Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2973 เจ้าสนใจแค่เรื่องจุติก็พอ
ตอนนี้ที่เส้นขอบฟ้ามันมีเงาดำหลายจุดพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วที่เหนือล้ำ
ไฟที่มอดไหม้ป่ารอบๆ นั้นมันสะดุดตาจนเกินไป ไม่อาจจะซ่อนได้แม้แต่น้อย
“เย่หยวน รับมันไว้! เจ้านั้นจะอย่างไรก็มีร่างเป็นมนุษย์และสามารถผสานตัวเข้ากับเลือดของหงส์แดงได้
สิ่งนี้มันเป็นประโยชน์กับเจ้าอย่างมหาศาล! เลือดหงส์แดงนั้นมันจะช่วยให้เจ้าเข้าใจถึงคลื่นกำเนิดแห่งไฟและยังสามารถเปิดช่องทางให้เจ้าได้เรียนรู้วิชาการเกิดใหม่
จากเศษเถ้า มันมีประโยชน์มากมายเกินนับได้ ที่สำคัญไปกว่านั้นเจ้ายังมีคลื่นกำเนิดเลือดอยู่ในตัวแล้ว การบ่มเพาะเลือดของเจ้ามันย่อมจะง่ายดายกว่าคนอื่นเป็นเท่าตัว ยิ่งมีสายเลือดมากเท่าไหร่มันก็จะยิ่งทำให้เจ้าทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น!” หมี่เทียนกล่าวขึ้น
เมื่อเย่หยวนได้ยินเขาก็ต้องผงะไปเช่นกันก่อนจะยื่นมือออกไปรับแก่นเลือดนั้นไว้
สายเลือดของเผ่ามนุษย์นั้นมันสุดแสนอ่อนแอ
แต่ว่าก็เพราะความอ่อนแอนั้นมันทำให้สามารถรับสายเลือดอื่นๆ เข้ามาได้ง่าย
มนุษย์มากมายนั้นคิดหาวิธีที่จะเอาแก่นเลือดของภูตแท้มาเพื่อทำการบ่มเพาะสายเลือดตัวเอง
และเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นยอดฝีมือที่เรียกว่านักยุทธสายเลือด
นักยุทธสายเลือดนั้นมันไม่ได้เป็นตัวตนที่สูงส่งมากมายนักเพราะว่าส่วนมากก็ไม่ได้แข็งแกร่งใดๆ
แต่เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นมันเพราะว่าแก่นเลือดระดับสูงของภูตแท้นั้นมันหาได้ยากยิ่ง!
คนที่มีสายเลือดระดับสูงล้วนแต่เป็นผู้ปกครองของภูตแท้หรือไม่ก็เป็นลูกหลานทายาทตระกูลใหญ่อันทรงพลัง
มีหรือที่ตัวตนระดับนั้นจะทิ้งแก่นเลือดไว้ง่ายๆ?
สายเลือดภูตแท้ระดับสวรรค์แห้งนั้นมันเป็นสิ่งที่นักยุทธสายเลือดทุกคนเฝ้าฝันถึง
ได้เห็นเย่หยวนรับแก่นเลือดไปนั้นเฟิ่งชิงซวนก็ต้องถอนหายใจยาวออกมา
เย่หยวนนั้นเรียกได้ว่าเป็นความหวังสุดท้ายของนาง
นางย่อมจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหวังพึ่งเย่หยวนและปล่อยแก่นเลือดอันล้ำค่าของตัวเองออกมาล่อ
“ก็ได้ ข้าจะช่วยปกป้องเจ้าให้! แต่หากมหาจักรพรรดิไร้สุดสวรรค์มาข้าจะหนีไปทันที!” เย่หยวนกล่าวขึ้น
“ขอบพระคุณนายท่านมาก!” เฟิ่งชิงซวนกล่าวขึ้น
แต่ในใจของนางนั้นกลับกำลังหัวเราะเย้ย
‘หากมหาจักรพรรดิไร้สุดสวรรค์เผ่าหงส์แดงมาจริงๆ เจ้าคิดว่าตัวเองจะยังหนีได้?’
‘หากมิใช่เพราะว่าสภาพจวนตัวของข้าในตอนนี้มีหรือที่คุณหนูผู้นี้จะมอบแก่นเลือดอันล้ำค่าของตัวเองออกมา
ขอให้ขยะเช่นเจ้าช่วยเหลือ?’
นางนั้นได้แต่หวังว่าเย่หยวนจะไม่ไร้ประโยชน์จนเกินไปก็เท่านั้น!
‘ตราบเท่าที่ข้าผ่านการจุติครั้งนี้ไปได้ กำลังของข้าก็จะพัฒนาพุ่งทะยานขึ้นไปถึงมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นสุดและต่อให้เฒ่าเฟิ่งไคหัวจะมาข้าก็ไม่เกรงกลัว!’
นางนั้นไม่คิดสนใจว่าเย่หยวนจะเป็นตายอย่างไร
ในความคิดของเฟิ่งชิงซวนนั้นเย่หยวนย่อมจะต้องได้ตายลงแน่นอน
เพราะคนที่ไล่ล่านางมานั้นมันไม่ได้มีแค่มหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ห้าคน
หากนางเข้าสู่สภาวะจุติแล้วจริงๆ แล้วคนที่ตามไล่ล่าทั้งหลายก็คงสามารถสัมผัสถึงพลังของมันได้ในไม่ช้า
ถึงตอนนั้นคงมีแม้แต่มหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นปลายหรือแม้แต่มหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นสุดตามออกมา
มีหรือที่เจ้าเด็กมนุษย์นี้จะรอดชีวิตไปได้?
เย่หยวนนั้นย่อมไม่ได้รู้ถึงความคิดในหัวของเฟิ่งชิงซวนและตอนนี้เขาคิดแค่เตรียมตัวรับมือห้ามหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ที่กำลังใกล้เข้ามาเท่านั้น
“นี่เป็นเรื่องของเผ่าหงส์แดง หากไม่อยากตายก็ไสหัวไปเจ้าหนู!” เสียงร้องลั่นหนึ่งดังขึ้นมาจากเส้นขอบฟ้า
ห้ามหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์นั้นมาด้วยรูปร่างมนุษย์ทว่าพลังสายเลือดหงส์แดงในกายนั้นไม่อาจจะปิดซ่อนได้
แน่นอนว่ามันย่อมไม่อาจเทียบกับเฟิ่งชิงซวน
“ขออภัยด้วย เย่ผู้นี้ได้รับปากสัญญาไปแล้วข้าคงต้องขอทำตาม พวกเจ้าทั้งหลายอย่าเข้ามาเลยจะดีกว่า”
เย่หยวนกล่าวขึ้นตอบไป
ในหมู่คนทั้งห้านั้นมันมีมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นต้นสี่คนและมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นกลางหนึ่งคน
พวกเขานั้นเรียกได้ว่าเป็นแค่อากาศธาตุต่อหน้าเย่หยวน
เป้าหมายของเขานั้นคือแก่นเลือดหงส์แดง เขานั้นไม่คิดอยากสังหารใคร
เว้นเสียแต่ว่าแม้เขาจะไม่คิดสังหารแต่อีกฝ่ายย่อมจะไม่ได้คิดเช่นนั้น
ชายหนุ่มหน้าหล่อที่นำกลุ่มคนมานั้นร้องสั่ง “ดูท่าเจ้าเด็กนี่มันจะถูกนังมารนั่นล้างสมองไปแล้ว! กลับกล้ามา
ปกป้องนางอย่างโง่เง่าเช่นนี้!”
“ฮ่าๆๆ…ไอ้เด็กนี่มันคงเพิ่งเคยออกมาดูโลกมั้ง? มันคงไม่ได้รู้หรอกว่าเผ่าหงส์แดงเรานั้นทรงพลังแค่ไหน!”
“ไอ้หนู นังมารนั้นกำลังจุติและใช้ให้เจ้าออกมาตายถ่วงเวลาให้มัน หากเจ้ายังมีสมองบ้างก็ไสหัวไปเสียเถอะ!”
คนทั้งห้าเองก็ย่อมจะไม่คิดมองเย่หยวนอยู่ในสายตา
เพราะว่ามนุษย์นั้นสำหรับพวกเขาแล้วย่อมจะเป็นได้แค่มดปลวก
ในอาณาจักรบ่มเพาะเดียวกันนั้นเผ่าหงส์แดงย่อมจะทรงพลังกว่ามนุษย์มากล้ำ!
เย่หยวนนั้นสัมผัสได้ว่าคนทั้งหลายนั้นมีสายเลือดที่ถึงระดับภูตศึก
หากนับในคนรุ่นใหม่ของเผ่าหงส์แดงแล้วมันคงถือว่าเป็นยอดอัจฉริยะ
เพียงแค่ว่าต่อหน้าเย่หยวนนั้นพวกเขาย่อมไร้ค่าใด
ได้เห็นเย่หยวนไม่คิดขยับตัวชายหนุ่มหน้าหล่อนั้นก็กล่าวขึ้น “ไอ้หนู หากเจ้าคิดรนหาที่ตายมากนักข้าก็จะส่งเจ้าไปเอง! เฟิ่งหยิง เจ้าสังหารมันเสีย!”
จากนั้นชายหนุ่มนามเฟิ่งหยิงก็เดินออกมาพร้อมวาดมือเป็นตราสัญลักษณ์
“ตราประทับเพลิงศักดิ์สิทธิ์!”
ไฟรุนแรงนั้นมันห่อหุ้มร่างของเย่หยวนไว้ทันที
เย่หยวนนั้นไม่คิดหลบและถูกก้อนเพลิงนั้นห่อร่างไปง่ายๆ
เฟิ่งหยิงยิ้มกล่าวขึ้น “แค่ตั๊กแตนที่คิดหยุดรถม้า!”
ชายหนุ่มคนนั้นไม่คิดจะหันมามองเย่หยวนอีกเป็นครั้งที่สองและกล่าวขึ้นสั่ง “มาเถอะ นังมารนั่นมันกำลังจุติอยู่ถือเป็นโอกาสดีที่จะสังหารมันให้สิ้น หากเราเป็นคนเอาหัวนางกลับไปเราคงได้กลายเป็นวีรบุรุษ!”
คนทั้งห้านั้นกำลังคิดจะเดินผ่านไปแต่วินาทีเดียวกันนั้นก้อนไฟที่เผาร่างเย่หยวนมันก็มอดดับลงไป
เย่หยวนนั้นยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่มีรอยแผลใดๆ
ชายหนุ่มหน้าหล่อคนนั้นต้องสะดุ้งขึ้นสุดตัวเบิกตากว้างค้าง
“จ…เจ้าเป็นคนหรือผีกันเนี่ย?” ชายหนุ่มร้องลั่นขึ้นมา
เย่หยวนตอบกลับไป “พวกเจ้าอ่อนแอเกินไป เกินกว่าที่จะให้เย่ผู้นี้ลงมือด้วยซ้ำ รีบๆ ไปเสียจะดีกว่า”
เมื่อชายหนุ่มหน้าหล่อได้ยินเขาก็ต้องกัดฟันแน่นขึ้นมา
ในสวรรค์ศาลโมฆะส่องสว่างนี้พวกเขาสี่เผ่าภูตแท้ในตำนานคือตัวตนที่สูงส่งที่สุด
ใครบ้างที่กล้าพูดเช่นนี้ต่อหน้าพวกเขา?
แต่วันนี้มันกลับมีมนุษย์กล้ามาบอกว่าพวกเขาอ่อนแอจนเกินกว่าจะลงมือ!
นี่มันคือความอัปยศ!
ชายหนุ่มหน้าหล่อคนนั้นหรี่ตาลงสั่ง “โจมตีมันพร้อมกัน! สังหารมันให้ได้!”
พริบตาต่อมาร่างของคนทั้งก็เปลี่ยนกลายเป็นร่างของหงส์แดงพร้อมด้วยคลื่นพลังสายเลือดที่พุ่งทะยาน
คนทั้งห้านั้นพุ่งตัวผ่านอากาศเข้ามาใส่ร่างเย่หยวน
เย่หยวนได้แต่ต้องส่ายหัวออกมาเมื่อได้เห็น “คนเรามันต้องรู้จักประเมินตัวเองบ้าง และเจ้าอ่อนแอจนไม่รู้ตัวเองเลยหรือ?”
พูดจบเย่หยวนก็ต่อยหมัดออกไป
ตูม!
ห้วงมิติสั่นสะท้านพร้อมร่างของห้าหงส์แดงที่ปลิวออกไป
ชายหนุ่มหน้าหล่อในร่างหงส์แดงคนนั้นปลิวไปไกลหลายสิบเมตรกว่าที่จะตั้งหลักได้
คนทั้งห้าหันมามองเย่หยวนด้วยความหวาดหวั่น
“ไป!” ชายหนุ่มหน้าหล่อสั่งและบินหนีหายแยกย้ายไปคนละทิศ
เฟิ่งชิงซวนนั้นยังไม่สิ้นสติลงไปดีและได้เห็นเรื่องราวทั้งหมดนางได้แต่ต้องร้องขึ้นมาจากด้านหลัง
“นายท่าน ทำไมท่านไม่สังหารพวกมันลงเล่า?”
เย่หยวนตอบกลับไป “ข้านั้นไม่ได้มีความแค้นใดๆ กับพวกเขา ทำไมต้องสังหารกันด้วย?”
เฟิ่งชิงซวนนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยความรุ่มร้อนสุดใจ “นายท่าน มันยังมีคนเผ่าหงส์แดงอีกมาในบริเวณนี้
การที่ท่านปล่อยพวกมันหนีไปเช่นนี้ มันคงกลับมาพร้อมกำลังเสริมแน่!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ไม่มีปัญหาหรอก”
“ท่าน!”
เฟิ่งชิงซวนนั้นแทบจะหยุดปากร้องด่าขึ้นมา นางกลับมาเจอคนโง่ไร้สมองเข้า!
นางนั้นตกตะลึงในฝีมือของเย่หยวนอย่างมากเช่นกัน
แต่นางก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเด็กคนนี้มันจะไร้สมองได้ถึงขั้นนี้!
เจ้าเด็กนี่มันคงไม่เคยออกมาท่องโลกแน่นอนและไม่รู้จักว่าศัตรูที่แท้จริงมันเป็นอย่างไร
เย่หยวนมองดูร่างของเฟิ่งชิงซวนที่ค่อยๆ ไหม้ลงไปนั้นและกล่าวขึ้น “เจ้าสนใจแค่เรื่องจุติก็พอ ตราบเท่าที่อีกฝ่ายมิใช่มหาจักรพรรดิไร้สุดสวรรค์ข้าก็จะไม่ไปไหนแน่นอน”
เฟิ่งชิงซวนนั้นแต่ต้องร้องลั่นขึ้นมาสุดหัวใจแต่ก็ไม่กล้ากล่าวมันออกมาจริงๆ
หากเย่หยวนจากไปเสียแล้วนางคงไม่มีทางรอดแน่
แต่นางจะทำอย่างไรให้เจ้าโง่นี่มันเข้าใจว่าสิ่งที่มันทำนั้นเป็นเรื่องโง่เง่าแค่ไหน?
‘ปัญหาตอนนี้ยังจะเกี่ยวกับว่าเจ้ายืนอยู่ที่นี่อีกหรือ?’
เดิมทีแล้วคนทั้งหลายย่อมจะไม่อาจหาตัวนางเจอได้ทันทีด้วยการสัมผัสคลื่นพลัง
แต่ตอนนี้เมื่อมีคนช่วยนำทางให้แล้ว มันย่อมจะหาตัวนางเจอได้ในพริบตาแน่นอน
‘จากนั้นแล้วเจ้าก็จะได้เจอกับกองทัพมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์แล้ว!’
‘เจ้าไม่รู้จักคำว่ารนหาที่ตายจริงๆ ใช่หรือไม่?’
เฟิ่งชิงซวนนั้นร้อนรนสุดใจ
แต่นางก็ไม่รู้จะทำอย่างไรให้เจ้าโง่โอหังคนนี้มันเข้าใจ…
เป็นเช่นนี้ก่อนจะได้จุตินางคงได้เป็นบ้าก่อนแน่!