Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2876 เพชฌฆาตเย่หยวน
ตอนที่ 2876 เพชฌฆาตเย่หยวน!
เย่หยวนต่อยหมัดออกมาอย่างรุนแรงจนเฉียเจินต้องเบิกตากว้าง
เขารู้ตัวทันทีว่าตนนั้นไม่อาจปัดป้องหมัดนี้ได้!
“พ่อจ๋าช่วยด้วย!” เฉียเจินร้องลั่นขึ้นมา
ในเวลาเดียวกันนั้นเองที่มันได้มีเสียงหนึ่งดังลงมาจากเบื้องบน “เฉียชิง ปล่อยเฉียเจินไปเสียแล้วจะถือว่าข้าติดค้างเจ้าเรื่องหนึ่ง”
ตูม!
หมัดของเย่หยวนทำลายร่างของเฉียเจินไปจนไม่เหลือแม้แต่ฝุ่นเลือด
‘โทษที ใครนะ?’
‘ติดค้างเจ้านี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่โตมาก?’
เมื่อสังหารเฉียเจินที่เก่งกาจที่สุดลงได้แล้วคนที่เหลือก็ย่อมจะไม่มีใครเหลือพลังต่อต้านใดๆ อีก
ฝีมือของเขานี้เรียกได้ว่าไร้เทียมทานในระดับเดียวกันขึ้นมาทันที
เพราะแม้ว่าเส้นทางนี้มันจะมีคนอยู่มากมายแค่ไหนแต่ตอนนี้จำนวนมันไม่อาจจะชิงเอาความได้เปรียบจากเย่หยวนได้แล้ว
เขานั้นเหมือนเสือที่หลุดมาในฝูงแกะ ผ่านไปที่ไหนมันก็มีศพตายอยู่ที่นั่น
แต่เผ่าเลือดนั้นมันไม่มีศพ ร่างของพวกเขานั้นถูกทำลายลงอย่างไร้ชิ้นดี!
เผ่าเลือดนั้นไม่อาจจะเหลือศพไว้ได้!
“ดี! ดีมาก! ดีจริงๆ! ฮ่าๆ จักรพรรดิเซียนคนหนึ่งกลับกล้าทำเหมือนข้านี้ไม่มีตัวตน!” เสียงร้องลั่นนั้นดังขึ้นมาจากด้านบนอย่างคับแค้นใจ
มหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์นั้นกลับถูกเมินอย่างไม่คิดแม้แต่จะหันมอง!
เจ้าเด็กนามว่าเฉียชิงคนนี้มันไม่คิดเห็นเขาอยู่ในสายตาเลย!
ที่ด้านข้างตัวเขานั้นซู่มู่เองก็ได้แต่ต้องกล่าวขึ้นมาห้ามด้วยความสงสาร “ใจเย็นๆ มันก็แค่เด็กคนหนึ่ง ตายไปก็ตายไปเถอะ”
เฉียเจินนั้นเก่งกาจมากพรสวรรค์จริง
แต่ไม่ว่าจะมากพรสวรรค์แค่ไหนมันก็แค่จักรพรรดิเซียน
ไม่มีความจำเป็นใดๆ ต้องร้องลั่นขึ้นมาอย่างคับแค้นใจเช่นนี้
เฉียเจียนนั้นมีทายาทอยู่มากมาย พวกเขาย่อมจะมีคนที่เก่งกาจเกิดขึ้นมาได้ในอีกไม่ช้า
จะหาเรื่องไปเพื่อ?
อย่าได้คิดถึงมันเลย!
เพราะตอนนี้ผู้ดูแลจากเบื้องบนยังมองดูการแข่งขันนี้อยู่!
การแข่งขันหาร้อยบุตรนั้นมันเป็นงานสำคัญของวิหารโลหิตเทวา แน่นอนว่าพวกเขาย่อมจะส่งคนมาดูแลการคัดเลือกของแต่ละเมือง
เพื่อที่จะทำให้การแข่งขันนั้นมันเกิดขึ้นได้อย่างยุติธรรม
แม้ว่าเขานั้นจะคับแค้นใจแค่ไหนแต่เฉียเจียนก็ไม่กล้าลงมือใดๆ ต่อเย่หยวน!
หากเย่หยวนนั้นมีฝีมือแค่พอใช้มันยังพอว่าแต่นี่เขากลับเก่งกาจกว่าใคร คนเช่นนี้ย่อมจะเข้าเป็นร้อยบุตรจักรพรรดิเซียนได้อย่างแน่นอน!
ยอดอัจฉริยะเช่นนี้มีหรือที่เฉียเจียนจะมีสิทธิ์ไปแตะต้องได้?
เย่หยวนเองนั้นก็เข้าใจในจุดนี้ดีถึงได้กล้าล้างบางสังหารอยู่ตอนนี้
สภาพของเย่หยวนในตอนนี้มันเหมือนคนที่บ้าเลือด!
จักรพรรดิเซียนเกือบแปดหมื่นนั้นต่างวิ่งหนีกันในห้วงมิตินี้อย่างที่ไม่มีใครกล้าจะหันหลังกลับมาปะทะเย่หยวนใดๆ
เพราะพวกเขานั้นเข้าใจแล้วว่าเย่หยวนนั้นอยู่คนละชั้นกับพวกตนอย่างสิ้นเชิง
สู้ตรงๆ นั้นมันเท่ากับตายเพียงอย่างเดียว
แต่เย่หยวนนั้นกลับไม่คิดจะปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ
การเคลื่อนไหวของเขานั้นมันรวดเร็วอย่างมากที่ใดที่ผ่านไปนั้นมันจะมีแต่ฝุ่นเลือดของเผ่าเลือดคลุ้งเต็มไปหมด
จำนวนคนในเส้นทางหมายเลขหนึ่งนั้นมันลดลงอย่างทันตาเห็น
ในเส้นทางนั้นมันไม่มีทางถอยกลับมีแต่ทางออกเท่านั้น
เมื่อตอนที่เย่หยวนไล่ล่าคนทั้งหลายไปมันก็ย่อมจะมีคนที่คิดหนีผ่านประตูเส้นทางออกไปด้านนอกด้วย
แต่สิ่งที่พุ่งเข้ามาหาพวกเขานั้นมันคือพลังหมัดที่ต่อยออกมาจากเส้นขอบฟ้า
ภาพแปลกประหลาดนี้มันเกิดขึ้นในเส้นทางหมายเลขหนึ่งอย่างต่อเนื่องยาวนาน
เย่หยวนคนเดียวนั้นไล่ล่าจักรพรรดิเซียนแปดหมื่นและสังหารพวกเขาลงจนทำให้คนดูที่กำลังจับตามองการแข่งอยู่นั้นแทบนั่งไม่ติดเบาะ
“เจ้าบ้านี่มันมาจากไหนกัน? นี่…มันจะไม่เก่งเกินไปหรือ?”
“ข้าคงเห็นภาพหลอนอยู่แน่ๆ! เส้นทางหมายเลขหนึ่งนั้นมีครั้งใดบ้างที่มันมิใช่การต่อสู้อย่างรุนแรงจนสวรรค์เปลี่ยนสี? แต่ว่าวันนี้มันกลับเป็นคนผู้เดียวไล่ล่าคนแปดหมื่นไปหรือ?”
“ม้ามืด! ม้ามืดโดยแท้! เจ้าบ้านี่มีฝีมือพอที่จะติดห้าอันดับแรกของร้อยบุตรจักรพรรดิเซียนอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!”
“จะบ้าเกินไปแล้ว! เก่งกาจเกินไปแล้ว! เมืองข่ายยักษ์เราคงได้ทำให้วิหารโลหิตเทวาสั่นสะท้านแน่!”
…
ภาพนี้มันทำให้คนทั้งหลายแทบจะลืมหายใจ
เดิมทีพวกเขานั้นคิดหวังจะดูการต่อสู้ที่ดุเดือดเลือดสาดแต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่พวกเขาได้เห็นนั้นกลับกลายเป็นการไล่ล่าสังหารล้าง!
เวลานั้นค่อยๆ เคลื่อนผ่านไปเรื่อยๆ เย่หยวนก็ยิ่งกลายเป็นดั่งจอมมารในสายตาคนทำให้คนในเส้นทางหมายเลขหนึ่งนั้นกลัวเขาจนฉี่ราด
…
ในมิติชั้นที่สองนั้นมันมีคนมากมายที่ผ่านประตูเส้นทางออกมาได้
ยิ่งผ่านไปนานวันมันก็ยิ่งมีคนผ่านขึ้นมาได้มากเท่านั้น
แต่สิ่งที่แปลกประหลาดนั้นมันกลับเป็นเส้นทางหมายเลขหนึ่งเพราะว่ามันไม่มีใครออกมาตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้!
“มันแปลกจริง การต่อสู้ของเส้นทางหมายเลขหนึ่งมันรุนแรงปานนั้นหรือ? คนจากเส้นทางหมายเลขสามเรากว่าเก้าสิบคนได้ออกมาสิ้นแล้ว แต่ทางนั้นมันกลับยังไม่มีเงาของใครแม้สักคนเดียว!”
“พวกมันคงกำลังเล่นสนุกกันอยู่แน่ๆ มันคงไม่ได้วางแผนร้ายอะไรไว้หรอกใช่ไหม? แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นมันก็คงไม่มีทางว่าไม่มีใครออกมาได้หรอกเนอะ?”
“น่าสนใจแล้ว เวลาสามวันมันใกล้จะจบลงเต็มที นี่พวกมันวางแผนจะออกมาพร้อมกันในวินาทีสุดท้ายหรือ?”
…
ตอนนี้คนกว่าแปดร้อยจากทั้งหมดหนึ่งพันได้ออกมารออยู่ที่ห้องชั้นสองแล้ว
การแข่งขันในด่านแรกนั้นมันมีเวลาจำกัดแค่สามวัน
ตอนนี้เวลามันใกล้จะหมดลงเต็มทีแต่กลับไม่มีใครจากเส้นทางหมายเลขหนึ่งขึ้นมาได้แม้แต่คนเดียว มันย่อมจะทำให้คนทั้งหลายมึนงงสงสัย
เผ่าเลือดทั้งหลายนั้นรวมหัวกันคิดไปต่างๆ นานา
เวลาค่อยๆ เคลื่อนผ่านจนในที่สุดคนทั้งเก้าร้อยจากเส้นทางทั้งเก้าที่เหลือมันก็มารวมตัวกันจนครบ
แต่เส้นทางหมายเลขหนึ่งนั้นยังไร้เงาคนออกมา
เวลามันผ่านไปอย่างเงียบงันจนใกล้จะถึงกำหนดสามวันมันยิ่งทำให้คำถามในใจคนใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
ฟุบ!
วินาทีนั้นเองที่เส้นทางหมายเลขหนึ่งมันได้มีเงาร่างหนึ่งก้าวผ่านขึ้นมา
ได้เห็นคนผู้นี้คนทั้งเก้าร้อยที่รออยู่นั้นก็ต้องอ้าปากค้าง
มันคือใครกัน?
เฉียเจินอยู่ไหน?
เฉียวหยางอยู่ไหน?
เฮ่อหมิงอยู่ไหน?
ทำไมคนที่ออกมามันกลับเป็นแค่จักรพรรดิเซียนขั้นปลายคนหนึ่งเช่นนี้?
จะบอกว่าคนทั้งหลายนั้นพ่ายให้คนผู้นี้หรือ?
“นี่ ไอ้หนู คนอื่นๆ อยู่ไหนกัน? ทำไมมันมีแค่เจ้าคนเดียวที่ออกมาได้เล่า?” คนที่ออกมาเป็นอันดับหนึ่งของเส้นทางหมายเลขสองอดถามเย่หยวนขึ้นมาไม่ได้
แม้ว่าเย่หยวนนั้นจะเป็นคนที่ผ่านขึ้นมาได้แค่คนเดียวแต่เขาก็ย่อมจะไม่กลัวเย่หยวน
เพราะว่าฝีมือของเขานั้นมันไม่ได้ด้อยไปกว่าเฉียเจินเลย
เพียงแค่ว่าเขานั้นไม่รู้ว่าตอนนี้คนเผ่าเลือดในเส้นทางแรกแค่ได้ยินนามของเย่หยวนมันก็ทำให้พวกเขาหมดสติลงได้
เจ้าบ้านี่มันน่ากลัวจนเกินไป!
มันย่อมไม่มีทางใดที่คนจะตายลงทั้งเส้นทางได้
คนแปดหมื่นคนนั้นมันย่อมจะมากจนเกินไป
ต่อให้พวกเขานั้นจะยืนให้เย่หยวนฆ่ามันก็คงต้องใช้เวลาอย่างมากกว่าที่เย่หยวนจะฆ่าสังหารพวกเขาลงได้หมด ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าสามวันมานี้พวกเขาทั้งหลายนั้นไม่มีใครยืนนิ่งอยู่กับที่แม้สักคน
สามวันนี้เย่หยวนได้สังหารคนไปราวสี่หมื่น สังหารจนมือล้า!
สุดท้ายเขาก็ไม่เหลือเวลาพอจะสังหารทุกคนลง
เย่หยวนนั้นแข็งแกร่งแต่มิใช่ความแข็งแกร่งของอาณาจักรบ่มเพาะที่จะสังหารอีกฝ่ายได้ด้วยแค่ลมหายใจ ไม่ว่าจะอย่างไรพวกเขาก็มีพลังในอาณาจักรเดียวกันเย่หยวนนั้นยังต้องโจมตีออกไปหากคิดสังหารศัตรู
หลังจากปรับลมหายใจนิดหน่อยเย่หยวนก็เดินขึ้นมามองหน้าคนทั้งเก้าร้อย
คนอื่นๆ จากเส้นทางหมายเลขหนึ่งนั้นย่อมไม่มีใครกล้าตามหลังเขามาแล้ว
ขึ้นมามันจะไม่เท่ารนหาที่ตาย?
เย่หยวนนั้นไม่ได้ตอบคำถามที่ถูกถามแต่มองหน้าคนทั้งหลายด้วยรอยยิ้ม “อืม ครั้งนี้ข้าคงไม่ต้องสังหารลงเมื่อยมืออีกแล้ว แค่ไม่กี่ร้อยคน สังหารพวกเจ้าทั้งหลายลงนี้คงไม่ต้องออกแรงให้เหนื่อยมากนัก”
…
ครึ่งวันต่อมาคนจากกลุ่มแรกก็ถูกกำจัดลงสิ้น!
เย่หยวนนั้นเดินเข้าเส้นทางไปด้วยท่าทางโดดเดี่ยวของผู้แข็งแกร่ง
เขานั้นชิงเอาตำแหน่งนี้มาได้
ครั้งนี้คนแรกที่ออกมามันย่อมจะเป็นตัวเขา
เพราะว่าศึกของอีกเก้ากลุ่มที่เหลือมันรุนแรงดุเดือดกว่ามากนัก
เมื่อเย่หยวนกลับมาถึงสนามคนดูทั้งแสนคนนั้นต่างก็ต้องเงียบเสียงร้องใดๆ ลง
สายตาที่พวกเขามองดูเย่หยวนนั้นมันเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว
เจ้าบ้านี่มันคือเพชฌฆาตอย่างแท้จริง!
ยอดอัจฉริยะทั้งเก้าร้อยคนนั้น ถูกเขาคนนี้สังหารสิ้น!
หลายพันปีมานี้การแข่งขันร้อยบุตรมันได้ถูกจัดขึ้นมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแต่ก็ไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน
ต่อให้เผ่าเลือดนั้นจะโหดร้ายแค่ไหนมันก็ยังไม่ได้เสี้ยวหนึ่งของเย่หยวนคนนี้!
“ฮ่าๆๆ…อ่อนแอนัก! ขยะโดยแท้! เจ้ามันไร้ค่าใดต่อหน้าหอกของปู่ชิงคนนี้! แน่นอนล่ะว่าปู่ชิงคนนี้ต้องออกมาเป็นคนแรก! เฮอะๆ พ่อเจ้าจะเอาตำแหน่งอันดับหนึ่งมาเอง ข้าบอกไว้ตั้งแต่ก่อนเข้าไปแล้ว! อ่าว ไอ้เวรนี่ เจ้ากลับออกมาก่อนข้าหรือ? แต่มันเปล่าประโยชน์ ปู่ชิงของเจ้านี้จัดการมหาจักรพรรดิครึ่งก้าวลงด้วยหอกนี้นับสิบๆ คนสู้จนไม่มีใครกล้าขยับตัวอีก! เป็นอย่างไรเล่า? เจ้าว่าข้าเก่งหรือไม่?”
วินาทีต่อมานั้นหยางชิงก็ได้พุ่งตัวขึ้นมาจากเส้นทางของจักรพรรดิเที่ยงและร้องลั่นอวดอ้างตัวขึ้นมาทันที
…………………………