Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2903 เจ้าโลกตะลึง!
“โหยวจินนั้น… ตาย?” เทพศักดิ์สิทธิ์นั้นได้แต่ต้องถามขึ้นมาอย่างไม่อยากเชื่อ
เขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์ที่มีแต่เสียงบ่นว่าเมื่อวินาทีก่อนนั้นมันได้เข้าสู่ความเงียบงัน
เจ้าโลกเฮยหยางนั้นรู้สึกร้อนขึ้นมาทั้งหน้าทันทีเพราะวินาทีก่อนนั้นเขายังว่าด่าเย่หยวนอย่างสุดตัว คิดถึงขั้นอยากจะส่งเย่หยวนไปตาย
แต่ตอนนี้…โหยวจินนั้นกลับเป็นคนตายลง!
นี่มันคือเจ้าโลกเผ่าเลือดคนแรกที่ตายลงตั้งแต่มีการสร้างเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์ขึ้น!
มันเป็นเรื่องที่ใหญ่เกินกว่าจะเมินเฉย!
“ตายแล้ว! ตายจนไม่รู้จะตายอย่างไรเลย! เจ้าโลกโหยวจินตาย เฉียนั้วหนีไปได้อย่างบาดเจ็บสาหัส มหาจักรพรรดิเผ่าเลือดตายลงไปกว่าสามสิบคนและทหารอีกกว่าหนึ่งแสนสามหมื่นคนได้ตายลงสิ้น! ส่วนฝ่ายเรานั้นเสียกำลังไปเพียงเกือบสามพันคน! ชัยชนะครั้งนี้มันยิ่งใหญ่กว่าชัยชนะที่มหานครฉีใต้เป็นร้อยๆ เท่า!”
จางเฟยหงสั่นสะท้านขึ้นมาทั้งร่างตอนที่ได้ยินข่าวนี้ครั้งแรกเขาคิดว่าตัวเองกำลังนอนฝันไปด้วยซ้ำ
เพราะมันเหนือล้ำความเข้าใจ!
เดิมทีแล้วชัยชนะที่มหานครฉีใต้นั้นมันนับว่าเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไปแล้ว
แต่ว่าในชัยชนะครั้งนี้พวกเขากลับสังหารเจ้าโลกลงได้!
สังหารเจ้าโลกนั้นมันย่อมจะเป็นเรื่องที่ใหญ่ยิ่ง!
อย่าว่าแต่ทหารสามแสนต่อให้จะเป็นทหารสามสิบล้านหรือสามร้อยล้านก็ไม่อาจจะมีความสำคัญเท่าเจ้าโลก คนเดียว!
เผ่าเลือดนั้นมีจักรพรรดิเซียนอยู่เท่าไหร่?
ในเมืองข่ายยักษ์นั้นมีจักรพรรดิเซียนถึงแปดล้านมาสมัครคัดเลือกร้อยบุตร!
เช่นนั้นแล้วจำนวนจักรพรรดิเซียนของสามทวีปนั้นมันคงจะมากเกินร้อยล้านไปได้ง่ายๆ!
แต่ในจักรพรรดิเซียนนับร้อยล้านนั้นมันมีเจ้าโลกเกิดขึ้นมาได้กี่คน?
เพราะหลายพันปีที่ผ่านมานี้เผ่าเลือดเองก็มีเจ้าโลกถือกำเนิดขึ้นมาใหม่แค่ห้าคนเท่านั้น
มันชัดเจนแล้วว่าตัวตนระดับเจ้าโลกนั้นสำคัญแค่ไหน!
แต่ตอนนี้เจ้าโลกคนหนึ่งกลับตายลงไป มีหรือที่จางเฟยหงจะไม่สั่นสะท้านไปทั้งกายใจ?
เทพศักดิ์สิทธิ์ท่านนั้นเองก็แทบลืมหายใจไป
ยอดฝีมือระดับเขานั้นต้องผ่านเรื่องราวชีวิตมามากมายแค่ไหน?
แต่ครั้งนี้เขาตกตะลึงจนลืมหายใจไปจริงๆ!
“ตายไปไม่ถึงสามพัน? มัน…มันจะเป็นไปได้อย่างไร? เผ่าเลือดนั้นมีแสงเนตรโลหิตที่ป้องกันเมืองได้ดีไม่แพ้ค่ายกลของเราๆ! ก…กลับมีคนตายแค่ไม่ถึงสามพัน?” เทพศักดิ์สิทธิ์นั้นกล่าวถามขึ้นมาด้วยเสียงหลง
จางเฟยหงตอบกลับไปด้วยใจที่เต้นรัว “เย่หยวนนั้นไม่รู้ไปเอาเลือดต้นมาจากไหน วินาทีที่เขาปล่อยพลังเลือดต้นนั้นออกมาแสงเนตรโลหิตมันก็สิ้นฤทธิ์ลงไปทันที! จากนั้น…มันก็เป็นการล่า! หลี่ชิงหยุนนั้นเข้าปะทะโหยวจินที่บาดเจ็บหนักและสังหารเขาลงหลังจากไล่ล่ากันไปกว่าหนึ่งวันหนึ่งคืน!”
เมื่อเจ้าโลกทั้งหลายได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็ต้องยืนนิ่งไปพร้อมๆ กัน
เลือดต้น!
สิ้นฤทธิ์!
เจ้าจะบ้าหรือ?!
“ล…แล้วเขาไปเอาเลือดต้นมาจากไหน? ที่สำคัญต่อให้มันจะเป็นเลือดต้นมันก็คงไม่ถึงขั้นผนึกแสงเนตรโลหิตลงได้หรอกใช่ไหม?” เทพศักดิ์สิทธิ์นั้นถามขึ้นมาด้วยความมึนงง
จางเฟยหงได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป “เรื่องนั้นข้าเองก็ไม่ทราบ ท่านคงต้องลองถามเจ้าตัวเอาเองแล้ว”
“ฮ่าๆๆ…”
ระหว่างที่จางเฟยหงตอบกลับไปนั้นมันก็มีเสียงหัวเราะของเจ้าโลกหยุนซานดังขึ้นมา
สะใจจนเกินไป!
ก่อนหน้านี้เขาถึงขั้นคิดว่าจะเสี่ยงชีวิตบุกเข้าแดนเผ่าเลือดหวังช่วยชีวิตศิษย์ทั้งสองกลับมา
ใครจะไปคิดว่าผลที่ออกมามันจะกลับตาลปัตรเช่นนี้!
ศิษย์ทั้งสองของเขานั้นกลับส่งข่าวที่ทำให้เขาต้องสะดุ้งกลับมาแทน!
ได้ยินเสียงหัวเราะของเจ้าโลกหยุนซานนั้นเจ้าโลกคนอื่นๆ ต่างก็ต้องเงียบปากไปทันที
นี่มันจะตบหน้ากันแรงเกินไปแล้ว!
เพราะก่อนหน้านี้คนทั้งหลายนั้นยังด่าว่าเย่หยวน บอกว่าเย่หยวนหลงตัวเองเหลิงในความสำเร็จ
แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ถูกตบหน้าเข้าในเวลาไม่กี่วินาทีต่อมา
หลงตัวเองเหลิงความสำเร็จ?
ลองไปสังหารเจ้าโลกลงให้ได้ก่อนค่อยมาว่าเถอะ!
“เจ้าพวกนี้นี่ เจ้าคิดจะเยาะเย้ยพ่อเจ้าใช่หรือไม่เล่า! เวลานี้รู้สึกอย่างไรกันบ้าง หน้าชากันหรือไม่? ศิษย์ของพ่อเจ้านั้นมีคนใดบ้างที่ธรรมดา? อย่าว่าแต่ศิษย์เลย แม้แต่พวกเจ้านั้นเองที่วางตัวเหนือหัวผู้คนอยู่ทุกวันนี้ มีพวกเจ้าคนใดบ้างที่เคยสังหารเจ้าโลกเผ่าเลือดลงได้? หือ? ส่งกำลังจากฉีใต้ออกไปตีข่ายยักษ์จนแตกพ่าย สะใจจริง! มันช่างสะใจดีเสียจริงๆ! ฮ่าๆๆ…”
เจ้าโลกหยุนซานนั้นรู้สึกสะใจอย่างมากที่สุดเพราะได้ตบหน้าคนทั้งหลายจนหัน
เพียงแค่ว่าตัวเขาก็ลืมไปว่าตัวเองก็ได้ด่าว่าเย่หยวนและหลี่ชิงหยุนไปเมื่อไม่กี่วินาทีก่อน
แต่ตอนนี้มันย่อมจะไม่มีใครกล้าเอาเรื่องนั้นมาเยาะเย้ยเขาอีก
เจ้าโลกทั้งหลายนั้นได้แต่ต้องอ้าปากค้างกับข่าวชัยชนะครั้งนี้
…
นี่เป็นครั้งแรกที่เย่หยวนได้เข้ามาภายในเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์และอดไม่ได้ที่ต้องอ้าปากค้าง
นี่มันคือการผสานพลังของเจ้าโลกมากมาย เขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์นี้มันถูกสร้างขึ้นมาด้วยสุดยอดวิชามีพลังงานไร้สิ้นสุด
หากมิใช่เพราะเจ้าโลกทั้งหลายปล่อยให้เข้ามาแล้วต่อให้จะเป็นยอดฝีมือคลื่นกำเนิดก็คงไม่อาจจะเล็ดลอด
เข้ามาได้
จากนั้นมันก็เกิดเงาร่างมากมายปรากฏขึ้นมาล้อมรอบตัวพวกเย่หยวนไว้ให้พลังกดดันที่รุนแรง
เจ้าโลกทั้งหลายนั้นมารวมตัวกันมันต้องเป็นความหนักหน่วงปานใด?
แม้ว่าร่างทั้งหลายนั้นมันจะเป็นเพียงแค่ร่างแยกก็ตาม
เย่หยวนนั้นรู้สึกได้ว่าแม้แต่หลี่ชิงหยุนหรือเฟิงเสี่ยวเถียนเองก็ได้แต่ทำหน้าซีดออกมาเมื่อได้เห็น
เจ้าโลกและมหาจักรพรรดินั้นมันแตกต่างกันฟ้ากับเหว!
เย่หยวนหันไปมองรอบๆ และนับได้ว่ามีเจ้าโลกทั้งหมดหกสิบสามคน!
นี่คงเป็นกำลังทั้งหมดที่เหลือของสวรรค์แรกแล้ว
“ฮ่าๆๆ…ไอ้เด็กคนนี้เจ้าทำให้อาจารย์ได้หน้าใหญ่เสียจริง! เยี่ยมมาก! ทำได้สวยงามจริงๆ!” หยุนซานนั้นหัวเราะลั่นขึ้นมาเมื่อได้เห็นเย่หยวน
แต่ใบหน้าของคนอื่นๆ นั้นมันดูเหยเกแปลกๆ
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “โหยวจินนั้นถูกศิษย์พี่ใหญ่สังหารลง มันควรเป็นศิษย์พี่ที่ได้รับคำชมจากท่านอาจารย์!”
หลี่ชิงหยุนมองหน้าเย่หยวนและร้องขึ้น “ไม่ต้องมาพูดเช่นนั้น! มีหรือที่ข้าศิษย์พี่ใหญ่คนนี้จะหน้าด้านไปแย่งความดีความชอบศิษย์น้องเล็ก? มันเป็นเจ้าที่รบเร้าให้เราออกทัพไปโจมตีเมืองข่ายยักษ์! และมันก็เป็นเจ้าที่ผนึกแสงเนตรโลหิตของเมืองข่ายยักษ์ลงด้วยทำให้จักรพรรดิทั้งหลายไม่มีพลังต่อต้าน ทำให้ข้ามีโอกาสได้สังหารโหยวจิน หากมันมีพลังของแสงเนตรโลหิตมีหรือที่ข้าจะยังสังหารมันลงได้!”
เหมือนอย่างตอนที่เฉียนั้วมาโจมตีมหานครฉีใต้ก่อนๆ มานั้นที่เฟิงเสี่ยวเถียนสามารถรับมือยอดฝีมือคลื่นกำเนิดได้พร้อมกันสี่ห้าคนมันก็เพราะว่าเขาได้รับการสนับสนุน จากค่ายกล!
โหยวจินนั้นจะอย่างไรก็เป็นเจ้าโลกคนหนึ่ง หากเขาได้พลังเสริมจากแสงเนตรโลหิตแล้วหลี่ชิงหยุนย่อมจะลืมเรื่องฆ่าสังหารใดๆ ไปได้เลย
ได้ยินสองพี่น้องถ่อมตนเช่นนั้นออกมาเจ้าโลกคนอื่นๆ ก็ได้แต่ต้องยิ้มแห้งๆ
ชัยชนะยิ่งใหญ่ติดต่อกันนี้มันกลับเกิดขึ้นภายใต้มือคนจากสำนักหยุนซานสิ้น
ตอนนี้ชื่อเสียงของเจ้าบ้าขี้โม้นี้มันยิ่งใหญ่เหนือท้องฟ้าไปแล้ว
หนึ่งบรรลุเจ้าโลก หนึ่งเป็นยอดฝีมือพลังคลื่นกำเนิดที่สังหารเจ้าโลกลงได้ ส่วนอีกคนนั้นยิ่งเป็นตัวประหลาดบุกเข้าไปเป็นบุตรโลหิตศักดิ์สิทธิ์และกลับมาพร้อมความลับเต็มตัว
นี่มันจะยิ่งใหญ่เกินไปแล้ว
“เอาล่ะๆ ความดีความชอบของพวกเจ้านั้นข้าย่อมจะให้รางวัลอย่างแน่นอน! แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งมาเถียงกันเลย เย่หยวนข้าผู้นี้สงสัยแค่เรื่องเดียว เจ้าไปเอาเลือดต้นนั้นมาจากที่ใดกัน?” เทพศักดิ์สิทธิ์ถามขึ้นมา
เมื่อถูกถามเรื่องนี้เย่หยวนก็ได้แต่ต้องทำหน้าเครียดขึ้นมา
ได้เห็นสีหน้าของเย่หยวนนั้นเจ้าโลกทั้งหลายก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
หลังจากที่เย่หยวนค่อยๆ เล่าเรื่องราวของศิลาโลหิตโกลาหลออกมาสีหน้าของเจ้าโลกทั้งหลายมันก็ซีดขาวลง
ความดีใจในชัยชนะใดๆ นั้นมันหายไปหมดสิ้นเหลือไว้เพียงความกังวล
พวกเขานั้นคิดว่าคนที่เก่งกาจที่สุดของเผ่าเลือดมันคือหวังจั่ว
ใครจะไปคิดว่าในเผ่าเลือดมันกลับยังมีสิ่งที่เรียกว่าศิลาโลหิตโกลาหลนี้!
ดูจากที่เย่หยวนเล่ามานั้นหากเจ้าศิลานี้มันตื่นขึ้นแล้วมันคงทำให้เกิดหายนะแน่นอน!
เจ้าโลกหยุนซานนั้นมองหน้าเย่หยวนและกล่าวขึ้นดุว่า “เจ้าเด็กบ้านี่…เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าตัวเองบ้าบิ่นแค่ไหน? เจ้าไม่คิดรักชีวิตบ้างหรืออย่างไร?”
แม้ว่าเย่หยวนนั้นจะไม่ได้เล่าถึงความอันตรายที่เกิดขึ้นระหว่างนั้น
แต่มีหรือที่เจ้าโลกหยุนซานจะไม่รู้?
มีหรือที่เขาจะมองไม่ออกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นมันอันตรายแค่ไหน?
ศิลาโลหิตโกลาหลนั้นมันคือศิลามารดาของเผ่าเลือด มันย่อมจะทรงพลังอย่างไม่ต้องสงสัย!
ไปเล่นลูกไม้เช่นนี้มันย่อมจะไม่ต่างอะไรจากการเอามีดมาลองปาดคอตัวเอง
พลาดไปนิดคงเท่ากับชีวิต
แต่เย่หยวนนั้นรอดกลับมาได้!
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ตอนนั้นธนูมันถูกง้างแล้วจะไม่ปล่อยมันก็ไม่ได้! ความลับเช่นนั้นหากข้าไม่เข้าไปดูแล้วจะให้ใครเข้าไปดูอีก? แม้ว่ามันจะอันตรายแต่ก็ได้สิ่งที่เป็นประโยชน์มา เลือดต้นที่ข้าได้มานี้มันสร้างชัยชนะใหญ่ยิ่งให้พวกเรา”
เจ้าโลกทั้งหลายนั้นต้องอ้าปากค้าง จักรพรรดิเซียนคนหนึ่งกลับกล้าบุกเข้าไปหลอกลวงถึงศิลามารดาของเผ่าเลือด!
จะบ้าเกินไปแล้ว!
เทพศักดิ์สิทธิ์นั้นเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะกล่าวขึ้น “เย่หยวน เจ้าช่วยแสดงพลังของเลือดต้นนี้ให้ข้าดูได้หรือไม่?”
เย่หยวนพยักหน้ารับก่อนจะปล่อยพลังของเลือดต้นให้ปะทุขึ้น
แต่ภาพนี้มันทำให้เจ้าโลกทั้งหลายหน้าเปลี่ยนสีไป
เทพศักดิ์สิทธิ์นั้นต้องเบิกตากว้างขึ้นอย่างตกตะลึง “นี่…มันช่างเป็นคลื่นกำเนิดที่บริสุทธิ์นัก! ไม่แปลก ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าจะหยุดแสงเนตรโลหิตไว้ได้! ศิลาโลหิตโกลาหลนี่มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว!”
เหล่าเจ้าโลกทั้งหลายในตอนนี้ต่างคุ้นเคยกับคลื่นกำเนิดดี
พวกเขานั้นเคยต่อสู้กับเผ่าเลือดมาหลายครั้งนับไม่ถ้วนแน่นอนว่าย่อมจะเข้าใจพลังของเผ่าเลือดในระดับหนึ่ง
แต่ว่าแม้แต่ตัวหวังจั่วเองก็ยังไม่มีเลือดกำเนิดที่บริสุทธิ์ได้ปานนี้!
นี่มันคือเลือดต้นกำเนิดอย่างแท้จริง!
หากมองเสือดาวผ่านท่อมันก็อาจจะเห็นลายจุดแค่จุดเดียว พวกเขานั้นไม่อาจจะจินตนาการได้เลยว่าพลังที่แท้จริงของศิลาโลหิตโกลาหลนั้นมันจะรุนแรงแค่ไหน
“หากเจ้าศิลาโลหิตโกลาหลมันได้เกิดขึ้นมาแล้วมันคงได้กลายเป็นหายนะของทุกสวรรค์แน่! ของเช่นนี้มันมีอยู่บนโลกได้อย่างไรกัน? เผ่าเลือดนั้นมันช่างซ่อนเรื่องราวได้ลึกล้ำนัก!” เจ้าโลกหยุนซานกล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เจ้าโลกคนอื่นๆ เองก็ต้องพยักหน้าตามเพราะสัมผัสได้ถึงแรงกดดันนี้เช่นกัน
แต่จากนั้นมันก็มีแต่ความสิ้นหวัง
เพราะพวกเขานั้นไร้พลังจะเปลี่ยนแปลงอะไร
เย่หยวนกล่าวขึ้น “ผู้อาวุโสทั้งหลายหากข้าเดาไม่ผิดตอนนี้หวังจั่วมันคงกำลังไปบอกให้ศิลาโลหิตโกลาหลดึงเอาเลือดต้นนี้กลับไป! ข้านั้นมาเพื่อหวังจะให้พวกท่านทั้งหลายช่วยข้าผนึกเลือดต้นนี้ไว้! ถือว่าเป็นโอกาสดีที่พวกท่านทั้งหลายจะได้ลองคาดเดาพลังของศิลาโลหิตโกลาหลนี้ไปด้วยเลย”
เพราะแท้จริงตัวเย่หยวนนั้นไม่อาจเข้าใจขอบเขตพลังของศิลาโลหิตโกลาหลได้เลย
เขานั้นรู้แค่ว่ามันทรงพลังแต่ถามว่าทรงพลังแค่ไหนเขาก็ตอบไม่ได้เพราะเขานั้นยังมีพลังบ่มเพาะที่ต่ำ เกินกว่าจะกะคาดเดาได้
แต่เจ้าโลกทั้งหลายย่อมจะวัดได้แน่นอน!
……………………..