Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2965 สมองมีแต่กล้าม!
เชียหลงนั้นแทบอกแตกตาย!
เขานั้นกลับถูกเมิน!
เขาเจ้าโลกเชียหลงผู้เกิดมาจากความโกลาหลนั้นเป็นเจ้าโลกตั้งแต่วินาทีแรกที่เกิดขึ้น
เขานั้นเป็นตัวตนที่เหนือล้ำหัวผู้คนเสมอมา
แต่วันนี้เขากลับถูกมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์คนหนึ่งเมิน!
รอก่อน?
อะไรมันคือคำว่ารอก่อน!
‘เจ้าจะไม่เคารพยอดเจ้าโลกเสียหน่อยเลยหรือ?’
ตอนนี้แม้แต่เจ้าโลกบู๋เมี่ยเองก็ยังต้องผงะไป!
เจ้าเด็กคนนี้มันพูดประโยคแรกก็เป็นการขอยืมร่มคลื่นม่วงเสียแล้ว
หรือว่าเด็กน้อยคนนี้มันจะไม่ได้รู้เลยว่าร่มคลื่นม่วงนั้นสำคัญกับเขาแค่ไหน?
“โอหัง! หลังจากข้ากลับออกไปได้ ข้าจะใช้เพลิงมังกรเผาร่างเจ้าไปเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าปีให้เจ้าได้รู้ถึงความทรมานชั่วนิรันดร์!” เชียหลงร้องลั่นขึ้นมา
เย่หยวนไม่คิดสนใจและหันไปกล่าวกับเจ้าโลกบู๋เมี่ยต่อ “ข้านั้นได้ช่วยตระกูลวิญญาณนิพพานไว้
ช่วยเจ้าโลกยู่เทียนทั้งหลายหนีออกมาจากการปิดล้อมของสามเผ่า! ตอนนี้ข้าจะช่วยท่านเล่นงานพวกมันทั้งสามให้สาหัสด้วย! แค่สองเรื่องนี้มันถือว่าพอที่จะให้ข้ายืมหรือไม่?”
แต่ก่อนที่เจ้าโลกบู๋เมี่ยจะทันได้ตอบกลับไป เจ้าโลกเทียนเหวินก็กล่าวขึ้นมาก่อน “เจ้าหนุ่ม ก่อนจะพูดจาใหญ่โตนั้นเจ้าลองดูหน้าอีกฝ่ายก่อนดีหรือไม่? เจ้านั้นเป็นแค่มหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์มีหรือที่จะทำลายแผนที่หลายเผ่าร่วมมือกันลงได้ด้วยตัวเอง? เจ้าโลกที่ไปนั้นมันมีมากมาย แค่ลมหายใจของพวกเขาก็พอที่จะสังหารเจ้าลงหลายครั้งติดแล้ว!
เจ้าคิดว่าผีเฒ่าบู๋เมี่ยมันโง่มากถึงได้มาพูดเรื่องเช่นนี้ให้มันฟัง?”
เจ้าโลกบู๋เมี่ยกล่าวขึ้นตาม “คิดอยากให้ข้าเชื่อเจ้าก็ต้องแสดงฝีมือออกมาก่อน เพราะคำพูดของเจ้ามันใหญ่เกินตัวจริงๆ”
แน่นอนว่าคำพูดของเย่หยวนนั้นมันย่อมจะไม่มีทางทำให้สี่ยอดเจ้าโลกเชื่อถือได้
อย่าว่าแต่เย่หยวน ต่อให้คนพูดนั้นจะเป็นเจ้าโลกพวกเขาเองก็คงยังไม่อยากเชื่อเช่นกัน
สงครามสี่เผ่านั้นมันเป็นสิ่งที่ต้องใช้กำลังของเจ้าโลกเท่านั้น
มีหรือที่มหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ตัวน้อยๆ มันจะเข้าไปยุ่งด้วยได้?
เจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นพูดได้ชัดเจน ‘หากคิดอยากให้เชื่อก็ต้องจัดการพวกมันทั้งสามลงก่อน’
แต่เย่หยวนนั้นกลับส่ายหัวออกมา “ท่านต้องสาบานต่อเต๋าสวรรค์ก่อนว่าท่านจะให้ข้ายืมร่มคลื่นม่วงเป็นเวลาสามเดือน! ไม่เช่นนั้นแล้วข้าก็คงมีแต่ต้องจัดการพวกท่านทั้งสี่ลงไปพร้อมๆ กันและแย่งเอาร่มคลื่นม่วงไปใช้เอง”
คำพูดนี้มันช่างโอหังอย่างไร้ที่สิ้นสุด
ในสามสิบสามสวรรค์นั้นมันจะมีใครบ้างที่กล้าพูดเช่นนี้ต่อหน้าคนทั้งสี่?
แต่เย่หยวนนั้นกลับกล้า!
แต่เรื่องนี้เองมันก็เป็นอะไรที่เย่หยวนไม่อาจจะควบคุมได้
เขานั้นเห็นชัดเจนว่าเจ้าโลกบู๋เมี่ยไม่ได้แสดงท่าทีเป็นมิตรกับเขามากมาย
ตัวตนระดับนี้ความยินดีหรือเศร้าโศกนั้นมันย่อมจะไม่แสดงออกมา
หากเขาไม่ยอมที่จะให้ยืมใช้ร่มคลื่นม่วง ต่อให้เย่หยวนจะช่วยเขาออกไป อีกฝ่ายก็อาจจะสังหารเย่หยวนลงแทน
ร่มคลื่นม่วงนั้นมันเป็นของที่สำคัญกับเจ้าโลกบู๋เมี่ยอย่างมาก
ของชิ้นนี้ต่อให้จะเป็นคนสนิทเองมันก็คงไม่มีทางที่เขาจะให้ยืมใช้
เหตุผลที่เขาต้านรับหนึ่งต่อสามได้จนถึงทุกวันนี้ แม้มันจะเพราะว่าร่างวิญญาณหมอกหุ้มที่ทรงพลังแต่มันก็เป็นพลังของร่มคลื่นม่วงด้วยเช่นกัน
เพียงแค่ว่าเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นแล้วแม้แต่เจ้าโลกบู๋เมี่ยเองก็ยังต้องขมวดคิ้วแน่น
‘เจ้าล้อข้าเล่น?’
“ฮ่าๆๆ…ผีเฒ่าบู๋เมี่ย ข้าก็นึกว่ามันจะมาช่วยเจ้าที่ไหนได้มันมาฆ่าเจ้า! บอกหน่อยเถอะ กลัวไหม?” เชียหลงหัวเราะลั่นขึ้นมา
เจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นไม่รู้ต้องตอบอะไรกลับไป
เจ้าโลกเทียนเหวินนั้นเองก็หัวเราะลั่นขึ้นมาตาม “ไอ้หนู เจ้ายิ่งพูดมันก็ยิ่งแสดงชัดเจนว่าเจ้าพูดจาไร้สาระ!
เจ้าจะบอกว่าเจ้านั้นมีเต๋าแห่งการโม้ที่เก่งกาจหรือ? พวกเราทั้งหลายนั้นเบื่อมานานแล้วเช่นกัน ขอบคุณที่มาเล่นตลกให้ดู! ฮ่าๆๆ…ตลกดีจริงๆ!”
เย่หยวนหันไปมองหน้าเทียนเหวินพร้อมรอยยิ้ม “เจ้าโลกเทียนเหวิน สินะ? สหายเก่าของท่านเจ้าโลกหมี่เทียนท่านส่งความคิดถึงมา แต่ดูท่าหลายปีมานี้ท่านจะไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ ถูกเจ้าโลกบู๋เมี่ยกดหัวจนแทบจมดิน!”
เสียงหัวเราะนั้นมันดับลงทันทีที่ได้ยิน
พร้อมๆ กันนั้นมันก็มีดวงตาแดงก่ำมองมายังเย่หยวน
เจ้าโลกหมี่เทียนนั้นคือความอับอายสำหรับเขา!
กำเนิดเทพที่เย่หยวนบ่มเพาะฝึกฝนอยู่นี้เองมันก็ถูกแย่งมาจากมือของเทียนเหวินคนนี้เอง
กาลก่อนนั้นเจ้าโลกหมี่เทียนเดินทางผ่านสวรรค์ต่างๆ และมาบอกว่าอยากจะขอดูวรยุทธศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าวิญญาณทั้งสาม
เจ้าโลกเทียนเหวินย่อมจะไม่คิดยอมแต่สุดท้ายนั้นก็ถูกหมี่เทียนเล่นงานจนย่อยยับไป
สุดท้ายแล้วมันก็เป็นเจ้าโลกหลุนฮวยที่ออกมาจบเรื่องราวนั้นให้
สุดท้ายเจ้าโลกหลุนฮวยก็ยังรับปากหมี่เทียนว่าจะให้ยืมหนึ่งในสามวรยุทธศักดิ์สิทธิ์อย่างกำเนิดเทพไปอ่านดู
เรื่องนี้มันเป็นความอับอายของตระกูลวิญญาณฉีทั้งตระกูล
จนถึงวันนี้ความอับอายนั้นมันก็ยังฝังลึกในใจเจ้าโลกเทียนเหวิน
แต่วันนี้มันกลับมีเด็กน้อยมาพูดถึงนามของเจ้าโลกหมี่เทียนต่อหน้าเขา
นี่มันรนหาที่ตายแท้ๆ!
แม้จะเป็นยอดเจ้าโลกเหมือนๆ กันแต่มันก็มีความต่างมากมาย
เหมือนอย่างตัวเจ้าโลกบู๋เมี่ยนี้ที่สามารถจัดการยอดเจ้าโลกทั้งสามคนได้ด้วยกำลังของตัวเอง
ดูอย่างไรเขาก็ต้องเก่งกาจกว่ายอดเจ้าโลกทั้งสามไปแน่นอน
ส่วนเจ้าโลกหมี่เทียนนั้นสามารถทำให้ทั้งตระกูลวิญญาณฉีต้องยอมสยบด้วยพลังของตัวเอง
เย่หยวนคิดว่าหมี่เทียนนั้นอาจจะเก่งกาจกว่าเจ้าโลกบู๋เมี่ยเสียด้วยซ้ำ
“ไม่นึกเลยว่าเจ้านั้นจะเป็นผู้สืบทอดของเฒ่าหมี่เทียน! หลังจากข้าออกไปได้แล้วข้าจะต้องสังหารเจ้าลงให้ได้!” เจ้าโลกเทียนเหวินกล่าวขึ้น
เย่หยวนยักไหล่ตอบกลับไป “เจ้าไม่มีโอกาสหรอก! ผู้อาวุโสหมี่เทียนท่านบอกข้าไว้ว่าเจ้าโลกเทียนเหวินนั้นเกิดมาพร้อมร่างวิญญาณที่ทรงพลัง หนักหน่วงทรงพลังเสียยิ่งกว่ากายเนื้อของภูตแท้ แต่เขานั้นก็เป็นแค่พวกสมองกล้ามเท่านั้น! จัดการกับคนเช่นนั้นให้ใช้อ่อนสยบแข็งมันก็เพียงพอแล้ว!”
สามยอดเจ้าโลกที่เหลือนั้นต้องกลั้นขำอย่างสุดตัว
แต่สุดท้ายพวกเขาก็หลุดขำออกมา
เจ้าโลกเทียนเหวินถึงกลับหน้าแดงหน้าดำ!
เพราะคำว่าสมองมีแต่กล้ามนั้นเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเขาอย่างมาก
เหมาะจนเขาไม่อาจจะตอบโต้ใดๆ กลับไป!
เขานั้นเกิดมาจากความโกลาหลและมีร่างวิญญาณที่แข็งแกร่งทรงพลังกว่าใครๆ และไม่อาจจะตายลงได้เลย!
แต่ว่าเขานั้นกลับไม่มีความสามารถในการทำความเข้าใจคลื่นกำเนิดนัก
เหตุผลที่เขาขึ้นมาเป็นยอดเจ้าโลกได้ก็เพราะว่าร่างวิญญาณของเขาทรงพลังแค่นั้น
ส่วนคลื่นกำเนิดมันเป็นสิ่งที่เขาแทบไม่รู้จัก
แม้ว่าเขานั้นจะเป็นชาวเผ่าวิญญาณแต่ว่าเขาเป็นเหมือนดั่งนักยุทธผู้บ่มเพาะร่างกายคนหนึ่งเท่านั้น
แน่นอนว่ามันขึ้นอยู่กับอีกฝ่ายด้วย
สำหรับคนอย่างหมี่เทียนแล้ว เทียนเหวินย่อมจะเป็นแค่เด็กน้อยไร้พลังใด
แต่สำหรับเจ้าโลกที่อ่อนแอหรือต่อให้จะเป็นยอดเจ้าโลกด้วยกัน
มันก็ไม่แน่ว่าจะเอาชนะร่างวิญญาณที่ทรงพลังของเขานี้ได้
เย่หยวนนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง
“ใช้อ่อนสยบแข็ง? ฮ่าๆๆ ข้าอยากจะเห็นนักว่ามหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ตัวน้อยอย่างเจ้านั้นจะใช้อ่อนอะไรมาสยบแข็งข้า!” เทียนเหวินร้องลั่นขึ้น
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ไม่เป็นไร ดูไปเถอะ เจ้าโลกบู๋เมี่ย ท่านจะไม่ให้ข้ายืมจริง?”
“ไม่ให้!” เจ้าโลกบู๋เมี่ยตอบกลับไปอย่างหนักแน่น
เย่หยวนถอนหายใจยาวก่อนกล่าวขึ้น “เช่นนั้นข้าคงมีแต่ต้องลบหลู่ท่านแล้ว!”
ฟุบ!
เย่หยวนพุ่งร่างกลับออกไปด้านนอก
สี่ยอดเจ้าโลกนั้นถึงกับต้องผงะไปเมื่อได้เห็น
“ฮ่าๆๆ ไอ้เด็กนี่มันน่าสนใจจริงๆ ขู่เราอยู่ครึ่งวันสุดท้ายมันก็หนีไปเอง” เชียหลงนั้นหัวเราะลั่นขึ้นมา
“เฮอะ หากมันมีปัญญาก็หนีออกจากสวรรค์โมฆะเกินดุลไปให้ได้แล้วกัน ไม่เช่นนั้นต่อให้ข้าจะต้องล่ามันไปสุดขอบโลกข้าก็จะสังหารมันลงให้ได้!” เจ้าโลกเทียนเหวินกล่าวขึ้นอย่างคับแค้นใจ
แต่เจ้าโลกเฉียเกอนั้นกลับร้องขึ้นมาขัด “หือ? มันไม่ได้หนีไปไหน มันไปยังทะเลคลื่นกำเนิด นี่มัน…คิดจะทำอะไรกันแน่?”
ตอนนี้เย่หยวนทิ้งตัวลงไปในทะเลคลื่นกำเนิดและปล่อยให้ร่างวิญญาณหมอกหุ้มนั้นแผ่ออกไปปกครองคลื่นกำเนิดทั้งหลาย
เสียงหัวเราะของยอดเจ้าโลกทั้งสี่นั้นหยุดลงเพราะพวกเขานั้นสัมผัสได้ว่ากำลังจะมีอะไรเกิดขึ้นแน่แล้ว