Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2974 ผสานสายเลือด!
“นายท่าน ตอนนี้มันมิใช่ปัญหาว่าท่านจะยังอยู่ปกป้องข้าหรือไม่แล้ว! เพื่อที่จะไล่ล่าข้านั้นเผ่าหงส์แดงได้ส่งมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ออกมานับสิบคน ในหมู่คนนั้นมันมีมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นสุดอยู่ด้วยถึงสามคน! ทำเช่นนี้พวกมันคงได้มุ่งหน้ามาทางนี้สิ้นแน่นอน! นายท่าน ตอนนี้มันยังทัน ตามไปฆ่าพวกมันให้หมดเสียก่อนเถอะ!”
เฟิ่งชิงซวนนั้นกดความคับแค้นไว้ในใจและกล่าวคำพูดออกมาอย่างสุภาพสุดตัว
“อ่า”
เย่หยวนนั้นไม่คิดตอบรับใดๆ กลับไปและเริ่มนั่งลงพร้อมหยิบเอาแก่นเลือดหงส์แดงขึ้นมา
เมื่อเฟิ่งชิงซวนได้เห็นเช่นนั้นนางก็แทบจะคลั่งไป
“นายท่าน การหลอมแก่นเลือดนั้นมันมิใช่สิ่งที่จะทำได้ง่ายๆ ในวันสองวัน ที่สำคัญมันยังเป็นกระบวนการที่อันตรายอย่างมาก ท่านควรไปหาที่เงียบๆ เข้าเก็บตัวหลอมมันวันหลังจะดีกว่า” เฟิ่งชิงซวนกล่าวขึ้นมาห้าม
“อ่า” เย่หยวนแค่ตอบสั้นๆ กลับไปและยังคงทำตามใจตัวเองต่อ
เฟิ่งชิงซวนนั้นแทบจะสิ้นสติลงไป นางมาเจอคนโง่ขนาดไหนเข้ากัน!
‘นี่มันไม่เข้าใจภาษาคนเรอะ?’
‘ทำเช่นนี้เจ้าจะได้ตายก่อนแน่!’
‘หากเป็นเช่นนั้นแล้วใครจะปกป้องข้าอีก’
‘ข้า…อ้ากกก!’
เฟิ่งชิงซวนนั้นได้แต่ร้องลั่นขึ้นมาในใจ!
‘แม้จะเป็นคุณหนูนิสัยอ่อนโยนเช่นข้า ข้าก็ยังแทบจะบ้าตายเพราะความโง่ของเจ้า!’
ฟู่! ฟู่! ฟู่!
เพลิงจุติของนางนั้นมันเริ่มสั่นสะเทือนขึ้นมาและเริ่มแสดงท่าทีว่าจะระเบิดออก
เย่หยวนหันกลับไปมองและกล่าวเตือน “เจ้ากลับไปสนใจเรื่องการจุติของตัวเองเถอะ เอาแต่คิดไร้สาระเช่นนี้
เจ้าอาจจะได้ตายเปล่าๆ!”
เฟิ่งชิงซวนนั้นไม่รู้ต้องตอบอะไรกลับไป
การจุตินั้นมันมิใช่สิ่งที่จะทำได้ง่ายๆ แท้จริงแล้วมันเป็นการเดินบนเส้นแห่งความตายก็ไม่ผิดนัก
คนที่พลาดตายลงในการจุตินั้นมันก็มีไม่น้อย
เฟิ่งชิงซวนนั้นมีอารมณ์รุมแรงภายในและย่อมมีโอกาสสูงที่จะพลาดในการจุติ
เฟิ่งชิงซวนจึงได้แต่ต้องร้องด่าขึ้นมาในใจ ‘มันก็เพราะเจ้ามิใช่หรือ?’
นางนั้นเคยเห็นคนรนหาที่ตายมาก่อน แต่ก็ไม่เคยเห็นใครมันรนหาที่ตายแล้วรนหาที่ตายเล่าเช่นนี้!
‘สวรรค์ส่งเจ้ามาช่วยหรือมาทำให้ข้าเป็นบ้ากันแน่?’
เฟิ่งชิงซวนนั้นแทบอยากจะร้องไห้ออกมา
แต่นางนั้นก็เข้าใจว่าหากคิดเช่นนี้ต่อไปนางจะไม่อาจจุติได้จริงๆ ได้แต่ต้องสงบจิตใจลงและตั้งสมาธิกับการจุติ
ส่วนอีกด้านตัวเย่หยวนนั้นก็เริ่มดูดซับแก่นเลือดหงส์แดงเข้าร่างไป
เมื่อเฟิ่งชิงซวนได้เห็นเช่นนั้นนางก็แทบควบคุมตัวเองไม่ได้อีกครั้ง
แต่พริบตาต่อมานางกลับต้องอ้าปากค้าง
การผสานแก่นเลือดนั้นมันเป็นการล้างเลือดชุดเก่าและสร้างเลือดชุดใหม่ขึ้นมา
มันเป็นสิ่งที่อันตรายและเจ็บปวดอย่างสาหัส
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแก่นเลือดหงส์แดงด้วยแล้ว
เพราะว่าพวกเขานั้นเป็นเผ่าที่อยู่บนเส้นความเป็นความตาย และการผสานเข้ากับร่างนั้น…
มันย่อมจะทำให้ผู้ผสานเผชิญหน้ากับความตายหรือไม่ก็สร้างความเจ็บปวดที่มหาศาลจนแทบให้หลายคนคิดอยากตายลงไปให้พ้นๆ!
แต่เย่หยวนนั้นกลับอยู่รอดปลอดภัยไม่เปลี่ยนแม้แต่สีหน้า
ราวกับว่าเขานั้น…แค่กำลังสัมผัสดูว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน
สิบห้านาทีผ่านไปในที่สุดเย่หยวนก็ค่อยๆ ลุกขึ้นพร้อมด้วยพลังสายเลือดหงส์แดงที่ปะทุขึ้นจากร่าง
เฟิ่งชิงซวนนั้นได้แต่ต้องอ้าปากค้างเหมือนถูกสายฟ้าผ่าลงกลางหัว “นี่มัน…เขาทำสำเร็จแล้ว? นี่แก่นเลือดของข้ามันเป็นถึงระดับสวรรค์แห้งเชียวนะ!”
ตอนนี้นางรู้สึกเหมือนตัวเองพ่ายแพ้ขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
นางนั้นเริ่มสงสัยขึ้นมาว่าหรือแท้จริงแล้วสายเลือดของนางมันจะอ่อนแอเป็นแค่ขยะ?
ทำไมเย่หยวนถึงได้ผสานมันได้ง่ายดายปานนั้น?
นางจะรู้ได้อย่างไรว่าแท้จริงแล้วเย่หยวนนั้นมีคลื่นกำเนิดเลือดอยู่ในตัว
ดังนั้นการผสานแก่นเลือดใดๆ มันก็ง่ายเหมือนแค่พลิกฝ่ามือ
หากไม่ได้คลื่นกำเนิดเลือดแล้วเย่หยวนเองก็คงไม่สามารถทำมันได้ง่ายดายเช่นนี้
แต่ว่าคลื่นกำเนิดเลือดโกลาหลนั้นมันเป็นต้นกำเนิดของทุกสายเลือดในโลกหล้า
ไม่ว่าจะเป็นสายเลือดเผ่าใดมันก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากคลื่นกำเนิดนี้ไป
เลือดของเผ่าต่างๆ บนสวรรค์นั้นมันมีจุดกำเนิดเดียวกัน!
ภายใต้การควบคุมของคลื่นกำเนิดเลือดนั้นเย่หยวนย่อมจะไม่พบเจอความยากลำบากใดๆ ในการหลอมแก่นเลือดหงส์แดงมากมายและไม่ต้องเผชิญหน้าความอันตรายใดๆ ด้วย
“โฮ้ก!”
พร้อมๆ กันนั้นมันก็มีเสียงคำรามดังขึ้นมาพร้อมด้วยพลังของสายเลือดมังกรฟ้าที่ปรากฏขึ้นบนร่างของเย่หยวน!
สองคลื่นพลังรุนแรงนั้นมันปะทุขึ้นมาจากร่างของเย่หยวนพร้อมๆ กัน!
เงาของมังกรฟ้าและหงส์แดงนั้นมันปรากฏขึ้นที่ด้านหลังเย่หยวน
มังกรฟ้าและหงส์แดงนั้นประชันพลังกันจนทำให้เกิดภาพที่ราวกับหลุดออกมาจากนิยาย
ในตอนนี้เย่หยวนเองก็บรรลุอาณาจักรบ่มเพาะขึ้นไปจนถึงมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นกลางในทันที!
แน่นอนว่าเต๋าทุกข์มันก็ย่อมจะปรากฏขึ้นมาด้วย!
แต่สภาพของเย่หยวนในตอนนี้มันทรงพลังอย่างถึงที่สุด กำลังของเขานั้นเรียกได้ว่าน่ากลัวทีเดียว
แม้ว่าเต๋าทุกข์ของผู้บ่มเพาะนอกรีตมันจะทรงพลังแต่มันก็ไม่อาจทำอันตรายใดๆ กับเขาได้แล้ว
ตอนนี้เย่หยวนพัฒนาขึ้นและพัฒนาขึ้นจนเกินกว่าที่พลังของเต๋าทุกข์ทัณฑ์สวรรค์มันจะทำอะไรเขาได้
ตอนนี้เต๋าทุกข์ทัณฑ์สวรรค์มันจึงไม่เป็นสิ่งที่อันตรายใดๆ ต่อหน้าเย่หยวนอีก
เฟิ่งชิงซวนนั้นแทบจะกระโดดออกมาจากกองไฟเสียให้ได้ในตอนนี้
‘เจ้าเด็กนี่มันมาจากที่ไหนกัน?’
เขานั้นเป็นผู้บ่มเพาะนอกรีต!
แต่ว่าพลังของผู้บ่มเพาะนอกรีตคนนี้มันกลับเอาชนะเต๋าทุกข์ทัณฑ์สวรรค์ไปขาดลอย!
นี่มันจะยังเรียกว่าเป็นผู้บ่มเพาะนอกรีตได้อีกหรือ?
ผู้บ่มเพาะนอกรีตนั้นปกติก็แข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว
แต่ว่าเจ้าเด็กคนนี้มันกลับยิ่งเก่งกาจกว่าผู้บ่มเพาะนอกรีตใดๆ!
‘บางที…มันอาจจะทำได้จริงๆ?’
ความคิดสุดท้ายของเฟิ่งชิงซวนนั้นค่อยๆ จางหายไปเข้าสู่ห้วงแห่งการจุติอย่างสมบูรณ์
…
เวลานี้เงาร่างกว่าสิบเงานั้นได้พุ่งเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว
คนที่นำหน้ามานั้นเป็นสาวงามอย่างมากแต่ว่าหว่างคิ้วของนางกลับขมวดแน่นแสดงถึงความโหดร้ายเลือดเย็นทำให้ความงามของนางนั้นตกลงไปอย่างมากนัก
นางคนนี้มีคลื่นพลังที่รุนแรงสะท้านฟ้า นางเป็นถึงมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นสุด!
ที่สำคัญไปกว่านั้นสายเลือดของนางนั้นยังอยู่ถึงระดับขยายปฐพี!
ดูท่าแล้วคงเป็นศิษย์ระดับสูงของเผ่าหงส์แดง
สายเลือดที่พัฒนาขึ้นมาถึงระดับขยายปฐพีนี้มันย่อมจะมิใช่แค่คนธรรมดาทั่วไปอีก
นี่คือต้นอ่อนของเจ้าโลกอย่างไม่ต้องสงสัย!
แต่แน่นอนว่ามันแค่มีโอกาสบรรลุได้เท่านั้น
เฟิ่งจิ่วเกอมองหน้าเย่หยวนด้วยความเย็นเยือกล้ำ “ไอ้หนู ข้าจะให้โอกาสเจ้า คุกเข่าลงต่อหน้าข้า
แล้วกราบขอโทษ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าให้!”
เฟิ่งจิ่วเกอนั้นเชิดหน้าสูงพร้อมเหลือบตาลงมองเย่หยวนเหมือนเขาเป็นแค่ก้อนฝุ่น
เย่หยวนไม่คิดสนใจคำพูดของนางและหันไปมองชายหนุ่มหน้าหล่อที่ตามหลังมา “เมื่อกี้ข้าก็ไว้ชีวิตเจ้าให้แล้ว แต่เจ้ากลับไม่คิดรับความเมตตาไว้และกลับมารนหาที่ตาย?”
ชายหนุ่มหน้าหล่อนั้นยิ้มตอบกลับไป “กลับมาหาที่ตาย? ฮ่าๆๆ เจ้าคงไม่รู้เลยสิว่าท่านจิ่วเกอนั้นคือใคร?
ในหมู่หงส์แดงรุ่นใหม่นั้นท่านจิ่วเกอมีฝีมือติดห้าอันดับแรก! ไอ้หนู เจ้าคิดท้าทายเผ่าหงส์แดงเรา เตรียมตัวตายได้เลย!”
หากให้พูดตามตรงแล้ว…
เขาเองก็ตกตะลึงที่เย่หยวนบรรลุมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นกลางขึ้นมาในเวลาไม่กี่ชั่วโมงเช่นนี้
แต่พอคิดว่าตัวเองได้มากับท่านจิ่วเกอ เขาก็หมดกังวลใดๆ
มีหรือที่มหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นกลางคนหนึ่งจะต่อต้านนางได้?
ข้างกายเฟิ่งจิ่วเกอนั้นมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นปลายคนหนึ่งก็ได้กล่าวขึ้น “ไอ้หนู ท่านจิ่วเกอนั้นสั่งให้เจ้าคุกเข่า เจ้าไม่ได้ยินหรือ?”
เย่หยวนถอนหายใจยาวออกมา “เย่ผู้นี้แค่ทำตามที่ได้สัญญากับผู้คนไว้ พวกเจ้า…อย่าได้บังคับข้าเลย!”
เฟิ่งจิ่วเกอกล่าวขึ้นด้วยใบหน้าเย็นเยือก “ดูท่าเจ้าจะคิดว่าคำพูดของข้าผู้นี้มันเป็นแค่ลมตดแล้ว! เฟิ่งหนิง หักแขนขามันแล้วจับหัวมันกดลงคุกเข่าเสีย! กล้ามาปกป้องนังมารนั้นไว้ มันย่อมจะไม่ได้ตายง่ายๆ แน่!”
เฟิ่งหนิงนั้นคือมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นปลายที่กล่าวขึ้นแทรกก่อนหน้า
นี่คือคนคุ้มกันของนาง ตัวนางผู้นี้เองก็มีฝีมือที่เหนือล้ำเก่งกาจว่าชายหนุ่มหน้าหล่อคนนั้นไปมาก
“รับทราบ!”
เฟิ่งหนิงนั้นหัวเราะลั่นก่อนจะโจมตีออกมา
“หมัดหงส์เพลิงสวรรค์สังหารเทพ!”
หมัดนั้นต่อยออกมาพร้อมด้วยพลังของหงส์แดงเพลิงที่ปิดท้องฟ้าเหมือนเป็นดวงตะวันที่สอง
เย่หยวนนั้นช่างดูไร้พลังต่อหน้าหมัดนี้
เย่หยวนไม่คิดขยับตัวและยกมือขึ้นมาพร้อมจ้องมองหมัดนี้อย่างสนใจ ปล่อยพลังสายเลือดในร่างออกมาสู้
เมื่อเฟิ่งจิ่วเกอได้เห็นเช่นนั้นนางก็ต้องเบิกตากว้างขึ้น “เจ้ามนุษย์ชั้นต่ำกลับกล้ามาผสานกับสายเลือดหงส์แดง! ตาย! แล้วนังมารนั่นมันก็กลับคิดมอบเลือดให้มนุษย์อย่างไม่ได้รับอนุญาตจากเผ่า! เรื่องนี้ไม่ว่าจะทำอย่างไรมันก็คงไม่มีทางล้างความผิดได้แน่แล้ว!”
ตูม!
หมัดนั้นต่อยเข้ามาตัวเย่หยวนก็ยกมือขึ้นหมุนรับไว้
เงาของหงส์แดงนั้นจางหายลงไปทันที
หมัดที่ร้อนแรงนั้นมันกลับถูกเย่หยวนรับไว้อย่างง่ายดาย
…………………………