Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 3090 ปั่นหัวเล่น!
ตอนที่ 3090 ปั่นหัวเล่น!
เขาน้อยเจ็ดลูกนั้นมันกำลังหมุนวนอยู่รอบกายเย่หยวนด้วยคลื่นพลังที่ทำให้คนทั้งหลายไม่อาจจะกล้าเข้าใกล้ ดูอย่างไรมันก็ย่อมจะมิใช่แค่สมบัติธรรมดาๆ
เพียงแค่ว่ากำลังของเย่หยวนอ่อนแอเกินไป เขาจึงดึงพลังของสมบัติโกลาหลสวรรค์ออกมาใช้ได้เพียงเสี้ยวหนึ่ง
ไม่เช่นนั้นแล้วแค่สังหารเจ้าโลกตรงหน้ามันคงง่ายเสียยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ!
สมบัติระดับนี้ต่อให้จะเป็นใครก็คงอยากได้มันไปครอง
“สมบัติมันอยู่ตรงนี้แล้ว เจ้ามีปัญญาก็เข้ามาเอาไปสิ!” เย่หยวนตอบเย้ยกลับไป
แม้ว่าเขานั้นจะบาดเจ็บอย่างหนักหน่วงแต่เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีอ่อนแอออกมาแม้แต่น้อย
เหมิงจินนั้นตอบกลับไปอย่างดูถูก “หากข้านั้นอยากจะสังหารเจ้าจริงๆ แล้วเจ้าคิดว่าตัวเองจะยังรอด? รอก่อนเถอะ ข้าจะเข้าไปเอาสมบัติมาแล้ว!”
พูดไปนั้นเหมิงจินก็พุ่งตัวหายไป
ความเร็วของเจ้าโลกนั้นมันเร็วแค่ไหน?
พริบตาเดียวกันนั้นเขาก็มาอยู่ตรงหน้าเย่หยวนแล้ว
ฝ่ามือผีดูดเลือดกลืนหทัย!
ฝ่ามือนั้นมันซัดเข้ากลางหน้าอกของเย่หยวน
เหมิงจินยิ้มเย้ยขึ้นที่มุมปาก
ดูอย่างไรเย่หยวนก็ไม่อาจจะหลบมันได้พ้นแล้ว!
“ระวัง!” แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเองที่เสียงของฉือชางมันดังขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตกตะลึง
เหมิงจินที่ได้ยินนั้นต้องหน้าเปลี่ยนสีไปพร้อมขนลุกตั้งทั้งกายก่อนจะพุ่งตัวออกไปด้านหน้าอย่างไม่คิดรอช้า
ตูม!
เขายักษ์ใหญ่นั้นกระแทกลงใส่จุดที่เขายืนอยู่!
เหมิงจินนั้นสั่นสะท้านไปทั้งใจได้แต่คิดกับตัวเองว่าเจ้าเด็กบ้านี่มันเร็วขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใด?
เพราะสิ่งที่เขาซัดฝ่ามือใส่นั้นมันเป็นแค่เงาติดตาของเย่หยวน!
นั่นมันหมายความว่าอะไร?
มันหมายความว่าเย่หยวนเร็วจนสายตาของเขาตามไม่ทัน!
แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร?
เพราะก่อนหน้านี้มันเป็นตัวเย่หยวนเองที่มองตามเงาของเขาไม่ทัน
พริบตาต่อมาเย่หยวนกลับเอาชนะความเร็วของเขาไปได้สิ้นเชิง?
นี่มันจะเปลี่ยนแปลงเร็วเกินไปหรือไม่?
เย่หยวนลอยตัวอยู่บนฟ้าไม่ไกลจากจุดที่เขาหนี “เจ้าจะมาเอาสมบัติมิใช่หรือ? ทำไมถึงหนีออกไปจากสมบัติเสียเล่า?”
เหมิงจินได้แต่ต้องหันหน้าดำมืดกลับมามอง “ไอ้หนู เจ้าซ่อนฝีมือไว้?”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ข้าก็แค่ปั่นหัวเจ้าเล่นเท่านั้น เจ็ดวันนี้มันก็นาน จะให้น่าเบื่อไปมันก็คงไม่ได้มิใช่หรือ? ตอนนี้คงจุกอกเลยสิ? เพราะเจ้ากลับไม่มีปัญญาตามทันมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์อย่างข้า?”
เมื่อเย่หยวนกล่าวเช่นนี้ขึ้นมาเหมิงจินก็ยิ่งมั่นใจว่าเย่หยวนนั้นซ่อนฝีมือไว้ตั้งแต่ต้นจนรู้สึกจุกขึ้นที่กลางอกจริงๆ
เขานั้นคิดว่าตัวเองนั้นหยอกเย่หยวนเล่น ไปๆ มาๆ มันกลับกลายเป็นเขาที่ถูกปั่นหัวแทน
ที่สำคัญกว่านั้นคือเขาเป็นเจ้าโลก!
เมื่อฉือชางเห็นหน้าเหมิงจินนั้นเขาก็แทบอยากจะพุ่งตัวไปตบหัวอีกฝ่ายให้จมดิน
เขาหัวเราะขึ้นร้อง “ไอ้โง่! เจ้าก็เชื่อที่มันพูด? มันเพิ่งจะพัฒนาขึ้นมาได้ชัดๆ นั่นคือเหตุผลที่ความเร็วของมันพุ่งทะยานขึ้นมา!”
ฉือชางนั้นเสียใจขึ้นมาที่ไม่คิดปิดฉากเสียแต่แรก!
เขาประมาทเจ้าเด็กคนนี้มากเกินไป มีหรือที่เด็กน้อยที่แม้แต่บรรพบุรุษท่านยังเสียท่าให้จะเป็นเด็กโง่ๆ คนหนึ่ง?
เพียงแค่ว่าตัวเขาเองก็ไม่คิดฝันว่าเย่หยวนกลับจะมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์และทำความเข้าใจที่บ้าบอขนาดนี้ ภายใต้สถานการณ์แห่งความเป็นความตายนั้นเขากลับสามารถจะเพิ่มความเร็วของตัวเองขึ้นมาได้!
แล้วก็เจ้าเหมิงจินโง่นี่อีกคน มันกลับเชื่อว่าเย่หยวนซ่อนฝีมือไว้จริงๆ
น่าขัน!
เหมิงจินนั้นผงะไปเมื่อได้ยินและได้สติขึ้น แต่ยิ่งรู้เช่นนั้นเขาก็ยิ่งอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
ที่แท้แล้วเขากลับถูกปั่นหัวเหมือนเป็นคนโง่!
นอกจากนั้นแล้วเขายังโง่ไปเชื่อจริงๆ!
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ข้าก็บอกแล้วว่าเจ้าจะได้เสียใจ! บรรพบุรุษพวกเจ้าไม่ได้บอกมาหรือว่าข้านั้นก็มีคลื่นกำเนิดเลือดเช่นกัน? นอกจากนั้นมันยังเป็นคลื่นกำเนิดเลือดที่บริสุทธิ์ที่สุด! แม้ว่ามหาค่ายกลโลหิตเมฆานี้มันจะเป็น ดินแดนแห่งเลือดทำให้ข้าไม่อาจจะแก้ไขมันได้ง่ายๆ แต่มันก็ไม่ได้ยากเย็นนักหากข้าคิดจะใช้คลื่นกำเนิดเลือดพร้อมๆ กับคลื่นกำเนิดห้วงมิติ!”
คนทั้งสามนั้นหน้าเปลี่ยนสีไปทันที!
พวกเขานั้นไม่รู้จริงๆ!
มีหรือที่ศิลาโลหิตโกลาหลนั้นจะไปบอกลูกน้องถึงเรื่องน่าอายเช่นนั้น?
ภายในมหาค่ายกลโลหิตเมฆานั้นมันคือดินแดนของคลื่นกำเนิดเลือดที่แสนบริสุทธิ์จากตัวศิลาโลหิตโกลาหลเอง มันย่อมจะทรงพลังอย่างมากจนแม้แต่ยอดฝีมือล้ำสวรรค์ทั้งหลายก็ไม่อาจจะทะลวงมันออกไป
แต่ว่าเย่หยวนนั้นมีคลื่นกำเนิดเลือดในระดับเดียวกันนั้น
มหาค่ายกลโลหิตเมฆานี้หากให้พูดง่ายๆ แล้วมันก็คือค่ายกลที่แยกห้วงมิติ
เพียงแค่ว่าห้วงมิตินี้มันลึกลับซับซ้อนไปด้วยพลังแห่งเลือดทำให้เย่หยวนยังไม่อาจจะหาทางคลายมันออกได้ในเวลาสั้นๆ
แต่ด้วยความเข้าใจต่อห้วงมิติของเย่หยวนในเวลานี้ การผสานพลังของคลื่นกำเนิดเลือดและคลื่นกำเนิดห้วงมิติออกมาใช้งานนั้นมันย่อมจะไม่ยากเกินไป
มันไม่มีอะไรยากเย็น ตราบเท่าที่เขาสามารถใช้วิชาห้วงมิติออกมาในมหาค่ายกลโลหิตเมฆานี้ได้ เขาก็คงไม่ตายง่ายๆ แล้ว!
เขานั้นแค่ต้องการเวลาเล็กน้อยเพื่อหาช่องทางในการใช้มันออกมา
เดิมทีแล้วด้วยการที่สามคนร่วมมือกันมาสังหารเขา มันย่อมจะแทบไม่มีเวลาให้เขาได้ศึกษามหาค่ายกลโลหิตเมฆาใดๆ
แต่ตอนนี้เขามีกำลังพอที่จะตอบโต้กลับแล้ว!
เย่หยวนนั้นหยิบเอาโอสถสวรรค์ขึ้นมากินทำให้อาการบาดเจ็บนั้นฟื้นฟูขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ฉือชางนั้นหน้าเปลี่ยนสีร้องขึ้น “เลิกเล่นได้แล้ว โจมตีมันพร้อมกันแล้วสังหารมันลงเสีย! ความเร็วของมันนั้นน่ากลัว ข้าจะเป็นคนปิดทางมันให้เอง พวกเจ้ารอโอกาสที่จะเข้าโจมตี อย่าให้มันได้มีโอกาสทำอะไรไปมากกว่านี้! ครั้งนี้เราต้องสังหารมันลงให้ได้!”
เยียวเลอและเหมิงจินทั้งสองคนนั้นพยักหน้ารับออกมาพร้อมกัน ตอนนี้พวกเขาไม่กล้าจะประมาทเย่หยวนอีกต่อไปแล้ว
ฟุบ!
ฉือชางนั้นพุ่งตัวหายออกไปด้วยความเร็วที่เหนือล้ำกว่าเหมิงจินมาก!
เย่หยวนเองก็ไม่กล้าจะประมาทและพุ่งตัวหนีหายไปเช่นกัน
คนทั้งสองนั้นใช้ความเร็วที่สูงสุดล้ำออกมาในมหาค่ายกลโลหิตเมฆา!
เยียวเลอและเหมิงจินทั้งสองคนนั้นกลับไม่อาจจะไล่ตามคนทั้งสองได้ทัน
เย่หยวนเองก็ไม่คิดว่าฉือชางคนนี้จะเร็วได้ขนาดนี้ กลับสามารถตามหลังเขามาได้ติดๆ
ฉือชางนั้นเองก็ตกตะลึงสุดหัวใจในความเร็วของเย่หยวน!
เขานั้นไม่กล้าจะชะลอตัวแม้แต่น้อยพุ่งออกไปด้วยสุดกำลังใช้การโจมตีรุนแรงปิดทางหนีของเย่หยวนเพื่อควบคุมเส้นทางและความเร็วที่เย่หยวนจะหนีได้
ส่วนเยียวเลอและเหมิงจินสองคนนั้นก็มุ่งหน้าไปอีกทางหมายปิดล้อมเย่หยวน
คนทั้งสองนั้นช้าเกินไป พวกเขานั้นช้าเกินกว่าที่จะเข้าปิดล้อมเย่หยวนได้
แต่ละครั้งที่การปิดล้อมกำลังจะก่อตัวได้เย่หยวนก็จะเหมือนปลาที่มุดผ่านแหหลุดรอดออกไปทุกครั้ง
เหมิงจินนั้นร้องลั่นขึ้นมาอย่างคับแค้นใจ “ไอ้โจรน้อย หากข้าจับเจ้าได้แล้วข้าจะต้องฉีกศพเจ้าออกเป็นชิ้นๆ!”
ฉือชางเองก็กล่าวขึ้นมาตาม “ทำเช่นนี้ต่อไปมันคงไม่ดี เจ้าเด็กนี่มันเจ้าเล่ห์เกินไป!”
เย่หยวนนั้นมีความเร็วที่น่าเหลือเชื่ออย่ามาก การโจมตีของเขานั้นไม่อาจจะขัดขวางไล่ตามเย่หยวนได้ทัน มีแต่ต้องใช้มันเพื่อเบี่ยงเส้นทางของเย่หยวนเท่านั้น
การต่อสู้เช่นนี้มันคือการแข่งขันความอดทนและไหวพริบอย่างถึงที่สุด
เขานั้นตัดเส้นทางของเย่หยวนอย่างมีเป้าหมายเพื่อให้เย่หยวนตกอยู่ในการปิดล้อม ทำให้เย่หยวนไม่อาจจะหนีไปไหนได้แม้จะเร็วแค่ไหนก็ตาม
และทุกครั้งนั้นเย่หยวนก็จะไปตามเส้นทางที่เขาวางอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
แต่สุดท้ายเขากลับใช้ความเร็วหลบรอดการปิดล้อมออกไปได้ทุกครั้ง
ในใจของฉือชางในตอนนี้มันอัดแน่นไปด้วยความคับแค้น
“ฉือชาง การโจมตีของเจ้ามันโง่เกินไป! เจ้าคิดว่าข้านั้นเป็นปลาติดแหคิดจะทำอะไรก็ได้หรือ?” เย่หยวนหัวเราะเย้ยมาจากด้านหน้า
ฉือชางนั้นคับแค้นสุดใจแต่ก็ยังตอบกลับไปด้วยเสียงเย้ยหยัน “เฮอะ ไอ้หนู มีปัญญาก็หนีไป! ต่อให้เจ้าจะหนีได้ครบระยะเวลาเจ็ดวันของมหาค่ายกลโลหิตเมฆาแล้วมันจะทำไม? เจ็ดวันจากนี้ไปสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดของเจ้านั้นมันคงกลายเป็นดินแดนของเผ่าเลือดเราแล้ว! ถึงตอนนั้นด้านนอกมันคงมีกลุ่มยอดฝีมือล้ำสวรรค์รับสิบรอรับเจ้าอยู่! ข้าอยากจะเห็นเหลือเกินว่าเจ้านั้นจะเอาอะไรมาหนีไปจากสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดได้!”
เย่หยวนนั้นสั่นสะท้านไปทั้งใจแต่ก็ยังรักษาความเร็วไว้ได้ “ฮ่าๆ คิดจะขู่ข้าหรือ? เจ้าคิดง่ายไปแล้ว!”
ฉือชางนั้นยิ้มตอบกลับไป “ท่านอี้เฉียนั้นได้พายอดฝีมือล้ำสวรรค์เก้าคนมาพร้อมกับเจ้าโลกอีกกว่าสี่ร้อยคนเพื่อบุกสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดวันนี้! เจ้าคิดว่าพวกเจ้าจะยังรอดชีวิตไปได้หรือ? หนีไปสิ แต่ตอนนี้สหายและคนรักของเจ้าทั้งหลายคงกำลังถูกฆ่าตายไปทีละคนๆ แล้ว! เมื่อครบเวลาเจ็ดวันเจ้าเองก็จะได้ตามพวกมันไป!”
เย่หยวนนั้นใจหายวาบเมื่อได้ยิน
เพราะนี่มันคงมิใช่คำขู่แล้ว!
แม้ว่ามหาค่ายกลโลหิตเมฆานี้มันจะทรงพลังแต่ด้วยกำลังของหมี่เทียนในตอนนี้ เขาคงสามารถจัดการมันได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
และเมื่อมหาค่ายกลโลหิตเมฆายังไม่พังทลายลงเช่นนี้ มันย่อมหมายความว่าสภาพของสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดนั้นมันไม่ดีแล้วจริงๆ!