Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2964 ทุกขลาภ!
เจ้าโลกทั้งหลายนั้นต่างรู้ดีว่าคนที่จะตายแต่ไม่ยอมตายลงเช่นนี้ มันย่อมจะยังมีบ่วงความห่วงอะไรบางอย่างอยู่
เหมือนดั่งคนธรรมดาทั่วไปที่หากตายลงอย่างมีเรื่องค้างคาพวกเขาก็จะต้องตายตาไม่หลับ
เจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นรู้ดีว่าเย่หยวนในตอนนี้คงเจ็บปวดมากแค่ไหน
เพราะฉะนั้นเขาจึงได้คิดส่งวิญญาณของเย่หยวนให้เป็นอิสระ
แต่คนที่พูดส่งวิญญาณให้เย่หยวนนั้นคือเจ้าโลกบู๋เมี่ย!
เวลานี้ร่างวิญญาณหมอกหุ้มนั้นมันจึงปะทุกำลังขึ้นมาทันที
เสียงของเจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นมันเหมือนเป็นความหวังให้เย่หยวน!
แท้จริงแล้วเย่หยวนเองก็แทบจะไม่เหลือสติแล้วเช่นกัน
แต่ว่าร่างวิญญาณหมอกหุ้มของเจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นเหมือนดั่งยอดแสงประภาคารสาดส่องเข้ามาในจิตของเขา
ห่วงของเขานั้นคืออะไร?
มันคือการเข้าไปหาเจ้าโลกบู๋เมี่ยและขอยืมร่มคลื่นม่วงมามิใช่หรือ?
การตอบสนองระหว่างร่างวิญญาณหมอกหุ้มกลับทำให้เย่หยวนผู้ที่กำลังอยู่ในความยุ่งเหยิงได้เห็นแสงสว่างนำทางเข้าชายฝั่ง
ยอดเจ้าโลกทั้งสี่ต่างต้องอ้าปากค้างขึ้นมา
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ผีเฒ่าบู๋เมี่ย เจ้าเล่นลูกไม้อะไรของเจ้ากัน? เจ้าเด็กนั่นกลับฟื้นคืนชีพมาได้?”
เจ้าโลกเชียหลงนั้นกล่าวขึ้นมาอย่างมึนงง
เจ้าโลกบู๋เมี่ยเองก็ได้แต่ต้องทำหน้างงๆ ตอบกลับไป “ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลย! ข้าแค่เห็นว่ามันทรมานนักจึงคิดสวดส่งวิญญาณมันให้ นี่มัน…ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเรื่องอะไร”
เจ้าโลกเทียนเหวินนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าแปลกๆ “เหมือนได้เห็นผีจริงๆ! เจ้าคิดส่งวิญญาณมันให้แต่แทนที่วิญญาณมันจะหลุดพ้น มันกลับตั้งสติมาได้อย่างหนักแน่นแทน! หือ? มันเริ่มกลับมาควบคุมร่างวิญญาณหมอกหุ้มได้แล้ว!”
“ร่างวิญญาณหมอกหุ้มของมันนั้นได้กลืนคลื่นกำเนิดเข้าไปมากมาย เมล็ดคลื่นกำเนิดทั้งหลายนั้นย่อมถูกฝังไว้ในร่างวิญญาณของมัน หากวันหนึ่งมันบ่มเพาะไปถึงระดับเมล็ดคลื่นกำเนิด มันก็คงจะเติบโตขึ้นมาได้! นี่มันเป็นโคตรสมบัติสำหรับมันโดยแท้เลย!” พูดไปแม้แต่ตัวเจ้าโลกเชียหลงเองก็ยังอิจฉา
สภาพของเย่หยวนนั้นหากตายก็ตายแล้วไป
แต่หากไม่ตายขึ้นมา อนาคตมันคงไม่อาจจะคาดเดาได้เลย
ร่างวิญญาณหมอกหุ้มนั้นมันเกิดขึ้นจากความโกลาหลและย่อมจะเข้ากับคลื่นกำเนิดได้ง่าย
ภายใต้สภาวะที่คนยังมีสติอยู่ ร่างวิญญาณหมอกหุ้มก็จะไม่สามารถกลืนคลื่นกำเนิดเข้าไปได้
สุดท้ายมันก็คงเอากลับออกไปได้ไม่มาก
แต่ในสภาพที่ไร้สตินั้นร่างวิญญาณหมอกหุ้มของเย่หยวนได้กลืนคลื่นกำเนิดมากมายเข้าไปด้วยสัญชาตญาณ
จนสุดท้ายแล้วร่างวิญญาณของเย่หยวนนั้นก็กลับมาก่อรูปร่างอีกครั้ง
ภายในร่างวิญญาณหมอกหุ้มของเขานั้นมันเหมือนมีคลื่นกำเนิดมากมายที่ดูเหมือนจะถูกแต่ก็ผิด
เขานั้นยังมีพลังไม่ถึงจึงยังไม่อาจจะมองมันออกได้
แต่เขานั้นรู้ดีว่าคลื่นกำเนิดทั้งหลายนั้นมันล้ำค่าแค่ไหน
คลื่นกำเนิดนั้นมันเป็นสิ่งที่คิดอยากมีก็มีได้หรือ?
สำหรับยอดเต๋านั้นมันมีแต่ต้องบ่มเพาะให้ถึงที่สุดเท่านั้นที่คนผู้หนึ่งจะเริ่มสามารถเข้าถึงคลื่นกำเนิดได้
เต๋าของเย่หยวนนั้นยังไม่สมบูรณ์ทำให้เขานั้นยังไม่อาจจะเข้าใจคลื่นกำเนิดได้อย่างแท้จริง
แต่ว่าร่างวิญญาณหมอกหุ้มนั้นมันได้บรรทุก ‘สัมผัส’ ของคลื่นกำเนิดทั้งหลายไว้ในร่างวิญญาณนี้แล้ว
เย่หยวนนั้นสามารถลองยอดเต๋าในทิศทางต่างๆ ได้ด้วย ‘สัมผัส’ นี้
นี่มันเหมือนว่าเขานั้นเข้าใจแต่ละยอดเต๋าขึ้นอย่างมาก!
สำหรับเย่หยวนต่อจากนี้ไปแล้วการบ่มเพาะแต่ละอย่างของเขามันจะรวดเร็วขึ้นเป็นเท่าตัว
“ไม่นึกเลยว่าข้าจะได้ทุกขลาภเช่นนี้มา เจ้าโลกบู๋เมี่ยคิดปลดปล่อยข้าแต่เขาคงไม่คิดว่ามันกลับจะกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ช่วยชีวิตข้าเอาไว้ เรื่องราวบนโลกหล้านี้มันช่างน่าพิศวงนัก” เย่หยวนกล่าวขึ้น
เขานั้นรู้ดีว่าสภาพก่อนหน้าของตนนั้นอันตรายแค่ไหน
หากเป็นคนอื่นพวกเขาคงไม่อาจจะกลับมาตั้งสติได้อีกแล้ว
เมื่อกลับมาตั้งสติได้เย่หยวนก็ไม่คิดลังเลใดๆ และเดินทางเข้าไปต่อทันที
คลื่นกำเนิดรอบๆ ของเขานั้นมันมีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่ามันกลับไม่อาจทำอะไรเย่หยวนได้อีก
เพราะจะอย่างไรพลังบ่มเพาะของเขาก็มีเท่านี้ ร่างวิญญาณหมอกหุ้มของเขานั้นก็กลืนคลื่นกำเนิดได้แค่จำนวนจำกัด
มันจึงไม่อาจจะกลืนได้มากกว่านี้แล้ว
เย่หยวนจึงตามเสียงของเจ้าโลกบู๋เมี่ยไปเรื่อยๆ
ระหว่างทางนั้นเขาได้เห็นภาพที่น่าเหลือเชื่อมากมาย!
ดูท่าแล้วการปะทะกันของสี่ยอดเจ้าโลกนั้นมันย่อมจะรุนแรงจนเกินจินตนาการ
“ฮ่าๆ น่าสนใจ เจ้าเด็กนี่มันมาหาเจ้าจริงๆ! มันมาพร้อมกับนังเด็กนั่นดูท่าคงมาเพื่อช่วยผีเฒ่าบู๋เมี่ยนี้แล้ว?
เด็กมนุษย์คนนี้มันมีแผนอะไรกันแน่” เจ้าโลกเชียหลงนั้นกล่าวขึ้น
ลูกไม้ใดๆ ของเย่หยวนนั้นมันย่อมจะไม่อาจปิดบังสายตาของยอดเจ้าโลกได้
แท้จริงแล้วพวกเขาทั้งสี่นั้นได้เห็นมาตั้งแต่ตอนที่เย่หยวนเข้าสนามรบเทพฉงนมาแล้ว
เพราะฉะนั้นความเป็นความตายของเย่หยวนมันจึงไม่ได้เป็นเรื่องที่คนทั้งหลายสนใจมากมาย
รวมไปถึงตัวเจ้าโลกบู๋เมี่ยด้วย
“หลังมันมาแล้วเดี๋ยวก็คงได้รู้กัน” เจ้าโลกบู๋เมี่ยกล่าวตอบไป
ระหว่างทางนั้นเย่หยวนไม่ได้เจออันตรายใดๆ แม้แต่น้อย
เพราะไม่ว่าจะเป็นอันตรายใดๆ มันก็คงถูกสี่ยอดเจ้าโลกนั้นกำจัดลงสิ้นแล้ว
เย่หยวนนั้นเงยหน้าขึ้นมองฟ้าและพบมังกรยักษ์สีฟ้าครามบินอยู่บนทะเลสาบเลือดสีแดงสด
และเขาก็ยังเห็นว่าในทะเลสาบนั้นมีเทพตัวใหญ่ยืนอยู่!
แต่ว่าพวกมันทั้งหมดนั้นถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนา
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาทั้งสี่นั้นคือสี่ยอดเจ้าโลก
เย่หยวนนั้นเห็นร่มสีม่วงอันใหญ่อยู่กลางม่านหมอกหนานั้น
พร้อมๆ กันนั้นร่มมันก็ส่งแสงสีม่วงออกมาย้อมหมอกให้เป็นสีม่วงอ่อน
เมื่อเย่หยวนได้เห็นเขาก็ต้องสั่นสะท้านไปทั้งร่างกาย!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่มันคือร่มคลื่นม่วง!
“เจ้าเด็กมนุษย์ อย่าบอกนะว่าเจ้ามาเพื่อช่วยผีเฒ่าบู๋เมี่ยมัน” เชียหลงกล่าวขึ้นถามเป็นคนแรก
แม้จะถูกอีกฝ่ายมองออกว่าเป็นมนุษย์แต่เย่หยวนก็ไม่คิดสนใจและตอบไปด้วยการพยักหน้ารับ “ที่ผู้อาวุโสว่ามานั้นถูกต้องแล้ว ข้ามาเพื่อช่วยเจ้าโลกบู๋เมี่ย”
“ฮ่าๆๆ…ไสหัวไป! แค่ตัวเจ้านี้มันจะทำอะไรได้!” เชียหลงนั้นหัวเราะลั่นขึ้นมา
สำหรับยอดเจ้าโลกแล้วตัวเย่หยวนนั้นมันไร้ค่ายิ่งกว่ามด
แค่ลมหายใจของพวกเขาก็สามารถสังหารได้
แต่เย่หยวนนั้นกลับยืนมั่นตอบกลับไป “ผู้อาวุโส ไม่ต้องขู่หรอก ตอนนี้แผนของท่านมันล้มเหลวแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของคนทั้งสามมันก็เปลี่ยนสีไปทันที
เฉียเกอนั้นยิ้มตอบกลับไป “แค่มหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์มันก็กล้ามาพูดจาเช่นนี้ต่อหน้าข้า! เจ้าคิดว่าข้าสังหารเจ้าลงไม่ได้จริง?”
“สังหารไม่ได้หรอก!”
ก่อนที่เย่หยวนจะกล่าวขึ้นต่อ “เจ้าโลกเฉียเกอ หากเจ้ามีปัญญาจริงๆ เจ้าจะยังเสียเวลามาคุยกับมดปลวกอย่างข้า? เพราะฉะนั้นตอนนี้เจ้าคงได้แต่ต้องยืนให้ข้าเล่นงานเท่านั้นแล้ว”
ยอดเจ้าโลกนั้นมันเป็นฉายานามที่เหนือล้ำจริงๆ แต่มันก็ต้องดูด้วยว่ากำลังขู่ใคร
เหมือนดั่งที่คนทั้งสามนั้นกำลังรับมือกับเจ้าโลกบู๋เมี่ยคนเดียวในตอนนี้
แท้จริงแล้วเย่หยวนเองก็เห็นมาตั้งแต่แรกว่าคนทั้งสี่นั้นเข้าถึงสภาวะสมดุลแล้ว
ใครก็ตามที่ทำลายสมดุลนี้คงไม่ได้ตายดี
ถึงเวลานี้แล้วมันมีแต่ต้องให้คนทั้งสี่นั้นถอนกำลังกลับออกไปพร้อมๆ กัน
แน่นอนว่าเมื่อเย่หยวนกล่าวเช่นนั้นขึ้นมาสีหน้าของสามยอดเจ้าโลกก็ต้องเปลี่ยนสีไป
มดตัวหนึ่งกลับกล้ามาอวดดีต่อหน้าพวกเขา!
“ข้าประเมินเจ้าต่ำไปจริงๆ ไอ้หนู! ตาเจ้ามันดีนัก! แต่เจ้าคิดหรือว่าด้วยกำลังของตัวเองเพียงเท่านี้มันจะทำอะไรเราได้?” เชียหลงกล่าวขึ้นอย่างเย้ยหยัน
เย่หยวนพยักหน้ารับ “อาจจะได้!”
เชียหลงนั้นหัวเราะลั่นขึ้นตอบไป “ฮ่าๆๆ เช่นนั้นเจ้าก็ลองดู ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะทำให้เจ้ามังกรผู้นี้คันได้บ้างหรือไม่!”
“อ่า เช่นนั้นเจ้ารอก่อน”
เย่หยวนหันหน้าทิ้งเชียหลงและหันไปมองเจ้าโลกบู๋เมี่ยแทน “เจ้าโลกบู๋เมี่ย ข้าอยากจะขอยืมร่มคลื่นม่วง!”