Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2926 ด้อยกว่าเล็กน้อย
ตอนที่ 2926 ด้อยกว่าเล็กน้อย
“ผ…ผ่านด่านแล้ว!”
มันไม่มีเสียงแตกตื่นฮือฮาใดๆ ในตอนนี้มีเพียงแค่ความเงียบงัน
เพราะจนตอนนี้หลายๆ คนก็ยังไม่อยากจะเชื่อภาพตรงหน้า
โถงวิญญาณนิพพานกล้วยไม้สงบนั้นไม่เคยจะมีใครผ่านด่านนี้มาได้
แต่วันนี้มันมีคนผ่านแล้ว!
ไม่มีใครคิดว่าเต๋าอย่างเย่หยวนนั้นกลับจะสร้างตำนานขึ้นมาในที่สุด!
ผ่านด่าน!
“นี่มันผ่านด่านจริงๆ! เขา…ทำได้อย่างไรกัน?”
“ยังมีหน้ามาบอกว่าเผลอ…เจ้าบ้านี่มันจะถ่อมตัวไม่เป็นเลยหรือ!”
“ก่อนหน้านี้ข้ายังคิดว่าฉินซื่อเถียนนั้นเก่งกาจมากแล้ว แต่เทียบกับเย่หยวนแล้วเขาเป็นได้เพียงแค่เศษดิน!”
“ได้เห็นคนผ่านด่านกับตาเช่นนี้ชีวิตข้าไม่เสียเปล่าแล้ว!”
…
จู่ๆ คนทั้งหลายก็เริ่มได้สติและโห่ร้องขึ้นมา!
เส้นทางคุมวิญญาณนั้นมันไม่เคยมีใครผ่านมาได้ก่อนเลย!
บ้างนั้นตื่นเต้นจนน้ำตาไหลออกมา
ได้เห็นปาฏิหาริย์กับตาเช่นนี้มันย่อมจะนับว่าเป็นเกียรติอย่างมาก
เรื่องเช่นนี้เอาไปโม้ได้อีกเป็นหมื่นปี
ความอับอายใดๆ ก่อนหน้ามันได้จางหายไปจากใจของคนสิ้น
มันยังมีอะไรให้ต้องอายอีก?
ผู้เข้าทดสอบหลายคนนั้นยึดถือเย่หยวนเป็นดั่งเทพก้มกราบเขาไปแล้ว
คนเรานั้นเป็นเช่นนี้ ใครที่เก่งกาจกว่าเล็กน้อยนั้นมันย่อมจะทำให้ผู้คนเกิดความอิจฉาริษยาขึ้นมาได้
แต่หากเมื่อเก่งกาจกว่ามากล้ำจนเกินไปแล้ว ความอิจฉาริษยาใดๆ มันก็จะเกิดขึ้นได้ยากยิ่ง
ความรู้สึกเดียวที่เหลือคือชื่นชม!
มหาจักรพรรดิล้ำตงหยางนั้นมองดูเย่หยวนและหันมามองดูหน้าฉินซื่อเถียนพร้อมกับถอนหายใจ
เมื่ออีกฝ่ายสัมผัสได้ถึงสายตานั้นเขาก็แทบอยากจะตายลงไปให้สิ้นเสียตรงนี้
ยิ่งเมื่อสักครู่นั้นเขายิ่งใหญ่แค่ไหน ตอนนี้มันก็ยิ่งทำให้เขาอับอายมากเท่านั้น
ความภาคภูมิของเขานั้นมันเป็นได้แค่หินให้เย่หยวนเหยียบ
สำหรับยอดอัจฉริยะแล้วมันไม่มีอะไรจะน่าอายไปกว่านี้
“ซีเฉิน หากข้าจำไม่ผิดช่วงสามหมื่นปีที่ผ่านมานั้นมันคงมีแต่เจ้าโลกฟู่เทียนท่านที่ผ่านด่านนี้ได้ใช่หรือไม่?” มหาจักรพรรดิล้ำตงหยางถามขึ้นมา
มหาจักรพรรดิล้ำซีเฉินตอบกลับมาด้วยท่าทางตกตะลึงเช่นกัน “ใช่แล้ว! ที่โถงวิญญาณนิพพานรบวารีกลายเป็นหนึ่งในสิบโถงวิญญาณนิพพานที่ใหญ่ที่สุดก็เพราะว่าเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน! ไม่คิดเลยว่าเราเองจะมีโอกาสนี้ด้วย!”
แต่มหาจักรพรรดิล้ำตงหยางนั้นกลับถอนหายใจยาวออกมา “น่าเสียดายที่เขานั้นสุดท้ายก็แค่เก้ารูป เทียบกับเจ้าโลกฟู่เทียนท่านแล้วมันยังอ่อนแอกว่ามาก!”
ซีเฉินกล่าวขึ้นต่อ “ก็จริง ตอนที่เจ้าโลกฟู่เทียนท่านผ่านเส้นทางคุมวิญญาณในตอนนั้นท่านได้พัฒนาร่างวิญญาณสวรรค์ทรราชขึ้นมาพร้อมสิบรูป! จากนั้นท่านก็ใช้พลังของร่างวิญญาณสวรรค์ทรราชนั้นผงาดขึ้นสู่จุดสูงสุดกลายเป็นเจ้าโลกในที่สุด! เย่หยวนนั้นจะอย่างไรก็อ่อนแอกว่าท่านไปไม่น้อย!”
“ความแตกต่างแค่ปลายเส้นผมมันอาจจะสร้างช่องว่างนับหมื่นกิโลเมตรได้! ต่อให้จะเป็นเก้ารูปแต่คิดอยากขึ้นเจ้าโลกมันคงไม่ง่ายดายแล้ว!” ซีเฉินกล่าวขึ้นมาอย่างเสียดาย
หากไม่ถึงเจ้าโลกแล้วผลสุดท้ายมันก็คงจบแค่ที่ระดับพวกเขา
เพราะต่อให้จะเก่งกาจกว่าพวกเขาไปมาก แต่สุดท้ายมันก็จะยังเป็นแค่มหาจักรพรรดิล้ำในที่สุด
มิได้กลายเป็นยอดฝีมือที่แท้จริง
มีเพียงแค่การบรรลุเจ้าโลกเท่านั้นที่จะเรียกได้ว่าเป็นการผงาดขึ้นอย่างแท้จริง
มันเป็นการก้าวสู่สวรรค์ด้วยย่างก้าวเดียว!
เพราะฉะนั้นต่อให้เย่หยวนจะเก่งกาจแค่ไหน…ในท้ายสุดแล้วมหาจักรพรรดิตงหยางก็ต้องเสียดายสุดใจขึ้นมา
เมื่อคนทั้งหลายได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็ต้องผงะไป
ที่แท้มันกลับยังมีเรื่องเช่นนี้ด้วย!
ฉินซื่อเถียนนั้นเริ่มกลับมาตั้งสติได้อีกครั้ง
มันยังมีด่านที่สามอยู่มิใช่หรือ?
เย่หยวนทำได้ เขาก็ย่อมจะทำได้เช่นกัน!
‘ใครกำหนดเล่าว่าข้า ฉินซื่อเถียนคนนี้จะไม่สามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้?’
บนสนามรบเจาะชาดนั้นเขาเองก็ผ่านจังหวะเฉียดตายมามาก
กี่ครั้งแล้วที่เขารอดกลับมาจากนรก กี่ครั้งแล้วที่เขาพลิกสถานการณ์กลับอย่างไม่หวาดหวั่น?
ครั้งนี้เองก็เช่นกัน!
ฉินซื่อเถียนนั้นจะขอสู้สุดชีวิต!
คิดมาถึงตรงนี้ฉินซื่อเถียนก็คุกเข่าลงต่อหน้ามหาจักรพรรดิล้ำตงหยาง “อาจารย์ท่าน รอบที่สามนี้ศิษย์จะพลิกสถานการณ์กู้หน้ากลับมาให้ได้!”
มหาจักรพรรดิล้ำตงหยางนั้นเห็นได้ถึงความมุ่งมั่นใจสายตาของฉินซื่อเถียน
นี่มันคือความหนักแน่นที่เกิดขึ้นจากสนามรบเจาะชาด
ฉินซื่อเถียนนั้นจะไม่ยอมแพ้ให้เย่หยวนง่ายๆ!
กลับกันยิ่งเย่หยวนเก่งกาจเท่าไหร่มันก็ยิ่งทำให้ตัวฉินซื่อเถียนมีแรงสู้มากเท่านั้น!
มุมปากของมหาจักรพรรดิล้ำตงหยางยิ้มขึ้นมา “ดี อาจารย์คาดหวังกับเจ้าไว้มาก! บางทีการปรากฏตัวขึ้นของเย่หยวนนี้มันอาจจะเป็นเรื่องดีกับเจ้าก็ได้!”
ฉินซื่อเถียนสั่นสะท้านไปทั้งกายเพราะเขานั้นเข้าใจถึงความหมายของมหาจักรพรรดิล้ำตงหยางได้ดี
หลายปีที่ผ่านมานั้นเขาหลงตัวเองมากขึ้นทุกวัน!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทดสอบนี้ที่ขาของเขาแทบจะไม่ติดพื้น
คิดว่าตัวเองผ่านไปถึงสุดระดับหกแล้วจะเหนือล้ำฟ้าดิน!
แต่การปรากฏตัวของเย่หยวนนั้นได้ทำให้เขามีสติขึ้นมา!
จิตใจที่แข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้านี้ทำให้มหาจักรพรรดิล้ำตงหยางมั่นใจว่าฉินซื่อเถียน อาจจะไปได้ไกลกว่าเย่หยวน!
เพราะจะอย่างไรเสียตอนนี้พวกเขาก็เป็นแค่จักรพรรดิเที่ยง มันยังมีช่องว่างให้พัฒนาอีกมากล้น!
ในเวลานี้เย่หยวนได้ลอยตัวกลับลงมาพร้อมด้วยสายตาผู้คนมากมายที่จับจ้อง
แต่พวกเขาทั้งหลายก็รู้ดีว่าศึกระหว่างเย่หยวนและฉินซื่อเถียนนั้นมันยังไม่จบลง
การต่อสู้นี้มันจะตัดสินอนาคตของคนทั้งสอง!
ได้เห็นสายตาคาดหวังของมหาจักรพรรดิล้ำตงหยางนั้นคนอื่นๆ ก็ย่อมจะรู้ได้ดีว่ามันยังไม่จบง่ายๆ
สายตาของเจ้าโถงนั้นมันเฉียบคม
แน่นอนว่าเขาย่อมจะเห็นอะไรในตัวฉินซื่อเถียนถึงได้เลือกเขามาจากสามบุตรเจาะชาด
เย่หยวนนั้นไม่คิดอวดตัวโม้ใดๆ เพราะเขานั้นบ่มเพาะกำเนิดเทพ
หากเส้นทางคุมวิญญาณแค่นี้ยังผ่านไม่ได้แล้ว เขาก็คงต้องเอาหัวไปโขกเต้าหู้ตายแล้ว
ระหว่างตัวเขาและฉินซื่อเถียนนั้นมันไม่อาจจะเทียบกันได้เลย เขาจึงไม่ได้มองว่าอีกฝ่ายเป็นคู่ปรับใดๆ
แต่ว่าฉินซื่อเถียนไม่คิดเช่นนั้น
เขานั้นได้มองเย่หยวนเป็นคู่ปรับไปแล้ว
ได้เห็นเย่หยวนลอยตัวลงมานั้นฉินซื่อเถียนก็ต้องกล่าวขึ้นทันที “เย่หยวน เจ้าอย่าเพิ่งได้ใจไป! ชัยชนะจะเป็นของใครมันยังไม่แน่หรอก! ด่านที่สามนั้นมันคือเตาหลอมวิญญาณ ที่นี่คือศึกตัดสินของเรา! ครั้งนี้ข้าจะเอาชนะเจ้าลงให้ได้! เจ้านั้นจะกลายเป็นแค่ก้อนหินให้ข้าเหยียบขึ้นไปสู่อาณาจักรเจ้าโลก!”
เย่หยวนได้แต่ต้องผงะเมื่อได้ยินเช่นนั้น ‘ข้าผ่านด่านมาก็ไม่ได้โอ้อวดใดๆ ทำไมเป็นเจ้าที่มาอวดโม้แทนเล่า?’
‘ใครจะไปอยากตัดสินแพ้ชนะกับเจ้า?’
‘ตั้งแต่เริ่มมานั้นมันมีแต่เจ้าเองที่หาเรื่องใส่ตัวมิใช่หรือ?’
“อ่า เจ้าโลก? เป้าหมายใหญ่นี่! พยายามเข้าล่ะ!” เย่หยวนตอบกลับไป
ฉินซื่อเถียนนั้นแทบต้องสำลักออกมาเมื่อได้ยิน เขารู้สึกเหมือนตัวเองเอาหมัดไปต่อยเมฆ
หากเย่หยวนต่อล้อต่อเถียงกลับมาเขาก็คงจะยิ่งไฟลุก
แต่นี่มันเรื่องบ้าอะไร?
…
เตาหลอมวิญญาณนั้นมันคือสมบัติโกลาหลศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังอย่างมาก!
แน่นอนว่าเตาหลอมวิญญาณจริงๆ นั้นมันย่อมจะไม่ได้อยู่ในโถงวิญญาณนิพพาน
สิ่งนี่เป็นแค่ภาพที่ฉายขึ้นมาจากของจริงเท่านั้น
ในด่านที่สามนั้นคือเตาหลอมวิญญาณ
ซึ่งชาววิญญาณที่เข้าไปภายในจะได้รับการตีหลอมจากไฟเจ็ดต่อเจ็ด สี่สิบเก้าเต๋าไฟ!
เต๋าไฟทั้งสี่สิบเก้าแบบนั้นมันรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ!
หากคนผู้นั้นสามารถผ่านเต๋าไฟไปได้เจ็ดอย่างแล้วมันก็จะถือว่าผ่านการทดสอบไป
ครั้งนี้เองก็เหมือนๆ กับการทดสอบด่านก่อน มันเป็นการทดสอบที่สามารถพัฒนาตัวเองได้มากมายเช่นกัน
การตีหลอมจากเต๋าไฟนั้นมันเป็นอะไรที่อันตรายต่อร่างวิญญาณมาก
แต่ว่าเทพแท้ไม่กลัวไฟ การตีหลอมและคืนชีพขึ้นมาในเต๋าไฟนั้นมันคือสิ่งที่สำคัญที่สุดของรอบนี้
บางคนนั้นเข้าเตาหลอมไปแล้วและร่างกายของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
พร้อมกับลุกผงาดขึ้นจากเถ้ากลายเป็นยอดคนในที่สุด
หลังจากด่านทดสอบทั้งสองนั้นตอนนี้คนที่ยังมีสิทธิ์ทดสอบด่านสามมันเหลือเพียงแค่เก้าสิบเจ็ดคนแล้ว!
หลังจากผ่านด่านสามนี้ไปมันก็จะถือว่าพวกเขาได้เข้าเป็นศิษย์โถงวิญญาณนิพพานจริงๆ
แต่ว่าด่านสามนี้เองมันคือจุดที่อันตรายที่สุด
เพราะว่ามันไม่มีการถอนตัวในด่านนี้!
คนที่เข้าไปแล้วจะต้องรับเจ็ดเต๋าไฟไว้ให้ได้!
และเตาหลอมวิญญาณถึงจะเปิดขึ้นมาอีกครั้งให้พวกเขาได้ออกมาสู่โลกภายนอก
ไม่สำเร็จก็มีแต่ต้องตาย!
“ข้าจะขอเตือนอีกครั้งว่าเต๋าไฟในเตาหลอมวิญญาณนั้นมันมิใช่เต๋าไฟทั่วๆ ไป! เต๋าไฟเจ็ดต่อเจ็ด สี่สิบเก้ารูปแบบนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นเต๋าไฟโกลาหล! เผ่าวิญญาณเรานั้นทุ่มกำลังไปมากมายกว่าที่จะรวบรวมมันมาได้! แน่นอนว่าเต๋าไฟของจริงย่อมจะอยู่กับเตาหลอมวิญญาณของจริง แต่ถึงมันจะเป็นแค่ภาพฉาย พวกเจ้าก็อย่าได้ประมาทไป ตอนนี้ใครคิดจะถอนตัวไปก็ยังถอนตัวได้! ไม่เช่นนั้นหากเข้าเตาหลอมวิญญาณไปแล้ว พวกเจ้าจะไม่อาจออกมาได้จนกว่าจะผ่านการทดสอบ!” มหาจักรพรรดิล้ำตงหยางประกาศ
……………………….