Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 3058 ผู้ชนะ!
“ดูแล้วเจ้าโลกห้วนต้วนเจ้าโกลาหลเองก็คงตายที่นี่แล้ว? เช่นนั้นข้าจะหาเขาแดนอนันต์ชิ้นอื่นเจออีกหรือไม่?”
เย่หยวนนั้นยังคงติดใจสงสัยเรื่องเขาแดนอนันต์อยู่ไม่น้อย
เพราะว่านี่มันคือสมบัติโกลาหลสวรรค์ที่เจ้าโลกห้วนต้วนนั้นทุ่มแรงกายแรงใจทั้งหมดสร้างขึ้นมา
แต่ละชิ้นนั้นมันล้วนแล้วแต่เป็นสมบัติล้ำค่า
หากสามารถรวมพวกมันทั้งเจ็ดชิ้นเข้าด้วยกันได้พลังของมันคงเหนือล้ำเกินจินตนาการ!
นอกจากนั้นแล้วสมบัติชิ้นนี้มันยังเหมาะกับตัวเย่หยวนอย่างมาก
เพราะวรยุทธบ่มเพาะของเจ้าโลกห้วนต้วนนั้นมันกลับด้าน แน่นอนว่าการหลอมสร้างสมบัตินี้มันก็ถูกทำอย่างกลับด้านเช่นกัน
เย่หยวนจึงได้แต่คิดว่าหากเขาสามารถแก้ไขมันได้ด้วยพลังโกลาหลของคงคานิรันดร์แล้วมันจะทรงพลังขึ้นไปแค่ไหน?
เพราะเขาแดนอนันต์ที่ได้มาก่อนหน้าทั้งสองชิ้นนั้นล้วนถูกเย่หยวนหลอมใหม่ในคงคานิรันดร์ไปแล้ว
ตอนนี้เขาแดนอนันต์ทั้งสองชิ้นนั้นมันผสานเข้าด้วยกันจนถึงระดับของสมบัติยอดหมอกระดับสามไปแล้ว
ได้ชิ้นที่สามนี้มามันย่อมจะไม่เป็นเรื่องยากเกินไปที่จะพัฒนามันให้ถึงระดับสี่ไป
หลังเดินไปได้อีกไม่นานคนทั้งหลายก็มาพบเข้ากับกองสมบัติที่วางเรียงรายอยู่เจ็ดถึงแปดชิ้น!
“นั่นมัน…ดาบธาตุโกลาหลวิญญาณฟ้า?”
“นั่นมันกระซิบเมฆา! นี่มันคือสมบัติประจำตัวของเจ้าโลกยูยังที่ว่ากันว่าทรงพลังอย่างมาก!”
“ของดีทั้งนั้น! ของดีจริงๆ! แค่นับสมบัติโกลาหลสวรรค์ระดับกลางนั้นมันก็มีสองชิ้นแล้ว! หยุนเซียงเราต้องฝากเจ้าด้วย!”
…
เจ้าโลกทั้งเจ็ดนั้นต่างยิ้มกว้างขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น แม้ว่าสมบัติทั้งหลายนั้นมันจะไม่ได้มีมากมายแต่ว่าคุณภาพของมันนั้นกลับสูงล้ำ!
จะยังมีใครบ้างที่ยืนนิ่งเฉยได้ต่อหน้าสมบัติเช่นนี้?
หยุนเซียงนั้นกล่าวขึ้นมาอย่างมั่นใจ “วางใจเถอะ ข้านั้นศึกษาเต๋าค่ายกลมาชั่วชีวิต ค่ายกลที่ข้าเคยได้เห็นนั้นมันมีมากกว่าจำนวนเม็ดข้าวที่ไอ้เด็กนี่เคยกินมาทั้งชีวิตเสียด้วยซ้ำ มีหรือที่ข้าจะยังพ่ายให้มัน?”
เย่หยวนยิ้มกล่าวขึ้น “อย่าเพิ่งอวดอ้างตัวให้มากจะดีกว่า เดี๋ยวถูกตบแล้วจะเสียหน้าหนักเอาเปล่าๆ”
หยุนเซียงหันกลับมาตวาดทันที “แค่ด้วยฝีมืออย่างเจ้านี้? ไอ้หนู เจ้าคิดหาทางเอาตัวรอดหลังจากที่ข้าเข้าใจสวรรค์แล้วจะดีกว่า!”
เย่หยวนยิ้มและไม่คิดตอบใดๆ กลับไป
หยุนเซียงกล่าวขึ้น “พวกเจ้าทั้งหลายต้องพยายามให้มาก! ไม่เช่นนั้นแล้วก็อย่าได้หวังจะหนีรอดออกไปจากมหาค่ายกลนี้ได้เลย! เริ่มเถอะ!”
จางเหอชินและเจ้าโลกคนอื่นๆ นั้นเริ่มเข้าประจำตำแหน่งภายใต้คำสั่งของหยุนเซียงและพุ่งตัวเข้าไปหาสมบัตินั้นพร้อมๆ กัน
ตูม!
ตูม!
ตูม!
เสียงระเบิดดังลั่นขึ้นมาแทบพร้อมๆ กันส่งร่างของคนทั้งหกนั้นให้ลอยลิ่วกลับออกมาทันที
นี่มันคือการหาเรื่องเจ็บตัวอย่างไม่ต้องสงสัย
หากจะถามว่าค่ายกลนี้มันทรงพลังมากมายไหม?
คำตอบก็คงไม่มาก แต่หากจะบอกว่ามันไร้พลังก็คงมิใช่เช่นกัน
เพราะคนทั้งหลายนั้นต่างถูกซัดออกมาด้วยเลือดอาบหน้าแขนขาหักไปตามๆ กัน
พวกเขานั้นมีแต่ต้องยอมเจ็บตัวเช่นนี้
ทำไมถึงไม่ใช้คนอื่นเข้าไปแทน?
เพราะว่ามีพลังไม่ถึงระดับเจ้าโลกแล้วพวกเขาทั้งหลายย่อมจะไปไม่ถึงค่ายกลใดๆ มีแต่เข้าไปตายเปล่าๆ อย่างไม่มีค่า
เพราะฉะนั้นเจ้าโลกเฒ่าทั้งหลายจึงต้องลงมือเอง
“ฉิบหาย พ่อเจ้าอยู่มาจนป่านนี้แล้วก็เพิ่งเคยถูกคนปั่นหัวได้ขนาดนี้เป็นครั้งแรก! หยุนเซียง หากเจ้าแพ้ไอ้เด็กนั่นแล้วอย่าได้หาว่าข้าไม่มีมารยาทเลยแล้วกัน!” เจ้าโลกคนหนึ่งร้องลั่นขึ้นมา
“ข้ารู้ว่าในหมู่พวกเจ้ามันคงมีเจ้าโลกเฒ่าหลบซ่อนอีกไม่น้อย หากเจ้ามีปัญญาจริงก็อย่าได้ออกมาจนกว่าจะจบเรื่องแล้วกัน! เฮอะ!”
เจ้าโลกทั้งหกนั้นต่างรู้สึกคับแค้นอับอายใจ แต่มันก็โทษใครไม่ได้เพราะว่าพวกเขานั้นรีบปรากฏตัวออกมาเอง
เจ้าโลกแต่ละคนนั้นล้วนแต่เป็นยอดฝีมือ หากพวกเขาคิดจะซ่อนตัวในหมู่คนนับหมื่นๆ นี้แล้วมันย่อมจะไม่มีทางตรวจสอบหาได้ง่ายๆ
แต่ที่แน่ๆ คือมันไม่ได้มีเจ้าโลกมาแค่เจ็ดคนนี้แน่
หยุนเซียงและเย่หยวนนั้นจ้องมองดูค่ายกลไปอย่างไม่วางตาเพื่อสัมผัสถึงทุกความเคลื่อนไหวของค่ายกล
มหาค่ายกลนี่มันเหมือนมีชีวิตของตัวเองแต่สมบัติทั้งหลายตรงหน้านี้มันย่อมจะไม่ได้อยู่ในห้วงมิติเดียวกับพวกเขาอย่างแน่นอน
คิดอยากจะเข้าใจค่ายกลสวรรค์มันย่อมจะต้องเริ่มจากการรู้ตำแหน่งที่แท้จริงของสมบัติก่อน
จากนั้นเย่หยวนและหยุนเซียงก็หยิบเอาไม้ขึ้นมาวางบนพื้นเป็นร่างค่ายกลด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
ดูแล้วค่ายกลที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานี้มันคงจะยากยิ่งกว่าค่ายกลก่อนหน้านี้มาก
เพราะก่อนหน้านี้เย่หยวนแค่นั่งคิด ไม่ต้องวาดเขียนอะไรออกมา
เมื่อคนทั้งหลายได้เห็นเช่นนั้นพวกเขาก็ต้องร้องแตกตื่นกันขึ้นมา
“พวกเจ้าดูสิ เจ้าโลกหยุนเซียงและเย่หยวนนั้นต่างวาดเก้าสัญลักษณ์ออกมา แต่ละสัญลักษณ์นั้นมันแทนที่ถึงส่วนประกอบค่ายกลพื้นฐาน หรือจะบอกว่าค่ายกลที่ถูกขนานนามว่ายิ่งใหญ่ที่สุดบนสวรรค์นั้นกลับประกอบขึ้นมาจากเก้าส่วนพื้นฐานนี้เช่นกัน? นี่มัน…จะเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!”
เหล่ายอดฝีมือคลื่นกำเนิดเต๋าค่ายกลต่างเริ่มอธิบายความเข้าใจของตัวเองออกมาเมื่อได้เห็นสิ่งที่คนทั้งสองวาด
เมื่อคนอื่นๆ ได้ยินพวกเขาก็ต้องอ้าปากค้างไป
เพราะค่ายกลนั้นมันมีหลายสำนักวิชาและมันย่อมจะมีหลากหลายรูปแบบส่วนประกอบพิเศษ
แต่ว่าเก้าต่อเก้า แปดสิบเอ็ดรูปแบบนี้มันคือส่วนประกอบพื้นฐานที่ทุกสำนักวิชาต่างรู้ถึงมันดี
ค่ายกลระดับสูงหลายๆ ค่ายกลมันก็สร้างขึ้นมาจากส่วนประกอบทั้งแปดสิบเอ็ดนี้ จนลึกลับซ้ำซ้อนเกินกว่าจะเข้าใจ
ยิ่งใช้ส่วนประกอบที่ลึกล้ำซ้ำซ้อนเท่าไหร่ ยิ่งมีขนานใหญ่แค่ไหนมันก็ยิ่งจะสร้างมหาค่ายกลที่ทรงพลังได้เท่านั้น
แต่พวกเขาเองก็ไม่มีใครคิดฝันว่าค่ายกลที่ทรงพลังอันดับหนึ่งนี้มันกลับจะสร้างขึ้นมาจากส่วนประกอบพื้นฐาน!
“อ่าว ทำไมเย่หยวนถึงหยุดมือเล่า?”
“เจ้าโลกหยุนเซียงนั้นยังไม่หยุดมือลงเลย ดูท่านางจะเข้าใจได้มากกว่าเย่หยวนแล้ว!”
“ก็ไม่แปลก มีหรือที่มหาจักรพรรดิไร้สุดสวรรค์มันจะมีความรู้เทียบเท่าเจ้าโลกได้? เย่หยวนเจ้าบ้านี่มันหาเรื่องตายจริงๆ!”
…
ตอนนี้หยุนเซียงเองก็หยุดมือและเงยหน้าขึ้นมาบอกเจ้าโลกทั้งหกที่เหลือ “พวกเจ้าบุกเข้าไปอีกครั้ง!”
คนทั้งหกนั้นต้องกัดฟันแน่นขึ้นมาแทบต้องกระอักเลือด
เพราะเรื่องนี้มันไม่มีความสนุกใดๆ!
แต่ได้เห็นว่าหยุนเซียงกำลังได้เปรียบเช่นนั้นคนทั้งหกก็ย่อมจะยอมกัดฟันบุกเข้าค่ายกลไป
ผลลัพธ์มันย่อมจะแสนน่าสมเพช
เจ้าโลกทั้งหกนั้นกลับออกมาด้วยร่างกายที่เปื้อนเลือดอีกครั้ง
“ข้าคงต้องขอรบกวนผู้อาวุโสทั้งหลายเข้าไปอีกครั้ง” แต่ยังเดินกลับมาไม่ทันถึงเย่หยวนก็กล่าวขึ้นมาขัดก่อน
จางเหอชินที่ได้ยินก็ต้องร้องด่ากลับไป “ไอ้เด็กเวรนี่ เจ้าคิดจะล้อพวกเราเล่น? เจ้าไม่เห็นผลลัพธ์ที่พวกเราบุกเข้าไปหรือ?”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “ข้าเห็นมันแน่นอน แต่ยังมีอีกหลายจุดที่มันไม่ชัดเจน ข้าต้องขอรบกวนพวกท่านทั้งหลายแล้ว!”
“พ่อเจ้าไม่เข้าไปแล้ว!” จางเหอชินร้องตอบกลับไป
เย่หยวนที่ได้ยินก็ต้องยิ้มขึ้น “เช่นนั้นก็ได้ แต่หากเจ้าโลกหยุนเซียงพลาดลงแล้วก็อย่าได้บอกให้ข้ามาแก้ค่ายกลนี้อีกแล้วกัน อย่างมากก็แค่นอนตายไปด้วยกันที่นี่เสีย แลกกับชีวิตเจ้าโลกเจ็ดคนข้าว่าข้าเองก็…ไม่สิ มันน่าจะมีเจ้าโลกอีกอย่างน้อยๆ สักยี่สิบคนได้หรืออาจจะมากกว่านั้น! ยอดฝีมือมากมายขนาดนี้ตกตาย แลกกับชีวิตน้อยๆ ของข้ามันย่อมจะไม่ถือเป็นการเสียเกียรติใดๆ ของข้าแล้ว!”
จางเหอชินกัดฟันแน่นร้องขึ้น “จำไว้เถอะไอ้เด็กเวร! ไปกัน!”
ตอนนี้มันมีแค่เย่หยวนและหยุนเซียงสองคนเท่านั้นที่พอมีพลังคลี่คลายทำความเข้าใจค่ายกลสวรรค์
หากพวกเขาสร้างเรื่องบาดหมางกับเย่หยวนไว้แล้วเกิดหยุนเซียงพลาดขึ้นมา มันคงจะได้ตายกันสิ้นเสียจริงๆ
เจ้าโลกทั้งหกนั้นเข้าไปโจมตีค่ายกลตรงหน้าอีกครั้งตามจุดที่เย่หยวนสั่ง
‘น่าเจ็บแค้นใจเสียจริง!’
จากนั้นหยุนเซียงและเย่หยวนก็ใช้งานเจ้าโลกทั้งหกนั้นเหมือนเป็นวัวถึกพุ่งเข้าชนค่ายกลครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่ว่าพลังของเจ้าโลกหกคนนั้นมันก็เหนือล้ำจริงๆ การลงมือของพวกเขาพร้อมๆ กันนี้ทำให้การศึกษาค่ายกลเป็นไปได้อย่างรวดเร็วขึ้นมาก
สามเดือนต่อมาหยุนเซียงก็วางกิ่งไม้ลงและเดินเข้าไปในค่ายกลด้วยตัวเอง
คนทั้งหลายที่ได้เห็นนั้นต้องเบิกตากว้าง!
“มาแล้ว! มาจนได้! แน่ล่ะว่าสุดท้ายคนชนะก็เป็นเจ้าโลกอยู่ดี!”
“เจ้าโลกหยุนเซียงนั้นคลี่คลายมันได้ก่อน! เย่หยวนคงได้เจอหายนะแน่แล้ว!”
“ฮ่าๆๆ เย่หยวนเจ้ามันไม่มีค่าอะไรแล้ว! ครั้งนี้ข้าอยากจะเห็นนักว่าเจ้าจะยังไม่ตายได้อย่างไร!” คงถานกล่าวขึ้นมาเย้ย
…
เย่หยวนไม่คิดสนใจและยังนั่งวาดเขียนพื้นต่อไป
แต่ตอนนี้มันไม่มีใครสนใจเขาแล้ว
สายตาทุกคู่นั้นต่างหันไปมองที่เจ้าโลกหยุนเซียงกันสิ้น