Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2969 แสงแห่งความหวัง!
“เจ้าบ้านี่มันแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว!”
ได้เห็นลำแสงสีแดงสดนั้นเย่หยวนก็ต้องร้องลั่นขึ้นมาอย่างตกตะลึง
เจ้าโลกบู๋เมี่ยและหยุนหนีนั้นต่างหันกลับมามองเขาด้วยสายตาแปลกๆ
จากนั้นแสงสีแดงสดนั้นมันก็เหมือนสัมผัสถึงอะไรได้และหยุดตัวลง
จากนั้นมันก็ปรากฏดวงตาขึ้นมาในลำแสงสีแดงนั้นมองดูร่างของเย่หยวน
ศิลาโลหิตโกลาหลกล่าวขึ้น “ไอ้หนู เราเจอกันอีกแล้ว!”
เย่หยวนเบิกตากว้างร้องขึ้นมา “เจ้าพูดได้แล้ว!”
การพูดได้นั้นมันย่อมจะหมายถึงว่ามันได้สติตื่นขึ้นมาแล้ว
ครั้งก่อนที่เขาเผชิญหน้ากับศิลาโลหิตโกลาหลนั้นมันยังอยู่ในสภาวะหลับใหล
และใช้เพียงแค่สัญชาตญาณในการตอบสนอง
แต่ตอนนี้มันกลับได้สติตื่นขึ้นมาแล้ว
นี่มันเท่ากับว่าศิลาโลหิตโกลาหลคงใกล้ตื่นขึ้นเต็มที!
นี่มันเป็นข่าวร้าย!
“ดูท่าเจ้าจะตกตะลึงมาก! ข้านั้นใกล้จะตื่นเต็มตัวแล้ว วันนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อน! หลังจากที่ข้าตื่นแล้วคนแรกที่ข้าจะล่าหัวก็คือเจ้า! กล้ามาโกงเอาเลือดต้นของข้าไป เจ้ามันเป็นคนแรกเลยจริงๆ! เรื่องนี้มันต้องจัดการลงให้ได้! ฮ่าๆๆ…”
พูดไปตัวลำแสงนั้นก็ค่อยๆ เคลื่อนถอยกลับออกไปทิ้งไว้แต่ความว่างเปล่า
เย่หยวนได้แต่ต้องยืนทำหน้าเหยเก
หยุนหนี บู๋เมี่ย เทียนเหวินสามยอดเจ้าโลกนั้นต่างหันมามองหน้าเย่หยวนเป็นตาเดียว
เจ้าเด็กนี่กลับไปโกงเอาเลือดของตัวตนระดับนั้นมา?
เจ้าเด็กนี่มันไม่ธรรมดาจริงๆ!
“เย่หยวน…”
เย่หยวนตอบกลับไปอย่างไม่ต้องรอให้หยุนหนีถามจบ “มันคือศิลามารดาของเผ่าเลือด ศิลาโลหิตโกลาหล! เผ่าเลือดนั้นเป็นเผ่าที่มันผู้นี้สร้างขึ้นมา…”
เมื่อสามยอดเจ้าโลกได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็ต้องหน้าถอดสีไป
เป็นตอนนี้เองที่พวกเขาได้รู้ว่าในสามสิบสามสวรรค์มันกลับยังมีตัวตนที่น่ากลัวเช่นนี้อยู่ด้วย
“เพราะฉะนั้นแล้วไม่ว่าจะเป็นตระกูลวิญญาณฉีตระกูลวิญญาณนิพพานใดๆ มันก็มิใช่เวลาจะมาตีกันเอง!
หากศิลาโลหิตโกลาหลนั้นมันตื่นขึ้นมาแล้วมันคงได้กลายเป็นหายนะของทั้งสามสิบสามสวรรค์แน่นอน! และสิ่งที่พวกเจ้าได้เห็นเมื่อสักครู่นั้นเป็นแค่พลังจากร่างแยกของมันเท่านั้น ข้านั้นสัมผัสได้เลยว่ามันแข็งแกร่งขึ้นกว่าก่อนหน้ามาก!
ที่สำคัญไปกว่านั้นมันยังได้สติขึ้นมาและคงใกล้จะลืมตาตื่นเต็มที!” เย่หยวนกล่าวขึ้นมา
“เจ้าจะบอกว่าเรานั้นถูกเผ่าเลือดมันหลอกใช้อย่างนั้นหรือ?” เจ้าโลกเทียนเหวินกล่าวขึ้น
“ไม่เช่นนั้นจะเป็นอะไรไปได้? เกิดจากความโกลาหลเหมือนกันบ้าบออะไร น่าขัน! เจ้าโลกเทียนเหวิน
เจ้านั้นโง่ดีจริงๆ แค่เรื่องโง่ๆ แค่นี้ก็หลอกลวงเจ้าได้แล้วหรือ?” เย่หยวนนั้นไม่คิดกรอกคำพูดใดๆ แม้แต่น้อย
เจ้าโลกเทียนเหวินนั้นร้องลั่นขึ้นมาอย่างไม่พอใจ “ไอ้หนู หากยังกล้าพูดอีกข้าจะฉีกร่างเจ้าออกเป็นชิ้นๆ ให้ดู!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไปอย่างไม่คิดแยแส “เจ้ากลับกล้าท้าทายข้าที่มีพลังบ่มเพาะอาณาจักรมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์เท่านั้น เทียนเหวิน หากไม่มีเจ้าโลกหลุนฮวยแล้วเจ้าคิดว่าตัวเองจะยิ่งใหญ่นักหรือ? หากมีฝีมือจริงก็รอให้ข้าบรรลุเจ้าโลกก่อนเถอะ ถึงตอนนั้นมาสู้กันให้สาแก่ใจ หากถึงตอนนั้นแล้วข้ายังฉีกร่างของเจ้าออกเป็นชิ้นๆ ไม่ได้นามว่าเย่หยวนของข้านี้ข้าจะขอเขียนมันกลับหัวให้!”
“เจ้า!” เจ้าโลกเทียนเหวินนั้นแทบต้องกระอักขึ้นมา
เรื่องต้องห้ามสำหรับเขานั้นคือเรื่องนี้
เขานั้นจะอย่างไรก็เป็นยอดเจ้าโลกและมีพลังฝีมือล้ำสวรรค์
เขานั้นไม่ชอบเวลาถูกคนมองว่าเขารอดมาได้จนถึงทุกวันนี้เพราะมีเจ้าโลกหลุนฮวยคอยช่วยหนุนหลัง
แต่เขารู้ดีว่าความเป็นจริงมันเป็นเช่นนั้น!
ถูกเย่หยวนกล่าวเช่นนี้ใส่เขาย่อมจะรู้สึกเสียหน้าอย่างมาก
“พอได้แล้ว! เทียนเหวิน ที่เย่หยวนพูดมานั้นมันถูกต้องที่สุด ตอนนี้ความแค้นใดระหว่างตระกูลวิญญาณฉีและตระกูลวิญญาณนิพพานก็พักมันไว้ก่อน! หากเจ้ามารร้ายนั้นตื่นขึ้นมาจริงๆ แล้วไม่ว่าจะเป็นตระกูลใดก็คงต้องพบเจอหายนะอย่างแน่นอน! ที่สำคัญไปกว่านั้นเผ่าเลือดมันยังวางอำนาจไปทั่วทุกสวรรค์ทำให้ศิลาโลหิตโกลาหลนั้นทรงพลังขึ้นทุกวี่วัน เราต้องเตรียมตัวให้ดี!” เจ้าโลกบู๋เมี่ยกล่าวขึ้น
“เฮอะ!” เจ้าโลกเทียนเหวินนั้นไม่คิดต่อปากต่อคำอะไรอีก
“หยุนหนี เจ้าพามันไป!” เจ้าโลกบู๋เมี่ยกล่าวสั่ง
“เจ้าค่ะ!”
จากนั้นหยุนหนีก็ได้พาเย่หยวนออกจากสนามรบเทพฉงนไป
…
หนึ่งเดือนต่อมาที่นิกายโอสถประเสริฐ
เต๋าทุกข์แสนรุนแรงนั้นมันตกลงมาต่อหน้าเย่หยวนจนกลายเป็นทะเลแสง
ตอนที่อีกครึ่งวิญญาณของเขากลับเข้าร่างเนื้อนั้นเขาก็บรรลุจักรพรรดิเที่ยงขึ้นมาเป็นมหาจักรพรรดิได้ในทันที!
เขานั้นได้เรียกประตูแห่งชีวานิรันดร์ลงมาแล้ว
และมีวิญญาณที่ทรงพลังจนถึงระดับของมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นกลาง
การเอากายเนื้อมาบรรลุมหาจักรพรรดินั้นมันย่อมจะลำบากแค่ต้องอัดปราณเทวะเข้าร่างเท่านั้น
แต่การอัดปราณเทวะเข้าร่างนั้นมันไม่ยากเย็นเลยสำหรับเย่หยวน
หลังจากที่บรรลุได้แล้วเย่หยวนก็เริ่มใจเต้นแรงขึ้นมา
ถึงเวลาแล้ว!
หลังจากผ่านความทุกข์ยากมากมายมาในที่สุดเขาก็ได้เห็นแสงแห่งความหวังที่จะช่วยมู่หลินเสวีย
ร่างหญิงงามตรงหน้าเย่หยวนนี้ เย่หยวนค่อยๆ วางร่างของนางลงอย่างระมัดระวัง
นางนั้นเป็นหญิงงามไร้ที่ติมีใบหน้าท่าทางเหมือนแค่คนที่กำลังนอนหลับไป
ปราณเทวะทรงพลังของเย่หยวนนั้นห่อหุ้มร่างของมู่หลินเสวียไว้
เพราะจะอย่างไรนางนั้นก็มีพลังบ่มเพาะแค่ระดับสามัญ
และร่างกายของนางย่อมจะไม่มีทางทนพลังกฎของสามสิบสามสวรรค์ได้
เย่หยวนมองหน้ามู่หลินเสวียด้วยสายตาที่แสนอบอุ่น
หมี่เทียนนั้นเคยบอกไว้ว่าวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของมู่หลินเสวียนั้นอาจจะไหลเข้าสู่วัฏสงสารไปแล้วก็เป็นได้
หากเป็นเช่นนั้นจริงมันก็คงไม่มีหวังจะเรียกนางกลับมาอีก
ที่สำคัญไปกว่านั้นมู่หลินเสวียได้สละเผ่าวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของตนไป
มันจึงทำให้วิญญาณของนางนั้นไร้ความเสถียรใดๆ
และเหลือไว้เพียงแค่เสี้ยวของวิญญาณที่อาจจะไหลไปที่ใดก็ได้ระหว่างสวรรค์และแผ่นดิน
คลื่นพลังที่เย่หยวนสัมผัสได้ในภพเบื้องล่างนั้นมันเป็นคลื่นของพลังรากวิญญาณ
แต่เรื่องจะชุบชีวิตมู่หลินเสวียได้หรือไม่นั้นมันยังไม่แน่นัก
ร่มคลื่นม่วงนั้นถูกกางออกและปล่อยแสงสีม่วงห่อหุ้มร่างเนื้อของมู่หลินเสวียไว้
เย่หยวนนั้นใช้ศาสตร์หลอมวิญญาณขึ้นมาอย่างร้อนใจ
ร่มคลื่นม่วงนั้นมันค่อยๆ ปล่อยพลังเป็นคลื่นออกไปรอบด้าน
ในที่สุดร่างของมู่หลินเสวียมันก็ตอบสนองมา
เสี้ยววิญญาณสุดท้ายของนางนั้นถูกร่มคลื่นม่วงเสริมพลังขึ้น!
ร่มคลื่นม่วงนั้นมันเป็นหนึ่งในสุดยอดสมบัติวิญญาณมีคุณสมบัติสามารถช่วยเสาะหาวิญญาณได้
เพราะเช่นนี้เองที่หมี่เทียนได้แนะนำให้เย่หยวนมาเพื่อยืมใช้งานร่มคลื่นม่วงนี้
ทุกสิ่งอย่างนั้นค่อยๆ เป็นไป เย่หยวนจึงได้แต่ต้องรอให้ร่มคลื่นม่วงหา
แต่ว่าร่างกายของเขานั้นมันกำลังสั่นสะท้าน
เขานั้นรอวันนี้มานานแสนนาน
เขานั้นไม่กลัวความยากลำบากใดๆ แต่สิ่งที่เขากลัวนั้นคือจะช่วยมู่หลินเสวียไม่ได้!
หยุนหนีนั้นได้แต่ต้องมองหน้าเย่หยวนพร้อมส่ายหัวออกมา
คำว่าความรักทำให้คนตาบอดมันคงหมายถึงเย่หยวนคนนี้แล้ว
“ไอ้หนู ผ่อนคลายหน่อยเถอะ! เจ้านั้นพยายามมามากแล้ว! ต่อให้จะช่วยนางไม่ได้ นางก็คงไม่โทษเจ้าหรอก!” หมี่เทียนกล่าวขึ้น
เย่หยวนไม่ตอบอะไรกลับไปและจ้องมองร่างของมู่หลินเสวียต่อไป
หนึ่งวัน!
สองวัน!
สามวัน!
…
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า
แสงของร่มคลื่นม่วงนั้นมันสอดส่องไปทั่วทุกสวรรค์เพื่อตามหารากวิญญาณของมู่หลินเสวีย
แต่มันกลับไม่มีการตอบสนองใดๆ
เย่หยวนนั้นเริ่มกังวลใจมากขึ้นทุกทีจนแทบไม่อาจหายใจ
เขานั้นไม่อยากจะคิดว่าความพยายามทั้งชีวิตของเขานั้นมันจะสูญเปล่า!
หมี่เทียนได้แต่ต้องมองดูสภาพของเย่หยวนในตอนนี้ด้วยความปวดร้าวในหัวใจ
เด็กคนนี้มันหัวรั้นจนเกินไป!
วันที่สิบนั้นมันก็ยังไม่มีการตอบสนองใด
วันที่สิบห้าก็ยังไม่มี
จิตใจของเย่หยวนในตอนนี้มันมีแต่ความสิ้นหวัง คิดอยากจะร่ำร้องออกมาให้สุดกำลัง
จนสุดท้ายในวันที่สิบแปดร่มคลื่นม่วงมันก็มีปฏิกิริยาขึ้น!
คลื่นพลังอันคุ้นเคยนั้นมันถูกส่งออกมาจากเส้นขอบสวรรค์!
นี่มันคือคลื่นพลังของรากวิญญาณ!
เย่หยวนนั้นสัมผัสถึงมันได้ เขานั้นรู้จักคลื่นพลังนี้ดี!
ตอนนี้เย่หยวนแทบจะลุกขึ้นมากระโดดโลดเต้น
“กลับมาแล้ว! มันกลับมาแล้ว! ผู้อาวุโส ข้ารอวันนี้มานานเหลือเกิน!” พูดไปเย่หยวนก็เริ่มมีน้ำตาไหลลงอาบหน้า