Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2911 สานต่อคำสอนสั่ง
สวรรค์โมฆะเกินดุลนั้นมันมีสภาพที่แตกต่างกับสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดอย่างสิ้นเชิง
เพราะบนสวรรค์นี้มีเพียงแค่สองทวีปเท่านั้นและไม่ว่าจะเป็นทวีปใดมันก็ต่างถูกปกครองด้วยเผ่าวิญญาณสิ้น!
เผ่าวิญญาณนั้นมีเจ้าโลกมากมายจนสามารถกดหัวเผ่าเลือดไว้ได้อย่างอยู่หมัด
หากเฉลี่ยทั้งสามสิบสามสวรรค์แล้วเผ่ามนุษย์มันคงจะเป็นเผ่าที่มีเจ้าโลกมากที่สุด
แต่ที่นี่
เผ่ามนุษย์นั้นกลับแสนอ่อนแอ
เพราะฉะนั้นในแต่ละศึกมันจึงเป็นการต่อสู้กันด้วยทาสของเผ่าวิญญาณและเผ่าเลือดออกมาต่อสู้กันแทน
มนุษย์นั้นกลับกลายเป็นเผ่าที่ถูกส่งออกมาตายมากที่สุด
นิกายโอสถประเสริฐนั้นเองเดิมทีแล้วเป็นถึงนิกายระดับมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์ แม้ว่าจะไม่ได้มีอำนาจเหนือฟ้าแต่พวกเขานั้นก็เป็นนิกายที่ทรงพลังอย่างมากนิกายหนึ่ง
แต่หลายพันปีมานี้พวกเขานั้นต่างสูญเสียยอดฝีมือไปเพราะเผ่าวิญญาณที่เกณฑ์กำลังคนทำให้ยอดฝีมือ ของนิกายต้องตายลงในแนวหน้านับไม่ถ้วน
ตอนนี้มีเพียงหวังจุนเท่านั้นที่ถือว่าเป็นยอดฝีมือ
พวกเขานั้นมากราบไหว้รูปปั้นของหยุนซานในวันนี้ก็เพื่อที่จะขอให้เผ่าวิญญาณนั้นลืมๆ เรื่องของพวกเขาและเลิกมาเกณฑ์พวกเขาไปออกรบเสียที
หากมีการเกณฑ์กำลังอีกสักครั้งนิกายโอสถประเสริฐนั้นคงได้ถึงคราวจบสิ้นกันแล้ว
พูดมาถึงตรงนี้หวังจุน ยอดฝีมือมหาจักรพรรดิคนนี้ก็ต้องร้องไห้ออกมา
เมื่อเย่หยวนได้ยินเช่นนั้นเขาเองก็ต้องถอนหายใจยาว เรื่องการรุกรานของเผ่าเลือดนี้มันช่างสร้างความลำบากให้แก่ผู้คนในทุกสวรรค์ไปจริงๆ!
หลังจากพูดคุยกันไปอีกหน่อยเย่หยวนก็เริ่มได้เข้าใจสภาพสงครามระหว่างเผ่าวิญญาณและเผ่าเลือดมากขึ้น จากนั้นก็ไล่คนนิกายโอสถประเสริฐออกไปเพื่อเริ่มการเก็บตัวในถ้ำนี้
แต่ก่อนที่จะเข้าสู่การเก็บตัวนั้นเย่หยวนได้เขียนรายการยาวเหยียดมอบให้หวังจุนไปตามหาสมุนไพรสวรรค์ ในรายการนั้นมา
บนรายการนั้นมันมีสมุนไพรสวรรค์ระดับห้าและหกมากมายเขียนไว้และแต่ละอย่างแต่ละชนิดนั้นมันช่างล้ำค่า หาได้ยากยิ่ง
โชคยังดีที่นิกายโอสถประเสริฐนั้นเป็นนิกายใหญ่มาหลายหมื่นปีทำให้ยังมีสมุนไพรสวรรค์ระดับหกที่หายากเก็บอยู่ในคลังบ้าง
เมื่อจบเรื่องแล้วเย่หยวนก็เริ่มเข้าสู่การเก็บตัวไป
เรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ของเขามันยังคงเป็นการจัดการคลื่นพลังเผ่าเลือดบนตัวนี้
เผ่าเลือดและเผ่าวิญญาณนั้นอยู่ในสภาวะสงคราม
หากเขาโผล่หน้าออกไปเผ่าวิญญาณทั้งๆ อย่างนี้แล้วเขาคงได้ถูกสังหารอย่างไม่ถามไถ่ใดๆ แน่นอน
เผ่าวิญญาณนั้นคือเป้าหมายที่เขาต้องไป
เป้าหมายที่ใหญ่ที่สุดของการออกเดินทางครั้งนี้มันคือการเข้าถึงหนึ่งสามสุดยอดสมบัติแห่งเผ่าวิญญาณอย่าง ร่มคลื่นม่วง
ร่มคลื่นม่วงนี้มันคือสมบัติโกลาหลศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังไร้สิ้นสุด
วิชาการก่อวิญญาณของเย่หยวนนั้นมันต้องใช้พร้อมร่มคลื่นม่วงนี้เพื่อที่จะคืนวิญญาณให้แก่ร่างของมู่หลินเสวีย
เพียงแค่ว่าสมบัติโกลาหลศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นสุดยอดสมบัติไม่ว่าจะในสวรรค์ใด
มีหรือที่เผ่าวิญญาณจะเอาออกมาให้เย่หยวนยืมใช้งานง่ายๆ?
เหมือนดั่งเขาแดนอนันต์ในมือเย่หยวน หากมีใครรู้ว่าเย่หยวนครอบครองสิ่งนี้อยู่มันอาจจะทำให้เกิดสงครามขึ้นแน่
เผ่าวิญญาณนั้นมีสามสุดยอดสมบัติคือร่มคลื่นม่วง กระดิ่งสังหารวิญญาณและหม้ออย่าลืมเลือน แต่ละอย่างนั้นต่างเป็นสุดยอดสมบัติธาตุวิญญาณที่ทั้งสวรรค์มีเพียงแค่มันอย่างเดียวนี้!
ที่สำคัญไปกว่านั้นหากมองดูสภาพในปัจจุบันแล้วเผ่าวิญญาณเองก็คงไม่ได้เป็นมิตรกับเผ่ามนุษย์มากนักด้วย
การจะเข้าไปยืมตรงๆ นั้นคงไม่มีทางทำได้แล้ว
แต่ว่าเย่หยวนนั้นย่อมจะไม่ยอมหยุด เพราะตรงหน้าของเขานั้นมันมีความหวังที่เขาตามหามาทั้งชีวิตอยู่
ต่อให้จะต้องแลกด้วยชีวิตนี้เขาก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อเข้าถึงร่มคลื่นม่วงให้ได้
เย่หยวนนั้นกำลังตั้งจิตสมาธิในดาบเต๋า
ดาบเต๋าในตอนนี้มันมีรอยเลือดขึ้นมารอบด้าน
สภาพนี้มันเกิดขึ้นมาเพราะการดูดกลืนเลือดต้นนั้นลงไป
เดิมทีแล้วเย่หยวนคิดว่าหากเขากลืนเลือดต้นนี้เข้ามา มันจะค่อยๆ กัดกร่อนทำลายดาบเต๋าของเขาลง
เพราะไม่ว่าจะอย่างไรเลือดต้นนี้มันก็คือพลังคลื่นกำเนิดจากศิลาโลหิตโกลาหล!
แต่ลองดูสภาพตอนนี้แล้วดาบเต๋าของเขานี้มันเหนือล้ำกว่าที่เขาคิดคาดไปมาก
นอกจากว่าเลือดต้นนั้นมันจะไม่อาจกัดกร่อนดาบเต๋าได้แล้ว ตัวดาบเต๋าเองยังสามารถใช้พลังของเลือดต้นได้อย่างสมบูรณ์
เย่หยวนนั้นสามารถใช้พลังของเลือดต้นนี้ได้ตามต้องการ
เพียงแค่ว่าเมื่อทำเช่นนั้นได้สภาพของเย่หยวนในตอนนี้มันจึงได้กลายเป็นเผ่าเลือดไปอย่างสมบูรณ์แบบ
แต่พลังนี้มันก็สุดแสนแข็งแกร่งเย่หยวนไม่อาจจะควบคุมเปิดปิดมันได้แม้แต่น้อยทำให้คลื่นพลังเลือดบนร่างของเขานั้นมันไม่อาจจะจางหายลงไปได้เสียที
แต่ตราบเท่าที่เขาสามารถควบคุมพลังของเลือดต้นนี้ได้เย่หยวนก็คงจะกลับเป็นมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์อีกครั้ง
ตอนนี้เย่หยวนนั้นคงเป็นตัวตนเดียวในสวรรค์นี้ที่เป็นเพียงแค่จักรพรรดิเที่ยงแต่กลับมีพลังคลื่นกำเนิดติดตัว!
หากเขาควบคุมพลังนี้ได้แล้วเขาก็คงจะพัฒนาพลังตัวเองไปได้อีกระดับหนึ่ง!
ดาบเต๋าของเขานี้มันช่างเป็นดาบแห่งปาฏิหาริย์โดยแท้!
แม้ว่ามันจะเกิดขึ้นมาจากยอดเต๋าของเย่หยวนที่ปรากฏรูปเป็นดาบแต่เย่หยวนกลับไม่เข้าใจมันเท่าที่ควร
แม้แต่ตัวหมี่เทียนเองก็ยังไม่อาจอธิบายมันได้
ผู้บ่มเพาะนอกรีตบนสวรรค์นั้นมันมีจำนวนไม่น้อยแต่คนอย่างเย่หยวน ผู้บ่มเพาะนอกรีตที่กล้ายกดาบขึ้นถามฟ้านั้นมันคงมีอยู่แค่เขาคนเดียว
หรือบางทีมันอาจจะมีคนอื่น แต่พวกเขาตายลงไปสิ้นแล้ว
แต่เย่หยวนกลับยังรอดมาได้จนถึงวันนี้
และมิใช่แค่รอดชีวิตแต่ว่าเขากลับแข็งแกร่งขึ้นในทุกวี่วันที่ผ่านไป
เวลาค่อยๆ เคลื่อนผ่านไปเย่หยวนนั้นยังคงพยายามและวิเคราะห์ทดลองหาวิธีที่จะควบคุมเลือดต้นนั้นต่อไป
แต่ความไม่พอใจของนิกายโอสถประเสริฐที่มีต่อเย่หยวนมันกลับพุ่งทะยานขึ้นล้ำ
“ท่านเจ้านิกายมันเพราะอะไร? เจ้าเด็กนี่มันมาจากไหนไม่ทราบ! แต่กลับขึ้นมาขี่หัวเราอ้างตัวเป็นบรรพบุรุษ! เรื่องนี้ยังไม่เท่าไหร่แต่สมุนไพรสวรรค์ระดับหกที่นิกายเราเก็บสะสมไว้นั้นมันเรียกได้ว่าถูกเขาเอาไปสิ้น! ท่านนั้นจะอย่างไรก็เป็นมหาจักรพรรดิคนหนึ่ง! ท่านจะยอมให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นอย่างไม่คัดค้านใดๆ จริงหรือ?” รองเจ้านิกายลู่หยานกล่าวขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
“นิกายโอสถประเสริฐเรานั้นมันแทบจะสิ้นสลายอยู่แล้วแต่ตอนนี้เรากลับยังต้องมาดูแลบรรพบุรุษเช่นนี้อีก!”
“ฮ่าๆ ที่เราก้มกราบขอภาวนาทุกวันนั้น เราก็หวังว่าท่านผู้อาวุโสจะช่วยส่งคนลงมาช่วยเหลือเราจากความทุกข์ยาก และตอนนี้มันกลับดีงามนัก! ท่านได้ส่งบรรพบุรุษลงมาจริงแต่เรากลับต้องเป็นฝ่ายดูแลแทน!”
…
ในโถงใหญ่ของนิกายโอสถประเสริฐนั้นเหล่ามหาจักรพรรดิครึ่งก้าวทั้งสามต่างแสดงความไม่พอใจออกมา
เพราะว่าตอนที่เย่หยวนเข้าสู่การเก็บตัวนั้นเขาได้ร้องขอสมุนไพรสวรรค์ระดับหกมากมายไปด้วย
หลายปีมานี้นิกายโอสถประเสริฐนั้นค่อยๆ ตกต่ำลงเรื่อยๆ
สมุนไพรสวรรค์ระดับหกที่เย่หยวนขอนั้นมันอยู่ในคลังของนิกายโอสถประเสริฐแทบทั้งสิ้น
แต่สมุนไพรสวรรค์บางชนิดนั้นมันล้ำค่าอย่างมาก ด้วยสภาพของนิกายโอสถประเสริฐในตอนนี้มันถือว่าเป็นของล้ำค่ากว่าที่จะเอาออกมาใช้งาน
สมุนไพรสวรรค์ระดับหกนั้นมันถือว่าเป็นของที่หาได้ยากสำหรับนิกายโอสถประเสริฐในตอนนี้
รายการของเย่หยวนนั้นมันเรียกได้ว่าเป็นหนทางสู่นรกของนิกายโอสถประเสริฐอย่างแท้จริง
แต่ว่าหวังจุนนั้นก็ต้องกัดฟันทนรับไว้
แม้ว่าเขานั้นจะไม่พอใจเช่นกันแต่ว่าเขานั้นมีหน้าที่ต้องทำตามคำสั่งบรรพบุรุษหางหยาง
และห้ามหวั่นไหว
เมื่อเย่หยวนบรรพบุรุษคนนี้มาถึงเขาก็เอาสมุนไพรสวรรค์ระดับหกมากมายไปจากคลัง
จึงทำให้ทั้งนิกายต่างไม่พอใจ
ที่สำคัญไปกว่านั้นเย่หยวนบรรพบุรุษคนนี้กลับไม่พูดไม่กล่าวบอกอะไรพวกเขาและเข้าไปนั่งเก็บตัวในถ้ำ
แน่นอนว่าย่อมจะทำให้เกิดความไม่พอใจอย่างไม่อาจห้าม
หากอีกฝ่ายนั้นเป็นมหาจักรพรรดิไร้สุดสวรรค์หรือต่อให้จะเป็นมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์เองพวกเขาก็คงได้แต่ ต้องกลืนความคับแค้นนี้ไป
แต่นี่อีกฝ่ายเป็นแค่จักรพรรดิเที่ยงขั้นต้น ไม่ว่าจะมากพรสวรรค์แค่ไหน…
มันก็ยังไม่ถือว่าเป็นยอดฝีมือได้!
หวังจุนนั้นหรี่ตาลงถามลู่หยาน “นี่มันคือสิ่งที่บรรพบุรุษหางหยางท่านสั่งสอนไว้! หลายต่อหลายปีมานี้เจ้านิกายเราจะต้องส่งมอบหน้าที่และคำสอนให้ก่อนออกไปสู้รบสิ้น! ลู่หยาน หากครั้งนี้เรายังถูกเกณฑ์ไปอีกเรื่องราวทั้งหมดของนิกายมันก็จะเป็นเจ้าที่ขึ้นมาดูแลแทน! เจ้าคิดจะรับมันไว้หรือไม่เล่า?”
ลู่หยานนั้นได้แต่ต้องกัดฟันแน่นเมื่อได้ยิน
สำหรับทางนิกายแล้วการสืบทอดคำสอนนั้นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
คำสอนที่ว่านั้นมันมิใช่แค่วรยุทธบ่มเพาะหรือว่าวิชาต่อสู้ใดๆ แต่มันรวมไปถึงหน้าที่รับผิดชอบด้วย
สำหรับตัวลู่หยานแล้วเขายังไม่ต้องคิดถึงความรับผิดชอบนั้น
แต่หากเขาได้กลายเป็นเจ้านิกายไปแล้ว
เขาก็ต้องลุกขึ้นมาทำตามคำสอนนี้ด้วย!
จะรับหรือไม่?
นิกายที่มีอายุยาวนานเป็นหมื่นๆ ปีนั้นย่อมจะมีหน้าที่รับผิดชอบของตัวเอง
หากพวกเขานั้นไม่อาจจะจัดการความรับผิดชอบแค่นี้ได้แล้วนิกายก็คงแตกสลายไปนานแสนนานแล้ว
ที่สำคัญไปกว่านั้นภายใต้สภาพปัจจุบันพวกเขาจะหนีไปไหนได้?
หากพวกเขากลายเป็นนักยุทธจรไปแล้วมันยิ่งจะมีสภาพที่ย่ำแย่กว่านี้!
“แต่เช่นนี้นิกายโอสถประเสริฐเราได้ถึงจุดจบแน่!” ลู่หยานนั้นกัดฟันเถียงออกมา
หวังจุนตอบกลับมาอย่างเย็นเยือก “หากไม่มีปรมาจารย์หยุนซานแล้วนิกายโอสถประเสริฐนี้คงไม่ถือกำเนิดขึ้นมาด้วยซ้ำ เจ้าและข้าเองก็คงไม่มีที่ให้มาศึกษาเรียนรู้จนเป็นมหาจักรพรรดิอย่างนี้ได้! เพราะฉะนั้นหากนิกายโอสถประเสริฐจะสิ้นสุดลงแล้วมันก็ต้องสิ้นสุดเพราะทำตามคำสอนเท่านั้น!”
“อยู่กันพร้อมหน้าเชียว ดีมาก! ข้ามีรายการของที่อยากได้อีกชุดหนึ่งมา หวังจุนเจ้ารีบไปจัดหาให้ข้าหน่อยเร็ว!”
ระหว่างที่คนทั้งหลายกำลังพูดคุยกับอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงของเย่หยวนเดินผ่านประตูใหญ่เข้ามา
………………………