Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2942 ตัดทางหนีสิ้น!
ตึง!
เบื้องหน้าของคนทั้งหลายนั้นผู้มีร่างวิญญาณกึ่งอมตะผู้หนึ่งได้ตายลง
และไม่อาจจะคืนชีพกลับมาได้อีก
เขานั้นกลายเป็นอากาศธาตุไป!
คนที่ได้เห็นนั้นเริ่มกังวลหนักขึ้นมา
หวางเฉียนนั้นหันไปมองหน้าตื่นตระหนกของคนทั้งหลายด้วยความเย้ยหยันอย่างถึงที่สุด
มดปลวกพวกนี้มันก็คิดว่าตัวเองนั้นจะหาคลื่นกำเนิดได้หรือ!
‘ต่อให้จะเอายัดใส่มือเจ้า พวกเจ้าจะเอามันไปได้?’
ไม่นานจากนั้นเขาก็หันไปเห็นว่ายังมีอีกหลายเงาร่างที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาออกตามหาคลื่นกำเนิด
“หือ? หากข้าจำไม่ผิดนั่นมันหลานของมหาจักรพรรดิล้ำไป๋หยิง ไป๋ชุยซาน? ไอ้เด็กนี่มันได้รับการสั่งสอนโดยตรงจากท่านบรรพบุรุษบู๋เมี่ย ที่สำคัญมันยังมีฝีมือที่ไม่ด้อยเลยด้วย!” หวางเฉียนนั้นกล่าวขึ้น
ตึง!
กลองดังขึ้นอีกครั้ง!
ครั้งนี้มันมีผู้มีร่างวิญญาณกึ่งอมตะตายตกลงไปอีกหลายคน!
หวางเฉียนนั้นรู้สึกว่าร่างวิญญาณของเขานั้นมันเริ่มจะหนักหน่วงขึ้นเช่นกัน
เขานั้นรู้ว่าพลังของเสียงกลองนี้มันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้ง
หากเขาอยู่นานจนเกินไปแล้วมันก็ย่อมจะทำให้แม้แต่ร่างของเขาได้รับความเสียหาย!
พวกเขาทั้งหลายเหล่าผู้มีร่างกึ่งวิญญาณอมตะนั้นเป็นแค่เพียงร่างวิญญาณกึ่งอมตะ
“หือ?”
แต่ตอนนี้เขากลับหันไปเห็นคนผู้หนึ่ง
เย่หยวน!
เสียงกลองในรอบนี้มันได้ทำให้ร่างวิญญาณของเย่หยวนแตกสลายลง!
แต่ไม่นานเย่หยวนก็กลับมารวมเป็นร่างได้ใหม่
เพียงแค่ว่าตอนนี้ร่างของเขามันดูจางลงไปมาก!
รอยยิ้มหนึ่งปรากฏขึ้นที่มุมปากของหวางเฉียนก่อนจะพุ่งตัวมาหยุดหน้าเย่หยวนและกล่าว “นี่แค่กลองครั้งที่เจ็ดเจ้าก็ไม่อาจทนรับไว้ได้แล้ว? กลองที่เก้า ระฆังที่เจ็ดนั้นมันคงเอาชีวิตเจ้าไปได้แน่! ไอ้หนู เจ้าต้องระวังตัวให้ดีแล้ว!”
เย่หยวนหรี่ตาลงกล่าว “วางใจเถอะ แม้แต่เจ้ายังไม่ตาย ข้าก็ย่อมจะยังไม่ตาย!”
หวางเฉียนนั้นหัวเราะขึ้นมา “จะตายแล้วยังมีหน้ามาดื้อด้านอีก! วางใจเถอะ ข้าจะดูวาระสุดท้ายของเจ้าให้เอง!”
พูดจบแล้วหวางเฉียนก็หัวเราะลั่นเดินหายไป
ไป๋ชุยซานนั้นเองก็ได้เห็นว่าร่างของเย่หยวนค่อยๆ แตกสลายลงไปจึงได้เข้ามากล่าวแนะนำ “เย่หยวน เจ้าเลิกฝืนทนเถอะ เจ้าจะตายเอาเสียก่อน! ยอมแพ้เถอะ!”
“ข้ายอมแพ้!”
“ข้ายอมแพ้!”
“ข้าเองก็ทนไม่ไหวแล้ว! ข้ายอมแพ้!”
…
ในตอนนี้เองมันได้เกิดเสียงร้องดังขึ้นมาจากหลายทิศทาง
เพราะก่อนที่จะเข้ามานั้นเหล่ายอดฝีมือที่นำพวกเขามานั้นได้บอกไว้ว่าหากร้อง ‘ข้ายอมแพ้’ และเงยหน้าขึ้นฟ้าพวกเขาจะช่วยดึงตัวพวกเขากลับออกไป
แต่พวกเขานั้นกลับยังไม่ออก!
ตอนนี้มันจึงเกิดความแตกตื่นและหวาดกลัวขึ้น!
“ทำไม! ทำไมข้ายังอยู่ที่นี่! ข้ายอมแพ้ไปแล้วนะ!”
“รีบๆ พาข้าออกไปทีเถอะ! ข้า…ข้าจะตายแล้ว!”
“ข้ายังไม่อยากตาย! ข้ายอมแพ้! ข้ายอมแพ้! ข้ายอมแพ้แล้วได้ยินหรือไม่!”
…
คนทั้งหลายนั้นต่างเงยหน้าร้องลั่นขึ้นมาตามๆ กัน
แต่พวกเขานั้นได้พบว่าไม่ว่าจะร้องลั่นแค่ไหนมันก็ไม่มีพลังใดมาดึงตัวพวกเขาออกไป
ตึง!
กลองดังขึ้นอีกครั้งทำให้คนมากมายต้องแตกสลายตายลงไป
ครั้งนี้พวกเขาได้เข้าใจแล้วว่าตัวเองไม่อาจจะออกไปได้จริงๆ!
“หลอกลวง! เจ้าพวกนั้นมันหลอกลวงเรา! ต่อให้ข้าตายไป ข้าก็จะไปหลอกหลอนพวกเจ้า! ฮือๆๆ…” คนมากมายเริ่มกล่าวด่าว่าขึ้นมา
ตอนนี้แม้แต่หวางเฉียนนั้นเองก็ต้องทำหน้าเหยเกขึ้นมา
ช่างเป็นวิธีการที่โหดร้ายนัก!
นี่มันเท่ากับว่าเป็นการบังคับให้พวกเขาหลังชนฝาแล้ว!
ดูท่าคนภายนอกนั้นคงได้วางแผนเตรียมการเรื่องนี้กันมาแต่แรก
หากพวกเขานั้นไม่อาจจะผสานกับคลื่นกำเนิดได้มันก็ไม่มีความจำเป็นต้องพาพวกเขาออกไป!
นี่มันมิใช่สมบัติสืบทอดใดๆ มันต้องสำเร็จเท่านั้น!
หากพวกเขาไม่อาจจะผสานเข้ากับคลื่นกำเนิดได้แล้วพวกเขาก็จะไม่อาจหาตัวเจ้าโลกบู๋เมี่ยได้แล้วเช่นนั้นเหล่า ยอดอัจฉริยะร่างวิญญาณกึ่งอมตะนี้จะยังมีค่าใด?
แน่นอนว่านี่มันคือการบังคับให้คนทั้งหลายจนตรอก
เมื่อไม่มีทางจะถอยคนเรานั้นก็มีแต่ต้องทุ่มสุดตัวเพื่อผ่านเรื่องตรงหน้าเข้าไปถึงพลังคลื่นกำเนิดให้ได้เท่านั้น!
หวางเฉียนนั้นหรี่ตาลงร้อง “หุบปากได้แล้ว!”
เขานั้นแข็งแกร่งอย่างมากในกลุ่มคนที่เข้ามา ทำให้เสียงของคนที่ร้องอยู่นั้นต้องเงียบลงไปทันที
คนทั้งหลายนั้นหันมามองหวางเฉียนด้วยท่าทางหวาดกลัว
หวางเฉียนนั้นหันมองดูทุกผู้คนก่อนจะกล่าวตะโกนลั่น “พวกเจ้าไม่ต้องหวังจะหนีออกไปแล้ว! ตอนนี้มันคงมีแค่คนผู้เดียวที่จะออกไปได้! มีแต่คนที่หาคลื่นกำเนิดเจอและผสานมันเข้าเต๋าของตัวเองได้เท่านั้นที่จะได้ออกไป! ร้องไห้ไปตอนนี้มันก็ไร้ประโยชน์! เอาเวลาไปหาคลื่นกำเนิดเอาเถอะ! มีแต่ทางนั้นที่จะรอดออกไปได้!”
คำพูดเดียวนี้ดึงสติคนทั้งหลายกลับมาทันที!
คนทั้งหลายได้เข้าใจเสียที!
ใช่แล้ว ตราบเท่าที่พวกเขาเจอคลื่นกำเนิดได้มันก็จะรอดออกไปได้!
เพราะฉะนั้นการตามหาของคนทั้งหลายมันจึงบ้าคลั่งกว่าเก่าอย่างมาก
ไป๋ชุยซานนั้นเองก็ตั้งสติกลับมาได้และร้องบอกเย่หยวน “ไป! รีบๆ ไปหาคลื่นกำเนิดกันเถอะ ไม่เช่นนั้นเราจะได้ตายกันหมด!”
“ที่แห่งนี้มันคือดินแดนสมบัติสืบทอดแท้ๆ ทำไมถึงได้มีของอย่างกลองสนธยาระฆังอรุณกัน?” เย่หยวนบ่นขึ้นมา
ไป๋ชุยซานที่ได้เห็นต้องทำหน้าเครียดกล่าว “พระเจ้าช่วย เจ้าจะยังมีหน้ามาคิดเรื่องนั้นอีก? ช้ากว่านี้อีกเพียงนิดเจ้าจะได้ตายแล้ว!”
แต่เย่หยวนนั้นกลับไม่สนใจคำชวนใดๆ นั้นและบ่นขึ้นต่อ “สังหารคนไปตอนนี้มันจะได้อะไร? ระดับแรกนั้นมันย่อมจะซ่อนคลื่นกำเนิดใดๆ ไว้กัน? หรือว่ามันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแค่สังหารคน? แต่มันไม่น่าใช่! กลองสนธยาระฆังอรุณนี้มันน่าประหลาดเกินไป!”
“พระเจ้าช่วยเถอะ จะมีอะไรประหลาดอีก? รีบๆ ไปตามหาคลื่นกำเนิดกันได้แล้ว!” ไป๋ชุยซานเริ่มลนลาน
แต่ว่าเขาคนนี้ก็ช่างรักเพื่อนเสียจริงๆ ได้เห็นว่าเย่หยวนไม่ขยับตัวเขาเองก็ยังไม่ออกไปไหน
เวลานี้เองที่เย่หยวนได้ยิ้มกว้างขึ้นมาและนั่งลงกับพื้นไป
ไป๋ชุยซานต้องผงะเมื่อได้เห็น “เจ้านี่ เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่! หากเราหาคลื่นกำเนิดไม่ได้เราจะได้ตายกันหมด!”
แต่เย่หยวนนั้นกลับส่ายหัวออกมาด้วยรอยยิ้ม “พี่ไป๋ ท่านออกไปตามหาเถอะ ข้าไม่คิดหามันอีกแล้ว!”
ไป๋ชุยซานเองก็ได้แต่ต้องกระทืบเท้าอย่างหมดคำพูด “ไอ้บ้านี่! เจ้ามันบ้า! ถ้าอย่างนั้นข้าไปเองแล้ว!”
ตึง!
เสียงกลองที่เก้าดังขึ้นมาทำให้ร่างของเย่หยวนแตกสลายลงอีกครั้ง!
เมื่อเขากลับมาประกอบเป็นร่างใหม่ร่างกายของเขามันก็ดูจางลงไปอีกมาก
หวางเฉียนเห็นเย่หยวนเพราะว่าเขานั้นทำตัวได้เด่นกว่าใครๆ
เขาจึงได้เดินเข้ามากล่าวเย้ยหยัน “คนอื่นๆ เขาออกไปตามหาคลื่นกำเนิดกันแต่เจ้ากลับมานั่งเล่นอยู่นี่?”
เย่หยวนไม่คิดสนใจและค่อยๆ วิเคราะห์พลังของเสียงกลองนั้นไปพร้อมกับวิเคราะห์ความรู้สึกตอนที่ร่างกายแตกสลายลง
หวางเฉียนนั้นหรี่ตาลงร้องเมื่อเห็นว่าตัวเองถูกเมิน “เจ้าไปหาคลื่นกำเนิดเสีย! ไม่เช่นนั้นข้าจะสังหารเจ้าเองแล้ว!”
เย่หยวนยังไม่คิดสนใจ!
ตูม!
หวางเฉียนนั้นไม่ลังเลปล่อยฝ่ามือสังหารออกมาทันที กำลังของเขานั้นมันเหนือกว่าเฟิงรุ่ยไปด้วยซ้ำ ร่างวิญญาณของเย่หยวนนั้นแตกสลายลงไปทันที แต่ไม่นานนักเย่หยวนก็กลับมารวมเป็นร่างได้อีกครั้ง
ร่างวิญญาณอมตะนั้นต่อให้มันจะเป็นแค่ร่างวิญญาณกึ่งอมตะมันก็มิใช่สิ่งที่จะสังหารลงได้ง่ายๆ ที่สำคัญไปกว่านั้นการถูกสังหารเช่นนี้มันไม่ได้สร้างความเสียดายใดๆ ให้เย่หยวนเลย
สิ่งที่เป็นภัยจริงๆ นั้นมันคือกลองสนธยาระฆังอรุณ!
เย่หยวนนั้นสัมผัสได้ว่ากลองสนธยาระฆังอรุณนี้มันไม่ได้แค่ทำลายร่างวิญญาณของเขาแต่มันทำลายไปถึงสติ!
หรือก็คือหากเป็นเช่นนี้ต่อไปในสุดท้ายแล้วเขาจะไม่อาจฟื้นคืนชีพกลับมาได้อีก!
หวางเฉียนนั้นหรี่ตาลงมองและกล่าว “ไอ้เจ้าสวะ เจ้าคิดจริงๆ ว่าข้าสังหารเจ้าไม่ได้?”
เขาจึงได้ปล่อยคลื่นพลังออกมาสุดตัวจนทำให้คลื่นวิญญาณหนักหน่วงเข้าปกคลุมพื้นที่
ตึง!
ในตอนนี้เสียงของระฆังแรกมันได้ดังขึ้น
หวางเฉียนนั้นกระอักขึ้นมาพร้อมปล่อยคลื่นพลังรุนแรงโจมตีออกไปพร้อมเสียงระฆัง!
แน่นอนว่าร่างของเย่หยวนนั้นแตกสลายลงไป
พลังของระฆังนั้นมันรุนแรงกว่ากลองไปมาก!
ครั้งนี้มีคนตายลงไปมากมาย!
“แทนที่จะมาเสียเวลากับข้าตรงนี้เจ้าออกไปหาคลื่นกำเนิดจะไม่ดีกว่าหรือ ไม่เช่นนั้นเจ้าเองก็จะได้ตายด้วย!” เย่หยวนกล่าว
หวางเฉียนนั้นได้แต่ต้องทำหน้าเหยเก แต่เขาก็รู้ดีว่าคำพูดของเย่หยวนมันสมเหตุสมผล หากเขาหาคลื่นกำเนิดไม่ได้ เขาเองก็คงไม่รอดเช่นกัน หวางเฉียนนั้นกัดฟันแน่นพุ่งตัวหายไป!