้
หลู่เต้าอี้นั้นไม่พูดพร่ำมากความเขานั้นท้าประลองโอสถกับฮั่วจงในทันที
แต่สุดท้ายหลู่เต้าอี้กลับเอาชนะมาได้!
วิชาโอสถของเขานั้นมันเหนือล้ำกว่าฮั่วจงไปสิ้นเชิง!
นักหลอมโอสถสวรรค์ระดับห้านั้นกลับเอาชนะนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับหกลงได้อย่างสิ้นเชิง มีหรือที่คนทั้งหลายจะไม่กล่าวชื่นชม?
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียฮั่วจงนั้นเองก็มิใช่แค่ศิษย์ไก่กา เขานั้นเป็นนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับหกที่ติดอันดับของนิกายเช่นกัน
ไม่เช่นนั้นแล้วเขาก็คงไม่ถูกจั่วเฉินรับเป็นศิษย์ข้ามรุ่นเช่นนี้
เพื่อที่จะตบหน้าสำนักของจั่วเฉินนั้น หวังหลินจึงได้แพร่ข่าวเรื่องนี้ออกไปทั่วทั้งนิกาย
จนสุดท้ายข่าวหลู่เต้าอี้เอาชนะฮั่วจงมันก็รับรู้กันทั่วหล้า!
ตอนนี้ฮั่วจงจึงอับอายอย่างมาก
ฮั่วจงนั้นกัดฟันแน่นกล่าวขึ้น “ศิษย์พี่สาม มันเป็นความผิดข้าเอง! หากข้าเก่งกว่านี้แล้วเราก็คงไม่ถูกคนเย้ยหยันเช่นนี้แน่!”
จูหยานนั้นหันมามองพร้อมกล่าวให้กำลังใจ “ฝึกฝนตนให้หนักหลังจากพ่ายแพ้นั้นมันคือสิ่งที่คนจริงเราทำกัน!”
ฮั่วจงนั้นกัดฟันแน่นพยักหน้าตอบแต่ตัวจูหยานเองก็ต้องปวดหัวขึ้นไม่น้อยเพราะสภาพตอนนี้มันแก้ไขไม่ได้ง่ายๆ แล้วแน่นอน!
ในตอนนั้นเองที่มันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากภายในเรือน “นี่ พวกเจ้าจะมาเถียงอะไรกันหน้าบ้านคนอื่น? พวกเจ้ายังจะให้คนได้บ่มเพาะหรือไม่? มีมารยาทกันบ้างไหม?”
เมื่อฮั่นจงได้เห็นเขาก็ต้องอ้าปากค้างขึ้นมา “ศิษย์น้อง? จ…เจ้ากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
ได้ยินเช่นนั้นคนทั้งหลายต่างก็ต้องหันหน้ากลับไปมองเย่หยวนเป็นตาเดียว
…………………………………………………